Share

บทที่ 1131

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
นับได้ว่าภายในจวนป๋อผิงซียุ่งเหยิงไปหมดแล้ว

อวี้เอ๋อร์ยังเล่าได้ไม่ชัดเจนพอ ต้องรอนางจีกลับมาถามให้เข้าใจ ถึงจะรู้ว่าเรื่องนี้วุ่นวายใหญ่โตมากเพียงใด

นางลู่ตบหน้าหวังชิงหลูไปหลายครั้ง นอกจากคนไข้ในร้านขายยาเย่าหวังที่เห็น ก็ยังมีคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเข้ามาดูแวบหนึ่ง

หงเอ๋อร์ สาวใช้ข้างกายหวังชิงหลูยังบอกอีกว่า ได้ยินคนตะโกนประโยคหนึ่งท่ามกลางความวุ่นวายว่า พระชายาอยู่ด้านใน หากก่อความวุ่นวายขึ้นมาจะเป็นการเสียมารยาท

นางจีตะลึง จากนั้นก็นึกได้ว่า พระชายาท่านนี้คงจะเป็นซ่งซีซี เพราะนางมักจะไปร้านขายยาเย่าหวังบ่อยๆ

ไม่ว่าจะเป็นพระชายาพระองค์ใด เรื่องล้วนแพร่ออกไปแล้ว คราวนี้หน้าตาของจวนป๋อผิงซีไม่เหลือแล้วจริงๆ

นางจีนั่งดื่มชาที่ลานด้านนอกสักพักหนึ่ง ถึงได้เข้าไปเยี่ยมฮูหยินผู้เฒ่า

ฮูหยินผู้เฒ่าดึงมือนาง ร่ำไห้ พลางเอ่ยว่า “เจ้าว่าจะทำเช่นไรกับเรื่องนี้ดี คิดหาวิธีปกปิด หรือหาตัวนางลู่ผู้นั้นออกมา นางต้องการสิ่งใด ก็ให้สิ่งนั้น ให้นางออกหน้าชี้แจง บอกว่าทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน แบบนี้ถึงจะสงบได้”

นางจีได้ยินวาจานี้ ก็รู้ว่า แม้ว่านางจะคับแค้นใจ แต่ก็คิดหาวิธีมากมายเช่นกัน
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter
Mga Comments (1)
goodnovel comment avatar
Suchada Chuawongse
สตรีทรงเสน่ห์ไม่มีในอแปนี้ค่ะมีที่ไหนคะ
Tignan lahat ng Komento

Kaugnay na kabanata

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1132

    นางจีต้องการท่าทีเช่นนี้ของนาง แต่เมื่อบรรลุเป้าหมายขึ้นมาจริงๆ ในใจนางก็ไม่สบอารมณ์เช่นกันปกติหญิงชรานับว่ารู้เหตุรู้ผล แต่เมื่อเกี่ยวข้องกับบุตรชายและบุตรสาวของตนเอง ใจก็ลำเอียงเป็นอย่างยิ่งวาจาเฉียบขาดที่เอ่ยในยามโมโห เอ่ยแค่ประโยคเดียว ก็สงสารเสียแล้วนางจีรู้สึกเสียใจให้กับตัวเองมากกว่า เพราะเรื่องที่นางต้องเผชิญก็ปวดเศียรเวียนเกล้ามากเช่นกัน เดิมนางคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าอาจจะสามารถช่วยนางได้บ้าง แต่ดูท่าทีที่นางมีต่อหวังชิงหลูในตอนนี้ คิดดูก็รู้แล้วว่า หวังเบียวต้องการแต่งภรรยาซึ่งมีสถานะเท่าเทียม กว่าครึ่งคงให้นางอดทนไว้กับเรื่องของผู้อื่น นางล้วนรู้เหตุรู้ผล มีเพียงเรื่องของบุตรชายและบุตรสาวของตนเองที่ใจกว้างอย่างไร้ขีดจำกัดเดิมเป็นหวังชิงหลูที่โวยวายเกินไปก่อน ตัวนางเองก็บอกแล้วว่าจะไม่สนใจอีก แต่ไม่ว่าจะเอ่ยประโยคนั้นไปกี่ครั้ง สุดท้ายก็ยังต้องสนใจอยู่ดี“มีท่านแม่ตามใจเช่นนี้ ช่างดีเสียจริง”ฮูหยินผู้เฒ่ากุมมือนาง ดวงหน้าเปลี่ยนเป็นมีเมตตาและความรัก “แม่ปฏิบัติต่อพวกเจ้าอย่างเท่าเทียม ในภายหลังหากเบียวเอ๋อร์กล้ารังแกเจ้า แม่จะไม่อนุญาตให้เขาทำเช่นนั้นแน่นอน”นางจีหล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1133

    จ้านเป่ยว่างตะคอกจ้านเส้าฮวนให้ออกไป แล้วเรียกป้าซุนให้บอกข้ารับใช้ทุกคนถอยออกไป ให้บิดากับพี่ใหญ่อยู่ก็พอระยะนี้จ้านเป่ยว่างดื่มสุราหนักไปหน่อย ทั่วร่างดูแล้วสีหน้าซีดเซียว จอนผอมยาวเหมือนวัชพืชที่เติบโตขึ้นอย่างกำเริบเสิบสานหนวดเคราอาจจะเพิ่งโกนไปเมื่อสองวันก่อน ตอนนี้ยาวออกมารอบหนึ่งแล้ว สีเขียวครึ้มซึ่งล้อมรอบริมฝีปากซีดขาวหนังลอกนั้น ทำให้คนมองดูแล้วเหมือนปากสุนัขสีดำอาภรณ์ยับย่น ร่างแผ่กลิ่นสุราเป็นระลอกๆ นางจีมองเขา ก็นึกถึงตอนที่เขามาสู่ขอหวังชิงหลูเป็นภรรยา แม้ว่าจะไม่ได้มีจิตใจกระฉับกระเฉง แต่ก็เป็นบุรุษหล่อเหลาสง่างามคนหนึ่ง ตอนนี้ถึงกับมีสภาพตกอับย่ำแย่เช่นนี้เหมือนบุปผาที่เหี่ยวเฉาก่อนเวลาอันควรดอกหนึ่ง ดวงหน้าซีดเซียว เต็มไปด้วยความห่อเหี่ยวเขานิ่งเงียบ บิดาเขา จ้านจี้จึงเอ่ยก่อน “ป๋อเจวี๋ยฮูหยิน ตอนนี้ข้างนอกแพร่กระจายไปทั่วแล้ว บอกว่าตอนที่หวังชิงหลูอยู่ที่ตระกูลฝางได้ทำความผิดใหญ่หลวง ยามนี้ข่าวลือซุบซิบสับสนวุ่นวาย ไม่อาจสงบสุข แม้ว่าจวนแม่ทัพของข้าจะไม่ใช่ตระกูลสูงศักดิ์อะไร แต่ไม่อาจยอมรับสะใภ้ซึ่งเป็นสตรีที่มีศีลธรรมเสื่อมเสียเช่นนี้ได้เช่นกัน”นางจีรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1134

    หลังจากเกิดเรื่อง นางจีก็ไปพบหวังชิงหลูเป็นครั้งแรกนางนอนอยู่บนเตียงและใช้ผ้าห่มผืนบางๆ คลุมหน้า ราวกับว่าไม่อยากเจอใครเลยแม่สามีนำเก้าอี้ไม้จันทน์เข้ามา เพื่อให้นางจีนั่งข้างเตียง ขณะที่คนบนเตียงตัวสั่นเล็กน้อย“เรื่องก็มาถึงตรงนี้แล้ว เจ้าจะเอาอย่างไรต่อ” นางจีพูดตรงประเด็น “หนีไปก็ไม่มีประโยชน์ เรื่องนี้ต้องได้รับการแก้ไข ความหมายของแม่คือให้เจ้าไปขอร้องนางลู่ ให้นางชี้แจงแทน ไม่รู้ว่านางจะเห็นด้วยไหม ส่วนจ้านเป่ยว่าง วันนี้ข้าไปที่จวนแม่ทัพ เขาบอกว่าเขารู้เรื่องของเจ้ามานานแล้ว แต่เขาไม่เคยเปิดเผย เขาบอกว่าถ้าเจ้าตกลงที่จะไม่หย่า ก็จะปล่อยเรื่องนี้ผ่านไป แล้วพวกเจ้าก็จะใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุข แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขายืนกรานนั่นก็คือการร่วมทัพ”ผ้าผืนบางถูกเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่บวมแดงอย่างน่าสงสารของหวังชิงหลู ดวงตาของนางบวมเป่งราวกับลูกท้อจากการร้องไห้ รูม่านตายังคงสั่นไหวจนยากที่จะปกปิด “เขาไม่รู้ เขาจะรู้ได้อย่างไร? เขามีเงื่อนไขอะไรบ้าง?”“ข้าบอกเจ้าไปแล้ว เขาจะเข้าร่วมกองทัพ”“ไปเป็นพลทหารตัวน้อยเนี่ยน่ะ?” หวังชิงหลูน้ำตาคลอหน่วยอีกรอบ “เช่นนั้นไม่สู้ให้ข้ากลับไป

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1135

    นางจีคร้านจะพูดกับนาง “ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบ ในเมื่อเจ้ายืนกรานจะหย่า ข้าก็ไม่จำเป็นต้องไปขอร้องนางลู่”หลั่งน้ำตาหลั่งน้ำตา “พี่สะใภ้ ท่านควรไปหานาง และอธิบายให้ชัดเจนว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ตอนที่ข้าตกลงกับลู่ซื่อชิน เขายังไม่ได้แต่งงาน เรื่องนี้จะตำหนิข้าไม่ได้ อีกอย่าง ท่านกำลังช่วยหลานสาวหาครอบครัวดีๆ อยู่ไม่ใช่หรือ ถ้าหากจัดการเรื่องนี้ไม่ดี เช่นนั้นยังจะมีครอบครัวดีๆ สนใจอีกหรือ?”นางจีตาแดงก่ำเหมือนดื่มเลือด แต่ยังคงพูดอย่างสงบนิ่งว่า “ให้ตายเถอะ เจ้าบอกว่าตัวเองเกิดมาในครอบครัวที่ดี เกิดมาในจวนป๋อ แต่หลานสาวของเจ้ากลับมีชะตากรรมที่แสนอาภัพ ทั้งที่เกิดมาในจวนป๋อเหมือนกันกับเจ้า พวกนางทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องกล้ำกลืนความอยุติธรรม คิดเพื่อตัวเองน่ะไม่ผิดหรอก แต่อย่าไปทำร้ายคนอื่น”“พี่สะใภ้พูดแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือจะบีบให้ข้ากลับไปที่จวนจ้าน?”นางจีไม่อยากพูดกับนางอีกต่อไป จึงหันหลังเดินจากไป นางไม่สนใจเรื่องนี้แล้วในเมื่อหวังชิงหลูยืนกรานที่จะหย่า เช่นนั้นการไปขอร้องนางลู่จึงเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์ เรื่องสกปรกเช่นนี้ ก็คล้ายกับรอยสัก นอกจากขูดเนื้อออก ก็ไม่มีทา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1136

    “ร่ำรวย ถึงตาเจ้ามองโลกในแง่ร้ายเมื่อไหร่กันที่?” ไม่รู้ว่าหวังเยว่จางโผล่มาจากไหน ทันใดนั้นเขาก็มายืนอยู่ข้างหลังพวกนาง ทั้งกายสวมอาภรณ์หรูหรา “คนที่ทนทุกข์ทรมานยิ่งกว่าเจ้ายังพยายามและกระตือรือร้นถึงเพียงนั้น เจ้ามีทั้งเงิน ความสามารถ และรูปโฉม เรียกได้ว่ามีทุกสิ่งที่สตรีในใต้หล้านี้ล้วนใฝ่ฝันถึง แต่เพราะความล้มเหลวครั้งเดียว กลับหดหู่ไร้ความสุข เจ้าทำถูกต่อผู้พิพากษาที่ให้เจ้ามาเกิดใหม่ในครรภ์ที่ดีเช่นนี้หรือไม่”เสิ่นว่านจือหันกลับไปมองเขา เงาร่างที่สูงใหญ่ของเขาเกือบจะห่อหุ้มนางไว้ ใบหน้าหล่อเหลายังคงดูอิสระ ผิวสีข้าวสาลีของเขาเปล่งประกายจาง ๆ ภายใต้โคมไฟที่หน้าระเบียง ดวงตาของเขากลมและดำขลับเหมือนลงสี ดูไม่ออกเลยว่าเขาพูดจริงจังหรือประชดประชัน?“ไป พาเจ้าไปบินสักรอบ” หวังเยว่จางเอื้อมมือไปจับข้อมือของนางไว้โดยตรง กระโดดขึ้นไปในอากาศ ทั้งสองร่างก็เหินไปเหมือนกับเหยียบสายสมแล้วโบยบินไป เสิ่นว่านจือทำอะไรไม่ถูกมาก วิชาตัวเบาของเจ้าห้าหวังดีถึงเพียงนี้เชียว?นางเข้าใจมาโดยตลอดว่าเจ้าห้าหวังนั้น ไม่ว่าจะทำอะไรก็ล้วนครึ่งๆ กลางๆซ่งซีซีเอียงศีรษะ ศิษย์พี่ห้าไม่เห็นหรือว่านางก็อยู่ต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1137

    หวังเยว่จางเงียบ หยิบกาสุราขึ้นมาแล้วกระดกอึกใหญ่ จากนั้นเก็บไข่มุกราตรีกลับไป ห่อมันอย่างดีแล้วใส่ลงไปในกล่อง แสงโดยรอบพลันก็หายไป เหลือเพียงพระจันทร์เสี้ยวและดวงดาวมากมายบนท้องฟ้าเสิ่นว่านจือไม่คิดมาก่อนเลยว่าหวังเยว่จางจะมีประสบการณ์ชีวิตเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยได้ยินซีซีพูดถึงเรื่องนี้มาก่อนในอดีตมักที่จะชอบไปหอเริงรมย์ ไม่ใช่ไปเพื่อฟังแม่นางเหล่านั้นขับร้อง แต่เป็นเป่าเพลงให้แม่นางทั้งหลายฟัง บุคลิกที่เสเพลนั้นของเขา จะเป็นคุณชายจากจวนป๋อได้อย่างไร?ในขณะที่เขานิ่งเงียบ เสิ่นว่านจือก็จินตนาการบทงิ้วชิงความโปรดปรานในเรือนหลังไปร้อยแปดพันเก้าแล้วเขาบอกว่าตอนที่เขาเกิด เป็นเขาที่ดวงเสริมบิดา เช่นนั้นย่อมต้องได้รับความโปรดปรานอย่างมาก บุตรชายที่เกิดจากอนุภรรยาคนหนึ่งได้รับความโปรดปราน นั่นก็หมายความว่ากำลังท้าทายท่านแม่ใหญ่และบุตรชายที่เกิดจากฮูหยินเอก ส่วนเรื่องที่ว่ามารดาเล็กเป็นคนแบบไหน ยังไม่รู้ชั่วคราว แต่ก็คิดว่าไม่ใช่คนที่ร้ายกาจอะไร ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ถึงขั้นปล่อยให้เจ้าห้าหวังออกมาระเห็ดระเหินอยู่ข้างนอก มีบ้านแต่กลับไปไม่ได้“เป็นฮูหยินผู้เฒ่าป๋อผิงซีไม่ให้เจ้ากลั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1138

    หวังเยว่จางกลับไม่พูดแล้ว เพียงร่ำสุราอย่างเงียบๆ ดื่มหมดไปหนึ่งกา ยังคิดที่จะแย่งของเสิ่นว่านจือ เสิ่นว่านจือรู้สึกว่าเขาดื่มมากเกินไปแล้ว จะอย่างไรก็ไม่ยอมให้ ทั้งสองคนจึงเริ่มไล่กันอยู่ที่ชั้นบนสุดของตึกว่างจิงแห่งนี้ บรรยากาศในตอนนี้จึงมิได้อึมครึมเหมือนเมื่อสักครู่อีกสุดท้ายเสิ่นว่านจือก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้แก่ซีซี แม้ว่านางจะไม่ได้สัญญาว่าจะเก็บเป็นความลับ แต่เนื่องจากหวังเยว่จางไม่อยากให้คนอื่นรู้ ยังลากนางมานั่งปรับทุกข์ บ่นให้ฟังอย่างกับเป็นสหายสตรีกัน ชาวยุทธ์ ไม่มีใครมาพูดไร้สาระแบบนี้หรอกนะอย่างไรก็ตาม ช่วงไม่กี่วันนี้หวังเยว่จางมักจะไปเตร็ดเตร่แถวจวนป๋อผิงซี ดึงดูดความสนใจของค่ายลาดตระเวนเมื่อลู่เจินนำเรื่องนี้มาบอกแก่ซ่งซีซี ซ่งซีซีก็รู้สึกแปลกๆ เหตุใดศิษย์พี่ห้าจึงมักจะไปเตร็ดเตร่อยู่แถวนั้น? เพราะมีคนรู้จัก?ในคืนนั้นเมื่ออีกฝ่ายกลับมาทานอาหารเย็น นางก็ถามหวังเยว่จาง "ศิษย์พี่ห้า พักนี้ท่านกำลังยุ่งอะไรอยู่?"หวังเยว่จางเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า "ก็ไม่ได้ยุ่งอะไร แค่เดินเล่นไปเรื่อย"“ไปเดินเล่นแถวจวนป๋อผิงซีเป็นประจำน่ะหรือ?”ทันใดนั้นหวังเยว่จางก็ตวัดสายตาไปจ้องเส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1139

    หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จ เซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีก็ลากเสิ่นชิงเหอเข้าไปในห้องหนังสือ ทั้งสองคนขนาบชิดทั้งฝั่งซ้ายและขวา ไม่ให้เขาเหลือหนทางได้ซ่อนตัว ถูกผลักเข้าไปในห้องหนังสือทั้งแบบนี้“ไม่เป็นสุภาพชน ช่างไม่เป็นสุภาพชนเอามากๆ” ตอนนี้เสิ่นชิงเหอเป็นอาจารย์แล้ว คำพูดในบางครั้งที่พูดออกมาจึงไปทางอวดรู้ “อย่าผลักๆ ดันๆ กัน”แต่เสิ่นชิงเหอก็ยังคงถูกกดลงบนเก้าอี้ไม้ ถูกศิษย์น้องและศิษย์น้องหญิงมองมาด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น เขาพูดด้วยความโกรธว่า “อยากถามอะไรก็ถามมาตรงๆ”เซี่ยหลูโม่ถามขึ้นก่อน "คำถามแรก ที่พักนี้ศิษย์พี่ห้ามักจะไปเตร็ดเตรแถวจวนป๋อผิงซี เป็นเพราะได้รับคำสั่งใดจากศิษย์อาหรือว่าท่านอาจารย์หรือไม่? หรือว่าสืบเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับหวังเบียวได้แล้ว?”ซ่งซีซีถามขึ้นอย่างจริงจังมากกว่า “คำถามที่สอง ข้ารู้สึกอยู่ตลอดเลยว่าสายตาที่ศิษย์พี่ห้าใช้มองจือจือในคืนนี้มันไม่ปกติเอามากๆ แถมท่านยังไม่ทะเลาะกับจือจือแล้วด้วย นี่ผิดปกติเล็กน้อยจริงๆ ศิษย์พี่ใหญ่ท่านรู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น?"ศิษย์พี่ใหญ่คนนี้มีจุดดีอยู่ข้อหนึ่ง รู้ว่าอะไรควรและไม่ควรพูด มีขอบเขตอยู่ในใจยกตัวอย่างเช่น

Pinakabagong kabanata

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1603

    ก่อนจะไปยังหนานเจียง ข้าไม่เคยมีแผนการใดในชีวิต ไม่มีเป้าหมาย ไม่เคยมีสิ่งใดที่อยากทำเป็นพิเศษเมื่อยึดหนานเจียงกลับคืนมาแล้วเดินทางกลับสู่เมืองหลวง เสียงโห่ร้องยินดีจากราษฎรทำให้ข้ารู้สึกว่า หากมนุษย์ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายไปวันๆ เช่นนั้นจะไม่สูญเปล่าหรือ?ข้าจึงเริ่มครุ่นคิดถึงความหมายของชีวิตจากการติดตามย่างก้าวของซีซี ข้าก็ได้ทำสิ่งต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โรงงานช่างไปจนถึงสถาบันการศึกษาหย่าจวินหญิงมากหลายล้วนประสบชะตาน่าเวทนา และข้ามีความสามารถที่จะช่วยพวกนางได้ ข้าคิดว่า นี่คงเป็นหนึ่งในความหมายของชีวิตว่าเป็น “หนึ่ง” ก็หมายความว่ายังอาจมี “สอง” และ “สาม” ตามมาได้มิใช่ข้าจะโอ้อวดตนเอง แต่เนื้อแท้ของข้าคือคนที่ชังความชั่วโดยสันดานดังนั้น เมื่อได้ยินว่ามีฆาตกรฆ่าคนจำนวนมาก แต่กลับลอยนวลเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่อาจเอาผิดได้ ข้าย่อมโกรธเคืองนัก ข้าเห็นว่า คนฆ่าย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิตแรกเริ่ม ข้าไม่ได้กระทำการอันใดหุนหันพลันแล่น เพียงแต่เดินตามแนวทางของสำนักเขตจิงจ้าว สืบสาวเรื่องราวต่อไป และส่งมอบหลักฐานที่ได้มาให้แก่เจ้ากรมแห่งสำนักเขตจิงจ้าวจนกระทั่งข้าได้พบกับคดีหนึ่งที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1602

    ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status