Share

บทที่ 1361

Penulis: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
พอฟ้าสาง เหรินหยางอวิ๋นก็พาพวกเขาไปยังตึกว่างจิง

ซ่งซีซีจึงได้รู้ว่าผู้ที่มาไม่ได้มีแค่อาจารย์จากสำนักของพวกนาง แต่ยังมีเหล่าประมุขและผู้อาวุโสจากหลายสำนักมาด้วย

แม้แต่อาจารย์ของเสิ่นว่านจือ กุ้นเอ๋อร์ และหมั่นโถวก็ยังมาถึงที่นี่

เสิ่นว่านจือร้องเสียงดังสองครั้งเมื่อเห็นอาจารย์ของนาง ก่อนจะวิ่งเข้าไปหา “ท่านอาจารย์ ท่านมาถึงที่นี่ได้อย่างไร? ทำไมไม่บอกข้าก่อนเลยเจ้าคะ?”

ประมุขชื่อเยียนยิ้มอย่างเอ็นดูพลางมองศิษย์ตัวน้อยที่เป็นเหมือนขุมทรัพย์ของเขา “ได้ยินว่าพวกเจ้าต้องปกป้องเมืองหลวง ข้าย่อมต้องมาเองเพื่อเป็นกำลังเสริมช่วยพวกเจ้า”

“ท่านอาจารย์ช่างดีจริงๆ เดี๋ยวข้าจะจัดหาที่ดินอีกผืนให้ท่านนะเจ้าคะ” เสิ่นว่านจือพูดพลางคล้องแขนท่านอาจารย์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ประมุขชื่อเยียนเอ็ดนางเบาๆ “ข้าจะเอาที่ดินมากมายของเจ้าไปทำอะไร? ไม่ต้องซื้อให้อีกแล้ว ข้าได้ยินมาว่าบนภูเขาตู๋กูมีบ่อน้ำแร่แห่งหนึ่ง ข้าอยากซื้อไว้ให้เหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องของเจ้าได้แช่พักฟื้นกล้ามเนื้อ เสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง”

เสิ่นว่านจือพยักหน้าอย่างใจกว้าง “จัดไป!”

ทุกคนต่างมองประมุขชื่อเยียนด้วยสายตาอิจ
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci
Komen (1)
goodnovel comment avatar
Wipawan Potjanabanpoj
ทำไมมุมมองถึงไม่แสดงเป็นบทๆแล้วละค่ะ เลือกอ่านไม่ได้เลย
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terkait

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1362

    ท่านอ๋องฮุยกำหมัดแน่น ก่อนจะเดินตามไปทันที เมื่อหมอมาตรวจดู ลุงสิบสามขาหักทั้งสองข้าง ฟันหักไปสามซี่ กระดูกใบหน้าหักหลายแห่ง แต่เขายังคงยิ้มให้ท่านอ๋องฮุย แม้ความเจ็บปวดจะทำให้เขาเจ็บปากปวดเขี้ยว เขาก็จะยิ้มเขาไม่เป็นไรหรอก ท่านอ๋องฮุยหันหน้าไปทางอื่นด้วยความเจ็บปวด คนที่ติดตามเขามาทั้งชีวิตกลับต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เขาทั้งโกรธแค้นและรู้สึกหมดหนทาง ตราอาญาสิทธิ์ของเขานั้น ตอนที่อยู่หนิงโจวได้มีการหลอมขึ้นมาอีกหนึ่งชิ้น เพื่อป้องกันว่าหากวันใดวันหนึ่งหากลูกชายของเขาขโมยตราไปใช้บัญชาคนของเขา หากเขาทราบเรื่องได้ทันท่วงที ก็จะสามารถให้คนอื่นถืออีกหนึ่งตราไปหยุดยั้งได้แต่ไม่คิดเลยว่าตอนนี้กลับได้ใช้ประโยชน์จริงๆ ความวุ่นวายเรื่องงานสร้างคลองสงบลงอย่างรวดเร็ว จินชางหมิงถูกปลดจากตำแหน่งฐานะตรวจสอบงานไม่รอบคอบ และถูกส่งตัวไปขังคุก ส่วนงานก่อสร้างคลองถูกมอบหมายให้ท่านโหวเซวียนผิงเป็นผู้ดูแลด้วยตนเอง สำหรับขุนนางกรมจัดการแม่น้ำคนอื่นๆ ทั้งหมดก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งฐานละเลยหน้าที่ แต่ทั้งจักรพรรดิ์ซูชิงและซ่งซีซีต่างก็รู้ดีว่า ผู้ที่ควบคุมการก่อสร้างคลองนั้น แม้ภายนอกจะดูเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1363

    พอตกค่ำ จินซิวเต๋อพาสายลับกลับมารายงานอย่างรีบร้อนว่า “ท่านอ๋อง เฮ่อซวงจื้อได้รวบรวมกำลังพลที่กระจัดกระจายของพวกเราจนครบแล้ว อีกทั้งยังได้รับม้าอีกห้าร้อยตัวจากตระกูลเสิ่น กำลังเดินทางกลับมา ตามเวลาที่คาดไว้ อีกสามวันจะถึงขอรับ” อ๋องเยี่ยนลุกพรวดขึ้นด้วยความยินดีอย่างยิ่ง “จริงหรือ!?” “เป็นความจริงแน่นอนขอรับ สายลับอยู่ด้านนอก ท่านอ๋องสามารถเรียกมาสอบถามได้” “รีบเรียกเข้ามา!” อ๋องเยี่ยนนั่งลง หัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น ในที่สุดกองกำลังก็ถูกรวบรวมทั้งหมด แต่เหตุใดตระกูลเสิ่นถึงยอมมอบม้าสงครามห้าร้อยตัว? ตั้งแต่เกิดเรื่องของเสิ่นว่านจือ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลเสิ่นก็ขาดสะบั้นไปแล้ว สายลับเดินเข้ามา คุกเข่าลงข้างหนึ่ง “ท่านอ๋อง ใต้เท้าเฮ่อมีคำสั่งให้ข้าน้อยมารายงานว่า กองกำลังส่วนตัวถูกรวบรวมเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งอาจารย์ชิว ที่ปรึกษาของหนิงจวิ้นอ๋อง ได้นำกองทัพห้าพันนายและม้าห้าร้อยตัวมาช่วย หนิงจวิ้นอ๋องมีข้อเรียกร้องเพียงอย่างเดียว คือช่วยชีวิตท่านอ๋องฮุยออกมาให้ได้” อ๋องเยี่ยนได้ยินชื่อหนิงจวิ้นอ๋องก็อึ้งไปเล็กน้อย แต่ไหนแต่ไรเขาพยายามจะดึงหนิงจวิ้นอ๋องมาร่วมมือ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1364

    เจ้าสิบเอ็ดฝางได้รับรายงานจากสายลับมานานแล้วว่า มีกองกำลังลึกลับหลายกลุ่มกำลังรวมตัวกันนอกหนิงโจว และกำลังมุ่งหน้ามายังเยี่ยนโจว ก่อนหน้านี้ไม่นาน เขาก็ได้รับจดหมายจากอาจารย์หยู เตือนว่าอ๋องเยี่ยนอาจแสร้งยอมแพ้ ล่อลวงให้กองทัพเข้ามาในเมือง จากนั้นก็ทำศึกประสานภายในและภายนอก เขายังรู้อีกว่า อ๋องเยี่ยนเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งของหนิงจวิ้นอ๋องเท่านั้น เขาเองก็เคยเป็นสายลับเก็บข่าวมาหลายปี เพียงมีข้อมูลสองสามจุด เขาก็สามารถวิเคราะห์สถานการณ์และวางกลยุทธ์ได้ หลูหงกับฉีฟางที่เดิมควรจะประจำอยู่ในเมืองหลวง กลับปรากฏตัวที่นอกเยี่ยนโจวเพื่อสมทบกับเขาเมื่อวานนี้ ตอนแรกเขารู้สึกประหลาดใจ เพราะเมืองหลวงควรเป็นที่ที่อันตรายที่สุด เหตุใดจึงส่งทั้งสองคนนี้มาที่นี่ เมื่อได้ฟังฉีฟางอธิบาย เขาจึงรู้ว่าอาจารย์ของใต้เท้าซ่ง ประมุขแห่งสถาบันว่านซงเหมิน ได้เดินทางไปยังเมืองหลวงด้วยตนเอง และนำคนจากยุทธภพไปช่วย เขาจึงวางใจ คนจากยุทธภพโดยทั่วไปจะไม่เข้าร่วมการเมืองของราชสำนัก แต่หากมีขบถสร้างความวุ่นวาย พวกเขาจะลงจากเขาเพื่อรักษาความยุติธรรม เหตุการณ์เช่นนี้ก็เคยเกิดขึ้นมาก่อน คนอื่นเขาอาจไม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1365

    อ๋องเยี่ยนยังไม่รู้ว่าการเจรจาครั้งนี้เป็นเพียงแค่ฉากบังหน้า สุดท้ายแล้วเขาจะถูกส่งมอบออกไป เพื่อใช้เป็นเหยื่อล่อให้กองกำลังของเจ้าสิบเอ็ดฝางบุกเข้าเมือง เจ้าสิบเอ็ดฝางยอมรับข้อเสนอการเจรจา เขาเดินทางไปเพียงลำพัง ฝ่ายอู๋เซี่ยงก็ไปเพียงคนเดียวเช่นกัน แม้จะมีคนติดตามอยู่ แต่ก็อยู่ห่างออกไปสิบจั้ง อู๋เซี่ยงแสร้งแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า ขุนนางส่วนใหญ่ในเยี่ยนโจว รวมถึงตัวเขาเอง ต่างไม่รู้ว่าอ๋องเยี่ยนคิดก่อกบฏ ส่วนคนที่รู้ก็เพราะถูกข่มขู่ด้วยอำนาจของอ๋องเยี่ยนจนไม่กล้าพูด เจ้าสิบเอ็ดฝางแสดงท่าทีไม่เชื่อ คิดว่าพวกเขาล้วนสมคบคิดกันมานานแล้ว ท่าทีที่แข็งกร้าวของเจ้าสิบเอ็ดฝาง ทำให้อู๋เซี่ยงเชื่อว่าฝ่ายตรงข้ามไม่มีทางสืบรู้เกี่ยวกับหนิงจวิ้นอ๋องหรือกองกำลังลับที่กำลังเดินทางมา นอกจากจะประเมินจากท่าทีของเขาแล้ว อู๋เซี่ยงยังมีความเชื่อมั่นในชิวเหมิงอย่างมาก ความนับถือและความไว้วางใจนี้ มาจากความสามารถของชิวเหมิงที่สามารถเกลี้ยกล่อมตระกูลเสิ่นได้ ก่อนหน้านี้ ทั้งอู๋เซี่ยงและอ๋องเยี่ยนพยายามมานานเพื่อดึงตระกูลเสิ่นเข้าร่วม แต่ก็ไม่อาจทำให้หัวหน้าตระกูลเสิ่นยอมรับได้ การที่ตระ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1366

    อ๋องเยี่ยนและอ๋องฮวยถูกคุมตัวออกมาจากประตูเมือง โดยที่อู๋เซี่ยงเป็นคนพาพวกเขาออกมาเอง อ๋องฮวยนึกว่าเมื่อถึงตอนส่งตัว อู๋เซี่ยงจะสั่งให้คนปล่อยเขา แต่พอทหารจากกองทัพเมืองหลวงเข้ามาจับกุมกลับไม่มีคำสั่งใดๆ จากอู๋เซี่ยง เขาเริ่มหวาดหวั่น พยายามดิ้นรนมองไปที่อู๋เซี่ยง ดวงตาเต็มไปด้วยคำถาม อู๋เซี่ยงพยักหน้าให้เล็กน้อยเพื่อให้เขาวางใจ แต่เขากลับรู้สึกไม่สบายใจ เพราะก่อนหน้านี้บอกไว้เพียงแค่จะมัดเขาออกไปด้วย แต่จะส่งมอบเฉพาะพี่สามเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับส่งตัวเขาพร้อมกับเขาให้ทหารจากเมืองหลวง หรือนี่หมายความว่าพวกเขาตั้งใจจะสละเขา? คิดได้ดังนั้น เขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที “ข้าไม่มีความผิด ข้าเป็นคนจับอ๋องเยี่ยนไว้ พวกเจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!” เจ้าสิบเอ็ดฝางมองเขาอย่างเย็นชา “โง่เขลา!” “อู๋เซี่ยง!” หัวใจของอ๋องฮวยราวกับตกลงไปในหุบเหว เขาหันไปมองอู๋เซี่ยงอย่างร้อนรน ใบหน้าจากแข็งกร้าวแปรเปลี่ยนเป็นวิงวอน “ท่านอู๋เซี่ยง ท่านก็รู้ว่าข้าถูกใส่ร้าย ข้าไม่ได้คิดก่อกบฏ รีบบอกท่านแม่ทัพฝางให้ชัดเจนเสียที!” อู๋เซี่ยงหลุบตาลง กล่าวอย่างสงบว่า “เชื่อว่าฮิ่งเต้ของพวกเราจะทรงตัดสินค

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1367

    ขณะที่ทั้งสองฝ่ายเปิดศึกกันอยู่นั้น อูโซเว่ยก็ได้นำกลุ่มคนจากยุทธภพมาถึงหนิงโจว จังหวะเวลานั้นถูกคำนวณไว้อย่างดี เพราะในหนิงโจวขณะนี้ไม่มีใครคุมการปกครองได้ ขุนนางส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนของหนิงจวิ้นอ๋อง แต่กองกำลังที่พอจะต่อสู้นั้นถูกส่งออกไปจนหมด เหลือเพียงทหารพันนายกับเจ้าหน้าที่ในศาลาว่าการเท่านั้น อูโซเว่ยถืออาญาสิทธิ์ตรงไปยังจวนผู้ว่าการ สั่งปลดผู้ว่าการออกจากตำแหน่ง และเข้ายึดจวนทันที ในขณะเดียวกัน หัวหน้าตระกูลเสิ่นก็นำกองกำลังจากหลายสำนักคุ้มกันและขบวนการค้าต่างๆ มาสมทบ การศึกในหนิงโจวครั้งนี้จัดการได้ง่ายที่สุด ด้วยตราอาญาสิทธิ์ของท่านอ๋องฮุย จวนหนิงจวิ้นอ๋องจึงถูกสั่งปิด ตอนนี้จวนหนิงจวิ้นอ๋องไม่มีคนของท่านอ๋องฮุยอยู่แล้ว พวกคนเก่าทั้งหมดถูกขับไล่ไปยังไร่ในชนบท หลังจากที่อูโซเว่ยยึดศาลาว่าการได้ เขาก็นำกำลังตรงไปยังจวนหนิงจวิ้นอ๋องจับกุมเหล่าที่ปรึกษาและผู้ดูแลทั้งหมดไว้ ทรมานเค้นความจริงจนได้รหัสลับที่ใช้ในการติดต่อออกมา อีกทั้งยังยึดนกพิราบสื่อสารของชิวเหมิงไว้ทั้งหมด นกพิราบแต่ละตัวมีเส้นทางที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า บางตัวใช้สำหรับติดต่อกับหนิงจวิ้นอ๋อง เซี่ยทิงเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1368

    จินซิวเต๋อก็สับสนไม่แพ้กัน “ข้าก็ไม่รู้ ท่านชิวเหมิงบอกข้าด้วยปากของตนเอง” อู๋เซี่ยงเริ่มตื่นตระหนก ชิวเหมิงขึ้นชื่อว่าเป็นผู้วางแผนไร้ที่ติ เขาพูดเองว่าจะมาถึงก่อนตะวันตกดิน ก็ย่อมจะมาถึงก่อนเวลา ไม่ใช่หลังเวลา “หรือจะมีกองซุ่มโจมตีระหว่างทาง? เป็นไปไม่ได้ ข่าวก่อนหน้านี้รายงานว่า กองทัพของมู่ฉงกุยกระจายตัวไปปราบโจรและเดินทางไปยังแคว้นเยว่แล้ว ไม่มีทางกลับมาได้ทันเวลา” “ถ้ามีกองทัพซุ่มโจมตีระหว่างทาง ท่านชิวเหมิงคงส่งข่าวมาแล้ว พวกเขามีสายสืบอยู่” จินซิวเต๋อพูดด้วยใบหน้าซีดเผือด “ท่านอาจารย์ แล้วเราจะทำอย่างไร? พวกเราไม่อาจสู้กองทัพเมืองหลวงได้เลย” อู๋เซี่ยงสูดหายใจลึกๆ หลายครั้งก่อนจะกล่าวอย่างสงบ “ตอนนี้พวกเราทำได้เพียงปกป้องตัวเอง หาทางหนีออกไปเพื่อสมทบกับชิวเหมิง” “ถ้าเช่นนั้น เมืองเยี่ยนโจวก็ต้องแตกแน่” จินซิวเต๋อพูดอย่างร้อนรน “พวกเรามีครอบครัวมากมาย จะอพยพพวกเขาไปได้อย่างไร? ประตูเมืองถูกปิดหมดแล้ว เราทำได้แค่หนีไปทางเขาโต้วขุย แต่มีคนแก่ เด็ก และสตรีมากมาย เราจะทำอย่างไรดี?” อู๋เซี่ยงสั่งการเหล่าบ่าวไพร่และองครักษ์ในจวนอ๋องเยี่ยน “ตอนนี้ไม่ต้องสนใจมากนัก เอาต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1369

    หากทำศึกในพื้นที่เปิด พวกเขายังสามารถถอยร่นไปพลางสู้ไปพลางได้ ตราบใดที่สามารถถอยไปยังจุดยุทธศาสตร์ที่ได้เปรียบ สถานการณ์ก็พลิกกลับได้ง่าย ดังนั้น เจ้าสิบเอ็ดฝางจึงต้องหาทางตัดเส้นทางถอยของพวกเขา ล้อมให้ติดอยู่ที่นี่จนกว่าจะเอาชนะได้ หรือพวกเขายอมแพ้ ในเมืองเยี่ยนโจว อู๋เซี่ยงก็ถูกจับกุม และถูกคุมขังรวมกับอ๋องเยี่ยนและคนอื่นๆ เมื่ออ๋องฮวยเห็นดังนั้น ก็ร้องขึ้นอย่างตกใจ “อาจารย์อู๋เซี่ยง เจ้าถูกจับด้วยได้อย่างไร? หรือว่าชิวเหมิงพ่ายแพ้แล้ว?” เสื้อผ้าของอู๋เซี่ยงขาดวิ่น มีบาดแผลหลายแห่ง เลือดที่มุมปากก็แห้งกรังไปแล้ว เขาดูอิดโรยอย่างยิ่ง อ๋องเยี่ยนในตอนนั้นยังไม่ตระหนักว่าเขาถูกทรยศ ทั้งคืนเขาเอาแต่กังวลว่าทำไมไม่มีใครมาช่วย คิดว่าคงพึ่งพาชิวเหมิงไม่ได้แล้ว แต่เขายังคงหวังว่าเฮ่อซวงจื้อจะนำกองกำลังส่วนตัวมาช่วย แม้ชิวเหมิงจะไม่มาถึง แต่เฮ่อซวงจื้อจะต้องมา เมื่อเห็นว่าอู๋เซี่ยงถูกจับมาด้วย หัวใจที่คอยพะวงของเขาก็แทบจะมอดไหม้ไปสิ้น เขาเคยคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะล้มเหลว แม้กระทั่งตอนที่ยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อล่อศัตรูให้เข้ามาในเมือง เขาก็เตรียมใจไว้แล้วสำหรับความพ่ายแพ้

Bab terbaru

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1614

    สนมฮุ่ยไทเฟยย่อมมีฐานะมั่นคงเช่นนี้ หลายปีมานี้ไม่ค่อยมีค่าใช้จ่าย รายรับกลับมากไม่น้อยเบี้ยหวัดจากในวัง ของกำนัลจากทุกบ้าน อีกทั้งบรรดาลูกหลานที่โตแล้วต่างก็สามารถตัดสินใจเองได้ บรรดาผู้ที่กตัญญูต่อท่านมีไม่น้อย โดยเฉพาะเสิ่นว่านจื่อ ยิ่งกตัญญูไม่ยั้งมือสำหรับหลานสาวคนเดียวนี้ ท่านไม่มีสิ่งใดที่เสียดายเลย คำพูดที่มักติดปากคือ เมื่อท่านสิ้นไป สมบัติทั้งปวงย่อมตกเป็นของหลานสาวบัดนี้เมื่อแม่ลูกสองคนไปถึงที่อยู่ของท่าน ท่านก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถึงเรื่องที่เซี่ยเจิงจะไปภูเขาเหม่ยชานฝึกวรยุทธ์อีกครา"ไม่ใช่ว่าข้าไม่เห็นดีเห็นงาม เพียงแต่การไปนานถึงเพียงนั้น ปีหนึ่งกลับมาได้ไม่กี่ครั้ง อนาคตยังบอกว่าจะออกไปผจญภัยอีก เด็กหญิงน้อยๆ เช่นนี้ จะไปฝ่าโลกภายนอกได้อย่างไร? ข้าขัดท่านพ่อของเจ้าไม่ไหว เขาเป็นคนไม่เข้าใจโลก พูดอะไรก็ไม่เคยพูดให้เข้าใจได้ ข้าก็ไม่มีทาง""ท่านยาย หลานไม่ใช่เด็กสาวบอบบางหรอกเจ้าค่ะ ท่านลองดูหมัดของหลานเถิด" เซี่ยเจิงชูหมัดขึ้น โบกไปมาอยู่ตรงหน้าสนมฮุ่ยไทเฟย กล่าวอย่างภาคภูมิว่า "หมัดนี้ของหลาน แม้แต่หมูป่ายังต้องสลบเหมือด"สนมฮุ่ยไทเฟยทอดถอนใจ "บุตรีบ้านอื่น มือเอา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1613

    สองสามีภรรยาเอ่ยถึงเรื่องราวในอดีต ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกอบอุ่นในใจ โดยเฉพาะซ่งซีซี ที่แต่เดิมรู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนั้นเป็นการถูกบังคับ แต่ใครจะคาดคิดว่าจะได้พบกับความสุขเช่นวันนี้ช่างเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดานักทันใดนั้นก็มีคนวิ่งพรวดพราดเข้ามาทางประตู ยังไม่ทันเห็นหน้าชัด ก็โผเข้ากอดเซี่ยหลูโม่แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นยินดี "ท่านพ่อ ของขวัญพิธีปักปิ่นที่ท่านมอบให้ข้านั้น ข้าชอบมากนัก ขอบคุณท่านพ่อ ข้ารักท่านพ่อที่สุดเลยเจ้าค่ะ"เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "ยังคงซุกซนเช่นเดิมหรือ? โตเป็นสาวแล้ว ต้องสุขุมให้มากหน่อย"แม้ว่าจะเอ่ยเช่นนั้น ทว่าดวงตากลับเปี่ยมด้วยความเอ็นดู มือช่วยจัดปิ่นที่นางสวมในพิธีปักปิ่นให้เรียบร้อย แล้วเอ่ยต่อว่า "เครื่องประดับหัวทับทิมแดงนั่นเจ้าไม่ชอบหรือ? ท่านแม่ของเจ้าตั้งใจเลือกให้นัก""ชอบเจ้าค่ะ ชอบทุกอย่างเลย" เซี่ยเจิงยิ้มจนตาหยี รักทุกสิ่งที่พ่อแม่มอบให้เซี่ยหลูโม่มองรอยยิ้มของบุตรสาวแล้วพลันรู้สึกเคลิ้มใจบุตรสาวยิ่งโต ยิ่งเหมือนซ่งซีซี ในวันแรกที่พบซ่งซีซีที่ภูเขาเหม่ยชาน นางก็ยิ้มเช่นนี้แต่หลังจากนั้น นางก็แทบไม่เคยยิ้มแบบนี้อีก ต่อ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status