แชร์

บทที่ 39

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
แต่ปัญหาคือไม่มีใครบอกนาง ว่าจะมีทหารมาอีกทั้งมาเป็นร้อยกว่าคน ครอบครองที่นั่งจำนวนมาก ทำให้แขกจำนวนมากที่ได้รับคำเชิญกลับไม่มีที่นั่ง

คนเหล่านี้ล้วนเป็นเจ้าหน้าที่พลเรือนและทหารที่มาที่นี่เพื่อแสดงเป็นมิตร เป็นคนใหญ่คนโตของราชสำนักนี่น่ะ

เมื่อตีสนิทได้ มันจะเป็นผลประโยชน์ต่อจ้านเป่ยว่างในเรื่องที่เขาจะเลื่อนตำแหน่งงาน เวลานี้จะให้จัดการอย่างไร?

แต่พวกเขาทั้งหมดต่างยืนตัวสั่นท่ามกลางลมหนาว ช่างเป็นบาปจริงๆ

จู่ๆ ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านก็หันไปหานางหมิน เพื่อให้นางคิดหาวิธีแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว นางหมินก็ตกใจและทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน ไม่มีใครบอกนางว่ายังมีแขกอีกสินะ? นางจัดที่นั่งตามรายชื่อแขกเลย

แขกยังประหลาดใจมากที่จู่ๆ เห็นคนไร้ระเบียบกว่าร้อยคนมาที่นั่น พอมาถึงก็ยึดที่นั่งและเริ่มกินดื่ม ต่างหัวเราะล้อเล่นกับเจ้าสาว เสียงหัวเราะดังมาก ทำไมรู้สึกสภาพเช่นนี้ดูแปลกไปหน่อย

ในนั้นมีขุนนางจากตระกูลชนชั้นสูงมากมาย ที่พวกเขามาเพราะเห็นแก่ฮ่องเต้ พวกเขาเคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาก่อนที่ไหนกัน? แม้ว่าจวนแม่ทัพจะไม่ใช่ตระกูลที่ใหญ่โตอะไร แต่ก็สืบทอดกันมาหลายปี แล้วเหตุใดจึงเกิดความวุ่นวายในงานแต่งงานที
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Tiwapon Prasertsarn
ต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ
goodnovel comment avatar
Saifon
ดีีดดดดดดดดดดด
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 40

    ยี่ฝางรู้สึกว่าข้อกล่าวหาของเขาไม่สมเหตุสมผล นางหัวเราะเยาะ "วันนี้ข้าเพิ่งแต่งเข้ามา เจ้าก็ดุข้าเสียงดังเช่นนี้ ไม่แน่ใจว่าในอนาคตจะเป็นยังไงบ้าง อีกอย่าง ทหารเหล่านี้ยังบุกน้ำลุยไฟติดตามเจ้ามาตลอดด้วย และเป็นพยานว่าเรารักกันยังไง ก็จริงที่ข้าชวนพวกเขามาไม่ได้บอกพวกเจ้าล่วงหน้า แต่งานเลี้ยงใหญ่เช่นนี้จะไม่เตรียมเผื่อสักสิบโต๊ะไว้ที่ไหนกัน ส่วนพวกเขาได้ออกจากค่ายทหารโดยรับอนุญาตหรือไม่ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แม่ทัพหลิวไม่ใช่คนไร้เหตุผล"ทันทีที่ยี่ฝางดูแข็งแกร่งขึ้นมา จ้านเป่ยว่างก็อ่อนข้อให้เลย เขาไม่ต้องการสร้างปัญหากับนางในวันแต่งงานของพวกเขาจริงๆ ดังนั้นเขาจึงถามแค่ว่า "หากพูดเช่นนี้ ที่พวกเขาออกจากค่ายคือได้รับอนุญาตจากแม่ทัพหลิวงั้นเหรอ"ยี่ฝางไม่ได้ถามแม่ทัพหลิว นางแค่ออกคำสั่งให้พวกเขามาด้วย เพราะนางคิดว่ามันไม่สำคัญ แม่ทัพหลิวเป็นคนคุยง่ายดังนั้นนางจึงเมินคำถามนี้ ก่อนดุว่า "เป็นเพราะพวกเจ้าเตรียมงานไม่พร้อม พวกเจ้าไปถามเจ้าอื่นดูสิ มีใครบ้างที่จัดงานแต่งงานจะไม่เตรียมโต๊ะเผื่อไว้ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนจัดการเรื่องแต่งงานนี้ จัดไม่ได้เรื่องจริงๆ ยังกล้ามาโทษข้าอีก"ในเรื่องน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 41

    แขกทุกคนจากไปหมดแล้ว เหลือเพียงทหารหยาบคายจำนวนหนึ่ง ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธมากจนแทบจะหัวใจวายคนอื่นๆ ในจวนแม่ทัพก็มองหน้ากันด้วยความสับสน พวกเขาไม่เคยเห็นมีเจ้าไหนบ้างได้จัดงานแต่งงานจนกลายเป็นสภาพเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นมันคือพระราชทานอภิเษกสมรสจากฮ่องเต้เสียอีกหากเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไป เกรงว่าจวนแม่ทัพจะกลายเป็นตัวตลกในเมืองหลวงเข้าแล้วจ้านเป่ยว่างไปตามหานางหมิน และความโกรธในใจของเขาไม่สามารถระงับได้อีกต่อไป เขาตบโต๊ะอย่างแรงแล้วพูดว่า "พี่สะใภ้ ถ้าเจ้าไม่อยากช่วยข้าเพื่อจัดงานแต่งงานให้มีเกียรติดูยิ่งใหญ่ก็บอกข้าได้เลย ตอนนี้งานแต่งดีๆ กลับกลายเป็นเรื่องตลกแทน แขกไปกันหมด แล้วต่อไปข้าจะเป็นข้าราชการในราชสำนักได้ยังไงล่ะ"นางหมินรู้สึกคับข้องใจมาก และน้ำตาไหล "ข้าก็จัดตามรายชื่อแขกเท่านั้น ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆ ก็มีคนมากันเยอะขนาดนี้ เรื่องนี้จะมาโทษข้าได้ยังไง อีกอย่าง คนที่ดูแลบ้านในอดีตก็ไม่ใช่ข้า ทุกครั้งที่มีงานเลี้ยงต่างๆ มักจะเป็นซีซีจัดการให้ ข้าเห็นนางจัดเรียงตามรายชื่อแขกด้วย และไม่เคยเกิดข้อผิดพลาดใดๆ ใครจะรู้ว่าจะมีคนมามากมายโผล่มาเช่นนี้""อย่าพูดถึงนาง!" จ้านเป่ยว่างกำลังรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 42

    เขาเงียบไปสักพัก แล้วหันกลับมาสั่งคนเข้าไปทำความสะอาดนี่คือผู้หญิงที่เขาสู่ขอมาด้วยผลงาน งานแต่งงานในคืนนี้ดูไม่เหมาะจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นความผิดของใครก็ตาม ก็นางข้องใจจริงๆเขาอดทนไว้เขาไม่อาจปล่อยให้ตัวเองรู้สึกเสียใจแม้แต่น้อย เพราะเขายังต้องเห็นซ่งซีซีเสียใจอีกเฮอะ ถ้าซ่งซีซีรู้ว่างานแต่งงานของเขากับยี่ฝางล้มไม่เป็นท่าเช่นนี้ นางคงจะหัวเราะเยาะกระมังณ จวนเสนาบดีเจิ้นกั๋วกง คืนนี้ซ่งซีซีเหงื่อออกมากหลังจากฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้ นางเลยอาบน้ำร้อน และให้เป่าจูนำหม้อเหล้ามา นางจะดื่มคนเดียวเดือนที่ผ่านมา นางใช้ชีวิตเกือบแบบนี้ทุกวัน อ่านหนังสือตอนกลางวันและฝึกศิลปะการต่อสู้ตอนกลางคืน หลังจากแต่งงานเข้าจวนแม่ทัพได้หนึ่งปี นางก็ไม่ได้ฝึกฝนแม้แต่ท่าเดียว แม้ว่าไม่ถึงขั้นลืมท่าไป แต่ท่าบางท่าก็ไม่ดีเหมือนเมื่อก่อนนางต้องการฝึกฝนให้ดีกว่าเดิมนางไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานของจ้านเป่ยว่างและยี่ฝาง แม่นมฮวงและแม่นมเหลียงควบคุมคนรับใช้อย่างเข้มงวดมาก เรื่องใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับจวนแม่ทัพไม่อนุญาตให้พูดคุยเลยแม้แต่น้อยหลังจากเมานิดหนึ่ง เป่าจูก็เปิดม่านแล้วรีบเข้าไปอย่างรวดเร็วโดยถือ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 43

    จดหมายทหารที่ท่านตาส่งกลับมานางไม่มีโอกาสได้อ่าน จดหมายทหารนั้นต้องส่งไปที่กระทรวงกลาโหมก่อน และกระทรวงกลาโหมจะทำสำเนาไว้แล้วค่อยส่งต่อให้ฮ่องเต้ดังนั้น กระทรวงกลาโหมน่าจะมีจดหมายทหารและหนังสือแจ้งชัยชนะที่ท่านตาส่งให้ นางต้องแอบเข้าไปในกระทรวงกลาโหมสักครั้งที่กระทรวงกลาโหมในตอนกลางคืนจะไม่มีใครอยู่ เพราะสำนักหกกระทรวงอยู่ทั้งสองฝั่งของถนนเชียนปู้ ติดกับพระราชวัง กองทัพจักรวรรดิจะไม่ลาดตระเวนถนนถนนเชียนปู้ แต่ผู้คนจากค่ายลาดตระเวนจะลาดตระเวนที่นั่นแน่แต่นางต้องการอ่านจดหมายรายงานสงครามครั้งนี้ และอนุสรณ์หลังสงครามที่ท่านตาของนางมอบให้ สิ่งหนึ่งที่นางยืนยันได้คือ ท่านตายอมรับผลงานของยี่ฝาง มิฉะนั้น กระทรวงกลาโหมจะไม่ตัดสินผลงานเช่นนี้ชาวเมืองซีจิงเป็นคนประเภทมีแค้นก็ต้องชำระ หาก ยี่ฝางสังหารหมู่บ้านและผู้ถูกจับ ไม่ว่าพวกเขายอมจำนนด้วยเหตุผลใด พวกเขาจะไม่มีทางยอมให้อย่างง่ายๆ มีความเป็นไปได้สูงมากคือพวกเขาสร้างพันธมิตรกับแคว้งซา และปรากฏตัวบน สนามรบเขตหนานเจียงนางหาแผนที่มาตรวจดู หากผู้คนจากเมืองซีจิงปรากฏตัวในสนามรบเขตหนานเจียง โดยไม่ผ่านแคว้งซาง พวกเขาจะต้องไปที่แคว้งซาก่อน จ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 44

    ในคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว ซ่งซีซีแอบเข้าไปในห้องสมุดของกระทรวงกลาโหมได้สำเร็จไม่จำเป็นต้องค้นหาอย่างหนัก จดหมายทหารทั้งหมดเกี่ยวกับสงครามชายแดนเฉิงหลิงถูกวางไว้ที่ด้านซ้ายบนของชั้นวาง นางหยิบไข่มุกราตรีที่นางพกตัวออกมาแล้วคลุมด้วยผ้าเพื่อบังแสงบางส่วน ซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้องแล้วหยิบจดหมายทหารออกมาอ่านดูหลังจากอ่านเสร็จแล้ว ร่างกายของนางก็หนาวเย็นไปหมด และน้ำตาของนางก็ไหลไม่หยุดจ้านเป่ยว่างและยี่ฝางไปเป็นกำลังเสริม หลังจากที่พวกเขามาถึงชายแดนเฉิงหลิง ก็เข้าร่วมการออกศึก แต่พวกเขาไม่มีประสบการณ์มากนักในสนามรบ ดังนั้นในการต่อสู้ครั้งแรก ท่านลุงสามเพื่อช่วยเขาได้หักแขนไปข้างหนึ่งท่านลุงเจ็ด ซึ่งในความทรงจำของนาง เขายังคงเป็นชายหนุ่มที่มีออร่าแข็งแกร่งกลับได้เสียชีวิตในสนามรบก่อนที่กำลังเสริมจะมาถึงท่านตาของนางก็ได้รับบาดเจ็บจากลูกธนูก่อนที่กำลังเสริมจะมาถึง ดังนั้น จ้านเป่ยว่างจึงเป็นผู้นำในการต่อสู้ต่อไปในที่สุด จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางเป็นผู้พลิกสถานการณ์จริงๆ พวกเขานำกองทหารบุกเข้าไปในเขตลู่เอ๋อร์ของเมืองซีจิง จ้านเป่ยว่างรับผิดชอบในการเผาคลังเสบียงทหารของเมืองซีจิง รวมถึงธัญพืชแล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 45

    ณ ห้องหนังสือจักรพรรดิ์ซูชิงมองไปยังซ่งซีซีที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นหินอ่อนสีขาวทรงสวมชุดสีขาวเรียบๆ และเสื้อคลุมสีน้ำเงิน ไม่ได้มัดทรงผมซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของหญิงแต่งงานแล้วไว้เหมือนครั้งล่าสุดที่นางเข้าวัง แต่มัดเป็นหางม้าสูง และใช้ผ้าขาวมัดไว้แน่นใบหน้าของนางดูซีดเผือด ดวงตาของนางเป็นสีแดงอ่อน และมีรอยคล้ำด้วย ราวกับว่านางไม่ได้นอนมาทั้งคืน และขนตาที่โค้งงอเล็กน้อยของนางดูเหมือนจะเปื้อนไปด้วยน้ำตานางมีหน้าตาที่งดงาม อยู่ในสภาพน่าสงสาร แต่กลับไม่มีความรู้สึกอ่อนแอ เผยให้เห็นความเเข้มแข็งและความอุตสาหะในดวงตาของนาง"หม่อมฉันคารวะฝ่าบาทเพคะ!" เสียงของนางฟังดูแหบแห้ง เมื่อคืนหลังจากเป่าจูออกไป นางก็ร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มเป็นเวลานาน"เคยร้องไห้มาหรือ?" จักรพรรดิ์ซูชิงขมวดคิ้ว ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูไม่พอใจเล็กน้อย "เป็นเพราะงานแต่งงานระหว่างจ้านเป่ยว่างกับยี่ฝางหรือเปล่า?"ซ่งซีซีส่ายหัว และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จักรพรรดิ์ซูชิงก็พูดต่อว่า "เจ้าเป็นคนเข้าวังเพื่อขอพระราชโองการให้หย่าโดยสันติ ในเมื่อหย่ากันแล้ว ต่อไปต่างคนก็ต่างไปเลย เหตุใดเจ้าต้องไปเสียใจเรื่องอดีต หากเจ้าปล่อยวางไ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 46

    จักรพรรดิ์ซูชิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าเป็นจดหมายจากเสิ่นชิงเหอ ศิษย์พี่ของนาง เลยรีบสั่งให้อู๋ต้าปั้นส่งจดหมายให้เขาเขาอ่านข้อความในจดหมาย และมันเป็นลายมือของคุณชายชิงเหอจริงๆ เมื่อเขาเป็นรัชทายาท เขาโชคดีที่ได้รับหนังสือเขียนโดยคุณชายชิงเหอเอง ดังนั้นเขาจึงจำลายมือของคุณชายชิงเหอได้ข้อความที่เขาเขียนในจดหมายส่วนใหญ่เกี่ยวกับเรื่องราวที่เขาเห็นระหว่างการเดินทาง แต่ย่อหน้าสุดท้ายกล่าวว่า "เมื่อปีนขึ้นไปบนภูเขาลั่วเซีย ก็เห็นทหารของเมืองซีจิงตั้งหลายแสนคนสวมชุดทหารของแคว้งซา และมีข้าวสารพกตัวด้วย องค์ชายสามแห่งแคว้งซาเป็นคนไปต้อนรับพวกเข้าเข้าชายแดนเอง พี่งงมาก ไม่รู้ว่าเมืองซีจิงกับแคว้งซาได้เป็นพันธมิตรกันหรือเปล่า แต่หากเป็นพันธมิตรกัน ทำไมพวกเขาถึงต้องรับทหารตั้งสามแสนเข้าเมือง พี่เลยติดตามพวกเขาอย่างเงียบๆ และพบว่าพวกเขากำลังมุ่งหน้าไปที่สนามรบเขตหนานเจียง เกรงว่าพวกเขาอาจจะลงมือกับเขตหนานเจียง เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เจ้าคอยพิจารณาดูว่าต้องรายงานกับฝ่าบาทหรือไม่..."ซ่งซีซียังคงก้มหัวตลอด นางรู้สึกใจคอไม่ดีมาก เพราะกลัวว่าฮ่องเต้จะมองออกอะไรหลังจากที่จักรพรร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 47

    มันเป็นไปไม่ได้ที่นางจะลงไม้ลงมือกับกองทัพจักรวรรดิ ไม่เช่นนั้น ฮ่องเต้จะคิดว่า นางกำลังจงใจสร้างเรื่องเพราะเรื่องการแต่งงานของจ้านเป่ยว่างและยี่ฝางนางมองดูแผ่นหลังของฮ่องเต้ขณะที่เขาเดินจากไป และรีบตะโกนว่า "ฝ่าบาท ท่านพ่อของหม่อมฉันเป็นแม่ทัพระดับแนวหน้าในแคว้งซาง พี่ชายก็เป็นแม่ทัพน้อยที่ทำให้ศัตรูในสนามรบหวาดกลัว แม้ว่าหม่อมฉันไม่ดีเท่าพวกเขา แต่หม่อมฉันจะไม่หัวดื้อกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ไม่ยอมเลิก ในเมื่อตัดขาดกับจ้านเป่ยว่างแล้ว หม่อมฉันจะไม่เอาเรื่องความรักมาข้องเกี่ยวกับนเมืองแน่นอน โปรดฝ่าบาทเชื่อใจหม่อมฉันสักครั้งเพคะ"จักรพรรดิ์ซูชิงยืนนิ่งโดยไม่หันกลับมามอง และพูดอย่างเย็นชาว่า "ในเมื่อเจ้ารู้ว่าท่านซ่งและพวกแม่ทัพน้อยเป็นวีรบุรุษที่ไม่ย่อท้อ เจ้าก็อย่าทำอะไรที่น่าละอายที่ทำลายชื่อเสียงของพวกเขา ข้าให้เกียรติได้ แต่ก็สามารถยึดกลับมาได้ กลับไปซะ ข้าจะทำเป็นว่าเจ้าไม่ได้มาที่นี่ในวันนี้ เจ้าต้องสำนึกตัวเองบ้าง"หลังจากพูดจบ เขาก็เดินออกไปซ่งซีซีวางมือลงอย่างจนใจ เรื่องน่าละอายเหรอ?ในสายตาของผู้อื่น แม้แต่ในสายตาของฮ่องเต้ นางเป็นคนที่ไม่แยกแยะระหว่างสิ่งถูกและผิด และเป็น

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status