แชร์

บทที่ 49

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ประตูของจวนเสนาบดีกั๋วกงปิดลง ปิดกั้นนางหมินอยู่ข้างนอก

ทุกอย่างที่เกี่ยวกับจวนแม่ทัพ แม่นมเหลียงไม่ต้องการแสดงความคิดเห็นแต่อย่างใดเลย

แต่เมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเฉินฟู นางก็ถามว่า "พ่อบ้านเฉิน เกิดอะไรขึ้นหรือ?"

เฉินฟูยื่นแส้ม้าให้คนดูแลม้า แล้วขยับขาซ้ายของเขา วันนี้เขาขี่ม้าไปหลายแห่ง ดังนั้นขาที่เคยบาดเจ็บนั้นจึงรู้สึกบวมและเจ็บปวดเล็กน้อย

"พระชายาอ๋องฮวยไม่ได้รับของขวัญท่คุณหนูมอบให้ท่านหญิง" เฉินฟูพูดอย่างเบาเสียงมาก กลัวว่าคนอื่นจะได้ยินเข้า

แม่นมเหลียงสะดุ้ง "พระชายากับฮูหยิงของเราเป็นพี่น้องกัน และปกติพวกนางก็ดูใกล้ชิด...จ้า เข้าใจแล้ว"

แม้ว่าฮ่องเต้จะแต่งตั้งตำแหน่งเสนาบดีกั๋วกงให้เขา แต่คุณหนูกลับจวนเพราะหย่ากัน คนอื่นคนนอกลือกันอย่างไม่น่าฟังเช่นนั้น บวกกับฮูหยิงก็ไม่อยู่แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างน้ากับหลานเลยหมดไป

ในสายตาของตระกูลชนชั้นสูง พวกเขามักจะคิดว่าคุณหนูได้รับการหนุนหลังจากท่านพ่อและพี่ชาย ถึงได้รับความสนใจจากฮ่องเต้ ดังนั้นไม่มีใครไม่ดูถูกคุณหนูเลย

เฉินฟูกล่าวว่า "ของขวัญนั้นข้าเก็บไว้ในห้องข้างๆ ของเรือนนั้น คืนนี้คุณหนูไปรับม้า คงไม่พบมัน อย่าให้นางรู้
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก
ความคิดเห็น (4)
goodnovel comment avatar
Benchawan
นางเอกเก่งมาก
goodnovel comment avatar
Tiwapon Prasertsarn
ไม่มีคู่แข่ง
goodnovel comment avatar
Tiwapon Prasertsarn
มีฝีมือในการใช้อาวุธที่เก่งมาก
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 50

    การฝึกฝนนี้ใช้เวลาครึ่งชั่วยาม นางเหยียดขาของนางขึ้นไปในกลางอากาศ และร่างกายที่แข็งแกร่งและตัวเบาของนางก็หมุนตัวอย่างรวดเร็วสองสามครั้ง จากนั้นหันกลับมาและใช้กำลังภายในเพื่อกระตุ้นหอกให้โจมตี ทันใดนั้นได้แต่เห็นก้อนหินก้อนหนึ่งแตกออกกลายเป็นฝุ่นไปเลยเฉินฟูประหลาดใจพลางเดินไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบดู เห็นแต่ว่าใบไม้ที่เต็มพื้นนั้นถูกเจาะเป็นรู โดยไม่มีข้อยกเว้นเฉินฟู่รู้สึกปลื้มใจอย่างยิ่ง "ทักษะการใช้หอกของคุณหนูมันดีกว่าแม่ทัพน้อยเสียอีก ขนาดเทียบกับท่านเสนาบดีกั๋วกงได้เลย"ซ่งซีซีถือหอกในมือ ดูคู่กับนางมาก บนหน้าผากของนางมีเม็ดเหงื่อออก และใบหน้าดูแดงราวกับดอกพลัมสีแดงบาน ในที่สุด หลังจากการฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลาหนึ่งเดือน นางก็กลับมาอยู่ในระดับเดียวกับตอนที่นางลงจากเขา "งั้นคราวนี้ข้าจะออกไปพร้อมกับหอกดอกท้อนี้"จะมีการเสริมกำลังแน่นอน แต่อาจจะไปสายหน่อย นางจึงต้องรวมตัวคนจากสถาบันว่านซงเหมินและสหายเก่าบางคนไปที่สนามรบก่อน เพื่อร่วมมือกับเป่ยหมิงอ๋องช่วยเฝ้าดินแดนจนกว่ากำลังเสริมจะมาถึงตอนนี้ เป่ยหมิงอ๋องกำลังทำสงครามกับแคว้งซาที่เขตหนานเจียง เขาจะรู้ถึงสถานการณ์ของแคว้งซา แน่น

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 51

    หิมะรอบแรกนี้ ตกไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็หยุดแล้วซ่งซีซียังคงสวมเสื้อผ้าสีขาวล้วน มีดอกไม้สีขาวบนผมของนาง เวลาอยู่ในจวนเสื้อผ้าที่นางสวนใส่นั้นโดยพื้นฐานแล้วเป็นสีขาวหมด ไว้ทุกข์ให้ท่านพ่อและท่านแม่เป็นเวลาสามปี ดังนั้นนาง จึงไม่สวมเสื้อผ้าสีสันสดใสนางยังคงทำตัวเหมือนตอนที่นางอยู่ในจวนแม่ทัพ ไม่รีบไม่ร้อน ตอนเข้าห้องก็คารวะให้ "ข้าคารวะฮูหยินผู้เฒ่ารองเจ้าคะ"จากนั้นนางก็คำนับนางหมิน และพยักหน้าเล็กน้อยฮูหยินผู้เฒ่ารองยืนขึ้นและก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับมือนาง หลังจากมองพิจราณาดูแล้ว นางยังคงผิวขาว มีสีหน้าสดใส ดูดีกว่าตอนที่อยู่จวนแม่ทัพตั้งเยอะเลยเห็นเช่นนี้นางถึงรู้สึกโล่งใจ แต่เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่นางอยู่ใน จวนแม่ทัพ ดวงตาของนางก็อดไม่ได้ที่จะแดงขึ้น "ซีซี สบายดีหรือไม่?""ฮูหยินผู้เฒ่ารองไม่ต้องกังวล ซีซีสบายดีเจ้าคะ" ซ่งซีซีช่วยพยุงนางนั่งลง ยิ้มเล็กน้อย และเงยหน้าขึ้นมอง "ท่านฮูหยินผู้เฒ่ารองก็สบายดีเช่นกันหรือไม่?""ดี สบายดีแหละ" ฮูหยินผู้เฒ่ารองนั่งลง และโล่งใจเมื่อเห็นว่า นางไม่ได้เสียใจเรื่องที่จ้านเป่ยว่างแต่งงานกับยี่ฝาง"ซีซี" นางหมินคารวะกลับ "คืออย่างนี้...""ฮูหย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 52

    เมื่อเห็นท่าทางทั้งกังวลใจและไม่สบายใจของนางหมิน ซ่งซีซี ก็อดยิ้มไม่ได้ "ไม่เป็นไร เจ้าพูดมาเถอะ"คืนนี้ นางจะออกจากเมืองหลวงแล้ว ถ้าเรื่องนี้วันนี้ไม่ได้จัดการให้เรียบร้อย นางจะมาใหม่พรุ่งนี้และวันมะรืนนี้ด้วย เพื่อไม่ให้นางมาขอพบแต่งเข้าจวนไม่ได้ จนทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้นางรู้ว่านางหมินไม่ได้รับความโปรดจากฮูหยินผู้เฒ่าจ้าน นอกจากไม่มีลูกชายแล้ว ทั้งยังครอบครัวของฝ่ายพ่อแม่ของนางไม่มีอำนาจ สินเดิมก็ไม่มีเท่าไร ยิ่งไม่มีความกล้าหาญและความงดงามที่เป็นเอกลักษณ์ของสตรีผู้สูงศักดิ์ที่จากตระกูลชั้นสูงนางหมินไม่เคยรังแกนางมาก่อน ยิ่งไม่ได้วางมาดที่ในฐานะพี่สะใภ้ให้กับนาง ดังนั้นนางจึงยอมฟังคำบ่นของนางน้ำตาของนางหมินเหมือนลูกปัดที่แตกหล่นลงมาอย่างต่อเนื่อง นางเล่าถึงความวุ่นวายในงานเลี้ยงแต่งงาน แขกออกไปหมดและทหารที่ได้รับเชิญก็จากไปอย่างไม่สบอารมณ์ในที่สุด ทุกคนต่างตำหนินาง รวมทั้งจ้านเป่ยชิง สามีของนางด้วยในคืนวันแต่งงาน ยี่ฝางคว่ำโต๊ะ เดิมทีจ้านเป่ยว่างจากไปแล้ว แต่เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ารู้เรื่องแล้วก็ไล่ให้เขากลับเข้าไป"นี่ยังไม่ว่าอะไรนะ" นางหมินพูดด้วยความโกรธและเสีย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 53

    ซ่งซีซีมองสายตาที่สิ้นหวังของนาง โดยคิดว่านางหมินคงหวาดกลัวกับแผนการที่จวนแม่ทัพจะหย่ากับนางนางหมินร้องไห้เสียงดัง และรีบปิดปากด้วยผ้าเช็ดหน้า หลังจากสงบอารมณ์พักใหญ่ถึงพูดต่อ "ซีซี เป็นเรื่องจริงนะ ข้าไม่โกหกเจ้า ท่านแม่บอกว่า จวนแม่ทัพในตอนนี้แตกต่างจากอดีต มันสามารถเข้าสู่ตระกูลชั้นสูงแล้ว ตอนที่ข้าดูแลบ้าน นางมักจะทำตัวไม่พอใจกับข้า โดยบอกว่าในตัวข้าไม่มีออร่าที่เป็นลูกสะใภ้คนโต ยังพูดตรงๆ ว่านางเสียใจที่ปล่อยให้ท่านสามีแต่งงานกับข้าตั้งแต่แรก""ข้าแตกต่างจากเจ้า หากข้าหย่าแล้ว ข้าจะกลับไปบ้านพ่อแม่ไม่ได้ ข้าจะถูกครอบครัวพ่อแม่ด่าไม่เป็นท่า ข้าทำให้พวกเขาต้องเสียชื่อ มันจะส่งผลต่อการแต่งงานของน้องสาวและหลานสาวของข้า ข้าทำได้เพียงตายในจวนแม่ทัพก่อนที่จะหย่าร้างเท่านั้น ไม่แม้แต่เป็นแม่ชีด้วยซ้ำ"ครอบครัวพ่อแม่ของนางหมิน ซ่งซีซีรู้เรื่องบ้างท่านพ่อของนางเป็นบรรณาธิการชั้นเจ็ดในสภาองคมนตรี แม้ว่าตำแหน่งงานไม่สูงนักและก็ไม่มีอำนาจอะไร แต่เป็นเกียรติสูงสุดสำหรับนักวิชาการ หากลูกสาวของตัวเองถูกหย่า บรรณาธิการหมินย่อมไม่ยอมแน่ๆฮูหยินผู้เฒ่าจ้านรู้สึกว่าจวนแม่ทัพในปัจจุบันนี้แตกต่า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 54

    หลังจากฮูหยินผู้เฒ่ารองและนางหมินจากไปแล้ว ซ่งซีซีก็ไม่กลับไปนอนต่อ ตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว แรอฟ้ามืดจะออกเดินทาง ตอนนี้ไม่เห็นจะต้องนอนเลยนางนึกถึงสิ่งที่นางหมินพูดเกี่ยวกับงานแต่งงานของจ้านเป่ยว่าง และทันใดนั้นก็อยากจะหัวเราะปรากฎว่าจ้านเป่ยว่างชอบคนที่มีนิสัยตรงไปตรงมาเช่นนี้แต่นิสัยตรงไปตรงมานี้ไม่ได้ทำให้เขามีความสุขในท้ายที่สุด แต่ทำให้จวนแม่ทัพเสียหน้าด้วย แขกทุกคนในงานเลี้ยงแต่งงานจากไปหมด ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยนะยี่ฝาง...ซ่งซีซียังคิดทบทวนกับสองคำนี้ในใจ ความเกลียดชังและความโกรธที่นางพยายามระงับไว้ก็พุ่งออกมาราวกับแม่น้ำและมหาสมุทรอย่างไรอย่างนั้นถ้าไม่ใช่นางโลภกับผลงาน สังหารทั้งหมู่บ้านและผู้ถูกจับ ทั้งครอบครัวของจวนโหวก็คงไม่ถูกสังหารก่อนหน้านี้ นางไม่เคยเกลียดยี่ฝางมาก่อน ไม่ว่านางจะขโมยสามีของนางหรือดูถูกดูแคลน นางยังคงเคารพนางทำงานเพื่อบ้านเมือง และบรรลุสันติภาพระหว่างเมืองซีจิงและแคว้งซางแต่ยามนี้ นางเกลียดยี่ฝางเข้ากระดูกดำเรื่องที่ยี่ฝางนางสังหารหมู่และผู้ถูกจับ นางไม่รู้ว่าท่านตารู้เรื่องนี้หรือไม่แต่ฝ่าบาทคงไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะจดหมายทหารท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 55

    ตอนเย็นพักผ่อนที่โรงเตี้ยม ทั้งสายฟ้าและนางจะได้นอนหลับได้ดี นางตื่นตัวเป็นพิเศษเมื่ออยู่ข้างออกเช่นนี้ นางตื่นก่อนรุ่งสางเพื่ออาบน้ำอาบท่า แล้วเอาผ้าสีดำคลุมหน้าค่อยออกเดินทางต่อการเดินทางนั้นมันยากลำบากโดยธรรมชาติแล้ว และยังหนาวมากด้วย แม้ว่าใบหน้าจะคลุมด้วยผ้าสีดำแต่ลมก็ยังคงรุนแรงมากจนผิวของนางหยาบกร้านเมื่อตกเย็นตอนที่นางพักในโรงเตี้ยม นางได้ส่องกระจก และเห็นว่าผิวของนางที่เคยชุ่มชื้นสดใสนั้น ยามนี้กลับจะแตกออกแล้ว จึงหยิบขวดน้ำมันบำรุงผิวมาทาไม่ใช่เพราะอยากสวย แต่มันแห้งจนแตกออกก็จะเจ็บด้วยในเช้าตรู่ของวันที่ห้าของการเดินทาง นางมาถึงเขตหนานเจียงแต่ตลอดทางนี้ นางรู้สึกใจคอไม่ดี ที่ทางหลวงไม่มีกลุ่มขนส่งอาหารและหญ้า หรือบอกอีกนัยหนึ่งคือ เป่ยหมิงอ๋องคิดว่าตัวเองชัยชนะแน่นอนเลยไม่จำเป็นต้องขนส่งอาหารและหญ้าอย่างต่อเนื่องแต่ยังมีสงครามที่ยากที่จะรับมือต้องสู้เมื่อมาถึงเขตหนานเจียง หลังจากได้สอบถามมา และพบว่ายามนี้เหลือเพียงเขตอีลี่และเขตซีม่อนเท่านั้นที่ไม่ได้เอากลับมาเป่ยหมิงอ๋องใช้กองทัพเก่งมาก และฟื้นคืนพื้นที่ของเขตหนานเจียงที่สูญหายไปได้ถึเก้าส่วน ตอนนี้เหลือเพีย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 56

    นางขี่ม้าและติดตามเซี่ยหลูโม่ไป โดยมองออกไปเมื่อทุกๆ สิบก้าวก็มีกองไฟจัดไว้ และนางอดไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาเดิมทีเขตหนานเจียงมีกองกำลังสามแสนนาย หลังจากยืมจากชายแดนเฉิงหลิงมาหนึ่งแสนนาย ทั้งหมดรวมเป็นสี่แสนนายแต่จากการสังเกตของนาง ตอนนี้คงไม่เหลือสองแสนเลยตลอดทางที่เป่ยหมิงอ๋องออกศึกเพื่อยึดดินแดนกลับมา ได้รับ 23 เมืองของเขตหนานเจียงกลับ ยามนี้เหลือแค่สองแห่ง ไม่ต้องคิดเลย ต้องมีทหารเสียชีวิตเป็นจำนวนมากเมื่อมาถึงนอกค่ายผู้บัญชาการ ผู้บุกเบิกและรองแม่ทัพยืนอยู่ทั้งสองฝั่งของค่าย ซ่งซีซีเหลือบมองพวกเขาแวบหนึ่ง พวกเขายังอยู่ในชุดเกราะขาดรุ่งริ่ง ใบหน้าที่หยาบกร้านและดำมาก และมีเคราที่ผูกปมกันห่างจากค่ายผู้บัญชาการไม่ถึงสิบไม้ มีทหารหลายคนยืนมองดูจากระยะไกล หนึ่งในนั้น ซ่งซีซีรู้จักเขา เขาชื่อฟางเทียนสวี และเขาเป็นอดีตลูกน้องของท่านพ่อนาง ตอนนางยังเด็ก ท่านอาฟางเคยกอดนางด้วยฟางเทียนสวีก้าวเข้ามา ยืนอยู่ข้างหน้าซ่งซีซี มองพิจารณานาง และถามอย่างตื่นเต้นว่า "ซีซีเหรอ?""ท่านอาฟาง!" ซ่งซีซีเรียก ดวงตาของนางเผยความอบอุ่นขึ้นมาริมฝีปากของฟางเทียนสวีสั่น เขาพยักหน้า และหันหลังก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 57

    จากนั้น นางถึงรู้ตัวว่าความเหนื่อยล้าที่ซึมเข้าสู่กระดูกนั้น ทำให้นางนั่งลงบนพื้นด้วยขาที่สั่นเทา นางไม่มีกำลังไปสนใจว่าเรื่องมารยาทอีกเป็นเพราะมันนานมากแล้วที่นางไม่เคยเดินทางไกลเช่นนี้ และร่างกายนางไม่ไหวแล้วเมื่อเห็นนางแบบนี้ เป่ยหมิงอ๋องก็ยิ้มออกมาเผยให้เห็นฟันขาวของเขา "เหนื่อยมากแล้วใช่ไหม เดินทางมากี่วันแล้ว""ห้าวัน" ซ่งซีซีหายใจเบาๆ "ข้ายังไม่ได้เป็นอะไร แต่ม้าของข้าต้องอ่อนล้าจริงๆ""น่าทึ่งมาก!" เป่ยหมิงอ๋องแสดงความชื่นชมและตะโกนเสียงดัง "ให้อาหารม้า และเตรียมอาหารด้วย!"มีเสียงดังมาจากด้านนอก "ขอรับ!"ซ่งซีซีรีบถามขึ้นมาว่า "ท่านอ๋องไม่คิดแผนป้องกันก่อนหรือ หรือส่งข้อความกลับไปเมืองหลวงโดยเร็วเพื่อขอให้ฮ่องเต้ส่งกำลังเสริมมาเพิ่ม?"เป่ยหมิงอ๋องเอนหลังบนโต๊ะ แตะนิ้วยาวสีดำของเขาบนขาของเขา และหรี่ตาลง "รับสมัครทหาร กำลังเสริมจะไม่ได้มาเร็วขนาดนั้นหรอก หากต้องเอาชนะสงครามรอบแรกก็ต้องรับสมัครทหารก่อน และจัดเตรียมอาหารและหญ้าด้วย"เขามองซ่งซีซี ด้วยความชื่นชมอย่างไม่มีที่ติในสายตาของเขา "ที่เจ้ามาเขตหนานเจียงด้วยตัวเองเพื่อแจ้งข้าวนี้กับข้าเป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยม ม

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status