Share

บทที่ 681

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
องค์หญิงใหญ่มองแม่นมด้วยรอยยิ้มจางๆ "เจ้ารีบร้อนอะไรกัน ยังไม่ได้ถูกลักพาตัว แต่สอบสวนมาให้ชัดเจนแล่วว่าเขาจะออกจากเมืองหลวงไปยังเมืองซุยโจวในวันที่สามสิบ กันยายน ทั้งหมดมีสามคน รวมทั้งคนขับรถม้าและเด็กใช้คนหนึ่ง จะนำพวกเขาทั้งหมดกลับไปที่จวนองค์หญิง และกักขังพวกเขาไว้ในคุกใต้ดินก่อน ใครจะรู้ว่าพวกเขาหายตัวไป พอรอเทศกาลหันอี้ผ่านไป ข้าค่อยลงมือก็ไม่สาย"

แม่นมฝางรู้สึกหัวใจเต้นแรงเมื่อได้ยินเช่นนี้ "องค์หญิง ซ่งฮวยอันปฏิบัติต่อท่านอย่างไร้หัวใจ้เช่นนี้ ที่ท่านอยากมีทายาททำไมต้องตามหาคนของตระกูลซ่งด้วยล่ะ แม้ว่าฝู้หม่าเป็นคนขี้ขลาด แต่ถึงยังไงเขาเป็นราชบุตรเขยที่ถูกต้องตามกฎหมายของท่านนี่นะ"

องค์หญิงใหญ่รู้สึกว่าปากขมขื่น ความขมขื่นนี้มาจากก้นบึ้งของหัวใจ นางกำหมัดแน่นเพื่อประคองขมับและหลับตาลง คำพูดของนางแทบจะพูดกัดฟันกรอด "เขาโหดเหี้ยมและใจร้าย ไม่อยากมีอะไรเกี่ยวข้องกับข้า แต่ข้ากลับไม่ยอมให้เขาสมปรารถนา ข้าอยากให้กำเนิดบุตรชายของตระกูลซ่ง เพื่อที่วิญญาณของเขาจะไม่สงบสุข"

แม่นมฝางถอนหายใจ "ท่านนี่แค่โกรธและหาเรื่องกับคนตาย มิใช่ต้องการมีบุตรชายจริงๆ ถ้าท่านอยากได้ก็ทำไปนานแล้ว ทำไม
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 682

    เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน หวังเชียงออกมาจากกระทรวงโยธาธิการ และรถม้ารออยู่ด้านนอกแล้ว ก่อนขึ้นรถม้าเขาพูดว่า "ไปที่ปลายถนนฉางเล่อก่อน สองวันก่อนฮูหยินบอกว่าอยากกินเกี๊ยวของเหล่าจาง ไปซื้อของดิบกลับไปปรุงเอง""เกรงว่าตอนนี้ไม่ได้เปิดร้านนะ" คนขับบอกแผงขายเกี๊ยวของเหล่าจางนั้นตั้งขึ้นเฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น เมืองหลวงแคว้นซางก็เจริญรุ่งเรือง ส่วนถนนฉางเล่อและถนนเป่ยอันก็เอิกเกริกมากหลังฟ้ามืด"ใกล้แล้ว พอถึงที่นั่นค่อยรอสักพักก็ได้" หวังเชียงพูดคนขับรถม้ายิ้ม "นายคนรองรักฮูหยินสองจริงๆ นะ"หวังเชียงเอาพัดในมือไปตีหัวของคนขับเบาๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "นางเป็นสตรีที่ดีได้แต่งงานกับข้า มีลูกๆ ให้ข้า ข้าจะไม่ทำดีกับนางได้อย่างไร เจ้าก็เช่นกัน ให้ปฏิบัติต่อหยานเอ๋อร์ให้ดีๆ ด้วย"คนขับรถม้ายิ้ม "ข้าน้อยรับทราบขอรับ"คนขับรถม้าเป็นเด็กที่เกิดจากคนรับใช้ที่บ้าน และหยานเอ๋อร์ถูกซื้อมาตั้งแต่นางยังเด็ก สองปีก่อนได้ตัดสินให้พวกเขาแต่งงานกัน หยานเอ๋อร์ตอนนี้รับใช้อยู่ข้างกายฮูหยินรองนางหลานเมื่อรถม้ามาถึงสุดถนนฉางเล่อ พ่อค้าแม่ค้าก็เริ่มตั้งแผงขายของทีละร้าน เหล่าจางอายุเยอะแล้วเลยทำอะไรก็ช้าๆ หว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 683

    เกี๊ยวนึ่งถูกส่งมาอย่างร้อนๆ และมีกลิ่นหอม คุณหนูว่านขอบคุณหวังเชียง "ขอบคุณใต้เท้าหวังที่เมตตานะ ครั้งต่อไปมาซื้อใบชาที่ร้านข้า ข้าจะคิดส่วนลดให้นะ"หวังเชียงมองดูนาง "ส่วนลดเท่าไหร่?"คุณหนูว่านกระพริบตาและถามอย่างฉลาดว่า "ใต้เท้าหวังอยากได้ส่วนลดเท่าไหร่ล่ะ"คุณหนูว่านมีรูปลักษณ์ที่อ่อนหวานและมีเสน่ห์โดยเฉพาะเวลาที่นางกระพริบตาพร้อมรอยยิ้มที่เบ่งบานบนริมฝีปากของนาง ราวกับดอกกล้วยไม้ที่เบ่งบานในตอนกลางคืน เมื่อผู้ชายเห็นนางในสภาพแบบนี้ ต่อให้เป็นสุภาพบุรุษมากแค่ไหน ก็ย่อมรู้สึกหวั่นไหวใจเล็กน้อยแต่หวังเชียงราวกับมองไม่เห็นความงามของนาง และเขาแค่สนใจว่าใบชามีส่วนลดเท่าไร "คุณหนูให้ราคากับใต้เท้าซุนเท่าไรก็ให้ราคานั้นกับข้าด้วยเถอะ"คุณหนูว่านระเบิดเสียงหัวเราะ มองอีกฝ่ายด้วยดวงตาสวยงาม "ไม่ได้สิ บุญคุณที่ใต้เท้ายอมให้ข้ากินเกี๊ยวก่อน ข้าจะตอบแทนอย่างดี หากเจ้ามาด้วยตนเอง ซื้อหนึ่งตาชั่ง แถมให้ครึ่งตาชั่งเป็นอย่างไรบ้าง?"หวังเชียงพูดอย่างมีความสุข "งั้นตกลงตามนี้นะ""ตกลงตามนี้!" คุณหนูว่านยิ้มให้เขา ราวกับกล้วยไม้ในหุบเขา ทั้งเย็นชาและสวยงามตระการตาแต่หวังเชียงมองไปทางอื่นแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 684

    แน่นอนว่าหวังเชียงจะไม่รู้ว่าคุณหนูว่านคนนั้นมุ่งเป้าที่เขา หากเขาได้ฉลาดเช่นนั้นก็คงไม่ใช่แค่เป็นผู้ช่วยในกระทรวงโยธาธิการแล้วกลับถึงจวน ทุกคนยังไม่ได้กินข้าวกำลังรอเขาอยู่ เขายื่นเกี๊ยวให้คนใช้ เพื่อให้พวกเขาปรุงอย่างโดยเร็ว ให้ทุกคนได้กินคนละชามอย่างร้อนๆนางจีพูดติดตลกว่า "กลับมาช้าขนาดนี้ ที่แท้ไปซื้อเกี๊ยวเหรอ? เจ้ารองเนี่ย ตอนนี้ในสายตาเจ้ามีแต่ภรรยาเท่านั้นแล้ว ไม่มีแม่อีกแล้ว ทำให้แม่ต้องทนหิวเพื่อรอเจ้ากลับมา"หวังเชียงรีบกล่าวขอโทษ และอดไม่ได้ที่จะบ่นขึ้นมาว่า "เดิมทีก็เร็วกว่านี้ได้ แต่เหล่าจางทำช้ามาก ต่อมาคุณหนูว่านก็มา โดยบอกว่านางหิวแย่ขอร้องให้ข้ายอมให้พวกนางสองคนกินก่อน ก็เลยกลับมาสายหน่อย""คุณหนูว่าน" นางจีจับใจความสำคัญได้ นางรู้จักน้องคนนี้เป็นอย่างดี และมักจะไม่ค่อยสุงสิงกับผู้หญิง ทำไมจู่ๆ มีคุณหนูว่านโผล่มานางถามต่อว่า "คุณหนูว่านคือใครหรือ""คนที่เปิดร้านใบชา ตอนที่ใต้เท้าซุนจัดงานเงี้ยง ก็ให้นางไปส่งใบชา ใต้เท้าซุนแนะนำให้รู้จัก ข้าก็ได้ให้เถี่ยจู่ไปซื้อใบชาที่นั่นด้วย นั่นไง คืออันที่ข้านำกลับมาเมื่อไม่กี่วันก่อน"นางหลานตอบว่า "ใบชาพอได้อยู่ แต่ราค

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 685

    นกพิราบของร้านอวี๋นยี่บินไปทั่วสถานที่ แลกเปลี่ยนข้อความอย่างต่อเนื่อง หลังจากบินอยู่หลายๆ วัน พวกมันก็มาถึงเมืองหลวงในตอนเย็นสองวันก่อนเทศกาลหันอี้ หลังจากที่พวกหงเซียวได้รวบรวมข้อมูลต่างๆ ลงในจดหมายฉบับเดียวและส่งไปที่จวนเป่ยหมิงอ๋องในตอนเย็นหงเซียวมอบให้แก่เสิ่นว่านจือ แต่เสิ่นว่านจือไม่ได้เปิดซองจดหมาย นางเรียกให้ทุกคนไปที่ห้องอ่านหนังสือโดยตรงและมอบให้กับอาจารย์หยู เพราะเรื่องรชนี้เกี่ยวกับหยูไป๋ งั้นปล่อยให้อาจารย์หยูอ่านก่อนจะดีกว่าหลังจากที่อาจารย์หยูอ่านเสร็จแล้ว เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาปูดออกมา "กล้าดียังไง มันเป็นเรื่องสมรู้ร่วมคิดจริงๆ บุญคุณช่วยชีวิตอะไรกัน ล้วนเป็นแผนการชัดๆ"เซี่ยหลูโม่รับจดหมายมาอ่าน จากนั้นก็พูดคร่าวๆ ว่า "คนที่มาก่อปัญหาคือพวกอันธพาลในท้องถิ่นที่ถูกจ้างไปก่อเรื่อง คนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาคือเจ้าของจวนที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอหยง นั่นก็คือองค์หญิงใหญ่ ทุกครั้งที่องค์หญิงใหญ่ไปที่นั่นก็จะพักที่นั่น ซีซีที่เจ้าเคยให้ตรวจสอบว่าก่อนและหลังเกิดเหตุการณ์ในกลุ่มกายกรรม องค์หญิงใหญ่ได้ไปที่อำเภอหยงหรือไม่ นางไปแล้วจริงๆ คาดว่านางคงดูการแสดงกายกรรมของพวกเขาแล้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 686

    ทางตระกูลฝางไม่มีความคิดเห็นใดๆ องค์หญิงใหญ่เร่งไปแล้วหลายครั้ง สุดท้ายฮูหยินโหวกู้ก็ต้องไปตระกูลฝางด้วยตนเองเมื่อถึงตระกูลฝาง พอถามดูแล้วถึงรู้ว่าที่แท้เจ้าสิบเอ็ดได้ไปที่ซูโจวเพื่อเยี่ยมหวังหวู่จากกลุ่มชีซื่อ บอกว่าหวังหวู่เกิดอุบัติเหตุ ทั้งเขาและฉีฟาง บุตรบุญธรรมของตระกูลฉีก็ไปที่นั่นแล้วนางลู่แสดงความขอโทษ "ที่จริงแล้วเรื่องนี้ควรจะตกลงกันให้เร็วๆ แต่เจ้าเด็กคนนี้ยืนกรานที่จะไปเยี่ยมสหายของเขา ต้องรอกลับมาค่อยให้คำตอบ ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาคิดยังไง แต่ข้าชอบใจคุณหนูเซี่ยมากนะ เจ้าก็รู้ ตั้งแต่ที่ข้าเห็นนางในวันนั้น ข้าตาสว่างเลย อยากให้นางเป็นลูกสะใภ้ของข้าเร็วๆ เลย"นางลู่พูดอย่างจริงใจ และบวกกับการแสดงออกในวันนั้นก็ดูท่าชอบใจมากด้วยจริงๆ ฮูหยินโหวกู้เลยเชื่อที่นางพูด "แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง แต่วันนั้นก็เจอหน้ามาแล้ว ตอนกลับมาไม่ได้ถามว่าเขาถูกใจหรือไม่หรือ หากถูกใจ ก็ตกลงเรื่องแต่งงานให้เร็วๆ ข้าจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องแต่งงานของนางอีก"ฮูหยินโหวกู้พูดเองเออเองว่า "นอกจากนี้ เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญ การคลุมถุงชนนี้ ตราบใดที่เขาไม่ขัดแย้งกับเรื่องนี้ เจ้ามาตัดสิน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 687

    เห็นแก่เรื่องนี้ เขาก็เต็มใจที่จะให้ความร่วมมือ บุตรชายนามสกุลกู้ ต่อไปจะต้องเป็นร่วมทุกข์ร่วมสุขกับจวนโหวกู้แน่นอน"ข้าจะกลับไปเตือนพวกเขาสักหน่อย" ฝู้หม่ากู้ตอบองค์หญิงใหญ่ถามว่า "ใกล้เทศกาลหันอี้ ได้เชิญอาจารย์จื้อหยวนหรือยัง?""เชิญแล้ว ครั้งนี้รวมอาจารย์จื้อหยวนด้วย ทั้งหมดมีพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงแปดรูป ข้าจะไปรับพวกเขาด้วยตนเองในตอนเช้าตรู่ของวันที่หนึ่ง"องค์หญิงใหญ่ตอบรับอืม แล้วแสดงน้ำใจเป็นพิเศษ "วันนั้นให้แม่เจ้าก็มาด้วยเถอะ แต่ต้องบอกนางว่าต้องอยู่ทั้งคืน ถ้านางทนความยากลำบากนี้ไม่ได้ ก็ไม่ต้องมา""ทนได้ ทนได้แน่นอน ท่านเป็นชาวพุทธมาหลายปีแล้วและอยากมาร่วมงานมาโดยตลอด" ฝู้หม่ากู้รีบตอบ พวกฮูหยินที่มาร่วมเทศกาลหันอี้นั้นรวมถึงฮูหยินเสนาบดีมู่ ฮูหยินไทฟู่ คุณนายใหญ่หลี่เป็นต้น ล้วนเป็นคุณนายใหญ่หรือฮูหยินจากตระกูลขุนนาง และสามีหรือลูกหลานของพวกนางต่างดำรงตำแหน่งสำคัญในราชสำนักนอกจากนี้ พวกนางมีความเมตตากรุณาและใจดีต่อผู้อื่น หากท่านแม่ได้สนิทกับพวกนาง ต่อไปก็มีผลประโยชน์อย่างมากต่อลูกหลานในจวนโหวกู้ในอนาคต และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาจวนองค์หญิงอย่างเดียวองค์หญิงใหญ่ไม่คิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 688

    รถม้าออกจากเมือง ซ่งจืออันต้องไปเมืองซุยโจว งานที่นั่นเกิดเรื่องนิดหน่อย แม้ว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ท่านพ่อกำชับให้เขาไปด้วยตนเองเดิมทีเขาอยู่ซุยโจวมาตลอด แต่เนื่องจากภรรยาตั้งครรภ์ เขาจึงส่งนางกลับไปเมืองหลวงเพื่อรอการคลอดบุตร หลังจากจัดการเรื่องในซุยโจวอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็สามารถฝากเรื่องไว้กับหัวหน้าร้าน ที่เขากลับเมืองหลวงก็วางแผนทำธุรกิจอื่นในเมืองหลวงด้วยเขาเป็นพ่อคนมานานแล้ว แต่งงานเมื่ออายุยี่สิบปี และตอนนี้มีบุตรชายสองคน เขาหวังว่าเด็กคนนี้จะเป็นลูกสาวมีคนน้อยมากในครอบครัวที่รับอนุภรรยา และเขาก็ไม่ได้แต่งอนุภรรยา ความสัมพันธ์ระหว่าเขากับภรรยาก็ใกล้ชิดมาก ก่อนหน้านี้ทำธุรกิจอยู่ข้างนอกก็มักจะนำนางไปด้วย ปัจจุบันนี้ธุรกิจค่อยๆ กลับมาอยู่เมืองหลวง งั้นพวกเขาสี่คน...ไม่สิ ห้าคนในครอบครัวนี้ก็จะอยู่ในเมืองหลวงเขาไม่ได้ไปเยี่ยมซีซี แต่ได้ไปเจอรุ่ยเอ๋อร์ในสถาบันการศึกษาแล้ว ครูของเขาเป็นอาจารย์ใหญ่ของสถาบันด้วย ดังนั้นเขาจึงสามารถเข้าไปเยี่ยมชมในสถาบันได้อย่างราบรื่นเหตุผลที่เขาไม่ได้ไปจวนอ๋อง ก็เพราะธุรกิจของเขายังไม่มั่นคงอย่างเป็นทางการ ไท่กงบอกว่าเขาไปควรไปจนกว่าธ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 689

    เขาพยายามดิ้นรน แต่ไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อยและอ่อนแอราวกับป่วยหนักประตูถูกผลักให้เปิดออกพร้อมกับเสียง "แค่ก" เขารีบหันศีรษะไปมอง และเห็นใครบางคนเดินอ้อมฉากบังตามานางหวีผมเป็นทรงมวยตกหลังม้า(เป็นลักษณะมวยเอียงคล้ายกับคนกำลังตกลงมาและเป็นมวยแกละคล้ายหลังม้า) ประดับด้วยปิ่นระย้า เสื้อคอเหลี่ยมสีขาวมีแถบสีเขียว และเสื้อคลุมผ้าต่วนลายเมฆ นางดูอายุประมาณสี่สิบปี ยังบำรุงหน้าตาเป็นอย่างดี แต่ใบหน้าของนางดูสง่างามและจริงจัง ค่อนข้างจะมีพลังที่น่าเกรงขามของผู้นำมีคนเดินตามข้างหลังนาง และย้ายเก้าอี้ไปข้างเตียง นางค่อยๆ นั่งลงและสบตากับสายตาที่ตกตระหนกและสงสัยของซ่งจืออันด้วยสายตาที่เย็นชา"เจ้า...เจ้าเป็นใคร?" ซ่งจืออันไม่เคยเห็นองค์หญิงใหญ่มาก่อน แต่รู้ดีว่าตัวตนของนางย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนองค์หญิงใหญ่เห็นความตื่นตระหนกในดวงตาของเขา และใจของนางก็หดหู่ถึงสุดขีด ราวกับว่าไฟที่จุดไว้ถูกราดด้วยน้ำในทันที ดับลงจนไม่มีประกายไฟเหลืออยู่แม้แต่น้อยหน้าตาคล้ายกัน แต่กิริยาท่าทางและความกล้าหาญต่างกันราวฟ้ากับดิน"เจ้ากลัวข้าเหรอ" องค์หญิงใหญ่ถามช้าๆ โดยไม่ได้ปิดบังความรังเกียจในดวงตาของนา

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status