Share

บทที่ 696

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ไม่นานหลังจากนั้น จิ้งซินก็ถูกพาเข้ามา ใบหน้าของนางซีดเผือด แม่นมเหลียงนำกล่องไม้ที่พบจากใต้เตียงของนางขึ้นมา และเทสิ่งของทั้งหมดลงในกล่องบนโต๊ะ

นอกจากต่างหูไข่มุกตงจูแล้ว ยังมีเครื่องประดับอื่นๆ อีกมากมาย แค่ดูก็รู้แล้วว่ามันมีราคาไม่น้อยเลย นอกจากนี้ ยังมีตัวเงินหลายใบอยู่ใต้กล่องไม้อีกด้วย เมื่อเปิดมันออก ล้วนเป็นตัวเงินหนึ่งร้อยตำลึง และยังมีทองคำสองแท่ง แท่งเงินห้าแท่ง เศษเงินอีกมากมาย

สนมฮุ่ยไทเฟยเบิกตากว้าง นางได้ลุกขึ้นหลังจากสาวใช้ไปชงชาให้แล้ว ตอนนี้เมื่อมองดูสิ่งของบนโต๊ะ นางหยิบปิ่นปักผมทองชิ้นใดชิ้นหนึ่งขึ้นมาดู ปิ่นปักผมนั้นมีอัญมณีฝังอยู่ ผลิตภัณฑ์นี้สนมฮุ่ยไทเฟยคุ้มเคยมาก ล้วนเป็นสิ้นค้าจากร้านจิน ของที่เลียนแบบจากร้านจินจิง

จากนั้นก็หยิบกำไลขึ้นมาอีกอันหนึ่งแล้วมองดู ฝีมืองานก็คล้ายกัน

เครื่องประดับดังกล่าวมีสิบกว่าชิ้น รวมถึงตัวเงิน แท่งทองคำ และแท่งเงินพวกนั้น พอคำนวณคร่าวๆ จะรวมกันได้เงินหลายพันตำลึง

ทีแรกสนมฮุ่ยไทเฟยคิดว่านางขโมยของไป แต่คนในจวนอ๋องมีใครบ้างที่จะใช้เครื่องประดับจากร้านจินล่ะ? แม้ว่าเครื่องประดับของนางในก่อนหน้านี้ก็เอาไปขายหมดแล้ว หลังจากวาดเส
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 697

    ไทเฟยถามเช่นนี้ ซึ่งพิสูจน์ว่านางเดาออกว่าจิ้งซินรับสินบนและทรยศต่อจวนอ๋อง แต่แค่ไม่รู้ว่าใครติดสินบนนาง"องค์หญิงใหญ่" ซ่งซีซีเอ่ยขึ้นมาเบาๆสนมฮุ่ยไทเฟยพูดด้วยความโกรธ "นางต้องการทำอะไรกันแน่ ตั้งแต่เมื่อไหร่?""คาดว่าตอนที่ท่านยังอยู่ในวัง นางก็ได้กลายเป็นคนขององค์หญิงใหญ่อยู่แล้ว ตอนนั้นได้ทำธุรกิจร่วมกับท่านอยู่ใช่ไหม จิ้งซินคงช่วยออกหน้าพูดแทนให้องค์หญิงใหญ่ไปไม่น้อยสินะ?"สนมฮุ่ยไทเฟยหรี่ตาลง และคิดทบทวนอีกครั้ง จากนั้นก็โมโหมาก "นางไม่ได้แค่พูดแทนเท่านั้น ถือว่ายกย่องก็ว่าได้ โดยบอกว่านางขึ้นชื่อเป็นคนใจดี และค่อนข้างมีชื่อเสียงในตระกูลขุนนางในเมืองหลวง นอกจากนี้ นางยังมีความสามารถเรื่องฝีมืออีกด้วย ทุกคนล้วนชมเชยนาง ชมเชยจนดูเหมือนนางจะมีความสามารถเก่งกว่าท่านพี่ข้าเสียอีก ทำให้ข้าก็ชื่นชมนางเข้าแล้ว"เสิ่นว่านจือต้องการบอกว่าสำหรับสนมฮุ่ยไทเฟยนั้นมันไม่ได้เรียกว่าชื่นชม นั่นมันเรียกว่าหวาดกลัวมากกว่า โดนแม่ลูกสองคนนั้นหลอกลวงและรังแก หากมิใช่ซีซีออกหน้าช่วยให้ แม้ว่านางรู้ตนเองโดนหลอกก็ไม่กล้าไปถามด้วยซ้ำ"ทำไมนางถึงจัดเส้นสายมาข้างกายข้าล่ะ?" สนมฮุ่ยไทเฟยยังคงไม่เข้าใจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 698

    ในเวลาเดียวกัน เซี่ยหลูโม่ได้แอบเข้าไปในจวนองค์หญิงใหญ่แล้ว และยังไปไม่ถึงคุกใต้ดินคุกใต้ดินของจวนองค์หญิง มีทางเข้าสี่ทาง ช่างฝีมือที่สร้างคุกใต้ดินแต่เดิมนั้นตายหมดแล้ว ถูกฆ่าปิดปากหลังเสร็จงานก่อสร้าง แต่อาจารย์หยูพบบุตรชายของหัวหน้ากลุ่มงานคนนั้น และบุตรชายของหัวหน้ากลุ่มงานนั้นมีสำเนาภาพวาดส่วนประกอบในตอนนั้นจริงๆ ถึงจะรู้ว่าคุกใต้ดินนี้เดินอย่างไรมีอะไรบ้างคุกใต้ดินมีขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของจวนองค์หญิง และถูกขุดลึกลงไปมาก ในระหว่างการก่อสร้างข้างในได้ใช้อิฐเพื่อแยกห้องทั้งสี่ออกไปทางตะวันออก ทางใต้ ทางตะวันตกและทางเหนือทางเข้าทั้งสี่ตรงกับสี่ห้องขังตามลำดับ ห้องขังด้านตะวันออกต้องเข้าจากลานด้านตะวันตก ข้างในนั้นได้วางของอะไรไว้ตอนนี้ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ รู้แต่ว่าห้องขังทางตะวันออกและห้องขังทางใต้ทั้งสองแห่งไม่ได้ใช้เพื่อกักขังผู้คนจากแผนผังการก่อสร้างดู เพราะที่นั่นไม่มีการแบ่งแยกห้องมีเพียงห้องใต้ดินขนาดใหญ่สองแห่งคุกใต้ดินทั้งสองแห่งทางตะวันตกและทางเหนือถูกใช้เพื่อกักขังผู้คน โดยแต่ละคุกใต้ดินจะมีห้องขังขนาดใหญ่ และที่เหลือจะถูกแบ่งออกเป็นห้องขังเล็กๆห้องขังทั้งสี่ไม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 699

    ซ่งจืออันรีบถามขึ้น "ท่านขอรับ มิทราบว่าสถานที่นี้คือที่ไหน ทำไมจึงลักพาตัวครอบครัวของเราทั้งสี่คนมา ไม่รู้ว่าข้าทำให้พวกท่านขุ่นเคืองยังไง หากข้าทำอะไรล่วงเกิน ข้าจะขอโทษให้ แต่ภรรยาและลูกๆ ของข้าก็ไม่เกี่ยวด้วยนี่ โปรดปล่อยพวกเขาไป มีอะไรก็ลงที่ข้าได้ จะลงโทษอย่างไรข้าก็ยอมรับเลย"ฝู้หม่ากู้พูดอย่างเย็นชา "เมื่อถึงเวลาฆ่าเจ้าจริงๆ เกรงว่าเจ้าจะซ่อนตัวอยู่ข้างหลังภรรยาและลูกๆ ของเจ้า คนขี้ขลาดที่ไร้ค่า หุบปากซะ"ยาให้อ่อนแรงได้หมดฤทธิ์กับซ่งจืออันเกือบทั้งหมดแล้ว เขาแนบตัวอยู่บนหน้าต่างเล็กๆ แล้วมองออกไปข้างนอก "ข้าจะไม่ซ่อน ตราบใดที่ปล่อยภรรยาและลูกๆ ของข้าไป จะให้ข้าตายอย่างไรข้าก็ยอม""ฝู้หม่าแย่างข้าเกลียดคนชอบอวดความแข็งแกร่งและความกล้าหาญเช่นเจ้ามากที่สุด" หลังจากพูดเสร็จ ฝู้หม่ากู้ก็เดินกลับไปทางซ้ายอย่างเย็นชา จากนั้นเปิดประตูห้องขังห้องหนึ่งแล้วเข้าไปองค์หญิงสั่งว่าเทศกาลหันอี้ไม่อนุญาตให้เขามา ดังนั้นเขาจึงซ่อนตัวในคุกใต้ดินเพื่ออยู่เป็นเพื่อนกับเฟิ้งเอ๋อ เขาได้ติดสินบนคนที่ดูแลคุกใต้ดินแล้ว จะให้ปล่อยพวกนางออกไปมันเป็นไปไม่ได้แน่นอน แต่ถ้าเขาต้องการเข้ามาก็ไม่จำเป็นต้อ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 700

    แต่พวกเขายังคงตัวสั่น แต่เดิมพวกเขาอยู่ที่บ้านดีๆ แต่กลับถูกหลายๆ คนลักพาตัวมาอย่างโหดเหี้ยมและให้คุมขังที่นี่ อายุมากที่สุดยังไม่ถึงแปดขวบด้วยซ้ำ แล้วจะไม่กลัวได้อย่างไร?นางหวงก็กลัวมากเช่นกัน แต่ในฐานะแม่คน นางมีจิตใจเข้มแข็ง อดทนต่อความกลัวและความกังวล ได้ปลอบโยนบุตรชายสองคนพร้อมกับสามีแต่พอทั้งสองก็มองหน้ากัน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและจนใจเซี่ยหลูโม่อยู่ในห้องขังอีกห้องหนึ่ง เมื่อได้ยินคำพูดของซ่งจืออันและนางหวง เขาก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมว่าจิตวิญญาณของพ่อตาของเขาถูกส่งต่อไปยังลูกหลานทุกคนของตระกูลซ่งจริงๆโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซ่งจืออันแทบไม่ได้สุงสิงกับพ่อตาของเขาเลย เขาเป็นเพียงนักธุรกิจที่ซื่อสัตย์ แต่กลับเข้มแข็งและไม่ยอมคนเช่นนี้ ไท่กงได้สอนพวกเขาเป็นอย่างดีจริงๆตระกูลขุนนางชนชั้นสูงที่แท้จริงคืออะไร? ก็คือพวหเขาแหละ แม้ว่าจะไม่ค่อยมีสมาชิกในครอบครัวรับราชการในราชสำนัก แต่ความสามัคคีและอุปนิสัยของพวกเขาก็เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลขุนนางหลายตระกูลต้องอับอาย ฝู้หม่ากู้ก็โกรธเพราะสิ่งนี้ ซ่งจืออันทำได้แล้ว แต่เขาไม่สามารถทำได้ฝู้หม่ากู้และหลินเฟิ้งเอ๋ออยู่ในห้องขั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 701

    ภายใต้การจัดการของไท่กง ทางตระกูลซ่งไม่ได้เกิดความวุ่นวายเขาส่งคนไปกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวง ค่ายลาดตระเวน และรอให้สำนักเขตจิงจ้าวทำงาน คนของตระกูลซ่งไปแจ้งความที่สำนักเขตจิงจ้าว พวกเขาทำเรื่องเป็นขั้นเป็นตอน เขาเชื่อว่าหากท่านอ๋องและซีซีรู้เรื่องนี้จะไม่อยู่เฉยๆ แน่ๆ พวกเขาจะต้องมีวิธีของพวกเขาเอง ส่วนคนของตระกูลซ่งในตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจ งั้นเป็นสามัญชนก็ใช้วิธีของสามัญชนด้วยสำนักเขตจิงจ้าวเริ่มการสอบสวนอย่างรวดเร็ว และพบว่าแม่ลูกทั้งสามหายตัวไปกลางดึกโดยไม่ผ่านทางเข้าด้านข้างหรือทางเข้าหลัก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกแอบเข้าไปและลักพาตัวไปตามปกติแล้ว สำนักเขตจิงจ้าวยังต้องการสอบถามว่าพวกเขาได้มีเรื่องกับใครหรือไม่หลังจากกลับมาถึงเมืองหลวงขณะตามหาคนพลางสอบปากคำ แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังรู้เรื่องนี้ด้วย วันนี้ไม่มีงานประชุมยามเช้า ปี้หมิงจากกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวงยังรายงานเรื่องตามประจำวัน โดยกล่าวว่าภรรยาและลูกๆ ของซ่งจืออันหายตัวไปอย่างไม่มีเหตุผลในกลางคืนผู้คนจากตระกูลซ่งมักจะทำให้จักรพรรดิ์ซูชิงให้ความสนใจเป็นพิเศษกับพวกเขาเสมอในเวลานี้ ทางสำนักกิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 702

    จักรพรรดิ์ซูชิงไม่แสดงสีหน้าใดๆ แต่อู๋ต้าปั้นรู้จักเขาเป็นอย่างดี รู้ว่าเขากำลังโกรธเพราะสำนักกิจการภายในทำงานไม่ได้เรื่องไม่มีใครเชื่อว่ามันจะเป็นฝีมือของพระชายาอ๋องฮวย แม้ว่าจะเป็นพระชายาอ๋องฮวย แต่ก็ไม่มีทางที่ให้เครื่องประดับทองและเงินมากมายแก่นางเพียงเพื่อพูดคำดีๆ ให้ตัวเองเท่านั้นต้องมีเรื่องอื่นซ่อนอยู่ในนี้ ถ้าน้องไม่พบอะไรแปลกๆ คงไม่ส่งกลับมาในวังหรอก ย่อมได้เจออะไรมาบ้าง แต่เขาเลือกที่ส่งกลับสำนักกิจการภายในอทนที่จะสอบสวนเอง ก็แสดงว่าไม่อยากเข้าไปยุ่งวุ่นวายจนเกินไปแต่ในเมื่อได้ส่งคนกลับมาแล้ว ทว่าไม่ได้ข้อมูลใดๆ แล้วจะให้จักรพรรดิ์ซูชิงไม่โกรธได้อย่างไรจักรพรรดิ์ซูชิงกล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ "เจ้าไปหาหมอหลวงให้รักษาชีวิตของนางเอาไว้ ต่อให้จะหลงเหลือลมหายใจสุดท้ายไว้ก็ต้องสอบปากคำต่อ"หากไม่ตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจน เขาจะรู้สึกเหมือนมีมือใหญ่กำลังจัดการมันอยู่ที่ไหนสักแห่งที่เขามองไม่เห็น มันเหมือนกับว่ามีใครบางคนกำลังวางตาข่ายอยู่ เขาไม่ชอบความรู้สึกนี้มากนัก"พ่ะย่ะค่ะ!" อู๋ต้าปั้นรับคำสั่งและถอยออกไปหลังจากสอบปากคำไปได้ครึ่งชั่วยาม อู๋ต้าปั้นก็กลับมารายงาน "ฝ่าบา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 703

    อู๋ต้าปั้นก้มหน้าลง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ยังตอบด้วยความเคารพ "ข้าน้อยได้ยินมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้ เป่ยหมิงอ๋องไปที่สนามรบเขตหนานเจียงจากคำสั่งของฝ่าบาท และในที่สุดก็ยึดเขตหนานเจียงกลับคืนมาตามความคาดหวังของฝ่าบาท ได้สร้างผลงานไว้จริงๆ ฝ่าบาทได้ให้รางวัลตอบแทนและได้ประกาศให้คนทั่วประเทศได้รับรู้ ข้าน้อยคิดว่าเป่ยหมิงอ๋องสร้างผลงานในฐานะขุนนางเป็นเรื่องจริง แต่หากบันทึกความสำเร็จที่เป็นผลดีนับพันปี ย่อมเป็นผลงานของฝ่าบาทเอง"จักรพรรดิ์ซูชิงยิ้ม "เจ้าเนี่ย เวลาพูดกับข้าก็มาเล่นไม้ด้วย อู๋ต้าปั้น ข้าไม่ใช่คนใจแคบนัก ระมัดระวังคนที่สร้างผลงานยิ่งใหญ่ ข้าแค่สงสัยนิดนึง หากประชาชนต้องการสร้างวิหารเทพแห่งสงครามให้เขา ทำไมไม่เสนอข้อเสนอนี้ออกมาตอนที่เขาเพิ่งกลับเมืองหลวงหลังยึดเขตหนานเจียงกลับคืนมาล่ะ นั่นเป็นช่วงเวลาที่ประชาชนมีอารมณ์ตื่นเต้นที่สุดต่างหาก"จักรพรรดิ์ซูชิงหยิบถ้วยขึ้นมาด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง "นอกจากนี้ ข้าจำได้ว่าในเวลานั้นมีนักปราชญ์จากทั่วประเทศได้เขียนบทความสรรเสริญเขาแล้ว ทำไมตอนนี้ถึงกลับมาสรรเสริญอีก? ใช่คนกลุ่มเกียวกันอยู่หรือไม่?"อู๋ต้าปั้นถอนห

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 704

    องค์หญิงใหญ่รู้ว่าพวกนางมาที่นี่เพื่อเอาใจไทเฮา แม้ว่านางจะโกรธแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะในปกติแล้วนางได้สุงสิงกับฮูหยินเหล่านั้นด้วย จึงไม่ควรมีเรื่องได้ โดยเฉพาะเสด็จพี่เพิ่งกลับมาเมืองหลวงอีกอย่าง เมื่อถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ ตุลาคม แผนการของซ่งซีซีจะเริ่มลงมือนั้นก็ต้องใช้พวกนางเป็นประโยชน์ด้วย เพราะนางจึงแทบไม่ได้ลังเลก็เชิญพวกนางมาฮูหยินหยานไท่ฟู่มาถึงก่อนโดยนำหยานหรูอวี้ หลานสาวนางมาด้วย องค์หญิงใหญ่อธิบายสถานการณ์ไปคร่าวๆ เนื่องจากไทเฮาได้ส่งอาหารเจและเครื่องสังเวยมาด้วย พระสนมในวังหลังก็ได้ส่งมาด้วย ส่งผลทำให้ฮูหยินคนอื่นๆ ก็อยากมาด้วยฮูหยินไทฟู่กล่าวว่า "ไม่เป็นไรหรอก หากอยากทำบุญก็มาได้หมด"ฮูหยินไทฟู่นับถือศาสนาพุทธมาหลายปีแล้ว และมีจิตใจเมตตา แม้ว่านางจะเข้าร่วมงานเลี้ยงเหมือนกับฮูหยินเสนาบดีมู่เป็นครั้งคราว แต่สิ่งเดียวที่ทำให้นางกระตือรือร้นตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็คือเทศกาลหันอี้ประจำปีหนึ่งคือนางมาที่นี่เพื่อช่วยทำบุญให้วิญญาณของผู้ตายพวกนั้น สองคือนางต้องการเรียนรู้พุทธศาสนาจากพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงด้วย ในปีก่อนๆ นางไม่ได้พาหยานหรูอวี้มาด้วย แต่ในปีนี้ หยานหรูอวี้เสนอตัวว

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status