Home / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 11 เรามาทำการค้าด้วยกัน

Share

บทที่ 11 เรามาทำการค้าด้วยกัน

Author: ม่อเยี่ยน
อินชิงเสวียนหันศรีษะกลับหลัง เธอก็เห็นทหารหนุ่มหน่าตาหล่อเหลาดั่งสวรรค์สรรสร้างที่พบเมื่อวานนี้อีกครั้ง

เธอหันหลังกลับไป แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกตื่นเต้น "ท่านพี่ทหาร ข้าหาเจ้าพบเสียทีนะ"

เย่จิ่งอวี้มองหน้าเธอ ถามด้วยเสียงราบเรียบ "เจ้าหาข้าทำไม?"

อินชิงเสวียนดึงแขนเสื้อของเย่จิ่งอวี้ และลากเขาไปที่มุมหนึ่ง

เธอมองไปรอบๆ แล้วจึงพูดเสียงเบาว่า "ท่านพี่ทหาร ข้าน่ะแค่อยากให้เราร่ำรวยไปด้วยกัน"

"หืม?" แววตาของเย่จิ่งอวี้มืดลงเล็กน้อยในทันที

เจ้าสุนัขรับใช้ กล้าทำการค้าขายในวังเชียวรึ

อินชิงเสวียนรีบพูดต่อว่า "เจ้าวางใจ ของเหล่านี้ของข้ามีที่มาถูกต้อง ขอเพียงเจ้ายอมช่วยข้าขาย ข้าจะเก็บแค่ต้นทุนก็พอ"

เธอหยิบกระจกบานเล็กออกมาจากอ้อมอก หลังจากที่เปิดออก ก็แกว่งไปมาตรงหน้าเย่จิ่งอวี้

"เจ้าดูสิ กระจกบานนี้ทำมาจากอลูมิเนียมฟอยล์ มันส่องได้ชัดกว่ากระจกทองแดงเยอะเลย สนมนางในในวังต้องชอบมันแน่นอน"

แล้วเธอก็หยิบขวดน้ำหอมแบบลูกกลิ้งขวดนั้นออกมา จากนั้นดึงมือของเย่จิ่งอวี้มาและทามันไปที่หลังมือของเขา

"นี่คือน้ำหอมไข่มุกหลิวหลี กลิ่นหอมติดทนนาน ข้ากล้ารับประกันเลยว่าหากสนมนางในในวังใช้สิ่งนี้แล้ว ฝ่าบาทจะต้องสุขจนลืมบ้านลืมเมือง และอยากอยู่เฝ้าพวกนางตลอดเวลาแน่นอน"

เย่จิ่งอวี้ได้กลิ่นของน้ำหอมแล้ว ซึ่งมันก็ให้ความรู้สึกหอมสดชื่นจริงๆ

เพียงแต่ประโยคสุดท้าย ฟังอย่างไรก็รู้สึกขัดหูทะแม่งๆ

เขาจึงพูดด้วยเสียงต่ำ "สามหาว ฝ่าบาทจะเป็นอย่างไร ใช่ขันทีตัวเล็กๆ อย่างเจ้าจะกำหนดให้เป็นไปเสียที่ไหน"

อินชิงเสวียนใช้มือตบไปที่บ่าของเขา และพูดดอย่างไม่ใส่ใจนักว่า "กลัวอะไรเล่า ฝ่าบาทไม่ได้อยู่ที่นี่ พูดไปเขาก็ไม่ได้ยิน ตัณหาราคะเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ฝ่าบาทก็มิใช่พระมิใช่เจ้า ผู้ชายด้วยกันก็รู้ๆ อยู่"

อินชิงเสวียนส่งสายตาหยอกเย้าไปให้เขา จากนั้นก็หยิบลิปสติกออกมา เธอส่องกระจก แล้วทาลงไปบนปากของตัวเอง

"ดูสิ มันสะดวกแค่ไหน และสุดยอดกว่าผงชาดเยอะเลย"

เย่จิ่งอวี้มองต่ำลงไปที่ริมฝีปากเย้ายวนชวนชิมของเธอ

แสงจันทร์อ่อนๆ ส่องกระทบบนใบหน้าสวยได้รูปของอินชิงเสวียน ทำให้เธอดูผุดผ่องเนียนใส เมื่อรวมกับริมฝีปากสีแดงสดแล้ว ก็ดูมีเสน่ห์ยั่วยวนเลยทีเดียว

อินชิงเสวียนใช้แขนเสื้อเช็ดออกไป

และถามด้วยหน้าตาคาดหวัง "ท่านพี่ทหาร เป็นอย่างไรบ้าง? ข้าต้องการไม่มาก ที่นี่มีของอยู่หกชิ้น เจ้าให้ทุนข้าแต่ละชิ้นสองร้อยตำลึงก็พอ ที่ขายได้มากกว่านั้นเป็นของเจ้าทั้งหมด"

ราคาภายในพระราชวังย่อมแตกต่างกับราคาข้างนอกพระราชวัง อินชิงเสวียนใช้ความกล้าเสนอราคาที่สูงหน่อย หากเขาไม่ตกลง ก็สามารถลดลงได้อีก

เย่จิ่งอวี้เก็บสายตาที่รู้สึกตะลึงอยู่บ้างกลับมา แล้วพูดว่า

"เหตุใดข้าถึงต้องช่วยเจ้า?"

ของเหล่านี้มิใช่ของที่มีในพระราชวัง เขาเองก็ไม่เคยได้ยินได้เห็นมาก่อน และมันก็ดูมีราคาระดับหนึ่งจริงๆ

อินชิงเสวียนพูดด้วยท่าทีจริงจังว่า "เจ้าไม่อยากหาเงินแต่งงานหรือ และถึงแม้ว่าเจ้าแต่งงานแล้ว เจ้าก็สามารถเอาเงินเหล่านี้ไปใช้กตัญญูพ่อแม่ได้!"

แววตาของเย่จิ่งอวี้มืดมนลงทันที พ่อแม่ของเขาตายไปตั้งนานแล้ว

เมื่อคิดถึงฮ่องเต้พระองค์ก่อน สีหน้าของเย่จิ่งอวี้ก็เยือกเย็นลง

แต่พอคิดถึงเสด็จแม่ แววตาก็ค่อยๆ อ่อนโยนขึ้นมา

ตอนที่เสด็จแม่มีชีวิตอยู่เคยพูดว่า หากคิดถึงท่าน ก็ให้เงยหน้ามองดูดวงดาว ท่านจะคอยดูเขาอยู่อยู่บนฟ้าเสมอ

เย่จิ่งอวี้เงยหน้าขึ้น มองไปยังท้องฟ้ารัตติกาล ทว่ากลับได้ยินเสียงพูดไม่หยุดดังขึ้นข้างหู "หรือแย่กว่านั้นเจ้าก็สามารถใช้เลี้ยงลูกได้ รึว่าเจ้าจะปล่อยให้ลูกเข้าวังเป็นทหารเหมือนกันอย่างนั้นหรือ แต่ถ้ามีเงินเจ้าก็จะสามารถส่งเสียลูกให้ร่ำเรียน และสอบจอหงวนได้ ข้าว่าท่านพี่ทหารก็ดูมีความสามารถ เชื่อว่าอนาคตลูกๆ ของเจ้าก็ต้องไม่ธรรมดาเช่นกัน"

ใบหน้าเปี่ยมด้วยเมตตาของเสด็จแม่หายวับไปในพริบตา ดวงตาของเย่จิ่งอวี้ฉายแววหงุดหงิด

"พอแล้ว ถอยไป หากยังพูดจาไร้สาระอีก ข้าไม่ยกโทษให้เจ้าแน่"

อินชิงเสวียนเองก็รู้สึกเดือดดาลขึ้นมาเช่นกัน คนๆ นี้ทำไมถึงได้เข้าใจอะไรยากเย็นแบบนี้นะ

เธอสรรหาสารพัดคำพูดดีพูดด้วยแล้ว แต่เขากลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย

"ได้ เจ้าไม่ช่วยข้าขาย เช่นนั้นข้าไปหาคนอื่นก็ได้ ทหารในวังก็ไม่ได้มีแต่เจ้าคนเดียว"

อินชิงเสวียนหันหลังเตรียมจากไป กลับได้ยินเย่จิ่งอวี้ถามขึ้น "เจ้าไปเอาของพวกนี้มาจากที่ไหน?"

อินชิงเสวียนตอบด้วยความหงุดหงิด "เกี่ยวอะไรกับเจ้า"

เธอเดินไปไม่กี่ก้าว คอเสื้อก็ถูกดึงรั้งไว้

เย่จิ่งอวี้จับเธอไว้เหมือนอย่างที่จับลูกไก่ไว้ และหรี่ตาลงพูดว่า "หากเจ้าไม่ยอมบอกที่มาของของเหล่านี้ให้ชัดเจน ข้าก็จะส่งเจ้าไปให้สำนักขันที"

อินชิงเสวียนกระทืบเท้ารัว เธอสะบัดมือเย่จิ่งอวี้ออกด้วยใบหน้าแดงก่ำเพราะความโกรธ

เธอทำแก้มป่อง และพูดอย่างโมโหว่า "ข้ามีลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งทำการค้าขายอยู่ที่ฮว๋าเซี่ย เขาให้ข้ามา"

ทันใดนั้นก็ใช้แรงหยิกไปที่น่องของตัวเองอีก เธอรู้สึกเจ็บจนดวงตาแดงก่ำ

"ท่านพี่ทหาร ข้าเองก็อับจนหนทาง ข้ามีแม่แก่เฒ่าอายุแปดสิบกับลูกน้อยรอกินที่ต้องดูแล แม่ข้าร่างกายไม่แข็งแรง ต้องกินยาตลอด ข้าไม่มีเงินจึงต้องทำเช่นนี้"

เย่จิ่งอวี้หัวเราะ "ขันทีมีลูกได้ด้วย?"

อินชิงเสวียนรีบตอบกลับ "ข้าเข้าวังมาพร้อมกับหญิงงามเหล่านั้นหลังแต่งงาน เพื่อให้แม่และลูกของข้าสามารถกินอิ่ม ข้าก็มีแต่ต้องตัดเจ้าต้นตอความชั่วร้ายนั้นทิ้งเสีย ท่านพี่ทหาร เจ้าก็ถือว่าสงสารข้า ช่วยข้าเอาของพวกนี้ไปขายเถอะ"

พูดถึงแม่ อินชิงเสวียนก็อดคิดถึงคุณย่าอายุใกล้เจ็ดสิบของตัวเองไม่ได้ เธอรู้สึกเศร้าใจจนน้ำตาไหลออกมาจริงๆ

เย่จิ่งอวี้ไม่พูด แววตานิ่งลึกจ้องมองใบหน้าขาวผุดผ่องราวกับกำลังประเมินว่าเป็นจริงหรือเท็จ

อินชิงเสวียนแอบมองเขาทีหนึ่ง และคาดว่าเขาคงเริ่มหวั่นไหวแล้ว

เธอจึงหยิบของออกมา แล้วยัดใส่มือของเขาไปรวดเดียว

"ท่านพี่ทหาร แม่กับลูกของข้าจะอยู่รอดไหม ทั้งหมดต้องพึ่งเจ้าแล้ว สามวันให้หลัง ข้าจะมาหาเจ้าที่นี่อีก ตกลงตามนี้นะ"

ดูจากรูปลักษณ์แล้ว คนๆ นี้ดูเป็นคนดี น่าจะไม่เป็นชั่วช้าอย่างพี่น้องตระกูลหวัง แต่เมื่อพูดดีแล้วไม่สำเร็จ ก็ต้องให้มาลงเรือลำเดียวกัน

เขาทำงานอยู่ในวัง ถ้าถูกจับได้ว่านำสิ่งของเหล่านี้มาด้วย ก็คงพูดอธิบายยาก เขาจึงต้องหาโอกาสปล่อยของแน่นอน

พูดจบ อินชิงเสวียนก็วิ่งเผ่นไปโดยไม่เหลียวหลัง

เมื่อเห็นเธอวิ่งเลี้ยวไปทางซ้าย เย่จิ่งอวี้ก็อดเตือนไม่ได้

"ทางขวา"

"ขอบคุณ"

อินชิงเสวียนโบกไม้โบกมือ และหายเข้าไปในตรอกซอย

"หลี่เต๋อฝู"

เย่จิ่งอวี้เรียกทีหนึ่ง แล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าหลี่เต๋อฝูไปจับตาดูสุนัขตามรับสั่งแล้ว

เย่จิ่งอวี้ไม่ได้ให้ขันทีคนอื่นๆ ติดตามมาด้วย จึงเก็บของเหล่านี้ไปในเสื้อ

ในใจก็อดสงสัยไม่ได้ว่าฮว๋าเซี่ยคือที่ไหน?

ถึงสามารถทำสิ่งที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ขึ้นมาได้

ขณะที่ขยับนิ้วมือ กลิ่นหอมก็ลอยมาแตะจมูก ซึ่งมันหอมกว่าเครื่องหอมที่แช่ด้วยกลีบดอกไม้เยอะเลย

และเมื่อคิดถึงหน้าตาร้องห่มร้องไห้ของอินชิงเสวียน เย่จิ่งอวี้ก็อดขำไม่ได้

เจ้าสุนัขรับใช้คนนี้มโนแต่งเรื่องเป็นตุเป็นตะ กลับไม่รู้ว่าต้าโจวมีกฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษรว่าห้ามบุคคลที่สมรสแล้วเข้าวัง

หากเขาไม่ได้พูดโกหก ก็แสดงว่าสำนักขันทีตรวจสอบไม่เข้มงวดพอ

ดูท่าวังหลังก็ต้องจัดวางระบบใหม่เสียแล้ว

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ แววตาของเย่จิ่งอวี้ก็มืดลง อยู่ๆ ก็หมดอารมณ์ที่จะไปตำหนักฉงหวู่

เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้จากไป ทหารที่ยืนเกาะประตูแอบดูผ่านรอยแตกก็รู้สึกโล่งใจ ในที่สุดวันนี้ก็ไม่ต้องเจ็บตัวแล้ว
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
김나다
ยิ่งอ่าน ยิ่งเหนื่อย น.อ โง่เกิน
goodnovel comment avatar
Naomi Anita Addae
how do I change language
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status