Home / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 10 หาทางออกด้วยตัวเอง

Share

บทที่ 10 หาทางออกด้วยตัวเอง

Author: ม่อเยี่ยน
เธอลุกขึ้นพร้อมกับเอามือนวดที่เอวไปด้วย แล้วไอกระแอมและพูดว่า "ข้าเป็นคนของหอฉงฮวา เพิ่งเข้าวังมาได้ไม่นาน แต่ไม่ระวังเดินหลงทาง รบกวนท่านพี่ทหารช่วยชี้ทางให้หน่อยได้ไหม"

ตอนที่เดินมา เธอจำได้ว่าตัวเองเดินผ่านสถานที่แห่งหนึ่งที่มีชื่อว่าหอฉงฮวา ซึ่งเดินตรงไปตามทางนั้นก็จะไปถึงวังเย็น

พี่ทหาร?

เย่จิ่งอวี้หลี่ตาลง สายตาที่นิ่งลึกกวาดมองใบหน้าอินชิงเสวียน

นึกไม่ถึงว่าในวังแห่งนี้ยังมีบ่าวที่ไม่รู้จักตนเองอยู่ด้วย

น่าจะเป็นคนที่ติดตามพวกหญิงงามมา

เขาหันไปทางทิศตะวันตก พูดด้วยเสียงเย็นชา "เดินไปสุดทางนี้แล้วเลี้ยวขวา จากนั้นเลี้ยวขวาอีกครั้ง ก็จะเห็นหอฉงฮวาแล้ว"

อินชิงเสวียนฟังแล้วก็ชะงักค้าง ในยุคปัจจุบันเธอเรียกว่าเป็นจอมหลงทางเลย ขนาดมีจีพีเอสนำทางทางเธอยังสามารถหลงได้ เธอยิ้มให้เขาแล้วพูดว่า "ท่านพี่ทหาร รบกวนท่านไปส่งข้าระยะหนึ่งได้ไหม?"

แววตาเย่จิ่งอวี้ฉายแววเยือกเย็นลง

ขันทีหนุ่มคนนี้จะได้คืบเอาศอกมากไปแล้ว

เมื่อเห็นเขาทำหน้าไม่พอใจ อินชิงเสวียนก็เบะปาก

พิมพำเสียงเบา "ไม่ไปส่งก็ไม่ไปส่งสิ จะดุขนาดนี้ไปทำไม"

เธอนวดเอวตัวเองพลางพูดว่า "เดินไปทางนั้น เลี้ยวขวาแล้วเลี้ยวขวาสินะ ขอบคุณมาก"

อินชิงเสวียนเองก็ไม่อยากเสียเวลากับคนแล้งน้ำใจ เธอหันหลังกลับอย่างแรง ทันใดนั้นเอวที่ล้มกระแทกพื้นเมื่อกี้นี้ก็เกิดเคล็ดเพิ่มอีก

ความเจ็บปวดถาโถมเข้ามา ทำให้ขาเธออ่อนแรงในทันที จนล้มในท่าหน้าขมำพื้น

อินชิงเสวียนตกใจมาก รีบยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง

ขอเพียงไม่ล้มโดนหน้า ที่อื่นเธอสามารถทนเจ็บได้

ในเสี้ยววินาทีวิกฤต มือหนึ่งยื่นมาจับเข็มขัดของเธอไว้ และดึงเธอลุกขึ้นมา

เมื่ออินชิงเสวียนยืนมั่นคงแล้ว เธอก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ

จึงพูดด้วยน้ำเสียงโมโหเพราะความเคอะเขินว่า "ปล่อยมือ หากเอวข้าต้องหักเพราะเจ้ากระชาก เจอกันครั้งหน้าข้าจะให้เจ้าชดใช้"

พูดจบเธอก็ผลักเย่จิ่งอวี้ออก แล้วก้าวขาวิ่งไปข้างหน้า

เมื่อมองดูแผ่นหลังที่ตื่นตกใจของอินชิงเสวียน เย่จิ่งอวี้ก็ยิ้มมุมปาก คนที่กล้าคิดบัญชีกับเขา เจ้าขันทีหนุ่มช่างไฟแรง ไม่รู้จักเกรงกลัวดั่งลูกวัวเพิ่งคลอดไม่กลัวเสือเสียจริง

แต่เพราะเหตุการณ์นี้ ทำให้ความโกรธของเย่จิ่งอวี้บรรเทาลงไม่น้อย

เขาเก็บกระบี่ แล้วเดินไปที่ห้องหนังสืออีกครั้ง

ขณะนั้น อินชิงเสวียนวิ่งด้วยความเร็วตลอดทาง และเลี้ยวขวาสองครั้ง ในที่สุดเธอก็หาป่าเล็กที่อวิ๋นฉ่ายทำกิจธุระส่วนตัวพบ

อวิ๋นฉ่าย? อวิ๋นฉ่าย?

เธอเรียกไปสองครั้ง ทว่าไม่มีคนตอบ จึงเดาว่าอวิ๋นฉ่ายคงจะกลับไปแล้ว

อินชิงเสวียนมองไปรอบๆ และรีบคลานกลับเข้าไปทางรูกำแพงเช่นกัน

ทันทีที่เข้าประตูมา เธอก็ได้ยินเสียงร้องไห้ อินชิงเสวียนจึงเร่งเท้าเดินเข้าไปขางใน

"มีอะไรหรือ?"

อวิ๋นฉ่ายกำลังคุกเข่าและร้องไห้อยู่บนพื้น ด้านข้างคือยายหลี่ที่ยืนปั้นหน้าเขียวอยู่

เมื่อเห็นอินชิงเสวียน อวิ๋นฉ่ายก็หันหลังกลับอย่างตื่นเต้น

"พระสนม พระองค์ไปไหนมาเพคะ บ่าวใจหายใจคว่ำหมดเลย"

อินชิงเสวียนลูบเบาๆ ไปที่ศรีษะของอวิ๋นฉ่ายเหมือนอย่างที่ลูบหัวสุนัข และพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ "ลุกขึ้นมาเถอะ ข้าเห็นว่าเจ้ากำลังทำธุระ ก็เลยเดินเล่นไปรอบๆ หยุดร้องได้แล้ว ไม่เป็นไรแล้ว"

สีหน้าของยายหลี่ก็ยังคงย่ำแย่เช่นเดิม เธอยกกระโปรงขึ้น แล้วคุกเข่าลงเช่นกัน

"บ่าวทราบว่าพระสนมอยากออกไปข้างนอก แต่ก็ไม่ควรประมาทเช่นนี้ หากถูกจับได้ขึ้นมา จะต้องถูกตัดหัวเลยนะเพคะ พระสนมหวังมาตลอดว่าอยากพาองค์ชายน้อยออกไปหาใต้เท้ามิใช่หรือ หากเกิดอะไรขึ้นกับพระองค์ ใครเล่าจะพาองค์ชายน้อยออกไปได้อีกเพคะ"

อินชิงเสวียนก็รู้สึกว่าตนเองนั้นปลากระดี่ได้น้ำเกินไปเช่นกัน

เธอไอกระแอม และพูดด้วยเหตุผลอันน้อยนิดว่า "เรื่องนี้เป็นความผิดของข้า ข้ารับปากว่าวันหลังจะไม่ออกไปอีกแล้ว พวกเจ้าลุกขึ้นเถอะ เกิดกวนเจ้าหมาน้อยตื่น พวกเราก็อย่าหวังจะได้นอนกันเลย"

อินชิงเสวียนไม่กล้ามองยายหลี่ พูดจบก็เดินเข้าบ้านไปด้วยความร้อนตัว

เธอนอนลงบนเตียง ทว่าเอวและก้นของเทอยังคงเจ็บมาก นี่เป็นครั้งที่สองที่เธอโดนทุ่ม โดยครั้งแรกนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอที่เรียนเทควันโด

ต่อไปห้ามเข้าไปแตะคนอื่นจากด้านหลังอีกแล้ว

อินชิงเสวียนนอนไม่หลับ จึงเข้าไปในช่องว่าง เธอตักน้ำพุวิญญาณมาหนึ่งกะละมังแล้วแช่ตัว หลังจากอาบน้ำเสร็จสรรพก็รู้สึกสดชื่นอย่างที่คิดไว้ ไม่ว่าจะตรงไหนก็รู้สึกสบายไปหมด

เธอกลับมาที่เตียง และไม่ทันไรก็ไปเฝ้าพระอินทร์เสียแล้ว

ในตอนที่สะลึมสะลือ เธอได้ยินเสียงยายหลี่พูดด้วยความโมโหว่า "เจ้าสองหมาชั่วช้าตระกูลหวัง นับวันก็ยิ่งไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตา กระจกสองบานกับน้ำหอมสองขวด ไม่นึกเลยว่าจะให้พวกเราแค่สองร้อยตำลึง นี่มันตกชิ้นละห้าสิบตำลึงเท่านั้นเอง"

อินชิงเสวียนลุกนั่งทันที และเพิ่งพบว่าฟ้าสว่างมากแล้ว

"ยายหลี่ เจ้าหมาชั่วช้าสองคนนั้นพูดว่าอย่างไร?"

ยายหลี่รีบเดินเข้ามาข้างใน พูดอย่างโมโห "บอกว่าของขายยาก จึงต้องขายในราคาถูก"

อินชิงเสวียนเองก็รู้สึกเดือดปุดขึ้นมาเช่นกัน

"ไอ้สองชาติชั่วนี้ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งโลภมาก ถ้าไม่ไหวจริงๆ พวกเราก็ไปหาคนขายอื่นดีกว่า"

ยายหลี่พูดด้วยหน้านิ่ว "พวกเราอยู่ในนี้ ออกไปไม่ได้ด้วยซ้ำ ที่สามารถติดต่อได้ก็มีแค่พวกเขาสองคน"

อินชิงเสวียนนึกถึงทหารคนเมื่อคืนขึ้นมา

ฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้ว น่าจะเป็นขุนนาง เขาต้องรู้จักคนไม่น้อยแน่นอน

ถ้าเขายอมช่วยตนเองขาย มันต้องได้ราคาดีกว่าหมาชั่วช้าสองคนนี้ขายแน่นอน

คนที่เข้ามาทำงานเป็นข้าหลวงต่างก็มุ่งหวังจะได้กินอิ่มนอนหลับ แล้วใครจะโง่ขนาดที่มีกำไรงามให้แต่ไม่เอาบ้าง

จึงพูดขึ้นว่า "เมื่อวานข้าได้พบกับทหารคนหนึ่งเข้าโดยบังเอิญ หรือข้าลองไปถามเขาดู? หากสำเร็จ ข้าค่อยหาวิธีทำให้เจ้าหมาชั่วช้าสองคนนี้คายเงินที่พวกเขาโกงไปคืนเรา"

ยายหลี่ส่ายหน้า "ไม่ได้ มันเสี่ยงเกินไปเพคะ"

อินชิงเสวียนพูดด้วยสีหน้าอึมครึม "เช่นนั้นยายหลี่มีวิธีที่ดีกว่านี้หรือ?"

ยายหลี่เงียบไม่พูดทันที

อินชิงเสวียนเดินไปข้างยายหลี่ น้ำเสียงอ่อนโยนขึ้น

"เจ้าวางใจเถอะ ใครจะไปคิดได้ว่าพวกเราออกมาจากวังเย็น หากมีคนถาม ข้าก็แค่พูดชื่อวังไหนก็ได้ไปสักแห่ง"

เธอหยุดเว้นช่วง แล้วพูดต่อว่า "แม้ว่าของเหล่านี้ท่านเซียนจะให้ข้ามา แต่มันก็ต้องจ่ายค่าตอบแทน ดังนั้นมันจะทุกข์ที่ข้า แล้วพวกเขาได้โกงกินง่ายๆ เช่นนี้ไม่ได้"

ยายหลี่เงยหน้าขึ้นทันที และถามด้วยความกังวล "พระสนมจ่ายค่าตอบแทนอะไรไปกันแน่เพคะ?"

"เรื่องนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้หรอก"

อินชิงเสวียนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อน แล้วพูดต่อว่า "เรื่องนี้ตกลงตามนี้แล้วกัน คืนนี้ข้าจะออกไปหาเขาดู"

ยายหลี่เห็นว่ายากจะเปลี่ยนใจเธอ จึงได้แต่พูดด้วยความจนใจ "พระสนม พระองค์ต้องระวังตัวให้มากๆ นะเพคะ หากถูกจับได้ ทุกอย่างก็จบแล้ว"

อินชิงเสวียนพยักหน้า แล้วก็เข้าไปในช่องว่าง

พืชผักของเธอยังไม่ออกดอก แต่คะแนนกลับลดลงเรื่อยๆ

เธอแลกซื้อกระจกสองบาน น้ำหอมแบบลูกกลิ้งสองขวด และลิปสติกสองแท่งมาด้วยความช้ำเนื้อช้ำใจ

ทันทีที่พ้นสามทุ่ม อินชิงเสวียนก็เปลี่ยนชุดขันทีและคลานออกจากรูบนกำแพง

เพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตา เธอจึงไม่ได้ให้อวิ๋นฉ่ายตามไปด้วย เธอกอดสเปรย์พริกไทยที่ใช้คะแนนแลกมาไว้ในอ้อมอก ถ้าทหารคนนั้นกล้าเปิดโปงเธอ เธอก็จะให้เขาได้สัมผัสความร้ายกาจของไฮเทคดูบ้าง

เมื่อเดินไปตามความทรงจำเมื่อคืนนี้ ในที่สุดอินชิงเสวียนก็หาตำหนักฉงหวู่พบหลังจากที่เดินหลงไปสองรอบ

เห็นเพียงข้างในนั้นมีเงาคนเยอะแยะ ดูเหมือนจะมีคนจำนวนไม่น้อย และด้านข้างประตูยังมีทหารที่สวมชุดเกราะยืนเฝ้าอยู่สองคนด้วย

ดูจากสถานการณ์นี้แล้วคงจะเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าง่ายๆ ไมไ่ด้

ขณะที่เธอกำลังคิดว่าจะถามทาสบ่าวดูดีไหม ก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำที่เยือกเย็นดังขึ้นจากด้านหลัง "ผู้ใดมาทำลับล่อๆ ตรงนี้?"
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status