LOGINเธอคือเชลยที่ถูกพันธนาการด้วยไฟสวาท เขาคือฟาโรห์ผู้ดุดันที่ทั้งโลกต้องก้มกราบในวังทองคำ เธออาจเป็นเพียงทาส…แต่ในห้องบรรทม หรืออาจกลายเป็นราชินีผู้ครองหัวใจ เลือด ความรัก ความตาย และ คำาสาป ผูกชะตาไว้ด้วยไฟปรารถนาอันไม่อาจดับได้ เธอจะชำระรักนี้ด้วยน้ำตา... หรือด้วยเลือดของทั้งแผ่นดิน?
View Moreรุ่งอรุณแห่งลักซอร์ในวันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุคสมัย ท้องฟ้าทะเลทรายเปล่งประกายสีทองอบอุ่นจากดวงอาทิตย์ยามเช้า สายลมพัดผืนผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มบนหอคอยสูงกระพือเบา ๆ ดั่งธงแห่งชัยชนะ ธงเหยี่ยวโฮรัสหลายร้อยผืนโบกไสวไปทั่วนคร แท่นบูชากลางวิหาร เทพีไอซิสถูกตกแต่งด้วยกลีบบัวสีเงินจากหุบเขาตะวันออก และเปลือกหอยขาวจากทะเลเหนือ
นครทั้งนครสงบนิ่งราวกับเทพเจ้าทั้งสวรรค์กำลังรอชม
เสียงแตรศึกเป่าแผ่วดังสามครั้ง
ก่อนจะตามด้วยเสียงฆ้องทองคำจากใจกลางวิหาร นั่นคือสัญญาณ… พิธีอภิเษกสมรสของฟาโรห์ราเมเซส กำลังเริ่มขึ้น
ประชาชนคุกเข่าทั้งสองฝั่งถนนศิลา ยกมือลูบพื้นเป็นการถวายเกียรติสูงสุดกลีบบัวและกลีบพฤกษานับหมื่นโรยจากยอดหอคอย ร่วงหล่นราวสายฝนจากเทพีฮาเธอร์
เสียงร้องของหญิงพรหมจรรย์สิบแปดนางสวดบทสดุดีเทวีอิซิส สรรเสริญรักอันศักดิ์สิทธิ์
“ขอจันทราและสุริยันรวมเป็นหนึ่ง...
ดั่งฟาโรห์และราชินี
ให้รักนี้... สะเทือนสรวง”
ขบวนเสลี่ยงทองคำเคลื่อนผ่านประตูวิหารโอฬาร ฝ่ายซ้ายคือ ราเมเซส ฟาโรห์ผู้มากด้วยชัยชนะ และความเที่ยงธรรมทรงสวมชุดคลุมสีขาวปักดิ้นทอง ช่วงอกเปลือยเปล่าเผยกล้ามเนื้อเข้มแกร่งคล้ายรูปสลักเทพ
พระเนตรเข้มคมจับจ้องเพียงจุดเดียวเบื้องหน้าที่เสลี่ยงของหญิงงามผู้ถือครองหัวใจพระองค์
เนทาเรีย เจ้าหญิงจากอาณาจักรตะวันออก ผิวขาวละมุนแสง ผมยาวสีดำสนิทถักเป็นเปียบางประดับทองคำ และเครื่องประดับ จากปีกแมลงทับ สวมชุดลินินสีงาช้างทอทองปักลายดวงตาแห่งรา สะท้อนกับแสงเทียนแล้วดูราวกำลังเรืองแสง
นางประดับสร้อยพระศอด้วย “หยดสุริยัน” อัญมณีแดงอมทองที่เคยเป็นของมเหสีองค์แรกแห่งสายเลือดโบราณ นางมองฟาโรห์แล้วค้อมศีรษะต่ำ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา
“ข้าภูมิใจ... ที่จะเป็นของท่าน ทั้งในโลกนี้ และโลกหน้า”
ฟาโรห์ทรงยื่นมือไปแตะมือเธอ
“ไม่ใช่เป็นของข้า แต่เป็นผู้เคียงข้า ตลอดนิรันดร์”
พิธีใต้แสงสุริยันเมื่อทั้งสองเสด็จขึ้นแท่นบูชาหินอ่อน ท่ามกลางเสียงพรจากประชาชน มหาปุโรหิตจุดไฟศักดิ์สิทธิ์จากน้ำมันกลั่นกลางทะเลทราย แสงไฟสะท้อนรูปสลักเทพเจ้าทั้งเก้า ดวงตาของเทพฮอรัส ที่จารึกบนแท่นส่องแสงพราย
น้ำศักดิ์สิทธิ์จากแม่น้ำไนล์ถูกเทลงในถ้วยหยก จากนั้นทั้งสองทรงจิบคนละคำ เพื่อผนึกพันธะทางวิญญาณตามพิธีแห่งปฐพี
“ตั้งแต่บัดนี้ไป ดวงวิญญาณของพวกท่านจะเชื่อมกันเสมือนเป็นหนึ่งแม้ในความตาย... ความรักจะยังคงอยู่”
ทั้งคู่ประสานนิ้ว แล้วยื่นพระหัตถ์แตะ “ศิลาแห่งการครองคู่” ที่เชื่อกันว่า ถ้าใครไม่รักกันจริง ศิลาจะร้อนจนทนไม่ได้ แต่เมื่อเนทาเรียแตะศิลาผิวหินกลับเย็นดั่งสายน้ำ
เสียงประชาชนร้องโห่กึกก้อง
“ขอเทพเจ้าทั้งหลายจงอวยพร!”
“ขออำนาจสวรรค์จงปกป้องรักนิรันดร์!”
ขณะที่ทั้งนครเปล่งเสียงสรรเสริญในเงาหลืบของเสาโอเบลิสค์สูงชะลูด เจ้าหญิงฮาเชียร่ายืนสง่าในชุดราตรีดำลึกตัดทอง เงาแสงเทียนไหววูบจับใบหน้าคมของนางราวนางพญาเสือในร่างนกยูง
มือข้างหนึ่งกุมพัดขนนก อีกข้างกำหมัดแน่นจนเลือดซึมใต้เล็บหยกริมฝีปากแสยะราวคำสาบาน ดวงตาคมวาวจ้องเจ้าหญิงเนทาเรียด้วยสายตาที่แม้เทพก็ไม่อาจให้อภัย
“เจ้าควรเป็นของข้า... ข้า... ข้าควรอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่นาง…”
ลมพัดกรูผ้าม่านสีทองปลิวสยาย สะบัดเฉียดแก้มนางราวจะตบให้ตื่น นางเงยหน้ามองฟาโรห์ราเมเซส ชายที่เคยจุมพิตหลังมือของนางในวัยเยาว์ครั้งยังเป็นเจ้าหญิงอดีตว่าที่คู่อภิเษกที่เคยเป็นหนึ่งในเหล่าของสตรีตามคำทำนาย
“ข้าถูกเลี้ยงดูมาเพื่อเป็นราชินี
ข้าศึกษาคัมภีร์แห่งเทพีฮาเธอร์
ข้าถวายโลหิตให้วิหาร
ข้ารักษาพรหมจรรย์ตามธรรมเนียม...
แต่เจ้ากลับเลือกหญิงจากชายแดนที่ไม่มีแม้คำทำนายใดรองรับ!? เสียงหัวใจฮาเชียร่ากรีดเลือดทีละหยด
นางมองมือของเนทาเรียที่กำลังแตะพระหัตถ์ของฟาโรห์ มองริมฝีปากที่กำลังเอ่ยสาบานด้วยน้ำเสียงหวานระรื่น มองร่างบางที่รับสายตารักจากผู้ชายที่นางเฝ้ารอทั้งชีวิต
“นางแย่งไป... นางแย่งทุกอย่างไปจากข้า!”
บัลลังก์ที่ข้านั่งฝันกลางพิธีบูชาพระองค์ที่ข้าอุทิศวิญญาณให้มาตั้งแต่วัยสาวแม้แต่กำไลหินศักดิ์สิทธิ์ที่ควรจะเป็นของข้า ตอนนี้... อยู่บนข้อมือของนาง!
“ถ้าเทพเจ้าจะไม่ฟังคำอธิษฐานของข้า เช่นนั้น... จงฟังคำสาปของข้าแทนเถิด!” ฮาเชียร่าหลุบตาลง น้ำเสียงในใจนางเปลี่ยนเป็นกระซิบเย็นเยียบริมฝีปากยกยิ้มเจือเงามืดที่แม้เทวาลัยยังไม่กล้ารับฟัง
“จงเจ็บ... จงทุกข์...
จงรู้เสียว่าความรักที่มิได้ครอบครอง... มันทรมานเพียงใด!”
หากเนทาเรียมีหัวใจที่ฟังเทพ...
ข้าก็จะร่ายเวทจากเงา
หากเนทาเรียมีวิญญาณแห่งความรัก...
ข้าก็จะสาปให้มันกลายเป็นเพลิงเผานางจากภายใน
“รักให้มากเถิดเจ้าหญิง... รักเขาให้หมดใจเพราะยิ่งเจ้ารักมากเท่าไร... ข้าจะยิ่งได้เห็นเจ้า ‘พัง’ ด้วยมือของเขาเอง”
เมื่อราเมเซสโน้มกายจูบหน้าผากของเนทาเรียกลางแท่นบูชา
ฮาเชียร่าไม่แม้แต่จะกะพริบตา แววตานางไม่ใช่เพียง “เกลียด” แต่เป็นแววตาของหญิงผู้ภาวนาให้อีกคนตาย ในอ้อมแขนของชายที่นางรักหลังพิธีอภิเษก ฟาโรห์ทรงพาเนทาเรียเดินผ่านสะพานหินอ่อนข้ามสระบัวกลางพระราชวัง เสียงพิณบรรเลงคลอ ลมเย็นพัดกลีบบัวร่วงหล่นพอดีกับที่ฟาโรห์เอ่ยเสียงอ่อน
“เจ้ารู้หรือไม่… ว่าทำไมข้าจึงเลือกเจ้าท่ามกลางหญิงมากมาย”
เนทาเรียส่ายหน้าเบา ๆ เขาหยุดเดิน หันมากุมมือเธอไว้แน่น“เพราะมีเพียงเจ้าคนเดียว… ที่ข้ามองแล้วรู้สึกว่าโลกทั้งโลก... เงียบลง” เนทาเรียยิ้มทั้งน้ำตา ซบหน้ากับอกเขา
“หากมีภพหน้า… ขอให้ข้าได้เป็นของท่านอีกครั้ง” ฟาโรห์ก้มจูบหน้าผากเธออย่างอ่อนโยน แล้วกระซิบกลับ
“ไม่มีภพหน้า…เพราะข้าจะไม่มีวันยอมให้พรากจากเจ้าอีก
ไม่ว่าชะตาจะพาเราไปที่ใดข้าจะตามเจ้าไปทุกภพ ทุกชาติ และเจ้าจะต้องเป็น... ทาสแห่งรักของข้าเสมอ ยอดรัก”เธอกรีดร้องลั่นในฝัน เสียงแหลมสูงสะท้อนทั่วห้อง ร่างหญิงสาวสะดุ้งสุดตัว คมกรีฑในฝันยังค้างอยู่กลางอก หัวใจเต้นถี่รัวจนแทบทะลุอก เหมือนยังหนีไม่พ้นเงื้อมมือของฝันร้ายนั้นฝันเดิม...ฝันที่เต็มไปด้วยเลือดและเสียงร้องขอชีวิต ฝันที่ราวกับเธอยังอยู่ในคืนที่ต้องสาปนั้น กลิ่นคาวยังติดอยู่ปลายลิ้น ความเย็นของเหล็กยังแทรกเข้ากระดูก น้ำตารินเป็นสายไม่ยอมหยุดเธอก้มหน้าลง มือสั่นระริกแตะที่หัวใจตัวเอง มันเต้นแรงเกินควบคุมจนปวดร้าว“พอแล้ว...” เสียงเธอแผ่วแทบขาดห้วง“ข้าไม่อยากฝันอีกแล้ว...”ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบ หญิงสาวตื่นขึ้นมาเหงื่อเย็นชุ่มตัว น้ำตาไหลอาบแก้ม และเสียงอักขระโบราณเริ่มก้องขึ้นรอบตัวจากมุมมืด เสียงกระซิบของเทพีไอซิสเอื้อนเอ่ยช้า ๆ ดุจสายลมพัดผ่านสุสานหญิงสาวสะดุ้ง ผงะขึ้นนั่ง มือเย็นชืดจับผ้าลินินตรงอกแน่น หัวใจเต้นถี่รัวเหมือนกำลังหนีอะไรสักอย่างอยู่ในความฝัน พอเงยหน้าแสงตะเกียงทั้งหมดก็ดับสนิท ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นยกเป่าทีเดียวทั้งวิหารความมืดที่โถมเข้ามาไม่ใช่เพียง “ความมืด&rd
ราเมเซสกระโดดลงจากรถด้วยท่วงท่าของนักล่าที่ไม่ยอมปล่อยเหยื่อ แม้สวมคราบ ผู้ชนะดวงตาของพระองค์กลับมืดเข้มดุจพายุค่ำ ในทะเลทรายทรงยืนเด่นกลางแสงจากช่องเพดานสูง พระพักตร์เปื้อนฝุ่นสงคราม แต่ดวงตาลุกโชนราวเปลวไฟในพายุทะเลทราย “นางอยู่ที่ไหน” พระสุรเสียงดังก้องดุจคำสาปแห่งเทพอนูบิส กรีดผ่าความเงียบของท้องพระโรงจนขุนนางทั้งหลายตัวสั่นขุนนางคนหนึ่งรีบคลานเข้าไป หมอบกราบแทบเท้า หน้าผากกดติดพื้นหินราวกลัวถูกลงทัณฑ์ “ฝ่าบาท…นาง..นางได้หนีออกจากวังไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“หนี?” พระสุรเสียงคำรามต่ำลอดไรพระโอษฐ์“นางหนีไปได้อย่างไร หรือมีผู้ใดกล้าฉีกพระบัญชาของข้า!”คำถามนั้นยังไม่ทันจบ เสียงฝีเท้าสตรีดังแผ่วราวสายลมพิษ พัดผ่าน เสียงเครื่องประดับกระทบกันเบา ๆ ราวระฆังแห่งความตาย นำหน้าร่างในชุดคลุมยาวสีทองแดงลายงูเลื้อย ที่เคลื่อนไหวช้า ๆ ราวงูพิษที่รอจังหวะฉกคำถามยังไม่ทันจบ เสียงฝีเท้าของสตรีดังขึ้นจากอีกฟากของโถงเสียงเครื่องประดับกระทบกันเบา ๆ นำหน้าร่างในชุดคลุมยาวสีทองแดงลายงูเลื้อยเจ
ในยามนี้ นางคือ “มหาเทวีผู้ถือกุญแจวิญญาณ” แห่งนครฟาโรห์ ผ้าคลุมขาวของนางสะท้อนแสงอรุณเป็นขอบทอง ใบหน้าที่เคยย่นยับกลับดูละเอียดและทรงอำนาจด้วยแววสงบลึกทันทีที่ร่างบางก้าวสู่ลานหิน นักพรตทั้งหมดย่อเข่าลง “คุกเข่า” อย่างพร้อมเพรียง เสียงกำไลข้อเท้าแผ่ว ๆ ตีก้องไปกับช่องหินสูง ไอเส็ตก้มศีรษะช้า ๆ พลางเอ่ยด้วยเสียงที่เหมือนเพลงมนต์“ขอต้อนรับ… เจ้าหญิงเนธาเรียกลับบ้านคืนสู่นครแห่งฟาโรห์”คำว่า “เจ้าหญิง” ทำให้อาริสาชะงักเท้า หัวใจตีกลับในอก เธอเหลียวมองเคเบน เขาก็คุกเข่าตาม และจรดหน้าผากลงกับพื้นหิน ซึ่งเธอไม่เคยเห็นเขาทำต่อผู้ใด“เดี๋ยวก่อน…เจ้าหญิง อะไรกัน ฉัน..ฉันคืออาริสา” เธอเผลอถอยหลังครึ่งก้าว ข้อมือกลับจับกำไลงูแน่นยิ่งกว่าเดิม“นี่มันเรื่องอะไรกัน ไอเส็ต…ท่าน—”หญิงชราเงยหน้าขึ้น เงาเสาหินทาบลงบนดวงตาที่ลึกล้ำราวบรรจุความลับของกาลเวลา นางยิ้มบาง มุมปากแฝงความอ่อนโยนและศรัทธา “ชื่อในชาตินี้ก็เพียงผ้าคลุมที่ห่มเจ้าไว้เท่านั้น เด็กน้อ
“ระวัง!” เคเบนคว้าตัวคนตัวเล็กเข้ามาในอ้อมอก ร่างของเขากดเธอลงกับพื้นในพริบตา ลูกศรปักลงพื้นดินตรงจุดที่เธอยืนเมื่อครู่ไม่ถึงครึ่งก้าว จากเงามืด มือสังหารในชุดดำอีกสี่คนโผล่ออกมา ดวงตาส่องประกายวาวในความมืด“นางต้องตาย! นั่นคือคำสั่งของเจ้านายเรา!”หนึ่งในนั้นตะโกน ก่อนพุ่งเข้ามาพร้อมดาบโค้งเคเบนผลักญิงสาวไปข้างหลัง “อยู่ข้างหลังข้า!”ดาบในมือเขาตวัดฟาดกระแทก คมเหล็กปะทะกันดังสนั่นสะท้อนทั่วสวน เสียงโลหะกระทบกันรุนแรง มือสังหารอีกคนโฉบเข้าด้านข้าง เคเบนหันตัวหลบอย่างว่องไว ร่างหมุนหนึ่งรอบแล้วแทงสวนเข้าใส่ช่องท้องของมัน เลือดสาดเป็นสาย สีแดงฉานหยดลงบนใบปาปิรุสรอบข้างอาริสาหอบหายใจ หัวใจเต้นแรง หญิงสาวพยายามมองหา ทางหนี แต่ร่างสูงใหญ่ของมือสังหารอีกสองคนบังไว้หมด“ไสหัวไปซะ หากพวกเจ้ายังไม่อยากตาย” เสียงเคเบนคำรามต่ำ แววตาวาวโรจน์ เขาสะบัดแขนซ้ายออกเผยสัญลักษณ์รอยสักสีเข้มบนต้นแขน ตราวิหารเมธาเรห์ สัญลักษณ์ของผู้พิทักษ์แห่งคำทำนายมือสังหารชะงักในพริบตา “นักรบแห่งวิหาร…!&rd

















