"ไปไหนมาว่ะ นึกว่าหนีกลับซะละ" ทันทีที่ไคเลอร์เดินมาถึง เพื่อนสนิทก็รีบเอ่ยถามคนที่หายไปนานถึงสองนาน แต่พอเดินมาถึงจากคนที่หงุดหงิดกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาก่อนหน้าก็ยิ่งทวีความหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อคนที่รอยังไม่ออกมาเสียที
"ไอ้เดนิสมันยังไม่ออกมาอีกเหรอวะ?" ชายหนุ่มไม่ได้สนใจจะตอบคำถามเพื่อน แต่ถามออกไปใหม่ทั้งเสียงไม่พอใจ
"ออกมาแล้ว แต่มันลืมโทรศัพท์ก็เลยวิ่งไปเอาอีกรอบ" เซอร์เวย์ออกปากอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น เท่านั้นก็ทำเขาถอนหายใจหนัก เดนิสไม่รู้จะสร้างความเสียเวลาไปถึงไหน
"นั่นไง ออกมาแล้ว เชี่ย...มากับหมอด้วยว่ะ" ชลธีว่าไปก็หูตาวาววับ คำว่ามาพร้อมหมอทำให้ไคเลอร์ไม่ค่อยเข้าใจ เลยช้อนสายตามองตามเพื่อนบ้าง จึงได้เห็นว่าเดนิสกำลังเดินคู่กันกับหมอเค้กมาติด ๆ
ทั้งยังคุยกันสนิทสนมราวกับรู้จักกันมานาน
"พวกมึง นี่พี่หมอเค้ก...คนที่ช่วยเก็บโทรศัพท์ให้" ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ทันทีที่เดนิสแนะนำทุกคนก็เข้าใจมากขึ้น
"พี่หมอเค้กคะ นี่ชลธี เซอร์เวย์ แล้วก็ไคเลอร์เพื่อนสนิทเดนิสเองค่ะ" เกือบทุกคนที่พยักหน้าทั้งยังส่งยิ้มเป็นการทักทาย แต่จะมีแค่คนเดียวที่ไม่ยินดียินร้ายจะรู้จักคนใหม่ และเดาไม่ยากคนนั้นคือไคเลอร์ที่เบือนหน้าหนีใบหน้าไร้อารมณ์
"ขอบคุณอีกครั้งนะคะพี่หมอ สวยแล้วยังใจดีอีก" คนตัวเล็กฉีกยิ้มไม่หาย ทั้งยังจับมือเธอไว้แน่นในขณะที่อีกคนกลับแค่ยกยิ้มอ่อน ๆ ตามประสานิสัยส่วนตัวที่ค่อนข้างจะเก็บตัวกับคนที่ยังไม่สนิท
"ไม่เป็นไรค่ะ"
"เออใช่...พี่หมอจะไปห้องน้ำใช่ไหมคะ เดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายข้างหน้านะคะ" เป็นสาเหตุที่ทำให้ทั้งสองออกมาพร้อมกัน ด้วยคนเป็นหมอที่ถามทางเข้าห้องน้ำจากในห้องตรวจ คนไข้ที่ลืมโทรศัพท์จึงออกปากให้มาด้วยกันเพราะรู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก
"ทำไมมึงไม่บอกให้คุณหมอเข้าห้องน้ำหลังตึกล่ะ ใกล้กว่า" คนว่าคือชลธี เขาไม่ได้ละสายตาจากหมอเลยสักนิด มองเธอด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มตลอดเวลา ยิ่งเห็นเจ้าของใบหน้าสวยใกล้ ๆ แสงรัศมีก็ทอประกายจนเขาแทบไม่อยากละสายตา
"หมอไปมาแล้วค่ะ แล้วบังเอิญไปเจอเด็กที่ไหนก็ไม่รู้ยืนสูบบุหรี่ในที่ไม่ควรสูบ หมอเหม็นควันน่ะก็เลยไปเข้าหน้าตึกดีกว่า" เธอไม่ว่าเปล่า เบือนมองเด็กที่หมายถึงด้วยสายตานิ่งเรียบ
เช่นเดียวกับไคเลอร์ เขาจดจ้องเธอกลับไม่วางตา ก่อนที่จะเอ่ยออกมาลอย ๆ แล้วเบือนหน้าออกไปอีกครั้ง
"ดัดจริต"
"ไอ้ไค พูดอะไรของมึง!" เดนิสรีบตีแขนเพื่อนที่กำลังต่อว่าแขกที่เธอพามาแนะนำ โดยไม่รู้ตื้นลึกหนาบางทว่าไคเลอร์ก็ไม่สมควรที่จะพูดเช่นนั้น
"ถ้าพวกมึงจะคุยกันอีกนานงั้นกูไปก่อน แม่งเสียเวลา" คำหลังเขามองหมอเค้กทิ้งท้าย เท่านั้นก็เดินอารมณ์เสียออกไปโดยไร้คำลาใด ๆ
"เอ้า...ไอ้เพื่อนเวรนี่" เดนิสถึงกับหัวเสีย การกระทำของเพื่อนแสดงออกต่อหมอเค้กอย่างชัดเจน จนเป็นเธอที่ต้องออกปากขอโทษขอโพย "เอ่อ...อย่าถือสามันเลยนะคะพี่หมอเค้ก สงสัยวันนี้ไม่ได้กินของหวาน ก็เลยดุแบบนี้"
"หึ...ไม่เป็นไร งั้นพี่ขอตัวก่อนนะ" หมอเค้กเค้นเสียงหัวเราะเบา ๆ เธอไม่ได้ถือสาเพราะเข้าใจดีว่าน้องชายเพื่อนคงไม่พอใจกับเหตุการณ์ก่อนหน้าไม่น้อย จากที่รู้สึกว่าเขาไม่ชอบเธอเป็นทุนเดิม วันนี้ก็ยิ่งชัดเจนจนอีกนิดก็จะคงติดป้ายประกาศบอกว่าเกลียดเธอเข้าไส้
"สวัสดีค่ะ" หญิงสาวคนเดียวของกลุ่มยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ทอดมองคุณหมอที่เดินจากไปด้วยสายตาปลาบปลื้ม กระทั่งรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างเข้ามาใกล้ ใกล้ขึ้นจนแทบจะสิงห์ร่าง
"เดนิสเพื่อนรัก ~" จะเป็นใครได้หากไม่ใช่ชลธี เขาหลงรักเธอหัวปักหัวปำเข้าให้แล้ว
"อย่ามาเข้าใกล้ ขนลุก!" เดนิสรีบขยับหนี ลูบสองแขนที่ถูกเพื่อนสนิทเข้าใกล้ทั้งยังเรียกชื่อเธอเสียงหวานเยิ้ม
"มึงได้ขอคอนแทคพี่หมอมาไหม กูขอหน่อยดิ" ชลธีไม่ได้สนใจท่าทีพวกนั้น เขามองเดนิสอย่างมีความหวัง
"ขอ แต่ไม่ให้" แต่มันก็ดับลง รอยยิ้มหวานหุบลงในทันที
"ขอหน่อย ถ้ามึงให้ กูยกไอ้เวย์ให้มึงเลย" แต่ก็ยังไม่ลดละความพยายาม พูดจบก็ดันตัวเซอร์เวย์เข้าไปใกล้ ไหล่ทั้งสองจึงกระทบกันจนเป็นเดนิสที่ขยับหนี
"อี๋ ไม่เอา!" เธอเบะปากคว่ำ ท่าทีที่แสดงออกทำคนยืนเงียบทนไม่ไหว
"มึงรังเกียจกูเหรอ" เซอร์เวย์หักคิ้วมองเธอนิ่ง
"นี่มึงไม่รู้เหรอ?"
"ไอ้เดนิส!" กระทั่งคำตอบของเพื่อนทำเขาแทบอยากจะทุบให้หลังหัก
"ว่าแต่ไอ้ไคเป็นอะไรของมัน ตอนมายังดี ๆ อยู่เลย แล้วยังไปว่าพี่หมออีก" เดนิสเลิกสนใจเพื่อนทั้งสอง มองตามแผ่นหลังที่หนีหายไปก็ยังรู้สึกเคืองไม่หาย
"ไม่รู้ กลับมาก็หงุดหงิดไปทั่ว" เซอร์เวย์ส่ายหัวหวือ ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งที่ไคเลอร์ก็ไม่ใช่คนที่จะต่อว่าหรือไม่พอใจใครง่าย ๆ
"ไอ้ชลมึงจะเกาะแขนกูอีกนานไหม ออกไป!" แต่แล้วความสงสัยก็ต้องจบลงเท่านี้ เวลาผ่านไปชลธีก็ยังตื๊อไม่เลิก จะเอาให้ได้เลยช่องทางการติดต่อของหมอที่สร้างหลุมรักให้เขาตกลงไป
"กูไม่ปล่อยจนกว่ามึงจะให้เบอร์หมอเค้ก" ชลธีเกาะแขนเพื่อนแน่น ทำเอาเดนิสถึงกับกรอกตาใส่อย่างเหนื่อยหน่ายใจ
"ยังไงกูก็ไม่ให้ คนหน้าม่อแบบมึงไม่มีทางได้ยุ่งกับพี่หมอของกู" ศักดินาของเพื่อนมีใครบ้างที่จะไม่รู้ ยิ่งคนสนิทวงในแบบเธอให้ไปก็มีแต่จะทำให้คนที่เธอถูกชะตาเสียใจ
"เดนิสครั้งนี้กูจริงจัง" ชลธีมองหน้าเพื่อนนิ่ง
"มึงก็พูดแบบนี้ทุกที ปล่อยกู" ทว่ามันไม่ได้ทำให้เพื่อนตัวเล็กเชื่อใจเลยสักนิด เธอพยายามสะบัดแขนที่ถูกเกาะกุม กระทั่งมีเซอร์เวย์ช่วยดันออกให้ ผลักหัวจนแทบจะกระเด็นหลุดจากบ่า
"มึงหยุดบ้าได้แล้วไอ้ชล รีบไปเถอะ...ไม่รู้ไอ้ไคแม่งไปถึงไหนแล้ว มากับรถมันด้วย"
"เออว่ะ ไม่ใช่แม่งทิ้งพวกเราไปแล้วนะ" คิดได้ดังนั้นทุกคนก็รีบสับเท้าเร็ว ๆ ยิ่งหงุดหงิดขนาดนั้นมันสามารถทำได้ทุกอย่างแม้แต่ทิ้งเพื่อนที่มาด้วยกัน
...
...
"เป็นอะไรแก เด็กมาใช้บริการเยอะเหรอ?" ทันทีที่เพื่อนสนิททิ้งตัวบนโซฟาอย่างหมดแรง การ์ตูนที่นั่งดูทีวีก็รีบไปหันถามไถ่
"อือ เหนื่อยจะตายแล้ว" แม้แต่แรงจะขยับตัวมากกว่านี้ก็ไม่เหลือ ร่างกายที่ผ่านการทำงานราวกับเครื่องจักรรู้สึกเหมือนร่างจะพัง
"จะไม่ให้เหนื่อยได้ยังไง ก็แกเล่นทำงานไม่พักผ่อนเลย แบบนี้ร่างกายจะน็อกเอานะเค้ก ฉันเป็นห่วงแกนะ" การ์ตูนแตะมือเพื่อนสนิท ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง ทำเธอเป็นห่วงอยู่เรื่อย
"ขอบใจนะแก แต่ฉันไม่เป็นไรมากหรอก นอนพักเอาแรงแป๊ปเดียวก็หายแล้ว" เค้กก็ยังเป็นเค้กที่ดื้อรั้นเสมอต้นเสมอปลาย ไม่มีใครสามารถหยุดเธอได้เว้นแต่เธอที่สั่งตัวเอง
"งั้นฉันไปทำอะไรมาให้แกกินก็แล้วกัน บะหมี่รสเดิม?"
"จัดไป" พยาบาลสาวที่ตอนนี้อยู่ในหน้าที่เพื่อนสนิทรีบเดินเข้าไปในครัว เปิดเตาตั้งหม้อต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอาหารหลัก ๆ ที่คนเป็นหมอมักจะห้ามคนไข้ ทว่าเธอกลับทำเสียเอง
เค้กแบกร่างที่ไร้เรี่ยวแรงทิ้งลงบนโต๊ะอาหารไม่ไกลจากครัว แล้วชวนเพื่อนที่ตั้งใจทำอาหารคุยด้วยเป็นการแก้เบืื่อ
"เออแก แกยังจำน้องชายเรนได้ไหม"
"น้องชายเรนเหรอ...อ๋อ จำได้ ที่หน้าตากวน ๆ นิสัยทะเล้น ๆ ไม่เหมือนเรนคนนั้นน่ะนะ รู้สึกว่าจะชื่อไคเลอร์ใช่ไหม" การ์ตูนรู้จักไคเรนดี ถึงจะเรียนคนละมหาวิทยาลัยกับทั้งสองแต่ก็ทำงานวอร์ดเดียวกับคนที่เพื่อนแอบรัก เคยเห็นน้องชายของเขาผ่านหน้าอยู่บ้างรับส่งปิ่นโตให้พี่ชายอยู่บ่อย ๆ
"ใช่คนนั้นแหละ"
"ทำไมเหรอ?"
"เปล่า ก็แค่แปลกใจทำไมพี่น้องกันถึงนิสัยต่างกันขนาดนั้น วันนี้ฉันเจอเขาสูบบุหรี่อยู่หลังตึก โดนฉันเตือนยังมาว่าฉันกลับอีก เด็กอะไรไม่รู้ดื้อชะมัด" พอนึกถึงก็รู้สึกเคืองเล็ก ๆ ด่ากันซึ่ง ๆ หน้าเธอยังไม่เคยเจอ เว้นเด็กดื้อของน้องชายคนที่แอบรักที่ขั้วตรงข้ามพี่ชายหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม
"ใครมันจะไปแสนดีเท่าเรนของแกล่ะ ไม่งั้นแกจะรักมาเกือบเจ็ดปีเหรอ" คำตอบของการ์ตูนทำเธอชะงัก นั่นสิ...ใครมันจะไปดีเท่าเขา แสนดี อบอุ่น และน่ารัก
"..."
"ขอโทษ ฉันลืมตัว" เพื่อนสนิทหน้าถอดสี ความปากเร็วพูดอะไรไม่คิดเหมือนสะกิดแผลในใจที่ยังไม่หายดี
"ไม่เป็นไร" เค้กยกยิ้มอ่อน ๆ กลบเกลื่อนว่าไม่มีอะไร ทั้งที่ลึก ๆ โคตรจะเจ็บลึกไปถึงทรวง
"ว่าแต่น้องมันว่าอะไรแก" การ์ตูนรีบเปลี่ยนเรื่อง เข้าเรื่องของน้องชายเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อที่ยังเล่าไม่จบ
"ดัดจริต"
"โห่...ปากดีด้วย" คำสั้น ๆ แต่เจ็บจี๊ดถึงใจ
"ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นพี่น้องกับเรน" ถ้าเป็นพี่ชายของเขา แน่นอนว่าจะไม่มีทางได้ยินคำนี้อย่างเด็ดขาด เธอมั่นใจ
"ก็จริงถ้าไม่ใช่ดีเอ็นเอบนหน้าฉันจะไม่เชื่อเลยสักนิดว่าเป็นพี่น้องกัน" คนทำอาหารเห็นด้วย นอกจากใบหน้าที่คล้ายกัน นิสัยไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลยสักนิดเดียว
"ใครได้เป็นแฟนคงเหนื่อยน่าดู" หมอเค้กส่ายหัวเบา ๆ แค่จินตนาการว่าหากเธอเป็นคนนั้น แค่นั้นก็รู้สึกท้อใจขึ้นมาแล้ว
ห้าปีผ่านไป ~"ลูกล่ะคะ?" คนตัวเล็กท้องอุ้ยอ้ายรีบเดินมาหาผมถึงในอู่ ใช่…เธอกำลังตั้งท้องเป็นรอบที่สอง คราวนี้ผมจัดเป็นเด็กแฝดให้ซะเลยแน่นอนว่าไม่ใช่วิธีธรรมชาติแต่เราสองคนตั้งใจเข้ากระบวนการวิทยาศาสตร์ผลิตลูกแฝด เพราะผมที่ยังอยากมีลูกเพิ่มอีกสองคน แต่ก็สงสารภรรยาสุดที่รักที่ทั้งอุ้มท้องและทรมานตอนคลอด จึงใช้วิธีนี้เป็นทางออก ท้องหนึ่งครั้งได้ถึงสอง เจ็บตอนคลอดทีเดียวก็ได้ลูกสามคนอย่างที่หวังส่วนคนโตก็อายุย่างเข้าห้าขวบ โตพอที่เข้าใจถึงการมีน้อง โดยทุกการตัดสินใจไม่ใช่แค่ผมกับเค้กที่ออกความเห็น แต่จะรวมเขาอยู่ในนั้นเพราะลูกคนโตจะได้รับผลกระทบจากการมีน้องมากที่สุดถ้าเธอบอกว่าไม่! ผมที่อยากมีแค่ไหนก็ตามใจลูกแน่นอนแต่คราวนี้เมื่อได้ธงเขียวผมก็ไม่มีอะไรต้องรอ ตอนนี้หมอเค้กท้องได้เจ็ดเดือน ท้องโตตามปกติของลูกแฝดโดยคุณแม่ก็ยังแข็งแรงและมีแรงมากพอที่จะเดินมาหาผมกับลูกคนโตของเธอ"อยู่นี่ค่า ~" เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับเจ้าตัวที่ปรากฏบนแคร่เลื่อนที่สไลด์ออกจากท้องรถ"แยมโรล!!" เด็กสาววัยห้าขวบหน้าตาเปรอะเปื้อนเศษดินและคราบน้ำมันหัวเราะคิกคัก ในขณะที่แม่ของเธอนั้นเบิกตากว้างตกใจกับสภาพของลูก
(ห้ามงอแง ไหนเราตกลงกันแล้วไง พรุ่งนี้ก็ได้เจอกันแล้ว) เสียงเล็กออกคำสั่งผ่านปลายสาย นอกจากวันนี้เราจะห่างกันทำงานทั้งวันแล้ว ผมกับเธอก็ยังต้องนอนแยกกันในรอบสองปีที่คบกันเลย"ผมไม่รับแล้ว" รับที่หมายถึงคือรับปริญญา เนื่องจากพรุ่งนี้มีงานรับปริญญาที่เรียนจบ หมอเค้กจึงสั่งให้นอนแยกเพราะคนหื่นแบบผมอยู่กับเธอไม่เคยนอนเร็วเลยสักวัน สุดท้ายก็ถูกสั่งให้กลับมานอนที่บ้าน ส่วนเธอก็ไปนอนคอนโดกับพี่การ์ตูนเพื่ออยากให้ผมพักผ่อนเต็มที่เมียน่าฟัดซะขนาดนั้นใครจะปล่อยไปเฉย ๆ ได้ -,-(ยังไงก็ต้องเข้ารับเก็บเป็นความทรงจำ นายรีบไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้านะ)"นอนไม่หลับ ไม่ได้นอนกอดเมีย คิดถึง...อยากเห็นหน้า" ผมไม่พูดเปล่า ว่าจบก็รีบคว้ากุญแจเจ้าเสือเทามาถือเพราะทนความคิดถึงไม่ไหวแต่เหมือนจะมีคนรู้ทัน...(วางกุญแจลงแล้วไปนอนค่ะ เจอกันพรุ่งนี้ เค้กมีของขวัญวันเรียนจบเซอร์ไพร์สให้ด้วย)"เซอร์ไพร์สอะไร คืนนี้เลยได้ไหม" คิดถึงใจจะขาดแล้ว ไม่ได้เห็นหน้าเมียทั้งวัน ไม่ได้กอด ไม่ได้ฟัด รู้สึกเหมือนขาดอากาศหายใจ(พรุ่งนี้เท่านั้น) เมียใครว่ะ ใจร้ายจัง..."เฮ้อ...พรุ่งนี้เค้กรีบมานะ ผมจะรอ" สุดท้ายผมก็ต้อ
"ฉันมาแล้ว ~" เจ้าของเสียงใสเรียกรอยยิ้มของผมที่กำลังขันน็อตอยู่ใต้ท้องรถ จากนั้นก็รีบวางทุกอย่างในมือโดยไม่เอาอะไรอีก สไลด์ตัวออกมาจนเห็นใบหน้าหวาน ๆ ของแฟนสาวที่ตั้งใจก้มมาหาผมในระยะประชิด"ยั่วผมแบบนี้ไม่ดีเลยรู้ไหม?" ผมจ้องมองใบหน้าหวานที่ผ่านมาสองปีก็ไม่เคยเบื่อที่จะมองเลยสักวัน มีแต่จะหลงมากขึ้นกว่าเดิมตกหลุมรักซ้ำ ๆ กับรอยยิ้มพราวเสน่ห์ของเธอ จากที่ซ่อมรถเหนื่อยมาทั้งวันก็หายเป็นปลิดทิ้งทันที"เปล่าสักหน่อย" หมอเค้กถอนตัวออกมา ใบหน้าแดงระเรื่อ จะกี่ปีเธอก็ยังเขินผมจนรู้สึกมันเขี้ยวเหมือนเดิม"หึ..." ผมเค้นเสียงชอบใจกับคนตรงหน้า ไม่ยอมลุกขึ้นเพราะอยากนอนมองใบหน้าหวาน ๆ ของเธอ"เหงื่อเต็มไปหมดเลย" มือบางเอื้อมมาเช็ดเหงื่อที่เต็มกรอบหน้ากำลังจะไหลเข้าตาผมอย่างไม่คิดรังเกียจ"หล่ออยู่ไหม?" ผมแสร้งถามไปอย่างนั้น อยากได้ยินคำตอบกวน ๆ ของเธอที่พลอยทำให้ผมอารมณ์ดี"ไม่อะ นอกจากจะไม่หล่อก็ยังมีแต่กลิ่นน้ำมันเครื่อง" เธอยู่หน้าใส่ผม จากนั้นก็ทำท่าตลก ๆ จนผมขำออกมา"เลิกเล่นแล้วรีบไปล้างเนื้อล้างตัวได้แล้ว ฉันคิดถึงแม่" หญิงสาวยื่นมือส่งมาให้ ถึงปากจะบอกเหม็นอย่างนู้นอย่างนี้ แต่ก็ยอมใช้ม
เช้าวันหยุดที่ไคเลอร์ทิ้งตัวนอนบนโซฟาโดยมีหนังสือสอบเล่มเล็กวางอยู่บนหน้าอก เขาพลิกหน้าหนังสือไปมา ขณะหัวพักอยู่บนตักของหมอเค้กที่กำลังนั่งพิงพนักโซฟาอ่านประวัติคนไข้เช่นเดียวกันกระทั่งมีเสียงที่ทำลายความเงียบลง น้ำเสียงของคนที่เสียสมาธิที่สนใจใบหน้าหวานของแฟนมากกว่าตัวหนังสือที่ลายตา"วันนี้ไปเยี่ยมแม่กี่โมง""ก็น่าจะบ่ายโมงนะ" น้ำเสียงของเธอเรียบนิ่ง ราวกับมีบางอย่างในใจจนพูดขึ้นต่ออีกครั้ง "ไปด้วยกันไหม?"พอได้ยินคำชวนนั้น ไคเลอร์ก็วางหนังสือลงในทันที หัวใจเต้นแรงอย่างไม่ทันตั้งตัวผงกหัวขึ้นและเบิกตาเล็ก ๆ"ฮื้อ...เค้กชวนผมเหรอ?" เขาเงยหน้าขึ้นจากตัก สีหน้าเหมือนเด็กเพิ่งได้รับคำชวนไปทัศนศึกษาครั้งแรก"อื้ม อยากไปไหม" เธอไม่สบตา แต่เสียงนั้นเต็มไปด้วยความลังเลเล็ก ๆ คล้ายคนไม่มั่นใจว่าเขาอยากเจอเรื่องหนักกับเธอหรือไม่"อยาก" ไคเลอร์ตอบในทันที น้ำเสียงหนักแน่นกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา"ทำไมต้องดีใจขนาดนั้น" เจ้าของใบน้าคมทำให้เธอรู้สึกแบบนั้น มันไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นเลยสักนิดเดียว"แฟนชวนไปเจอว่าที่แม่ยายเลยนะครับ ทำไมจะไม่ดีใจล่ะ" เขาว่าพลางยิ้มตาหยี แกล้งทำเสียงล้อเลียนเบา ๆ เพื่อใ
"หมอทำอะไร" เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นในเช้าวันใหม่ที่ห้องของเธอ หลังจากที่เขาแต่งตัวพร้อมไปเรียนจึงพาเธอกลับมาเปลี่นเสื้อทำงานที่ห้องเธอบ้าง ไคเลอร์จึงยืนพิงกรอบประตูดวงตาคมจ้องเธออย่างไม่ละสายตา"ก็เปลี่ยนชุด แล้วก็...แต่งหน้านิดหน่อย" หญิงสาวเหลือบมองเขาผ่านกระจก มือยังถือลิปกลอสที่เพิ่งแต้มบนริมฝีปาก"แต่งทำไม?" ไคเลอร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เดินเข้ามาใกล้ทีละก้าวกระทั่งมาถึงตัวของเธอที่เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้ไม่อยากขยับหนี"ทำไม ไม่สวยเหรอ?" หมอสาวหันกลับมาทางเขาเล็กน้อย มุมปากยกยิ้มคล้ายหยอกล้อ เสียงในลำคอฟังดูเหมือนไม่ได้ต้องการคำตอบจริงจังนัก"สวย...แต่สวยเกินไป ผมหวง" คำพูดนั้นทำเอาหัวใจเธอกระตุกวูบ ความหวงที่ไม่ได้ตะโกนดัง ๆ แต่ซ่อนอยู่ในน้ำเสียงนิ่ง ๆ กับแววตาคู่นั้น กลับทำให้รู้สึกหน้าแดงจนปิดไว้ไม่อยู่"หึ...มีแฟนสวยไม่ดีหรือไง จะได้ไม่โดนใครเขานินทา" แต่ก็ยังใจดีสู้เสือพูดต่อ กอดอกมองหน้าเขาด้วยรอยยิ้มพอใจ"ถึงไม่แต่งก็สวย ใครนินทาผมจะซัดหน้ามันเอง" เขาพูดจริงจังแบบไร้แววล้อเล่น แล้วเดินเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้นทำให้กลิ่นน้ำหอมบนตัวอ่อน ๆ คละเคล้ากับไออุ่นยามเช้า"ทีนายยังฉีดน้ำหอ
กลิ่นหอมจาง ๆ ของสบู่เหลวลอยมาเตะจมูกคนที่นอนหลับใต้ผ้าห่มผืนหนา หมอเค้กลืมตาขึ้นช้า ๆ พลางกะพริบตาปรับภาพที่มัวหมอง แสงไฟหัวเตียงสีนวลช่วยให้ห้องดูอบอุ่นจนเธอหลับสบายไปหลายชั่วโมงแต่นี่ไม่ใช่เตียงของเธอ…ทันทีที่กวาดตามองรอบ ๆ ห้องก็มั่นใจว่าที่นี่ไม่ใช่คอนโดของเธอเช่นกันหมอเค้กขยับตัวนั่งพิงหัวเตียง กำลังตั้งสติจะลงจากเตียงนอนทว่าใครอีกคนที่ออกมาจากห้องน้ำก็ทำเธอชะงักเสียงฝีเท้านุ่มนวลใกล้เข้ามา ก่อนเจ้าของคอนโดจะปรากฏตัวในเสื้อยืดกับกางเกงวอร์มธรรมดาและกลิ่นหอมฟุ้งที่มาจากความหอมของเจ้าของห้อง"ตื่นแล้วเหรอ?" ไคเลอร์ว่าพร้อมกับย่อตัวนั่งลงข้าง ๆ ห่างกันพอประมาณแต่รับรู้ได้ถึงความใกล้ชิดที่กำลังก่อตัว"ทำไมไม่ปลุกฉันล่ะ" ดวงตาที่หันไปเห็นนาฬิกาหัวเตียงบอกเวลาค่ำมากพอสมควร ด้วยความเหนื่อยคงทำให้เธอเผลอหลับบนรถจนไม่รู้สึกตัว"ปลุกตั้งหลายรอบ หมอตื่นที่ไหน""สงสัยเหนื่อยไปหน่อย" หมอเค้กยิ้มแห้ง ๆ เคยบอกเขาว่าเป็นคนรู้สึกตัวง่ายเอง แต่เอาเข้าจริงก็นอนหลับเป็นตายทุกครั้ง"ต่อไปนี้ห้ามขึ้นแท็กซี่รู้ไหม คนไปรับไปส่งต้องเป็นผมและพี่การ์ตูนเท่านั้น" ไคเลอร์ออกคำสั่งด้วยความเป็นห่วง ทำเอาหม