สนามแข่งรถ SURVEY CIRCUIT
รถหรูเลี้ยวขับมาจอดบริเวณอาคารไม่ไกลจากสนามแข่งรถ โดยเจ้าของก็รีบดันขาตั้งถอดหมวกกันน็อกครอบหัวอย่างไม่รีรอ
"มาแต่เช้าเลยนะมึง" คนทักทายคือเจ้าของกิจการที่อยู่ในชุดช่าง เป็นชุดหมีแขนยาวขายาวสีกรมท่าถกแขนขึ้นระบายความร้อน เนื้อตัวเปอะเปื้อนไปด้วยน้ำมันเครื่องเป็นเรื่องธรรมดาของช่างใหญ่ของสนามที่นอกจากมีความหล่อและความชอบของรถแล้ว เขายังใช้ความรู้ในด้านวิศวะเครื่องยนต์ที่ร่ำเรียนมาใช้งาน
เช่นเดียวกับไคเลอร์ เขามีความสามารถในการซ่อมและแต่งรถอย่างช้ำชองมาแต่ไหนแต่ไร เลือกเรียนสายงานนี้เพราะอยากต่อยอดในสิ่งที่ชอบ ปล่อยให้ธุรกิจครอบครัวเป็นเรื่องของพี่ชายจัดการเอา และใช่...ไอ้เสือเทาที่ขี่อยู่ตอนนี้ก็ถูกเนรมิตด้วยตัวของเขาเอง ตั้งแต่การเลือกอะไหล่ ประกอบเครื่อง ลงมือซ่อมแซมเปลี่ยนนู้นใส่นี่ล้วนผ่านมือเขาทุกขั้นตอน
เสือเทาคันนี้จึงเป็นสิ่งที่หวงแหนที่สุด ไม่ใช่ใครที่จะสามารถซ้อนได้ง่าย ๆ ตั้งแต่มีเขาเป็นเจ้าของเบาะหลังของเสือเทาก็ไม่เคยมีใครได้นั่งสักคน
"กูไปเปลี่ยนชุดละ" ไคเลอร์ไม่สนใจจะตอบคำถาม ใบหน้าของเขาดูไม่สบอารมณ์แต่เช้าจนเซอร์เวย์เลือกที่จะไม่เซ้าซี้
เขากลับมาอีกครั้งด้วยชุดหมีช่างไม่ต่างจากเพื่อน วันนี้ได้เวลาแต่งหล่อให้ลูกชายคันโปรดเพราะครบรอบการเช็คระยะ รถจักรยานยนต์คันใหญ่จึงถูกลากขึ้นแท่นจากนั้นเจ้าของก็ขมักเขม้นโดยไม่สนใจใคร
ตลอดเวลาแม้ในมือจะถือประแจเปื้อนคราบน้ำมันเครื่อง แต่สมองของเขากลับไม่ได้คิดถึงตรงนั้น เรื่องที่ได้ยินจากปากคนในโรงพยาบาลกำลังรบกวนสมาธิของเขาจนไม่เหลือ วนเวียนอยู่แต่ในหัวจนเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าจะคิดมากไปทำไม ในเมื่อไม่ใช่เรื่องของเขา และยังรู้อีกว่าอย่างไรพี่ชายก็จัดการได้
ไคเลอร์ใช้เวลาซ่อมนู้นเพิ่มนี่จนสุดท้ายมันก็เสร็จสมบูรณ์ ถึงเวลาที่เขาพอใจกับผลงานทว่าความขุ่นข้องในใจก็ยังไม่หายไป
"ไอ้เวย์" เรียวปากหนาเอ่ยเรียกเพื่อนที่เพิ่งนั่งพักจากการซ่อมรถให้ลูกค้าหลายชั่วโมง
"ว่า?"
"ทดสอบเสือเทากับกูสักรอบ" ไคเลอร์มองไปที่สนามให้เซอร์เวย์เข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการมากขึ้น หวังว่าการได้ระบายความเร็วพอจะทำให้ใจที่ว้าวุ่นทุเลาลง
"เออ ๆ กูไปเอาเซฟตี้ก่อน" เซอร์เวย์ไม่ได้ขัดเพราะเขาก็ต้องการเหมือนกัน
เพื่อนสนิทเดินผ่านหน้าหยิบอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยในสนาม โยนมาให้เขาหนึ่งชุดโดยใช้เวลาไม่นานทั้งสองก็พร้อมกันที่จุดออกตัว
ปั๊ง!
สัญญาณการแข่งขันเริ่มขึ้นด้วยรถสองคันที่ออกตัวตามกันติด ๆ เสียงเครื่องยนต์ของรถทั้งสองคันคำรามลั่นไปทั่วสนามแข่งที่ไม่ค่อยมีคน
ไคเลอร์ขยับมือเปลี่ยนเกียร์อย่างเฉียบขาด สายตาจดจ้องไปข้างหน้าเต็มไปด้วยความแน่วแน่ เซอร์เวย์ตามมาติด ๆ และไม่มีท่าทีจะออมมือให้เพราะแค่เป็นเพื่อนกัน
ทั้งสองคันเข้าโค้งแรกมาเร็ว เบรกกระชั้นหมุนพวงมาลัยหักขวาอย่างแม่นยำ เสือเทาสะบัดหางนิดหน่อยก่อนจะคืนตัวเข้าสู่ลู่ด้วยความมั่นคง เสียงหัวใจเขาเต้นถี่ตามจังหวะความเร็วที่เพิ่มขึ้น เหมือนว่าสิ่งที่คิดจะได้ผล ไคเลอร์ใช้สมาธิไปกับการแข่งขันจนลืมบางเรื่องไป
กระทั่งเข้าโค้งสุดท้าย...
จู่ ๆ เสียงเครื่องยนต์ก็ดังสนั่นพร้อมกลิ่นยางไหม้ใต้ฝ่าเท้าของไคเลอร์ที่เบรกกะทันหัน
การแข่งขันเล่น ๆ ระหว่างเพื่อนจบลง โดยเขาตวัดเท้าลงจากรถแล้วรีบถอดหมวกกันน็อกรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดีออกมา จากนั้นก็ขยี้ผมยุ่ง ๆ ขณะเดินกลับมานั่งบนเก้าอี้ข้างสนามซ้อมตัวเดิม
"เป็นอะไรของมึงวะ จังหวะแบบนั้นใครให้มึงเบรกอันตรายฉิบหาย" เสียงจากเพื่อนคู่แข่งลองสนามดังขึ้นมาตามหลัง ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ แล้วขมวดคิ้วถามคนไม่สบอารมณ์
"..."
จะบอกว่าเขาแพ้การแข่งขันลองสนามครั้งนี้ก็ไม่ถูกเสียทีเดียว จังหวะสุดท้ายของโค้งเข้าเส้นชนะ ชายหนุ่มกลับชะลอรถดื้อ ๆ ทำให้ฝ่ายคู่แข่งขับแซงในวินาทีสุดท้าย
คนไม่สบอารมณ์ไม่ได้คิดตอบ มันกำลังจะชนะหากในหัวมีสมาธิคิดถึงการแข่งขันมากกว่านี้ แต่ไม่...เขากลับนึกถึงเหตุการณ์บางอย่างที่นึกถึงทีไรก็ทำให้รู้สึกหงุดหงิดใจทุกครั้ง
ชุดกาวน์สีขาวสะอาด รองเท้าคัชชูเรียบ ๆ กับใบหน้าเรียบเฉยของผู้หญิงคนนั้น แบบที่เขารู้สึกหมั่นไส้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้า ความเย่อหยิ่ง วางมาดนิ่ง ไม่ยอมพูดยอมจา คนที่เขาเคยคิดว่าเธอเป็นเพื่อนของพี่ชายที่ไม่มีอะไรน่าจดจำ
กระทั่งเมื่อวาน...สิ่งที่เขาบังเอิญได้ยินพยาบาลคุยกันหน้าห้องพักแพทย์วิ่งวนในหัวของเขาตลอดเวลา
'ใคร ๆ ก็ดูออกว่าหมอเค้กน่ะ...ชอบอาจารย์ไคเรนมากเลยนะ'
ประโยคนั้นสร้างความหงุดหงิดแบบไม่มีเหตุผล ทั้งที่รู้ว่าพี่ชายเขามีคนในใจอยู่แล้ว กำลังจะมีลูกและสร้างครอบครัวที่น่ารัก ทั้งที่ผู้ชายมองเธอเป็นเพื่อนที่ดี ผู้หญิงแบบเธอกลับมีความดันทุรัง กลับหักหลังไปรักเขามากกว่าเพื่อนอย่างหน้าไม่อาย
ครืด ๆ
การแจ้งเตือนจากโทรศัพท์เครื่องหรูของเซอร์เวย์ดังขึ้น เขาก้มลงไปอ่านจับใจความคือชลธีกำลังหาเพื่อนไปโรงพยาบาลอีกครั้ง
"ไอ้ชลให้พาแม่งไปหาหมอว่ะ" เซอร์เวย์เงยหน้าบอก กำลังจะอ้าปากพูดต่อ แต่ก็โดนไคเลอร์แทรกขึ้นมา
"กูพาไปเอง" เท่านั้นเขาก็เดินออกไปล้างไม้ล้างมือและเปลี่ยนเป็นชุดตัวเดิม มุ่งตรงไปยังคอนโดของชลธีที่อยู่ห่างกับสนามไม่กี่กิโล โดยเพื่อนสนิทที่นั่งรอล็อบบี้อยู่แล้วก็รีบโยนกุญแจรถยนต์ให้เพื่อนรับหน้าที่ขับรถแทน
รถคันหรูกำลังตรงไปยังโรงพยาบาลเอกชนที่มีพี่ชายเขาเป็นหนึ่งในหุ้นส่วน โดยชลธีก็ยังมองเพื่อนไม่ละสายตาแปลกใจไม่น้อยทำไมถึงเป็นไคเลอร์ที่มารับเขาได้
"มึงอยู่กับไอ้เวย์เหรอว่ะ"
"เออ เช็คระยะไอ้เสือเทาเพิ่งเสร็จ"
"เป็นห่วงกูอะดิถึงได้มารับกูไปเปลี่ยนเฝือก"
"ต้องใช้คำว่าเวทนา"
"สัส ถ้าไม่คิดว่ากลัวโดนพ่อแม่ด่า กูไม่ขอให้พวกมึงช่วยหรอก" ชลธีก็ไม่ได้ต่างจากไคเลอร์ที่ต้องปิดบังเรื่องพวกนี้กับพ่อแม่ ขืนรู้ว่าเกิดอุบัติเหตุเจ็บหนักขนาดนี้แน่นอนว่ารถคันโปรดถูกขายทิ้งทอดตลาดทันที
"ขับไม่แข่งก็ยังจะซ่า กูบอกแล้วไงว่ามือใหม่ให้ใจเย็น" ชลธีเพิ่งเข้าสู่วงการประลองความเร็วไม่นาน เพราะตามติดทั้งไคเลอร์และเซอร์เวย์ที่อยู่วงในมาตั้งแต่อายุสิบห้า จึงพลอยอยากจะลองไปกับเขาด้วย
และความมั่นอกมั่นใจในฝีมือของตัวเอง ผ่านการฝึกลองสนามแค่สองเดือน จึงทำให้เขามีจุดจบอย่างเช่นตอนนี้
"กูก็อยากเก่งไปอวดหมอเค้กเปล่าวะ"
ผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว...
"สมน้ำหน้าไอ้ควาย" ไคเลอร์ตอกคำพูดใส่เพื่อนแรง ๆ ความโมโหโทสะกำลังก่ออยู่ในตัวเขาจนเป็นชลธีที่เป็นคนโชคร้ายตกเป็นที่รองรับอย่างไม่รู้ตัว
เขาและเพื่อนมาถึงโรงพยาบาลในเวลาต่อมา โดยชลธีก็ปล่อยเป็นหน้าที่ของหมอให้จัดการทำหัตถการตามนัด ส่วนเขาก็ตรงไปยังแผนกแผนกหนึ่งที่คุ้นเคยดี แวะเวียนอยู่บ่อยครั้งจนเริ่มจะชินเส้นทาง
ชายหนุ่มมาหยุดอยู่หน้าแผนกศัลยกรรมที่มีห้องทำงานของพี่ชาย กำลังจะเข้าไปทักทายให้หายคิดถึงตามประสาพี่น้องที่ไม่ได้เจอกันหลายวัน แต่เมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งออกมาจากห้องของพี่ชาย ขายาว ๆ ของเขาก็หยุดเดิน
"หมอเค้ก" เธออีกแล้วเหรอ...
เขาถอนหายใจยาวเหยียด ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงวนเวียนรอบตัวเขา คนที่ทำลายสมาธิของเขามาทั้งวัน แล้วตอนนี้ยังจะมาทำลายครอบครัวของพี่ชายเขาอีก
ไคเลอร์ตัดสินใจเดินตามเธอไปเงียบ ๆ ทิ้งระยะไม่ให้ใครสงสัยจนมาหยุดอยู่ดาดฟ้าของโรงพยาบาล
ที่ตรงนี้เงียบสงบ แต่มีลมสบาย ไม่มีใครขึ้นมาเว้นแต่เจ้าของร่างบางที่ยืนเท้าแขนบนกำแพงที่ถูกก่อเท่าเอวบางของเธอ
เขายืนมองอยู่อย่างนั้น ล้วงมือในกระเป๋ากางเกงจ้องมองร่างบางตรงหน้า ยังคงไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้เขาเดินมาถึงที่นี่
จนกระทั่ง...
ห้าปีผ่านไป ~"ลูกล่ะคะ?" คนตัวเล็กท้องอุ้ยอ้ายรีบเดินมาหาผมถึงในอู่ ใช่…เธอกำลังตั้งท้องเป็นรอบที่สอง คราวนี้ผมจัดเป็นเด็กแฝดให้ซะเลยแน่นอนว่าไม่ใช่วิธีธรรมชาติแต่เราสองคนตั้งใจเข้ากระบวนการวิทยาศาสตร์ผลิตลูกแฝด เพราะผมที่ยังอยากมีลูกเพิ่มอีกสองคน แต่ก็สงสารภรรยาสุดที่รักที่ทั้งอุ้มท้องและทรมานตอนคลอด จึงใช้วิธีนี้เป็นทางออก ท้องหนึ่งครั้งได้ถึงสอง เจ็บตอนคลอดทีเดียวก็ได้ลูกสามคนอย่างที่หวังส่วนคนโตก็อายุย่างเข้าห้าขวบ โตพอที่เข้าใจถึงการมีน้อง โดยทุกการตัดสินใจไม่ใช่แค่ผมกับเค้กที่ออกความเห็น แต่จะรวมเขาอยู่ในนั้นเพราะลูกคนโตจะได้รับผลกระทบจากการมีน้องมากที่สุดถ้าเธอบอกว่าไม่! ผมที่อยากมีแค่ไหนก็ตามใจลูกแน่นอนแต่คราวนี้เมื่อได้ธงเขียวผมก็ไม่มีอะไรต้องรอ ตอนนี้หมอเค้กท้องได้เจ็ดเดือน ท้องโตตามปกติของลูกแฝดโดยคุณแม่ก็ยังแข็งแรงและมีแรงมากพอที่จะเดินมาหาผมกับลูกคนโตของเธอ"อยู่นี่ค่า ~" เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับเจ้าตัวที่ปรากฏบนแคร่เลื่อนที่สไลด์ออกจากท้องรถ"แยมโรล!!" เด็กสาววัยห้าขวบหน้าตาเปรอะเปื้อนเศษดินและคราบน้ำมันหัวเราะคิกคัก ในขณะที่แม่ของเธอนั้นเบิกตากว้างตกใจกับสภาพของลูก
(ห้ามงอแง ไหนเราตกลงกันแล้วไง พรุ่งนี้ก็ได้เจอกันแล้ว) เสียงเล็กออกคำสั่งผ่านปลายสาย นอกจากวันนี้เราจะห่างกันทำงานทั้งวันแล้ว ผมกับเธอก็ยังต้องนอนแยกกันในรอบสองปีที่คบกันเลย"ผมไม่รับแล้ว" รับที่หมายถึงคือรับปริญญา เนื่องจากพรุ่งนี้มีงานรับปริญญาที่เรียนจบ หมอเค้กจึงสั่งให้นอนแยกเพราะคนหื่นแบบผมอยู่กับเธอไม่เคยนอนเร็วเลยสักวัน สุดท้ายก็ถูกสั่งให้กลับมานอนที่บ้าน ส่วนเธอก็ไปนอนคอนโดกับพี่การ์ตูนเพื่ออยากให้ผมพักผ่อนเต็มที่เมียน่าฟัดซะขนาดนั้นใครจะปล่อยไปเฉย ๆ ได้ -,-(ยังไงก็ต้องเข้ารับเก็บเป็นความทรงจำ นายรีบไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้านะ)"นอนไม่หลับ ไม่ได้นอนกอดเมีย คิดถึง...อยากเห็นหน้า" ผมไม่พูดเปล่า ว่าจบก็รีบคว้ากุญแจเจ้าเสือเทามาถือเพราะทนความคิดถึงไม่ไหวแต่เหมือนจะมีคนรู้ทัน...(วางกุญแจลงแล้วไปนอนค่ะ เจอกันพรุ่งนี้ เค้กมีของขวัญวันเรียนจบเซอร์ไพร์สให้ด้วย)"เซอร์ไพร์สอะไร คืนนี้เลยได้ไหม" คิดถึงใจจะขาดแล้ว ไม่ได้เห็นหน้าเมียทั้งวัน ไม่ได้กอด ไม่ได้ฟัด รู้สึกเหมือนขาดอากาศหายใจ(พรุ่งนี้เท่านั้น) เมียใครว่ะ ใจร้ายจัง..."เฮ้อ...พรุ่งนี้เค้กรีบมานะ ผมจะรอ" สุดท้ายผมก็ต้อ
"ฉันมาแล้ว ~" เจ้าของเสียงใสเรียกรอยยิ้มของผมที่กำลังขันน็อตอยู่ใต้ท้องรถ จากนั้นก็รีบวางทุกอย่างในมือโดยไม่เอาอะไรอีก สไลด์ตัวออกมาจนเห็นใบหน้าหวาน ๆ ของแฟนสาวที่ตั้งใจก้มมาหาผมในระยะประชิด"ยั่วผมแบบนี้ไม่ดีเลยรู้ไหม?" ผมจ้องมองใบหน้าหวานที่ผ่านมาสองปีก็ไม่เคยเบื่อที่จะมองเลยสักวัน มีแต่จะหลงมากขึ้นกว่าเดิมตกหลุมรักซ้ำ ๆ กับรอยยิ้มพราวเสน่ห์ของเธอ จากที่ซ่อมรถเหนื่อยมาทั้งวันก็หายเป็นปลิดทิ้งทันที"เปล่าสักหน่อย" หมอเค้กถอนตัวออกมา ใบหน้าแดงระเรื่อ จะกี่ปีเธอก็ยังเขินผมจนรู้สึกมันเขี้ยวเหมือนเดิม"หึ..." ผมเค้นเสียงชอบใจกับคนตรงหน้า ไม่ยอมลุกขึ้นเพราะอยากนอนมองใบหน้าหวาน ๆ ของเธอ"เหงื่อเต็มไปหมดเลย" มือบางเอื้อมมาเช็ดเหงื่อที่เต็มกรอบหน้ากำลังจะไหลเข้าตาผมอย่างไม่คิดรังเกียจ"หล่ออยู่ไหม?" ผมแสร้งถามไปอย่างนั้น อยากได้ยินคำตอบกวน ๆ ของเธอที่พลอยทำให้ผมอารมณ์ดี"ไม่อะ นอกจากจะไม่หล่อก็ยังมีแต่กลิ่นน้ำมันเครื่อง" เธอยู่หน้าใส่ผม จากนั้นก็ทำท่าตลก ๆ จนผมขำออกมา"เลิกเล่นแล้วรีบไปล้างเนื้อล้างตัวได้แล้ว ฉันคิดถึงแม่" หญิงสาวยื่นมือส่งมาให้ ถึงปากจะบอกเหม็นอย่างนู้นอย่างนี้ แต่ก็ยอมใช้ม
เช้าวันหยุดที่ไคเลอร์ทิ้งตัวนอนบนโซฟาโดยมีหนังสือสอบเล่มเล็กวางอยู่บนหน้าอก เขาพลิกหน้าหนังสือไปมา ขณะหัวพักอยู่บนตักของหมอเค้กที่กำลังนั่งพิงพนักโซฟาอ่านประวัติคนไข้เช่นเดียวกันกระทั่งมีเสียงที่ทำลายความเงียบลง น้ำเสียงของคนที่เสียสมาธิที่สนใจใบหน้าหวานของแฟนมากกว่าตัวหนังสือที่ลายตา"วันนี้ไปเยี่ยมแม่กี่โมง""ก็น่าจะบ่ายโมงนะ" น้ำเสียงของเธอเรียบนิ่ง ราวกับมีบางอย่างในใจจนพูดขึ้นต่ออีกครั้ง "ไปด้วยกันไหม?"พอได้ยินคำชวนนั้น ไคเลอร์ก็วางหนังสือลงในทันที หัวใจเต้นแรงอย่างไม่ทันตั้งตัวผงกหัวขึ้นและเบิกตาเล็ก ๆ"ฮื้อ...เค้กชวนผมเหรอ?" เขาเงยหน้าขึ้นจากตัก สีหน้าเหมือนเด็กเพิ่งได้รับคำชวนไปทัศนศึกษาครั้งแรก"อื้ม อยากไปไหม" เธอไม่สบตา แต่เสียงนั้นเต็มไปด้วยความลังเลเล็ก ๆ คล้ายคนไม่มั่นใจว่าเขาอยากเจอเรื่องหนักกับเธอหรือไม่"อยาก" ไคเลอร์ตอบในทันที น้ำเสียงหนักแน่นกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา"ทำไมต้องดีใจขนาดนั้น" เจ้าของใบน้าคมทำให้เธอรู้สึกแบบนั้น มันไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นเลยสักนิดเดียว"แฟนชวนไปเจอว่าที่แม่ยายเลยนะครับ ทำไมจะไม่ดีใจล่ะ" เขาว่าพลางยิ้มตาหยี แกล้งทำเสียงล้อเลียนเบา ๆ เพื่อใ
"หมอทำอะไร" เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นในเช้าวันใหม่ที่ห้องของเธอ หลังจากที่เขาแต่งตัวพร้อมไปเรียนจึงพาเธอกลับมาเปลี่นเสื้อทำงานที่ห้องเธอบ้าง ไคเลอร์จึงยืนพิงกรอบประตูดวงตาคมจ้องเธออย่างไม่ละสายตา"ก็เปลี่ยนชุด แล้วก็...แต่งหน้านิดหน่อย" หญิงสาวเหลือบมองเขาผ่านกระจก มือยังถือลิปกลอสที่เพิ่งแต้มบนริมฝีปาก"แต่งทำไม?" ไคเลอร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เดินเข้ามาใกล้ทีละก้าวกระทั่งมาถึงตัวของเธอที่เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้ไม่อยากขยับหนี"ทำไม ไม่สวยเหรอ?" หมอสาวหันกลับมาทางเขาเล็กน้อย มุมปากยกยิ้มคล้ายหยอกล้อ เสียงในลำคอฟังดูเหมือนไม่ได้ต้องการคำตอบจริงจังนัก"สวย...แต่สวยเกินไป ผมหวง" คำพูดนั้นทำเอาหัวใจเธอกระตุกวูบ ความหวงที่ไม่ได้ตะโกนดัง ๆ แต่ซ่อนอยู่ในน้ำเสียงนิ่ง ๆ กับแววตาคู่นั้น กลับทำให้รู้สึกหน้าแดงจนปิดไว้ไม่อยู่"หึ...มีแฟนสวยไม่ดีหรือไง จะได้ไม่โดนใครเขานินทา" แต่ก็ยังใจดีสู้เสือพูดต่อ กอดอกมองหน้าเขาด้วยรอยยิ้มพอใจ"ถึงไม่แต่งก็สวย ใครนินทาผมจะซัดหน้ามันเอง" เขาพูดจริงจังแบบไร้แววล้อเล่น แล้วเดินเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้นทำให้กลิ่นน้ำหอมบนตัวอ่อน ๆ คละเคล้ากับไออุ่นยามเช้า"ทีนายยังฉีดน้ำหอ
กลิ่นหอมจาง ๆ ของสบู่เหลวลอยมาเตะจมูกคนที่นอนหลับใต้ผ้าห่มผืนหนา หมอเค้กลืมตาขึ้นช้า ๆ พลางกะพริบตาปรับภาพที่มัวหมอง แสงไฟหัวเตียงสีนวลช่วยให้ห้องดูอบอุ่นจนเธอหลับสบายไปหลายชั่วโมงแต่นี่ไม่ใช่เตียงของเธอ…ทันทีที่กวาดตามองรอบ ๆ ห้องก็มั่นใจว่าที่นี่ไม่ใช่คอนโดของเธอเช่นกันหมอเค้กขยับตัวนั่งพิงหัวเตียง กำลังตั้งสติจะลงจากเตียงนอนทว่าใครอีกคนที่ออกมาจากห้องน้ำก็ทำเธอชะงักเสียงฝีเท้านุ่มนวลใกล้เข้ามา ก่อนเจ้าของคอนโดจะปรากฏตัวในเสื้อยืดกับกางเกงวอร์มธรรมดาและกลิ่นหอมฟุ้งที่มาจากความหอมของเจ้าของห้อง"ตื่นแล้วเหรอ?" ไคเลอร์ว่าพร้อมกับย่อตัวนั่งลงข้าง ๆ ห่างกันพอประมาณแต่รับรู้ได้ถึงความใกล้ชิดที่กำลังก่อตัว"ทำไมไม่ปลุกฉันล่ะ" ดวงตาที่หันไปเห็นนาฬิกาหัวเตียงบอกเวลาค่ำมากพอสมควร ด้วยความเหนื่อยคงทำให้เธอเผลอหลับบนรถจนไม่รู้สึกตัว"ปลุกตั้งหลายรอบ หมอตื่นที่ไหน""สงสัยเหนื่อยไปหน่อย" หมอเค้กยิ้มแห้ง ๆ เคยบอกเขาว่าเป็นคนรู้สึกตัวง่ายเอง แต่เอาเข้าจริงก็นอนหลับเป็นตายทุกครั้ง"ต่อไปนี้ห้ามขึ้นแท็กซี่รู้ไหม คนไปรับไปส่งต้องเป็นผมและพี่การ์ตูนเท่านั้น" ไคเลอร์ออกคำสั่งด้วยความเป็นห่วง ทำเอาหม