Masukหลังจากรับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จแล้ว มิราวดีตัดสินใจที่จะตามหาพ่อบ้านมงคลเพื่อถามคำถามที่ค้างคาใจมาหลายวัน
“ให้ฉันช่วยนะคะ” เธอเดินเข้ามาในห้องครัวและช่วยเก็บของ“ผมทำเองดีกว่าครับ แค่เล็กน้อย” พ่อบ้านมงคลพูดอย่างเกรงใจแต่พอมองสีหน้าที่ไม่สบายใจของเจ้านายแล้วจึงเอ่ยถาม“นายหญิงมีอะไรให้ผมรับใช้ก่อนหรือไม่ครับ”มิราวดีรู้ดีว่าตัวเองนั้นกลบเกลื่อนสีหน้านั้นไม่ค่อยเก่งจึงได้แค่ยิ้มหวานให้“เอ่อ...ฉันไม่รบกวนคุณพ่อบ้านตอนทำงานนะคะ แต่ที่จริงก็มีหลายอย่างที่จะ...เอ่อ”“มีเรื่องอะไรให้ผมช่วยหรือครับ เสร็จแล้วค่อยกลับมาทำงานตรงนี้ก็ได้ครับ”มิราวดีมีท่าทีกระวนกระวายใจ แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถาม“ถามไปเถอะ อยากรู้คำตอบไม่ใช่เหรอ” เสียงของอาโปดังขึ้นก่อนเจ้าไก่สีขาวจะเดินเข้ามาแล้วหันไปพูดกับพ่อบ้านมงคล“ฉันมาตามของว่างหลังอาหาร”พ่อบ้านมงคลนึกขึ้นได้จึงรีบเดินไปจัดการทันที ส่วนมิราวดีก็ยืนงงมองอาโปสลับกับพ่อบ้าน“ถึงเวลาที่ต้องรู้แล้วสินะ แล้วนี่กหลังจากรับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จแล้ว มิราวดีตัดสินใจที่จะตามหาพ่อบ้านมงคลเพื่อถามคำถามที่ค้างคาใจมาหลายวัน“ให้ฉันช่วยนะคะ” เธอเดินเข้ามาในห้องครัวและช่วยเก็บของ“ผมทำเองดีกว่าครับ แค่เล็กน้อย” พ่อบ้านมงคลพูดอย่างเกรงใจแต่พอมองสีหน้าที่ไม่สบายใจของเจ้านายแล้วจึงเอ่ยถาม“นายหญิงมีอะไรให้ผมรับใช้ก่อนหรือไม่ครับ”มิราวดีรู้ดีว่าตัวเองนั้นกลบเกลื่อนสีหน้านั้นไม่ค่อยเก่งจึงได้แค่ยิ้มหวานให้“เอ่อ...ฉันไม่รบกวนคุณพ่อบ้านตอนทำงานนะคะ แต่ที่จริงก็มีหลายอย่างที่จะ...เอ่อ”“มีเรื่องอะไรให้ผมช่วยหรือครับ เสร็จแล้วค่อยกลับมาทำงานตรงนี้ก็ได้ครับ”มิราวดีมีท่าทีกระวนกระวายใจ แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถาม“ถามไปเถอะ อยากรู้คำตอบไม่ใช่เหรอ” เสียงของอาโปดังขึ้นก่อนเจ้าไก่สีขาวจะเดินเข้ามาแล้วหันไปพูดกับพ่อบ้านมงคล“ฉันมาตามของว่างหลังอาหาร”พ่อบ้านมงคลนึกขึ้นได้จึงรีบเดินไปจัดการทันที ส่วนมิราวดีก็ยืนงงมองอาโปสลับกับพ่อบ้าน“ถึงเวลาที่ต้องรู้แล้วสินะ แล้วนี่ก
มิราวดียังคงมีคำตอบที่ค้างคาใจอยู่ แม้จะกลับมาถึงบ้านแล้ว แต่ก็ไม่กล้าจะนำเรื่องนี้ไปถามพ่อบ้านมงคลตามคำบอกของชายหนุ่ม เธอกำลังคิดว่าสมควรแล้วหรือไม่ที่จะรับรู้เรื่องราวต่อจากนี้ หรือจะปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปโดยไม่ต้องสนใจว่ามีความเป็นมาอย่างไร ทว่าคำพูดของเขาที่บอกว่า รอเธอมานาน นั้นทำให้อดที่จะหาคำตอบไม่ได้เดิมทีวันทั้งวันเธอจะเต็มที่กับการทำงานเสมอ ทว่าวันนี้หญิงสาวกลับไม่มีสมาธิทำงานเท่าที่ควรนั่น เพราะความแคลงใจที่มี ในช่วงบ่ายของวันเธอต้องออกไปพบลูกค้าที่ไซต์งานตามนัด เมื่อพบปะลูกค้าตามนัดเรียบร้อย มิราวดีอยากพักผ่อนในช่วงเวลาสับสนนี้จึงตัดสินใจไม่กลับเข้าบริษัทมิราวดีขับรถกลับบ้านด้วยความเหนื่อยล้า ทั้งงานและคำถามที่ยังคงวนเวียนอยู่ในใจ“วันนี้กลับมาเร็วก่อนเวลา ผมยังเตรียมอาหารให้ไม่เสร็จเลยครับ”พ่อบ้านมงคลเดินออกมาต้อนรับ“เอ่อ ... แล้ว...”“นายท่านยังไม่กลับมาครับ แต่ก็คงอีกสักพักหนึ่ง อยากให้ผมยกอาหารว่างขึ้นไปให้ก่อนไหมครับ” พ่อบ้านมงคลเอ่ยมิราวดีส่ายหน้าและพูดขึ้นในทันที“ไม่ค่ะ เดี๋ย
“คุณ...” นั่นแทบเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำที่รชตจะมาช่วยได้ทันเวลา“ผมบอกคุณแล้วใช่ไหม ว่าผมจะปกป้องคุณ”“อย่าเข้ามายุ่งดีกว่าถ้ายังไม่อยากตาย”รชตมองด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวอยากจะฆ่าพวกมันเสียตอนนี้เลย หากรอเธออยู่ที่เดิมไม่รู้ว่าจะมาทันหรือไม่ ดีที่ตัดสินใจเดินตามชายฉกรรจ์หนึ่งในนั้น หยิบปืนขึ้นมาขู่เพื่อให้อีกฝ่ายกลัว“สงสัยมันอยากตาย”นัยน์ตาคมมองอย่างเดือดดาล ทันทีที่พวกมันยกปืนขึ้นหมายจะยิง ชายหนุ่มก็วิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็วและใช้มือบีบคออีกฝ่ายดันให้ตัวลอยสูงขึ้นแล้วเหวี่ยงด้วยแรงทั้งหมดให้ร่างนั้นกระแทกชนกับต้นไม้ใหญ่อีกฝั่ง ล้มกระแทกตัวลงมาที่พื้น ส่วนอีกคนเห็นท่าไม่ดีก็รีบหยิบปืนขึ้นมาเหนี่ยวไกด้วยความหวาดกลัวความตาย“ระวังค่ะ!”ช้าไปเสียแล้ว ลูกกระสุนพุ่งหวือออกมาเจาะร่างของรชตจนล้มลงกับพื้น เขาใช้มือกุมหน้าท้องเอาไว้ เลือดที่เกิดจากบาดแผลนั้นไหลออกมาผ่านเสื้อที่สวมอยู่ ความรู้สึกเจ็บแผ่ซ่านไปทั่วร่างมิราวดีตกใจรีบวิ่งเข้ามาหาเขาทันที ส่วนอีกคนเห็นท่าว่าควรรีบหนีเอาตัวรอด
ช่วงเวลาที่แสนวิเศษมักจะผ่านไปเร็วเสมอ มิราวดีใช้เวลาหลายวันในการเดินทางเที่ยวและพักผ่อนโดยที่ทิ้งเรื่องงานทั้งหมดไป จนถึงคืนสุดท้ายโชคดีที่ได้ข่าวจากชาวบ้านในพื้นที่ว่าที่ศาลเจ้าไม่ไกลจากที่พักมีจัดงานเทศกาลของศาลเจ้าและของกินในช่วงกลางคืนบรรยากาศท่ามกลางเสียงดนตรีและเสียงหัวเราะในช่วงต้นฤดูหนาว นักท่องเที่ยวต่างมาชมการแสดงและงานที่จัดเพียงปีละครั้งเท่านั้นมิราวดีและรชตเดินมาจนถึงลานการแสดงที่ถูกจัดอย่างสวยงาม“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีงานที่สวยขนาดนี้ด้วย”มิราวดีพูดพลางมองพลุบนท้องฟ้าที่ถูกจุดขึ้นหลายนัดรชตหันมองใบหน้าสวยของภรรยาที่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข พลันคิดว่าในอดีตชาติที่เธอทำไปเพราะว่ารักเขา จนตอนนี้การกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งเพื่อรอการแก้คำสาปนี้ แม้ที่ผ่านมาจะเกลียดและรู้สึกว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคือสาเหตุของความทรมานที่ต้องทนมาหลายร้อยปี“คุณคะ อยากลองเล่นหน่อยไหมคะ”มิราวดีเอ่ยขึ้นพลางชี้นิ้วไปยังจุดหมาย“คุณอยากได้ตุ๊กตาตัวนั้นเหรอ ไว้ผมไปซื้อให้ก็ได้”มิราวดีส่ายหน้าพลางแล้วนิ่งเงียบไปคร
ตะวันสาดส่องผ่านม่านเข้าสู่ห้องนอนในยามเช้า หญิงสาวกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ในอ้อมกอดของคนข้างตัว เธอขยับตัวลุกขึ้นบิดคลายเมื่อยพลางหันมองคนตัวใหญ่ที่ยังหลับสนิทอยู่ แล้วจึงลงจากเตียงอย่างเบา ๆ เพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของอีกฝ่าย ก่อนเดินไปหยิบเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำไป ใบหน้าสวยประดับด้วยรอยยิ้มในยามเช้า เป็นเพราะค่ำคืนที่มีความสุขที่สุดก็ว่าได้แน่นอนว่าเพียงคำพูดของอีกฝ่ายทำให้เธอยอมเปิดหัวใจรับเขาเข้ามา แม้ว่ารชตจะไม่บอกรักเหมือนที่เคยได้ยินจากปากแฟนเก่าก็ตาม มิราวดียิ้มเขินอย่างมีความสุขขณะที่อาบน้ำ ใช้เวลาเพียงไม่นานก็อาบเสร็จ พอออกมาจากห้องน้ำจึงเห็นว่าชายหนุ่มนั้นตื่นเเล้ว“เราไปกินข้าวแล้วเข้าไปในเมืองกันไหม มีโบราณสถานและตลาดโบราณด้วย” รชตเสนอเพราะในหัวก็ไม่มีเเผนการเที่ยวที่วางไว้นอกจากถามพนักงานว่าที่ไหนน่าสนใจและควรไปบ้าง“คุณอยากไปไหม”“ไปแน่นอนค่ะ คุณก็รู้ว่าฉันชอบซื้อไปกินไปนี่คะ”มิราวดีตอบเสียงใสชายหนุ่มยิ้มมองใบหน้าของภรรยาอย่างมีความสุข เขารู้ถึงสิ่งที่รบกวนใจเเล้ว ทว่าในส่วนลึกก็ยังคงหวาดกลัวอนาคตภายภาคหน้าอย
“ชอบมากค่ะ”“ผมขอโทษที่ไม่ได้ถามความเห็นของคุณก่อน”มิราวดีหันมองชายหนุ่มด้วยแววตาใส“ไม่ค่ะ คุณเป็นคนบอกฉันเองว่าจะจัดการให้นี่คะ และฉันก็ชอบที่นี่มากด้วย”รชตยิ้มที่มุมปากอย่างพึงพอใจ พลางเอื้อมมือสัมผัสใบหน้าของ หญิงสาว ครั้นส่งสายตามองนานเท่าไรหัวใจและความรู้สึกที่อยู่ในอกก็แทบทะลักออกมา แม้รู้ดีว่าความสับสนนี้ไม่ควรเกิดขึ้นแม้แต่นิดเดียวฝ่ามืออุ่นสัมผัสใบหน้ายิ่งทำให้แก้มทั้งสองข้างของมิราวดีผ่าวร้อนมากขึ้น จะให้ตัดใจและสร้างกำแพงที่เริ่มทลายลงใหม่อีกครั้งก็คงยาก เธอก้มหน้าลงรับสัมผัสที่อ่อนโยนทำให้หัวใจระทวยยิ่งกว่าเดิมชายหนุ่มใช้มือเชยคางของภรรยาขึ้นให้สบตา เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอยากจะครอบครองหัวใจและร่างกายของเธอ ยิ่งพยายามหลีกหนีมากแค่ไหน กลับกลายเป็นว่าหัวใจนั้นเรียกร้องหามากเท่านั้น เขาโน้มใบหน้าลงมาใกล้จน ลมหายใจสัมผัสผิวแก้ม ดวงตากะพริบมองด้วยความตกใจและรีบเบี่ยงหน้าหลบอย่างรวดเร็วรชตมองด้วยแววตาสับสนและผิดหวังที่ถูกปฏิเสธ เขาขยับตัวออกห่างมองภรรยาที่ก้มหน้าอยู่ หรือเพราะเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเล







