ลินลี่ทุบกระเทียมและลงมือหั่นกระหล่ำหัวนั้นโดยแบ่งหั่นแค่เพียงครึ่งซีก หั่นเป็นชิ้นไม่ใหญ่นัก ค้นได้ต้นหอมเล็กน้อย จึงได้ตัดรากมันแล้วนำใส่ในอ่างดินเผาเก่าๆรวมกับกะหล่ำที่หั่นเป็นชิ้นแล้ว เดินออกไปล้างที่โอ่งด้านนอกจนสะอาดดีแล้วจึงลงมือทุบกระเทียม และตอกไข่ใส่ในชามดินเผาแล้วก็ใช้ตะเกียบตีไข่แล้วใส่ต้นหอมที่ซอยแล้วลงไป แล้วค้นหาเครื่องปรุงก็ไม่มีแต่พบเกลือที่ยังเหลืออยู่อีกไม่มากแล้ว หยิบลงใส่ในชามไข่ไปเล็กน้อยใช้ตะเกียบอันเดิมคนจนละลาย จากนั้นก็ก่อไฟแต่ก็ไม่มีไม้ขีดขณะที่กำลังหมุนไปมาอยู่นั้น อาเหวินที่เฝ้ามองมารดาของตนกำลังลงมือทำอาหารและเห็นว่านางทำท่าเหมือนจะก่อไฟไม่เป็นจึงได้เอ่ยขึ้นว่า “ อาเหวินก่อไฟเป็น ข้าจะลงมือก่อไฟให้ท่านแม่เอง ” เขาเอ่ยขึ้นแล้วเดินมาที่เตาไฟ “ ถ้าเช่นนั้นเจ้าก่อไฟให้แม่ ” ลินลี่หันไปบอกกับอาเหวิน
เขาเดินเข้ามาแล้วจัดการนำฟืนที่เป็นเศษไม้เล็กๆมาก่อแล้วจึงได้ใช้หินสองก้อนที่วางอยู่ด้านล่างมาเสียดสีกันจนเกิดประกายไฟขึ้นมาแล้วจุดกับเศษไม้ที่เหมือนเป็นไม้ที่มียางไม้เคลือบเอาไว้ มันติดไฟอย่างรวดเร็วเด็กชายนำมันมาจุดที่ในเตาไฟที่เขานำเศษไม้มาก่อเอาไว้จนมันลุกโพลงขึ้นแล้วจึงได้หยิบดุ้นฟืนใส่เข้าไป เขายืนรอจนดุ้นฟืนนั้นติดไฟดีแล้วจึงได้หันมายิ้มกว้างให้กับมารดาเหมือนจะอวดว่าเขาทำได้ “ ท่านแม่ขอรับเรียบร้อยแล้ว ”
ลินลี่ยกมือลูบหัวเด็กชายตัวน้อย “ เก่งมากเลยอาเหวิน ” เด็กสมัยนี้อายุห้าขวบก็ก่อไฟในเตาเป็นแล้ว ถ้าเป็นเด็กในยุคที่เราจากมา ป่านนี้คงยังทำงานบ้านไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ ขณะครุ่นคิดก็วางกระทะดินเผาลงบนเตาแล้วเปิดฝาถ้วยใบเล็กๆข้างเตาไฟนั้นพบน้ำมันเจียวที่น่าจะเจียวจากมันหมูอยู่ไม่มากนัก จึงได้แบ่งมาเล็กน้อยแล้วนำลงใส่ในกระทะที่กำลังร้อนพอน้ำมันร้อนได้ที่แล้วจึงได้เทไข่ไก่ที่ตีจนขึ้นฟูเอาไว้แล้วลงไปในกระทะ ไข่เจียวนั้นส่งกลิ่นหอมฟุ้งจนคนที่ยืนเอาใจช่วยอยู่นั้นกลืนน้ำลายลงไปหลายอึก ท้องน้อยๆก็ส่งเสียงประท้วงเบาๆ เขายกมือลูบท้องไปมา
อาเหวินนั้นอดมื้อกินมื้อมาจนชินแล้ว และมารดานั้นก็อ่อนแอ่ยอมให้บ้านเดิมอันมีป้าและพี่สาวมาขูดรีดข้าวสารและอาหารที่บ้านนี้อยู่บ่อยๆ จนทำให้บ้านที่มีกันเพียงสามคนพ่อแม่ลูกที่ยากจนอยู่แล้วยิ่งลำบากลงอีก บิดาของเขาที่เป็นอดีตนายพรานที่ตอนนี้ขาหักจนไม่สามารถออกไปล่าสัตว์มาขายเพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัวจึงทำให้เงินทองที่เก็บออมเอาไว้แทบจะไม่เหลือติดบ้าน ยิ่งถูกบ้านเดิมของมารดามาขูดรีดอยู่บ่อยๆ และมารดาของเขาก็อ่อนแอจนยอมยกทุกอย่างที่ไม่สามารซ่อนเอาไว้ทันให้กับป้าสะใภ้และพี่สาวลูกพี่ลูกน้องของนางไปแทบจะทุกครั้ง บิดาของเขาที่ไม่ค่อยจะชอบมารดาของเขาอยู่แล้ว เพราะถูกบังคับแต่งงานกับจางซูเม่ยที่คือมารดาของเขา และเขาได้ยินพี่สาวของมารดาเยาะเย้ยนางอยู่บ่อยๆว่านางปีนเตียงของท่านพ่อจนเขาจำต้องยอมแต่งงานกับนางจนให้กำเนิดเขา และหลังจากนั้นทั้งสองก็แยกห้องนอนกันมาตลอด
บิดาจำต้องรับเลี้ยงมารดาและเขาอย่างจำใจและทั้งสองอยู่ร่วมกันอย่างคนร่วมบ้านที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันเพียงเท่านั้น บิดานั้นรักเขามากแต่หลังจากขาหักจากการไปล่าสัตว์ในป่าก็เงียบไม่ค่อยพูดและมักจะอารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่เสมอ เขาแอบได้ยินคนเล่าลือกันว่าเมื่อสมัยที่บิดายังหนุ่มๆนั้นเขาหล่อเหลาและเป็นอดีตทหารที่ย้ายมาอยู่บ้านนอกด้วยเรื่องที่ไม่เคยปริปากบอกผู้ใด เขาไม่ค่อยจะสุงสิงกับใครหรือสตรีคนไหนทั้งๆที่ใครก็บอกว่าบิดาของเขาหล่อเหลากว่าบุรุษใดในหมู่บ้านนี้ก็ตาม แต่ก็มีบรรดาหญิงสาวในหมู่บ้านที่มักจะแวะเวียนมาหว่านเสน่ห์เขาอยู่หลายๆคน แต่เขาก็ไม่พึงใจหญิงใด แต่จางซูเม่ยผู้นี้ปีนเตียงของเขาในวันที่เขาร่ำสุรากับสหายจนเมามายจึงได้เสียกันและนางก็ท้องบุตรชายขึ้นมา
เขาจึงได้จำต้องยอมแต่งงานรับนางเป็นภรรยาแต่ก็เมินเฉยกับนางแม้นางจะพยายามเอาอกเอาใจเขาเพียงใด จนนางถอดใจเลิกสนใจใยดีเขาและกลับไปสนใจบุรุษอื่นๆแทน จนทำให้มีเรื่องเล่าลือว่าซูเม่ยคบหากับบุรุษในเมืองและลักลอบพบกัน โดยสามีคือตงเฟยหยาผู้นี้ไม่สนใจใยดีว่าเมียของเขาจะทำตัวเช่นไร เพราะตั้งแต่แต่งงานกันมาเมื่อนางท้องเขาก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับนางอีกเลย เขาใช้ชีวิตโดยการออกไปล่าสัตว์หาเลี้ยงดูบุตรชายเพียงคนเดียว โดยไม่สนใจสตรีที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียของเขาเลยว่านางจะไปคบหากับชายใด ตั้งแต่เขาขาหักและนอนอยู่แต่ในห้องก็มีเพียงบุตรชายวัยห้าขวบที่ปรนนิบัติเขาตามมีตามเกิดและสองพ่อลูกอดอยากแทบจะไม่มีกิน เพราะบิดาก็ไปล่าสัตว์อีกไม่ได้มาเกือบสองเดือนแล้ว และเงินที่สะสมเอาไว้มารดาก็นำไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยที่ในเมืองบ่อยๆ และบางครั้งก็มีท่านป้าและพี่สาวของมารดามาขูดรีดเอาไป จึงทำให้ครอบครัวเล็กๆนี้อัตคัดยิ่งไปกว่าที่ควรจะเป็นมาก
หลังจากเจียวไข่เสร็จแล้วก็ใส่เอาไว้ในจานเคลือบใบหนึ่งแล้วจึงใส่กระเทียมที่ทุบแล้วลงไปในกระทะ ผัดพอให้หอมแล้วหยิบกระหล่ำที่หั่นเป็นชิ้นไม่ใหญ่นักลงไปผัดกับน้ำมันจนหอมแล้วจึงได้หยิบเกลือโรยลงไปเพียงเล็กน้อยพอให้ได้มีรสชาติ เติมน้ำลงไปเล็กน้อยพอให้มีน้ำขลุกขลิก เมื่อผัดผักสุกแล้วจึงเทใส่ในจานอีกหนึ่งใบมันพูนจานและมีควันลอยกรุ่นขึ้นมาดูน่ากินมาก แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าลืมหุงข้าว จึงได้ตักข้าวในหม้อที่วางอยู่ใกล้กับเตาไฟลงไปในหม้อก้นดำใบที่แขวนเอาไว้ที่ข้างฝา แล้วยกออกไปล้างน้ำแล้วจึงได้ยกมาตั้งไฟ คงต้องงัดวิชาหุงข้าวแบบซาวน้ำมาใช้ ขณะที่รอหม้อข้าวเดือดก็ยัดฟืนใส่ในเตาไฟอีกดุ้น แล้วจึงได้แบ่งอาหารใส่ในชามอีกใบ แล้วลงมือเก็บหม้อกระทะทั้งหลายไปล้างพอให้สะอาดแล้วนำมาคว่ำเอาไว้ แล้วก็ไปคนข้าวที่กำลังเดือดพล่านจนใกล้จะสุกก็นำไปเช็ดน้ำแล้วมาระอุที่บนเตาไฟอีกครั้งจนข้าวสุกใหม่ส่งกลิ่นหอม จนคนรอกินท้องร้องแล้วร้องอีก จึงได้ราไฟในเตาจนดับ แล้วจึงตักข้าวใส่ในจานแล้วตักผัดผักราดลงไปบนข้าวให้มีน้ำชุ่มๆเล็กน้อย ตัดแบ่งไข่เจียวนุ่มฟูวางลงไปข้างๆอีกที แล้วยื่นให้คนรอที่ชะเง้อคอแล้วชะเง้อคออีก จนลินลี่นึกขำเด็กน้อย
“ อาเหวินลงมือกินข้าวได้แล้ว แม่จะไปดูพ่อของเจ้า และเอาข้าวไปให้เขากินด้วย เจ้าบอกว่าพ่อของเจ้านอนป่วยอยู่ในห้องใช่หรือไม่ ” อาเหวินพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ ท่านพ่อขาหักนอนอยู่บนเตียงในห้องสุดท้ายของเรือนขอรับ ” เขาเอ่ยแล้วเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้เตี้ยๆ ที่วางอยู่ที่มุมห้อง แล้วลงมือพุ้ยข้าวในจานนั้นกินอย่างหิวโหย ลินลี่จ้องมองเด็กน้อยอย่างเอ็นดู แล้วจึงได้หยิบจานข้าวอีกใบที่มีผัดผักและไข่เจียววางโป๊ะอยู่บนข้าวร้อนๆส่งกลิ่นหอมฟุ้ง เดินออกไปยังห้องนอนของบิดาของเด็กชาย
คนสมัยนี้อาหารการกินลำบากเหลือเกิน ลินลี่ที่เมื่อสมัยเด็กนั้นเติบโตมาจากต่างจังหวัดกับตาและยายจึงทำให้พอมีทักษะการทำอาหารและการช่วยเหลือตนเองและการหาอาหารตามท้องไร่ท้องนามากิน จับปลาและหากุ้งหากบหาเขียดกับตาและยายเมื่อสมัยเด็กๆ ก่อนที่จะเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองกรุง ตอนนี้คงจะต้องงัดวิชาลูกชาวนาชาวสวนมาใช้เสียแล้ว เพื่อความอยู่รอด ตอนนี้ลินลี่ก็คงจะหนีไปที่ไหนไม่ได้ เพราะตอนนี้อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้แล้วจะกลับไปยังยุคของตนเองอย่างไรก็ยังไม่รู้อีกด้วย
หลายเดือนผ่านไปซูเม่ยที่ตอนนี้ท้องโตอย่างมาก นางยังคงเดินไปมาเพราะทนอยู่นิ่งไม่ไหว ยังพยายามทำงานบ้าน แม้สามีจะจ้างหญิงในหมู่บ้านมาช่วยทำงานบ้านและทำอาหารให้นางแล้ว เพราะนางตั้งครรภ์และอีกไม่ถึงสองเดือนก็ใกล้คลอดแล้ว ยามซื่อของวันนี้จู่ๆก็มีเสียงรถม้ามาจอดที่หน้าบ้านของพวกเขาซูเม่ยจึงได้ออกไปเมียงมองดูว่าใครมาที่หน้าบ้าน ก็พบว่ามีชายวัยกลางคนแต่งกายหรูหราไม่น้อยลงมาจากรถม้าตามด้วยชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีร่างบางสูงโปร่งและผิวขาวเหมือนดังเช่นคนมีอันจะกิน ตามด้วยคนเดินตามหลังที่น่าจะเป็นคนรับใช้ของพวกเขา เฟยหยาเปิดประตูห้องออกมาเขากำลังนั่งอ่านหนังสือและเขียนจดหมายส่งให้มารดาอยู่” บ้านนี้ใช่บ้านของซูเม่ยหรือไม่ “ ชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานนั้นเอ่ยถามเฟยหยาที่เดินออกไปหาเขา ” ใช่นางเป็นเมียข้าเอง “ ชายคนนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง ขณะนั้นซูเม่ยก็เดินออกมายืนหน้าเรือนของตนเอง ” นั่นไงซูเม่ย แต่นางตั้งครรภ์อย่างนั้นหรือ “ ชายร่างสูงผอมที่ยืนจ้องมองซูเม่ยที่หยุดยืนจ้องมองพวกเขาเช่นกันอยู่ที่หน้าเรือน ชายวัยกลางคนที่มากับเขาหันไปหาชายร่างสูงนั้นทันที” เจ้าบอกว่านางไม่มีสามีอย่างไรเล่า ข้าอุตส่าห์ยอมร
ยามซื่อวันต่อมา ก็มีเสียงตะโกนโหวกเหวกดังอยู่หน้าบ้าน “ พรานตงอยู่ไหม ออกมาเดี๋ยวนี้ บุตรสาวของข้าอยู่ที่ใด เห็นมีคนบอกว่านางอยู่ที่บ้านของเจ้า นางหายไปทั้งคืน เจ้าต้องรับผิดชอบ” ทุกคนในบ้านต่างโผล่หน้าออกมาดูต้นเหตุของเสียงโหวกเหวกนั้นซูเม่ยที่เช็ดมือของนางจนแห้งแล้วรีบเดินออกมาจากครัวนางกำลังจะทำมันเชื่อมให้บุตรชายและทุกคนได้ชิมกัน เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ นางเดินออกมาที่หน้าลานบ้านพบกับหัวหน้าหมู่บ้านคนที่เคยนำหนังสือตัดขาดกับบ้านจางมาให้ และที่ยืนอยู่ข้างๆเข้าคือชายชราคนหนึ่งผมของเขาขาวโพลนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ปะชุนและดูมอมแมมไม่น้อย ส่วนด้านหลังของพวกเขาก็เช่นเคยมีชาวบ้านหลายๆคนเดินมามุงดูเหตุการณ์ดังเช่นคราวที่แล้ว เฟยหยาเปิดประตูห้องนอนของเขาออกมา ส่วนเจ้าตัวเล็กก็ไม่วายยืนเมียงมองที่หน้าห้องของตนเองอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกัน แล้วประตูห้องของซูเม่ยที่เมื่อคืนมีสหายของสามีมาพักค้างคืนก็เปิดออกช้าๆ ร่างของอี้เหยาสหายของสามีและยังมีสตรีที่สวมอาภรณ์ของบุรุษยืนแอบอยู่ด้านหลังเขาด้วยท่าทางหวาดกลัว ดวงตาของนางจ้องมองชายชราทีี่ยืนอยู่ข้างๆหัวหน้าหมู่บ้าน“ นั่นไง หยงเอ๋อเจ้ามานอนกับบุรุ
เมื่อปากหนาของเขาดูดลิ้นเล็กของนางเป็นจังหวะสลับกับเกี่ยวพันลิ้นเล็กของนางอย่างเมามัน ทำให้หย่งเอ๋อยิ่งเสียวซ่านจนเกินจะทน นางร้องครางเบาๆทั้งที่ิลิ้นเล็กยังถูกลิ้นสากของเขาเกี่ยวพันอย่างดูดดื่มอยู่ มือบางของนางก็ลูบไล้หลังไหล่ของคนบนร่างของนางไปมา เล็บคมกรีดลงไปบนหลังของเขา แม้รองแม่ทัพหนุ่มจะเจ็บแสบไม่น้อยแต่เขาก็ยกยิ้มอย่างพอใจ นางร่าน นางร้าย ร่านถูกใจเขาเหลือเกิน บั้นเอวหนาเร่งขย่มนางจนแตกพ่ายออกมาอย่างมากมาย แล้วจึงได้จับร่างอวบของนางลงมายืนในน้ำแล้วหันหลังให้เขา ยกก้นอวบของนางขึ้นแล้วรองแม่ทัพหนุ่มจึงสอดลำกายอวบใหญ่เข้าไปในร่องอวบของนางอีกครั้งจนมิดลำกายแล้วเริ่มโยกขย่มนางอย่างรุนแรงอีกครั้ง “ อ๊าย อ๊า แรงอีก แรงอีกเจ้าค่ะ อ๊าย อ๊ายย อ๊าา ” หย่งเอ๋อที่เสียวซ่านจนเกินจะทน นางร้องครวญครางอีกครั้งพลางเร่งให้คนที่ขย่มนางจากทางด้านหลังให้เร่งแรงกระแทกนางอีก นางแอ่นก้นงามงอนขึ้นหาเขาอย่างร่านร้อน ปากก็ร้องครวญครางด้วยความเสียวซ่าน รองแม่ทัพหนุ่มจับร่างอวบของเมียหมาดๆพลิกไปมาอยู่หลายท่วงท่า แต่ในทุกท่วงท่าเขาก็กดกระแทกนางอย่างเร่าร้อนจนเสร็จสมไปหลายครั้งแล้ว แต่เจ้าลูกชายที่ยังแข็ง
“ เจ้าเป็นผู้ใดกัน ทำไมถึงมาที่ลำธารค่ำมืดเพียงนี้ ” เขาเอ่ยขึ้น จ้องมองใบหน้างามที่แดงระเรื่อ นางพยายามบีดกายหนีเขา แต่ถูกเขาจับเอาไว้มั่น นางคือหย่งเอ๋อบุตรสาวของตาเฒ่าขี้เมาประจำหมู่บ้าน วันนีี้นางได้ยินว่าพรานตงหายดีแล้ว และนางเองก็หลงรักพรานตงมานานนักหนาพอๆกับซูเม่ย แม้เขาจะแต่งงานกับซูเม่ยแล้ว แต่เขาไม่ได้รักนาง ใครๆในหมู่บ้านก็รู้ว่านางปีนเตียงเขาจึงได้จำใจแต่งงานเพราะนางเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา หย่งเอ๋อจึงเกิดความคิดว่านางจะไปซุ่มอยู่ที่ลำธาร หากพรานตงมาอาบน้ำนางจะลอบเข้าหาเขาบ้าง และยิ่งนางแอบซุ่มดูเห็นเขาร่ำสุรากับชายคนหนึ่ง แต่นางก็ไม่คาดคิดว่าคนที่นางพบที่ลำธารจะไม่ใช่พรานตง “ ข้าคิดว่าท่านเป็นพรานตง ปล่อยข้านะ ในเมื่อท่านไม่ใช่เขา ปล่อยข้า ” ใบหน้าหล่อคมคายยกยิ้มขึ้น “ พรานตงเขามีเมียแล้ว เจ้าจะมายุ่งเกีี่ยวกับเขาทำไม อีกอย่างเขาไม่ใช่ชายเจ้าชู้ เขารักเมียของเขามาก เจ้ามายั่วยวนเขาก็เสียเวลาเปล่า แต่ไหน ๆ เจ้าก็เป็นหญิงที่ร่านอย่างหน้าไม่อาย เปลือยกายมายั่วยวนสามีของผู้อื่นอย่างหน้าไม่อายเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นข้าจะสงเคราะห์เจ้าเอง ให้ได้รู้รสชาติของบุรุษว่าเป็นเช่นไร ” เขาเอ่ยข
“ งั้นเย็นนี้มาร่ำสุรากันเสียหน่อย ไม่ได้ร่ำสุรากับเจ้ามานานแล้ว ตั้งแต่ข้าเจ็บป่วยไป วันนี้ปล่อยให้เมียข้าดูแลลูกไปก่อน ข้าจะร่ำสุรากับเจ้าให้เมาไปเลย ได้ไหมจ๊ะเมียจ๋า พี่จะร่ำสุรากับสหายเสียหน่อย เจ้าดูแลลูกเข้านอนด้วยก็แล้วกันนะ ” เขาเอ่ยขึ้นแล้วหันไปจ้องมองเมียรักเหมือนจะขออนุญาตินาง “ เจ้าค่ะ ท่านพี่นานๆจะได้พบกับสหายก็ตามสบายเจ้าค่ะ ข้าจะดูแลลูกเอง งั้นข้าจะผัดผักใส่หมู และยังมีเนื้อเค็มข้าจะทอดให้ และหั่นผักดองให้ท่านแกล้มเหล้านะเจ้าคะ อ่อ ยังมีผลไม้เชื่อมที่มีรสเปรี้ยวอยู่ด้วย รอสักครู่ข้าจะจัดการให้เจ้าค่ะ ” นางเอ่ยขึ้นแล้วหันไปค้นหาห่อเนื้อเค็มและผลไม้เชื่อมที่มีรสเปรี้ยวที่นางชิมดูเมื่อวานมาแบ่งใส่ถ้วยใบเล็กให้เขาแกล้มสุรา อี้เหยายักคิ้วให้สหายรัก เมื่อเห็นเขาจ้องมองเมียรักด้วยดวงตาหวานฉ่ำปานจะกลืนกิน ไม่พบเจอเพียงไม่นานตอนนี้รองแม่ทัพผู้ดุดันกลายเป็นคนคลั่งรักไปเสียแล้วเมื่อจัดการอาหารเย็นยังไม่เสร็จจึงให้บุตรไปอาบน้ำก่อนเพราะตอนนี้ยังไม่มืดค่ำ แล้้วซูเม่ยจึงได้ทอดหมูให้บุตรชายกินกับข้าวสวยร้อนๆ แบ่งเอาไว้ในหม้อใบเล็กให้สามีที่นางไม่แน่ใจว่าเขาจะหิวหรือไม่ แล้วทอดเนื้อ
ช่วงบ่ายวันนั้นที่บ้านพรานตงก็ได้ต้อนรับสหายที่ขี่ม้าตัวสูงใหญ่ล่ำสันสง่างามยิ่งนักมาเยี่ยม เขาคือท่านอาเหยาของอาเหวิน หรือรองแม่ทัพเฉินอี้เหยา เขาและตงเฟยหยาเป็นสหายร่วมรบกันมาตั้งนานแล้ว เมื่อเขาลาออกเพราะเบื่อหน่ายปัญหาในครอบครัว แม้อี้เหยาจะไม่เห็นด้วยแต่ก็ขัดสหายไม่ได้ แต่ตัวเขาเมื่อว่างเว้นจากราชการคราใดก็จะมุ่งมาเยี่ยมสหายและหลานชายตัวน้อยตลอดยิ่งเขามาครั้งล่าสุดสหายขาหักเพราะเข้าป่าแล้วพลาดตกกับดักที่มีคนวางเอาไว้ แม้เขาเป็นยอดฝีมือแต่ก็ยังพลาดจนได้ จึงได้ขาหัก และนอนพักฟื้นอยู่ที่บ้าน ก่อนเขาจะจากไปในคราวก่อนเขาต่อรถเข็นเอาไว้ให้หลานชายตัวน้อยเพื่อเอาไว้ตักน้ำใช้จากลำธารหลังบ้านมาใส่ในโอ่ง และกำชับให้เขาทำแค่เพียงวันละน้อยจะได้ไม่เหนื่อยจนเกินไปเขาซื้อหาข้าวสารและอาหารมาให้ไว้ในครัว ซื้อของและเสี่ยวหลงเปาไว้ให้จำนวนมาก ซื้อไข่เค็มและผักดองที่เก็บได้นานเอาไว้ และสอนวิธีการกินให้กับเด็กชาย อาหารแห้งเช่นเนื้อเค็ม ปลาตากแห้งเขาก็ซื้อมาเก็บเอาไว้ด้วยกลัวหลานชายจะอดตายเพราะบิดาก็เดินไม่ได้ และตัวเขาก็จำต้องเข้าเมืองหลวงเพราะมีราชการด่วนที่ต้องไปจัดการ แม้จะเป็นห่วงบ้านของสหายไม