ลินลี่สาวออฟฟิศวัยสามสิบปี อยู่ๆก็พบว่าแฟนหนุ่มที่คบหากันมาถึงห้าปีนอกใจแอบคบหากับเพื่อนสนิทของตนเอง นางผิดหวังจนดื่มยาดองที่ร้านยาดองหน้าปากซอยบ้านตัวเองเพื่อประชดชีวิตจนเมามายหลับไป แต่พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าฟื้นขึ้นมาในกระท่อมไม้ไผ่เก่าๆอย่างที่เคยเห็นแต่ในละคร พร้อมกับเด็กชายคนหนึ่งตัวผอมเกร็งร้องเรียกตนเองว่าแม่ แถมยังมีสามีอีกหนึ่งคน แม้จะมีเค้าความหล่อเหลาแต่บัดนี้เขาขาหักนอนอยู่บนเตียง แถมยังทำท่ารังเกียจเดียจฉันท์และหมางเมินกับตนเองที่ขึ้นชืี่อว่าเป็นเม่ียของเขาแบบงง ๆ แต่ลินลี่ก็ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรที่จะกลับไปยังโลกที่ตนเองจากมา แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าที่นั่นนางก็ไม่มีใคร ในเมื่อกลับไปยังไม่ได้ก็ต้องหาทางสู้กันสักตั้ง ……กับสามีที่อยู่ๆก็รู้ตัวว่ามี
View Moreลินลี่สาวโสดวัยสามสิบกว่าๆ ที่เพิ่งพบว่าแฟนหนุ่มของตนเองมีความสัมพันธ์กับเพื่อนสนิทของตนเอง ลินลี่รับไม่ได้จึงเสียใจและผิดหวังอย่างมาก จึงประชดชีวิตจอดรถที่ปากซอยทางเข้าบ้านของตนเองแล้วลงไปดื่มยาดองอย่างที่ไม่เคยมาก่อน ป้าใจคนขายยาดองนำเสนอสูตรใหม่่ที่เพิ่งคิดค้นขึ้นมาให้ลองชิม เมื่อดื่มไปเรื่อย ๆ ก็พบว่ามันอร่อยอย่างไม่ที่ไม่คาดคิด จึงได้ดื่มไปจนเมามายแล้วฟุบหลับไป แต่เมื่อฟื้นสติขึ้นมาอีกครั้ง กลับพบว่าตนเองนอนอยู่บนพื้นดินแข็ง ๆ แถมมองขึ้นไปด้านบนหลังคายังมุงด้วยใบจากอีกด้วย หันมองไปรอบๆห้องเก่าๆนี้ที่มันสร้างมาจากไม้ไผ่ที่ค่อนข้างเก่าสานเป็นแผ่นแล้วประกอบเข้าด้วยกันแต่ก็ยังมีรูทำให้มองเห็นแสงสว่างลอดเข้ามาในห้องตามรอยแยกของไม้ไผ่ และในห้องนี้มันยังมีหม้อที่ทำจากดินเผาที่ก้นมันดำมากแขวนอยู่ที่ริมผนัง สภาพของมันคงจะผ่านการใช้งานมาอย่างสมบุกสมบันไม่น้อย มีเตาไฟที่น่าจะปั้นขึ้นมาจากดินเหนียวที่มีคราบเขม่าจับจนดำไปหมด และมีโต๊ะไม้เก่าๆที่ใช้วางถ้วยจานชามและหม้อสองสามใบ มีกองฟืนอยู่ข้าง ๆ เตาไฟนั้น
ลินลี่ที่ยังมึนงงกับสถานที่และสมองยังไม่ประมวลผลว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเองถึงได้มานอนอยู่บนพื้นที่ดูเหมือนห้องครัวเก่าๆแห่งนี้ หล่อนครางออกมาเบาๆยกสองมือขึ้นกุมศีรษะตนเอง “ เจ็บๆโอ้ย!! เจ็บเหลือเกินเหมือนหกล้มหัวฟาดพื้นมา “ แต่ เอ๊ะ ฉันจะล้มหัวฟาดพื้นได้ยังไง ก็เมื่อวานนี้จำได้ว่ากำลังก๊งเหล้ากับลุงข้างบ้านที่พบกันที่แผงยาดองหน้าปากซอยจนเมามาย สาเหตุก็เพราะเจ้าคนทรยศนั่นกับนังเพื่อนทรยศที่มันไปแอบมีความสัมพันธ์กันลับหลัง ลินลี่คิดทบทวนเหตุการณ์เท่าที่จำได้ แต่แล้วอยู่ ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างๆ ” ท่านแม่ เป็นอย่างไรบ้างขอรับ “ เสียงนั่นมันเป็นเสียงของเด็กชายวัยไม่่น่าจะเกินห้าขวบ รูปร่างผอมเกร็ง ตัวดำเพราะสกปรก เหมือนไม่อาบน้ำมาหลายวันแล้ว แถมเสื้อผ้าที่ใส่ก็ขะมุกขะมอมเหลือเกิน แต่ที่เห็นเด่นชัดคือลูกตาที่ใสแจ๋วแหว๋วนั้น ลูกใครกันหนอ
” ท่านแม่ขอรับ ตอบข้าด้วยขอรับ ท่านเจ็บมากหรือไม่ " ลินลี่หันมองไปมาจนทั่วห้องครัวแคบ ๆนี้จนทั่วห้อง พบว่ามีเพียงแต่ตนเองกับเด็กชายคนนี้เท่านั้น
“ เด็กน้อยเจ้าเรียกใครว่าแม่ ” ดวงตาใสแจ๋วของเด็กชายเหมือนพองขยายมากขึ้นอย่างงุนงงกับคำถามนั้น “ ก็เรียกท่านอย่างไรขอรับ ท่านแม่จำข้าไม่ได้หรือขอรับ ข้าอาเหวินบุตรชายของท่านอย่างไรเล่า ” ดวงตาใสแจ๋วนั้นเริ่มมีน้ำตาเอ่อคลอตาขึ้นมา ลินลี่ไม่รู้จะทำอย่างไรเมื่อเห็นเด็กทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมา จึงได้รีบรับปากเด็กชายส่งๆไปก่อนด้วยไม่อยากจะเห็นเด็กน่ารักคนนี้ร้องไห้ “ ก็ได้ ๆ ข้าเป็นแม่ให้เจ้าก็ได้ ” ลินลี่เอ่ยขึ้นแล้วค่อยๆยันตัวลุกขึ้น แล้วก้มมองดูตัวเองที่ตอนนี้อยู่ในเสื้อผ้าเหมือนชุดคนจีนสมัยโบราณลักษณะเหมือนชาวบ้านทั่วไปตามชนบทที่เคยเห็นในซีรี่ย์ แต่มองดูแล้วมันเก่าๆซีดๆ เหมือนใช้งานมาจนสมบุกสมบันดังเช่นข้าวของในห้องครัวหรือแม้กระทั่งกระท่อมซอมซ่อนี้ไม่มีผิด
หล่อนยกสองมือขึ้นมาดูก็พบว่าว่ามันมีรอยด้านเหมือนมือของคนทำงานหนักแม้มือนี้จะบอบบางไม่น้อย แต่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่มือของคนรวยที่สบายมาทั้งชีวิตอย่างแน่นอน ลินลี่ถอนใจออกมา ฉันฝันไปหรือไม่ ทำไมมันเหมือนจริงอย่างนี้ แล้วก็หันไปมองหน้าเด็กชายข้างๆ ดูแล้วเจ้าเด็กนี่คงจะอดมื้อกินมื้อไม่น้อย รูปร่างทั้งผอมโซเหมือนกินไม่เต็มอิ่มมาเป็นเวลานาน เสื้อผ้าที่สวมก็เก่าปอนเนื้อผ้าซีดจนแทบจะจำสีเดิมของมันไม่ได้ เด็กน้อยเอ๋ย ช่างน่าสงสารเหลือเกิน ขณะที่มองจ้องมองดูเด็กแล้วก็ก้มลงมือดูเสื้อผ้าตนเองที่กำลังสวมอยู่ก็ดูไม่ต่างกัน คนบ้านนี้คงจะยากจนอย่างมาก แต่ทำไมวาสนาของข้ามันช่างน้อยเช่นนี้ ย้อนเวลาทั้งทีแทนที่จะได้เป็นคุณหนูในจวนใหญ่ที่ร่ำรวยหรือไม่ก็เป็นพระชายาของท่านอ๋องหล่อๆสักคน แต่กลับย้อนเวลามาในยุคจีนโบราณที่เป็นชนบทแถมยังยากจนอีกต่างหาก จนขนาดที่ว่าแทบจะไม่มีกิน เฮ้อ วาสนาของลินลี่คนสวยทำไมเป็นเช่นนี้หนอ !!
ขณะที่นั่งทอดถอนหายใจด้วยความสมเพชทั้งตนเองและเด็กชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ “ อาเหวิน เจ้าชื่ออาเหวินใช่หรือไม่ ” ลินลี่เอ่ยถามเด็กชาย เขาพยักหน้ารับทันทีแล้วยกมือดำๆของเขาขึ้นเช็ดน้ำตาป้อยๆ “ ท่านแม่เรียกข้าทำไมหรือ” เขาเอ่ยถามเหมือนดีใจที่นางจดจำเขาได้ “ กระท่อมที่เราอยู่นี้อยู่กันกี่คน มีเจ้ากับข้าและยังมีผู้อื่นอีกหรือไม่ ” อาเหวินทำหน้างงๆ ท่านแม่พูดอะไรแปลกๆ อีกแล้ว “ บ้านนี้ก็มีท่านแม่ ท่านพ่อ แล้วก็ข้า เพียงสามคนขอรับ แต่ตอนนี้ท่านพ่อขาหักยังนอนอยู่ในห้องนอนขอรับ “ เด็กชายตอบ ลินลี่อึ้งงันไป ข้าย้อนเวลากลับมามีทั้งลูกทั้งสามีอย่างงงๆ เฮ้อ !! จากสาวโสดที่ก็ยังสดอยู่นะแม้จะมีแฟนมาก็หลายปีแล้ว แต่ก็ดีแล้วที่ไม่เสียซิงให้เจ้าคนทรยศนั่น แต่อยู่ ๆก็ต้องมามีสามีที่ไม่เคยเห็นหน้าตาและลูกชายที่อายุน่าจะสี่ห้าขวบแล้ว ” อาเหวิน เจ้าอายุเท่าไหร่กันแล้ว “ เด็กชายแม้จะยังทำหน้างงๆที่จู่ๆมารดาก็ถามเขาเรื่องอายุของเขา ” ท่านแม่ อาเหวินอายุห้าหนาวแล้วขอรับ “ ลินลี่พยักหน้ารับ ชั้นมีลูกอายุห้าขวบที่ไม่ได้ผลิตเองด้วย เฮ้อ !! แต่ก็ช่างมันเถอะ คิดมากก็ปวดหัวค่อยๆแก้ปัญหาไปก็แล้วกัน
ตอนนี้มันจะฝันหรือจะย้อนเวลามาจริงๆก็ตามแต่สิ่งที่เกิดตรงหน้ามันก็เหมือนจริงจนเกินไป คงจะต้องตามน้ำไปก่อน ในเมื่ออยู่ ๆมันย้อนเวลามาได้ และอยู่ ๆก็อาจจะย้อนเวลากลับไปได้เช่นกัน ลินลี่คิดอย่างปลงๆ แล้วค่อยๆยันตัวลุกขึ้น เมื่อขยับกายไปมาพอให้คลายเมื่อขบแล้ว หัวก็เริ่มบรรเทาความเจ็บลงมากแล้ว จึงได้เดินออกมาจากห้องครัวนั้นแล้วหันมองไปรอบๆก็พบว่าเรือนนี้มันเป็นเรือนที่สร้างจากไม้เก่าๆมีเพียงส่วนที่เป็นครัวที่สร้างจากไม้ไผ่ก็พอจะกันแดดกันฝนได้หากไม่เจอพายุลูกใหญ่ๆนะ แล้วก็หันไปพบโอ่งดินเผาขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลประตูทางเข้าครัวนักมีขนาดเกือบจะเท่ากันสองใบ และมีตั่งไม้เก่าๆวางอยู่ข้างๆบนตั่งไม้เตี้ยๆนั้นมีอ่างใบใหญ่ที่ทำจากดินเผาวางอยู่ด้วย จึงได้เดินไปเปิดฝาโอ่งที่ทำจากไม้ไผ่สานกันเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมขนาดพอดีกับปากโอ่งแล้วนำมาปิดปากโอ่งเอาไว้ เพื่อกันสิ่งสกปรกหรือฝุ่นละอองหล่นลงไป แล้วหันมาถามเด็กชายว่า ”น้ำที่ใช้กินโอ่งไหนกัน“ เขาชี้มือไปที่โอ่งที่มีขนาดเล็กกว่า ลินลี่จึงหันไปเปิดฝาโองตรงหน้า
เมื่อเปิดออกก็พบน้ำใสอยู่เต็มโอ่งนี่อาจจะเป็นน้ำฝนกระมัง นางจึงใช้ขันเก่าๆที่วางอยู่บนแผ่นไม้ไผ่นั้นตักน้ำมาล้างหน้าบ้วนปากพอให้สดชื่นแล้วรวบผมที่ยุ่งเหยิงให้เป็นมวยไว้บนศีรษะ นางคลำพบปิ่นไม้เก่าๆที่ปักอยู่ จึงได้จับมันปักลงบนมวยผมนั้นให้แน่นหนา คนจนๆไม่มีเงินซื้อปิ่นดีๆอย่างที่เคยเห็นคุณหนูในห้องหอในซีรี่ย์ที่เคยดูบ่อยๆใช้ แม้แต่ปิ่นไม้ที่ปักบนผมก็ยังดูสมบุกสมบัน เฮ้อ !! ไม่ว่ายุคๆ ไหน ๆเงินก็สำคัญไม่ต่างกัน แต่ยุคนี้มันคงจะพอหาเผือกหามันกินได้กระมัง เมื่อสดชื่นดีแล้วจึงได้เดินกลับเข้าไปในครัวแล้วค้นหาข้าวของในห้องครัวว่าพอจะมีอะไรที่ใช้ประกอบอาหารได้บ้าง ค้นพบข้าวสารในหม้อที่วางไว้บนพื้นอยู่ครึ่งหม้อดินเผา และพบไข่ไก่วางอยู่ในตระกร้าสานจากไม้ไผ่ใบเก่าๆอยู่ห้าฟอง มีผักกาดดอง มีกระเทียมมีหอมหัวใหญ่อยู่ไม่มาก และมีผักกาดขาว มีกระหล่ำอยู่หัวหนึ่ง ก็ยังพอทำอาหารได้ ตอนนี้ทำกับข้าวกินกันก่อนให้ท้องอิ่มก่อนแล้วค่อยคิดแก้ไขปัญหาก็แล้วกัน
หลายเดือนผ่านไปซูเม่ยที่ตอนนี้ท้องโตอย่างมาก นางยังคงเดินไปมาเพราะทนอยู่นิ่งไม่ไหว ยังพยายามทำงานบ้าน แม้สามีจะจ้างหญิงในหมู่บ้านมาช่วยทำงานบ้านและทำอาหารให้นางแล้ว เพราะนางตั้งครรภ์และอีกไม่ถึงสองเดือนก็ใกล้คลอดแล้ว ยามซื่อของวันนี้จู่ๆก็มีเสียงรถม้ามาจอดที่หน้าบ้านของพวกเขาซูเม่ยจึงได้ออกไปเมียงมองดูว่าใครมาที่หน้าบ้าน ก็พบว่ามีชายวัยกลางคนแต่งกายหรูหราไม่น้อยลงมาจากรถม้าตามด้วยชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีร่างบางสูงโปร่งและผิวขาวเหมือนดังเช่นคนมีอันจะกิน ตามด้วยคนเดินตามหลังที่น่าจะเป็นคนรับใช้ของพวกเขา เฟยหยาเปิดประตูห้องออกมาเขากำลังนั่งอ่านหนังสือและเขียนจดหมายส่งให้มารดาอยู่” บ้านนี้ใช่บ้านของซูเม่ยหรือไม่ “ ชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานนั้นเอ่ยถามเฟยหยาที่เดินออกไปหาเขา ” ใช่นางเป็นเมียข้าเอง “ ชายคนนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง ขณะนั้นซูเม่ยก็เดินออกมายืนหน้าเรือนของตนเอง ” นั่นไงซูเม่ย แต่นางตั้งครรภ์อย่างนั้นหรือ “ ชายร่างสูงผอมที่ยืนจ้องมองซูเม่ยที่หยุดยืนจ้องมองพวกเขาเช่นกันอยู่ที่หน้าเรือน ชายวัยกลางคนที่มากับเขาหันไปหาชายร่างสูงนั้นทันที” เจ้าบอกว่านางไม่มีสามีอย่างไรเล่า ข้าอุตส่าห์ยอมร
ยามซื่อวันต่อมา ก็มีเสียงตะโกนโหวกเหวกดังอยู่หน้าบ้าน “ พรานตงอยู่ไหม ออกมาเดี๋ยวนี้ บุตรสาวของข้าอยู่ที่ใด เห็นมีคนบอกว่านางอยู่ที่บ้านของเจ้า นางหายไปทั้งคืน เจ้าต้องรับผิดชอบ” ทุกคนในบ้านต่างโผล่หน้าออกมาดูต้นเหตุของเสียงโหวกเหวกนั้นซูเม่ยที่เช็ดมือของนางจนแห้งแล้วรีบเดินออกมาจากครัวนางกำลังจะทำมันเชื่อมให้บุตรชายและทุกคนได้ชิมกัน เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ นางเดินออกมาที่หน้าลานบ้านพบกับหัวหน้าหมู่บ้านคนที่เคยนำหนังสือตัดขาดกับบ้านจางมาให้ และที่ยืนอยู่ข้างๆเข้าคือชายชราคนหนึ่งผมของเขาขาวโพลนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ปะชุนและดูมอมแมมไม่น้อย ส่วนด้านหลังของพวกเขาก็เช่นเคยมีชาวบ้านหลายๆคนเดินมามุงดูเหตุการณ์ดังเช่นคราวที่แล้ว เฟยหยาเปิดประตูห้องนอนของเขาออกมา ส่วนเจ้าตัวเล็กก็ไม่วายยืนเมียงมองที่หน้าห้องของตนเองอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกัน แล้วประตูห้องของซูเม่ยที่เมื่อคืนมีสหายของสามีมาพักค้างคืนก็เปิดออกช้าๆ ร่างของอี้เหยาสหายของสามีและยังมีสตรีที่สวมอาภรณ์ของบุรุษยืนแอบอยู่ด้านหลังเขาด้วยท่าทางหวาดกลัว ดวงตาของนางจ้องมองชายชราทีี่ยืนอยู่ข้างๆหัวหน้าหมู่บ้าน“ นั่นไง หยงเอ๋อเจ้ามานอนกับบุรุ
เมื่อปากหนาของเขาดูดลิ้นเล็กของนางเป็นจังหวะสลับกับเกี่ยวพันลิ้นเล็กของนางอย่างเมามัน ทำให้หย่งเอ๋อยิ่งเสียวซ่านจนเกินจะทน นางร้องครางเบาๆทั้งที่ิลิ้นเล็กยังถูกลิ้นสากของเขาเกี่ยวพันอย่างดูดดื่มอยู่ มือบางของนางก็ลูบไล้หลังไหล่ของคนบนร่างของนางไปมา เล็บคมกรีดลงไปบนหลังของเขา แม้รองแม่ทัพหนุ่มจะเจ็บแสบไม่น้อยแต่เขาก็ยกยิ้มอย่างพอใจ นางร่าน นางร้าย ร่านถูกใจเขาเหลือเกิน บั้นเอวหนาเร่งขย่มนางจนแตกพ่ายออกมาอย่างมากมาย แล้วจึงได้จับร่างอวบของนางลงมายืนในน้ำแล้วหันหลังให้เขา ยกก้นอวบของนางขึ้นแล้วรองแม่ทัพหนุ่มจึงสอดลำกายอวบใหญ่เข้าไปในร่องอวบของนางอีกครั้งจนมิดลำกายแล้วเริ่มโยกขย่มนางอย่างรุนแรงอีกครั้ง “ อ๊าย อ๊า แรงอีก แรงอีกเจ้าค่ะ อ๊าย อ๊ายย อ๊าา ” หย่งเอ๋อที่เสียวซ่านจนเกินจะทน นางร้องครวญครางอีกครั้งพลางเร่งให้คนที่ขย่มนางจากทางด้านหลังให้เร่งแรงกระแทกนางอีก นางแอ่นก้นงามงอนขึ้นหาเขาอย่างร่านร้อน ปากก็ร้องครวญครางด้วยความเสียวซ่าน รองแม่ทัพหนุ่มจับร่างอวบของเมียหมาดๆพลิกไปมาอยู่หลายท่วงท่า แต่ในทุกท่วงท่าเขาก็กดกระแทกนางอย่างเร่าร้อนจนเสร็จสมไปหลายครั้งแล้ว แต่เจ้าลูกชายที่ยังแข็ง
“ เจ้าเป็นผู้ใดกัน ทำไมถึงมาที่ลำธารค่ำมืดเพียงนี้ ” เขาเอ่ยขึ้น จ้องมองใบหน้างามที่แดงระเรื่อ นางพยายามบีดกายหนีเขา แต่ถูกเขาจับเอาไว้มั่น นางคือหย่งเอ๋อบุตรสาวของตาเฒ่าขี้เมาประจำหมู่บ้าน วันนีี้นางได้ยินว่าพรานตงหายดีแล้ว และนางเองก็หลงรักพรานตงมานานนักหนาพอๆกับซูเม่ย แม้เขาจะแต่งงานกับซูเม่ยแล้ว แต่เขาไม่ได้รักนาง ใครๆในหมู่บ้านก็รู้ว่านางปีนเตียงเขาจึงได้จำใจแต่งงานเพราะนางเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา หย่งเอ๋อจึงเกิดความคิดว่านางจะไปซุ่มอยู่ที่ลำธาร หากพรานตงมาอาบน้ำนางจะลอบเข้าหาเขาบ้าง และยิ่งนางแอบซุ่มดูเห็นเขาร่ำสุรากับชายคนหนึ่ง แต่นางก็ไม่คาดคิดว่าคนที่นางพบที่ลำธารจะไม่ใช่พรานตง “ ข้าคิดว่าท่านเป็นพรานตง ปล่อยข้านะ ในเมื่อท่านไม่ใช่เขา ปล่อยข้า ” ใบหน้าหล่อคมคายยกยิ้มขึ้น “ พรานตงเขามีเมียแล้ว เจ้าจะมายุ่งเกีี่ยวกับเขาทำไม อีกอย่างเขาไม่ใช่ชายเจ้าชู้ เขารักเมียของเขามาก เจ้ามายั่วยวนเขาก็เสียเวลาเปล่า แต่ไหน ๆ เจ้าก็เป็นหญิงที่ร่านอย่างหน้าไม่อาย เปลือยกายมายั่วยวนสามีของผู้อื่นอย่างหน้าไม่อายเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นข้าจะสงเคราะห์เจ้าเอง ให้ได้รู้รสชาติของบุรุษว่าเป็นเช่นไร ” เขาเอ่ยข
“ งั้นเย็นนี้มาร่ำสุรากันเสียหน่อย ไม่ได้ร่ำสุรากับเจ้ามานานแล้ว ตั้งแต่ข้าเจ็บป่วยไป วันนี้ปล่อยให้เมียข้าดูแลลูกไปก่อน ข้าจะร่ำสุรากับเจ้าให้เมาไปเลย ได้ไหมจ๊ะเมียจ๋า พี่จะร่ำสุรากับสหายเสียหน่อย เจ้าดูแลลูกเข้านอนด้วยก็แล้วกันนะ ” เขาเอ่ยขึ้นแล้วหันไปจ้องมองเมียรักเหมือนจะขออนุญาตินาง “ เจ้าค่ะ ท่านพี่นานๆจะได้พบกับสหายก็ตามสบายเจ้าค่ะ ข้าจะดูแลลูกเอง งั้นข้าจะผัดผักใส่หมู และยังมีเนื้อเค็มข้าจะทอดให้ และหั่นผักดองให้ท่านแกล้มเหล้านะเจ้าคะ อ่อ ยังมีผลไม้เชื่อมที่มีรสเปรี้ยวอยู่ด้วย รอสักครู่ข้าจะจัดการให้เจ้าค่ะ ” นางเอ่ยขึ้นแล้วหันไปค้นหาห่อเนื้อเค็มและผลไม้เชื่อมที่มีรสเปรี้ยวที่นางชิมดูเมื่อวานมาแบ่งใส่ถ้วยใบเล็กให้เขาแกล้มสุรา อี้เหยายักคิ้วให้สหายรัก เมื่อเห็นเขาจ้องมองเมียรักด้วยดวงตาหวานฉ่ำปานจะกลืนกิน ไม่พบเจอเพียงไม่นานตอนนี้รองแม่ทัพผู้ดุดันกลายเป็นคนคลั่งรักไปเสียแล้วเมื่อจัดการอาหารเย็นยังไม่เสร็จจึงให้บุตรไปอาบน้ำก่อนเพราะตอนนี้ยังไม่มืดค่ำ แล้้วซูเม่ยจึงได้ทอดหมูให้บุตรชายกินกับข้าวสวยร้อนๆ แบ่งเอาไว้ในหม้อใบเล็กให้สามีที่นางไม่แน่ใจว่าเขาจะหิวหรือไม่ แล้วทอดเนื้อ
ช่วงบ่ายวันนั้นที่บ้านพรานตงก็ได้ต้อนรับสหายที่ขี่ม้าตัวสูงใหญ่ล่ำสันสง่างามยิ่งนักมาเยี่ยม เขาคือท่านอาเหยาของอาเหวิน หรือรองแม่ทัพเฉินอี้เหยา เขาและตงเฟยหยาเป็นสหายร่วมรบกันมาตั้งนานแล้ว เมื่อเขาลาออกเพราะเบื่อหน่ายปัญหาในครอบครัว แม้อี้เหยาจะไม่เห็นด้วยแต่ก็ขัดสหายไม่ได้ แต่ตัวเขาเมื่อว่างเว้นจากราชการคราใดก็จะมุ่งมาเยี่ยมสหายและหลานชายตัวน้อยตลอดยิ่งเขามาครั้งล่าสุดสหายขาหักเพราะเข้าป่าแล้วพลาดตกกับดักที่มีคนวางเอาไว้ แม้เขาเป็นยอดฝีมือแต่ก็ยังพลาดจนได้ จึงได้ขาหัก และนอนพักฟื้นอยู่ที่บ้าน ก่อนเขาจะจากไปในคราวก่อนเขาต่อรถเข็นเอาไว้ให้หลานชายตัวน้อยเพื่อเอาไว้ตักน้ำใช้จากลำธารหลังบ้านมาใส่ในโอ่ง และกำชับให้เขาทำแค่เพียงวันละน้อยจะได้ไม่เหนื่อยจนเกินไปเขาซื้อหาข้าวสารและอาหารมาให้ไว้ในครัว ซื้อของและเสี่ยวหลงเปาไว้ให้จำนวนมาก ซื้อไข่เค็มและผักดองที่เก็บได้นานเอาไว้ และสอนวิธีการกินให้กับเด็กชาย อาหารแห้งเช่นเนื้อเค็ม ปลาตากแห้งเขาก็ซื้อมาเก็บเอาไว้ด้วยกลัวหลานชายจะอดตายเพราะบิดาก็เดินไม่ได้ และตัวเขาก็จำต้องเข้าเมืองหลวงเพราะมีราชการด่วนที่ต้องไปจัดการ แม้จะเป็นห่วงบ้านของสหายไม
“ เอาละ ถ้ามันเป็นอย่างที่ซูเม่ยพูด พวกเจ้าก็ไม่ควรมารบกวนครอบครัวของนางที่แทบไม่มีจะกินอยู่แล้ว พวกเจ้าควรจะทำมาหากินด้วยตนเอง อย่าพยายามเบียดเบียนผู้อื่นเช่นนี้อีก ” หััวหน้าหมู่บ้านเอ่ยขึ้นอย่างเอือมระอา แต่เมื่อเขาได้รับแจ้งจะไม่มาจัดการก็ไม่ได้ จึงได้มาฟังความอีกข้างจากบ้านของพรานตง“ ท่านหัวหน้าจะพูดอย่างนี้ได้อย่างไร พวกตระกูลจางมีบุญคุณกับซูเม่ยนังคนอกตัญญูนี่แค่ไหน พวกท่านก็รู้ บิดามารดาของนางก็เสียไปหมดแล้ว พวกข้ารับเลี้ยงดูนางเอาไว้ ไม่มีบุญคุณให้นางต้องชดใช้เลยหรือ ” ท่านป้าของซูเม่ยเอ่ยขึ้น “ แต่เมื่อตอนที่ข้าแต่งงานกับนาง ข้าได้ให้เงินพวกท่านไปถึงยี่สิบตำลึง เงินจำนวนนี้มันมากมายนัก ข้าเป็นแค่นายพรานหากจะเก็บสะสมเงินจำนวนนี้จริงๆต้องใช้เวลาอยู่หลายปีนะ ถือว่าพวกท่านก็ได้เงินตอบแทนไปมากแล้ว แถมยังคอยมารีดไถเป็นประจำหลายปีมาแล้ว ท่านหัวหน้าหมู่บ้านในเมื่อท่านก็มาแล้ว วันนี้ข้าขอให้ท่านทำหนังสือตัดขาดระหว่างซูเม่ยเมียของข้ากับตระกูลจาง ไม่ต้องข้องเกี่ยวกันอีก หากพวกนางมารบกวนข้าอีก จะได้จัดการอย่างเด็ดขาด คนที่ไม่รู้จักพอให้ไปเท่าไหร่ก็คงไม่พอหรอก ” เขาเอ่ยกับหัวหน้าหมู่บ้า
อดีตรองแม่ทัพหนุ่มกดกระแทกเมียรักจากทางด้านหลังอย่างรุนแรง เขาเร่งความเร็วขึ้นจนกระทั่งขย่มนางจนแทบจะจมไปกับเตียงอีกครั้ง ทั้งสองร้องครวญครางผสานกันอย่างสุขสมยิ่งนัก จนกระทั่งเสร็จสมไปพร้อมๆกันอีกครั้ง ซูเม่ยนั้นสุขสมจนแทบจะนับครั้งไม่ได้ นางจึงอ่อนระทวยแทบจะสลบไปทันทีในครั้งสุดท้ายที่ถูกสามีที่ร้อนแรงเหลือเกินของนาง กระแทกร่องจีบอย่างเร่าร้อนรุนแรง จนนางเสร็จสมไปอีกครั้งแล้วจึงได้หลับผล็อยไปทันที ทั้ง ๆที่ลำกายใหญ่ของสามียังคาอยู่ในร่องรักของนางด้านเฟยหยาที่เห็นเมียรักเหมือนสลบไปทันทีที่นางกระตุกเกร็งแล้วเสร็จสมไปในยกสุดท้ายนั้น เขาจึงได้ถอนลำกายใหญ่ออกจากร่องอวบของนาง แล้วประคองเมียรักนอนลงที่ฟูกจัดท่าทางให้นางนอนให้สบายตัว แล้วเขาจึงได้ลุกออกไปทำความสะอาดร่างกายตนเองแล้วนำผ้าปูเตียงผืนใหม่มาเปลี่ยนให้เมียรักที่นอนหลับเหมืือนสลบไสลอยู่บนเตียงนั้น เขาค่อยยกตัวนางขึ้นดึงผ้าปูเตียงออกแล้วขมวดมันไว้ที่มุมห้อง แล้วจึงได้ผลัดเปลี่ยนผืนใหม่ที่หอมกลิ่นแดดเพราะซูเม่ยเพิ่งนำไปซักตากแดดมาเมื่อวานนี้เขาเปลี่ยนแล้วจัดที่นอนใหม่แล้วอุ้มร่างอวบของเมียรักให้นอนในท่าที่สบายที่สุด แล้วจึงได้ผลัดเสื
เฟยหยาขย่มร่างอวบของเมียรักอย่างรุนแรงจนเมื่อเสร็จสมไปด้วยกันแล้ว เขาก็จับร่างอวบของนางพลิกเปลี่ยนท่าเป็นนอนคว่ำแล้วดึงสะโพกอวบขาวที่เขาบีบเค้นมันจนขึ้นสีอย่างมันมือ แม่เมียรักของเขา นางเป็นหญิงชาวบ้าน แต่นางเด็ดดวงยิ่งกว่าคุณหนูในห้องหอ ยิ่งกว่าหญิงคณิกาที่เขาเคยผ่านมา หากจับนางแต่งกายด้วยอาภรณ์ของชนชั้นสูงนางคงจะเป็นหญิงที่งามมาก งามปานจะล่มเมืองคนหนึ่ง แต่นางเป็นเมียของเขาเพียงผู้เดียว ถึงนางจะงามเพียงใดก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะแสวงหาบุรุุษใดอีกแล้ว นางเป็นเมียของเขา เป็นแม่ของบุตรของเขาได้เพียงเท่านั้นอดีตรองแม่ทัพหนุ่มที่บัดนี้ลาออกจากราชการแล้วหนีมาซุกตัวอยู่ที่บ้านนอกที่ห่างไกลเมืองหลวงเป็นอย่างมาก ด้วยปัญหาในครอบครัวบางอย่าง เพราะเขาเป็นบุตรชายคนรองแต่โดดเด่นและเก่งกล้าเกินบุตรชายคนโตจึงทำให้ไม่เป็นที่ชอบใจของฮูหยินใหญ่ ที่เส้นทางทางราชการของเขาก้าวหน้าเกินไป ทำให้เขาและมารดาไม่เป็นที่โปรดปรานของทั้งบิดาและฮูหยินใหญ่เพราะมารดาของเขาเป็นเพียงอนุผู้หนึ่งเพียงเท่านั้น เขาจึงได้เบื่อหน่ายการแก่งแย่งชิงดีในหมู่พี่น้องจึงได้ตัดสินใจลาออกจากราชการและอำลามารดาย้ายตนเองมาอยู่ที่บ้านนอกห่างไก
Comments