จางซูเม่ยเดินถือจานอาหารเดินตรงไปที่ห้องสุดท้ายของเรือน แล้วเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องที่ดูไม่สว่างเท่าใดนัก เพราะในห้องไม่เปิดหน้าต่าง นางจึงได้เปิดประตูทิ้งเอาไว้ เดินเข้าไปก็เห็นมีชายร่างผอมคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง ชายคนนั้นผอมจนแก้มตอบ หนวดเครารุงรังไม่น้อยคงไม่ค่อยมีใครตัดให้เขาและดูแลปรนนิบัติเขา เพราะตอนนี้ชายคนนี้ก็ดูแลตนเองไม่ได้ คงได้แต่นอนซมอยู่บนเตียงเพียงเท่านั้น เขาหันมาจ้องมองนางอย่างแปลกใจ “ เจ้าเข้ามาทำอะไร ออกไปนะ ” เขาเอ่ยเหมือนตะคอกทันทีที่เห็นหน้าของซูเม่ย “ ข้าเอาข้าวมาให้กิน ท่านก็กินเสียเถอะ ” ลินลี่เอ่ยขึ้นแล้วยกจานข้าวไปวางที่ข้างโต๊ะของเขา
“ อาหารในครัวไม่ค่อยจะมีแล้ว ตอนนี้อาเหวินก็กินแล้ว ข้าแบ่งมาให้ท่านกินเสียเถอะจะได้มีเรี่ยวแรง จะได้หายป่วยไวๆ ” ลินลี่เอ่ยขึ้น สะท้อนใจเล็กน้อยที่เห็นชายร่างผอมนอนซมอยู่โดยที่ขาอีกข้างก็มีผ้าพันเอาไว้ แผลนั้นคงจะหายแล้วแต่กระดูกคงจะยังไม่ประสานกันจึงทำให้เดินไม่ได้ และการใช้ชีวิตของเขามันอดอยากแร้นแค้นปากนี้ ร่างกายจะแข็งแรงพอที่จะหายป่วยไวๆได้อย่างไรกัน “รีบกินเข้าเถอะ เสียดายของในห้องครัวก็แทบจะไม่มีอะไรจะกินแล้ว ” ลินลี่เอ่ยปากบอกกลัวว่าเขาจะไม่ยอมกินอาหารจะทำให้เสียของที่แทบจะไม่มีกินทิ้งไปเสียเปล่าๆ
“ ก็เพราะใครล่ะ ที่เอาเงินที่เก็บออมเอาไว้ไปใช้ฟุ่มเฟือยจนแทบไม่มีติดบ้าน แถมยังเอาอาหารและข้าวของให้กับบ้านเดิมของเจ้าไปอีก มันจะมีเหลือให้กินได้อย่างไรกัน อีกไม่นานข้ากับลูกก็คงจะอดตาย จะได้พ้นไปจากหญิงเช่นเจ้าเสียที ” เขาเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “ เอาละ ท่านรีบกินเถอะ เรื่องหาเงินกับหาของกินไว้ให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง ท่านเพียงกินอาหารให้อิ่มและรีบๆหายไวๆอาเหวินจะได้มีคนเลี้ยงดู ” ลินลี่เอ่ยอย่างหวังดี เพราะแม้จะเพิ่งพบเด็กชายเพียงไม่นานแต่ก็สงสารเขาจับใจกลัวว่าหากบิดาของเขาเป็นอะไรไปก็จะไม่มีคนเลี้ยงดูเขา เพราะตัวลินลี่เองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน นางแค่นึกสงสารเด็กชายและชะตากรรมของครอบครัวนี้แค่นั้นเอง
“ หญิงเกียจคร้านเช่นเจ้า จะเอาปัญญาที่ไหนที่จะหาเงินเข้าบ้านกัน แค่เพียงจะเอาตัวเองให้รอดยังทำไม่ได้เลย “ เขาเอ่ยคำพูดดูถูกอย่างไม่ถนอมน้ำใจลินลี่เลยสักนิด สองผัวเมียนี่คงจะเกลียดกันมากจริงๆ และเจ้าผัวนี่ก็คงจะไม่อยากจะแต่งงานกับนาง หรือไม่เจ้าของร่างนี้คงจะทำแสบไว้กับผัวไม่น้อย เขาจึงทำท่าเหมือนเกลียดชังเมียตนเองอย่างมากมายเช่นนี้ ” ข้าจะทำด้วยวิธีการใดก็ช่างข้าเถอะ ท่านเพียงดูแลตัวเองและกินข้าวเสีย ไว้ให้ท่านหายดีแล้ว ข้าจะไปจากที่นี่เอง " ลินลี่ตัดสินใจเอ่ยบอกเขาไป เพราะตัวเองก็ไม่ได้เป็นเมียของเขาเสียหน่อย เด็กชายนั่นก็ไม่ใช่ลูกของลินลี่ แต่เห็นแก่ว่าตัวเองมาอยู่ในร่างของแม่เด็ก จึงจำต้องรับผิดชอบเด็กชายและพ่อของเขาอีกด้วย เฮ้อ !! เนื้อก็ไม่ได้กินหนังก็ไม่ได้รองนั่งยังต้องเอากระดูกมาแขวนคออีกด้วย เฮ้อ ลินลี่หนอลินลี่ เป็นสาวโสดสวยๆอยู่แท้ๆ กลับต้องระเห็จย้อนเวลามามีลูกมีผัวที่เขาไม่ต้องการข้าอีกด้วย
ลินลี่เดินออกมาจากห้องของพ่อเด็กชายอย่างไม่รู้จะทำอะไรดีไปกว่านี้แล้ว ในเมื่อเอาข้าวไปให้กินถึงเตียงจะไม่กินก็ช่วยไม่ได้ เห็นแก่มนุษยธรรมหรอกนะ ถึงได้ช่วยดูแลทั้งพ่อทั้งลูก ว่าแต่วิญญาณแม่เด็กนี่หายไปอยู่ที่ไหนกัน ตั้งแต่มานี่ก็ไม่เห็นเลย ลินลี่รำพึงในใจระหว่างที่เดินย้อนกลับมายังครัว อาเหวินกินข้าวหมดจานจนอิ่มแปร้แล้วเขากำลังจะเอาจานไปล้าง “ อาเหวินไม่ต้องล้างนะ เดี๋ยวพ่อเจ้ากินเสร็จแล้ว แม่จะล้างเอง ล้างรวมกันทีเดียวจะได้ไม่เปลืองน้ำ แล้วน้ำในโอ่งนี้ใครตักมาให้กัน ” เด็กชายยืดอกผอม ๆ ของเขาอย่างภาคภูมิแล้วเอ่ยว่า “ ข้าเองขอรับท่านแม่ ” ลินลี่ตกใจจนหันกลับไปมองหน้าเล็กกระจ้อยร่อยนั่น “ เจ้าหาบน้ำมาใส่ในโอ่งจนเต็มอย่างนั้นหรือ ” เด็กชายร่างผอมยิ้มกว้างอย่างภาคภูมิกับผลงานของตนเอง “ ข้าเข็นรถเข็นไม้ที่ท่านอาเหยาทิ้งไว้ให้ขอรับ เขาเห็นว่าข้ายกไม่ไหวเพราะตัวเล็กเกินไปจึงได้ทำรถเข็นไม้เอาไว้ให้เข็นของหนักๆที่ยกเองไม่ไหว อาเหวินไปตักน้ำที่ลำธารข้างบ้านแล้วเข็นมาเทใส่โอ่งเอาไว้ ถ้าไม่ทำเช่นนั้นก็ไม่มีใครทำ ทั้งอาเหวินและท่านพ่อก็จะไม่ได้อาบน้ำไม่มีน้ำใช้ ” ลินลี่จ้องมองเด็กชายอย่างสะท้อนใจ แม่เด็กนี่คงจะไม่เอาอ่าวจริงๆจนกระทั่งพ่อของเด็กชายจึงได้เกลียดชังมากถึงขนาดนี้
ในเมื่อข้ามาอาศัยร่างของเจ้าอยู่ ก็คงจะต้องทำความดีชดเชยที่เจ้าทำไม่ดีและละเลยพวกเขามานานแล้ว ข้าจะทำจนกว่าพ่อเด็กจะหายดี แล้วก็คงจะต้องจากไปเพราะข้ากับพวกเขาก็มิได้เป็นอะไรกัน เพียงแค่นี้ก็ดีมากแล้ว ลินลี่ครุ่นคิดแล้วจึงได้ลงมือกินอาหารของตนเองแล้วเก็็บกวาดครัวจนเรียบร้อย จึงได้เดินไปทำความสะอาดห้องนอนของตนเองที่รกรุงรังไม่น้อย จัดทุกอย่างให้เป็นระเบียบและค้นหาเสื้อผ้าที่พอใส่ได้มาไว้ผลัดเปลี่ยนแล้วจึงรวบรวมผ้าที่เจ้าของเดิมทิ้งไว้ในตระกร้าเตรียมเอาไว้ซัก แล้วจึงได้เดินกลับไปยังห้องของบิดาของเด็กชายที่มีชื่อว่าตงเฟยหยาพบว่าเขากินข้าวแล้ววางจานเอาไว้ที่เดิม นับว่ายังมีความคิดไม่ใช่อารมณ์จนตนเองและลูกต้องลำบาก
นางลงมือเก็บกวาดห้องหับของเขา เปิดหน้าต่างออกกว้างเพื่อระบายอากาศที่อับชื้นไม่น้อย แล้วรวบรวมผ้าผ่อนของข้าที่ยังไม่ได้ซักออกมากองไว้หน้าห้อง แล้วจึงได้กลับไปค้นตู้เสื้อผ้าเก่าๆแล้วหยิบชุดใหม่ของเขาออกมา “ ข้าต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและเช็ดตัวให้ท่าน ตอนนี้ท่านตัวเหม็นมาก จัดการให้สะอาดแล้วข้าจะได้เอาผ้าทั้งหมดไปซักก่อนที่จะไม่มีแดด ”ลินลี่บอก แม้ชายตรงหน้าจะพยายามขัดขืนอิดเอื้อนเหมือนอับอายที่นางเห็นร่างกายที่ผ่ายผอมของเขา แม้ผู้ชายคนนี้ในอดีตคงจะหล่อเหลาและล่ำสันไม่เบาแต่ด้วยเขาเจ็บป่วยเป็นเวลานานจึงทำให้ร่างกายผ่ายผอมลงไปบ้าง แต่หากได้อยู่ดีกินดีก็คงจะกลับมามีเนื้อหนังแน่นเช่นเดิม
ลินลี่ยกกาละมังใบใหญ่มาลงมือตัดผมเขาและโกนหนวดโกนเคราให้เขาจนเรียบร้อย ก็ดูหล่อเหลาไม่เบา เพียงแค่ผอมไปหน่อย แม้จะมีรอยมีดบาดที่คางและลำคอไปบ้างแต่ชายคนนี้ก็ไม่บ่นสักคำ เมื่อเช็ดตัวเขาจนเรียบร้อยแล้ว ก็สวมเสื้อผ้าใหม่ให้เขา แล้วเปลี่ยนผ้าปูที่นอนปลอกหมอนใหม่ ผ้าผวยที่ใช้ห่มนอนก็เปลี่ยนผืนใหม่ที่แม้สภาพเก่าแต่ก็ผ่านการทำความสะอาดมาแล้ว อย่างน้อยก็ไม่มีกลิ่นเหม็น จนสะอาดไปทั้งตัวเจ้าของห้องและห้องอับชื้นที่เขาเคยนอนมาเกือบจะสองเดือนตอนนี้ก็สะอาดและสว่างไสวน่าอยู่ขึ้นไม่น้อย
หลายเดือนผ่านไปซูเม่ยที่ตอนนี้ท้องโตอย่างมาก นางยังคงเดินไปมาเพราะทนอยู่นิ่งไม่ไหว ยังพยายามทำงานบ้าน แม้สามีจะจ้างหญิงในหมู่บ้านมาช่วยทำงานบ้านและทำอาหารให้นางแล้ว เพราะนางตั้งครรภ์และอีกไม่ถึงสองเดือนก็ใกล้คลอดแล้ว ยามซื่อของวันนี้จู่ๆก็มีเสียงรถม้ามาจอดที่หน้าบ้านของพวกเขาซูเม่ยจึงได้ออกไปเมียงมองดูว่าใครมาที่หน้าบ้าน ก็พบว่ามีชายวัยกลางคนแต่งกายหรูหราไม่น้อยลงมาจากรถม้าตามด้วยชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีร่างบางสูงโปร่งและผิวขาวเหมือนดังเช่นคนมีอันจะกิน ตามด้วยคนเดินตามหลังที่น่าจะเป็นคนรับใช้ของพวกเขา เฟยหยาเปิดประตูห้องออกมาเขากำลังนั่งอ่านหนังสือและเขียนจดหมายส่งให้มารดาอยู่” บ้านนี้ใช่บ้านของซูเม่ยหรือไม่ “ ชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานนั้นเอ่ยถามเฟยหยาที่เดินออกไปหาเขา ” ใช่นางเป็นเมียข้าเอง “ ชายคนนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง ขณะนั้นซูเม่ยก็เดินออกมายืนหน้าเรือนของตนเอง ” นั่นไงซูเม่ย แต่นางตั้งครรภ์อย่างนั้นหรือ “ ชายร่างสูงผอมที่ยืนจ้องมองซูเม่ยที่หยุดยืนจ้องมองพวกเขาเช่นกันอยู่ที่หน้าเรือน ชายวัยกลางคนที่มากับเขาหันไปหาชายร่างสูงนั้นทันที” เจ้าบอกว่านางไม่มีสามีอย่างไรเล่า ข้าอุตส่าห์ยอมร
ยามซื่อวันต่อมา ก็มีเสียงตะโกนโหวกเหวกดังอยู่หน้าบ้าน “ พรานตงอยู่ไหม ออกมาเดี๋ยวนี้ บุตรสาวของข้าอยู่ที่ใด เห็นมีคนบอกว่านางอยู่ที่บ้านของเจ้า นางหายไปทั้งคืน เจ้าต้องรับผิดชอบ” ทุกคนในบ้านต่างโผล่หน้าออกมาดูต้นเหตุของเสียงโหวกเหวกนั้นซูเม่ยที่เช็ดมือของนางจนแห้งแล้วรีบเดินออกมาจากครัวนางกำลังจะทำมันเชื่อมให้บุตรชายและทุกคนได้ชิมกัน เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ นางเดินออกมาที่หน้าลานบ้านพบกับหัวหน้าหมู่บ้านคนที่เคยนำหนังสือตัดขาดกับบ้านจางมาให้ และที่ยืนอยู่ข้างๆเข้าคือชายชราคนหนึ่งผมของเขาขาวโพลนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ปะชุนและดูมอมแมมไม่น้อย ส่วนด้านหลังของพวกเขาก็เช่นเคยมีชาวบ้านหลายๆคนเดินมามุงดูเหตุการณ์ดังเช่นคราวที่แล้ว เฟยหยาเปิดประตูห้องนอนของเขาออกมา ส่วนเจ้าตัวเล็กก็ไม่วายยืนเมียงมองที่หน้าห้องของตนเองอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกัน แล้วประตูห้องของซูเม่ยที่เมื่อคืนมีสหายของสามีมาพักค้างคืนก็เปิดออกช้าๆ ร่างของอี้เหยาสหายของสามีและยังมีสตรีที่สวมอาภรณ์ของบุรุษยืนแอบอยู่ด้านหลังเขาด้วยท่าทางหวาดกลัว ดวงตาของนางจ้องมองชายชราทีี่ยืนอยู่ข้างๆหัวหน้าหมู่บ้าน“ นั่นไง หยงเอ๋อเจ้ามานอนกับบุรุ
เมื่อปากหนาของเขาดูดลิ้นเล็กของนางเป็นจังหวะสลับกับเกี่ยวพันลิ้นเล็กของนางอย่างเมามัน ทำให้หย่งเอ๋อยิ่งเสียวซ่านจนเกินจะทน นางร้องครางเบาๆทั้งที่ิลิ้นเล็กยังถูกลิ้นสากของเขาเกี่ยวพันอย่างดูดดื่มอยู่ มือบางของนางก็ลูบไล้หลังไหล่ของคนบนร่างของนางไปมา เล็บคมกรีดลงไปบนหลังของเขา แม้รองแม่ทัพหนุ่มจะเจ็บแสบไม่น้อยแต่เขาก็ยกยิ้มอย่างพอใจ นางร่าน นางร้าย ร่านถูกใจเขาเหลือเกิน บั้นเอวหนาเร่งขย่มนางจนแตกพ่ายออกมาอย่างมากมาย แล้วจึงได้จับร่างอวบของนางลงมายืนในน้ำแล้วหันหลังให้เขา ยกก้นอวบของนางขึ้นแล้วรองแม่ทัพหนุ่มจึงสอดลำกายอวบใหญ่เข้าไปในร่องอวบของนางอีกครั้งจนมิดลำกายแล้วเริ่มโยกขย่มนางอย่างรุนแรงอีกครั้ง “ อ๊าย อ๊า แรงอีก แรงอีกเจ้าค่ะ อ๊าย อ๊ายย อ๊าา ” หย่งเอ๋อที่เสียวซ่านจนเกินจะทน นางร้องครวญครางอีกครั้งพลางเร่งให้คนที่ขย่มนางจากทางด้านหลังให้เร่งแรงกระแทกนางอีก นางแอ่นก้นงามงอนขึ้นหาเขาอย่างร่านร้อน ปากก็ร้องครวญครางด้วยความเสียวซ่าน รองแม่ทัพหนุ่มจับร่างอวบของเมียหมาดๆพลิกไปมาอยู่หลายท่วงท่า แต่ในทุกท่วงท่าเขาก็กดกระแทกนางอย่างเร่าร้อนจนเสร็จสมไปหลายครั้งแล้ว แต่เจ้าลูกชายที่ยังแข็ง
“ เจ้าเป็นผู้ใดกัน ทำไมถึงมาที่ลำธารค่ำมืดเพียงนี้ ” เขาเอ่ยขึ้น จ้องมองใบหน้างามที่แดงระเรื่อ นางพยายามบีดกายหนีเขา แต่ถูกเขาจับเอาไว้มั่น นางคือหย่งเอ๋อบุตรสาวของตาเฒ่าขี้เมาประจำหมู่บ้าน วันนีี้นางได้ยินว่าพรานตงหายดีแล้ว และนางเองก็หลงรักพรานตงมานานนักหนาพอๆกับซูเม่ย แม้เขาจะแต่งงานกับซูเม่ยแล้ว แต่เขาไม่ได้รักนาง ใครๆในหมู่บ้านก็รู้ว่านางปีนเตียงเขาจึงได้จำใจแต่งงานเพราะนางเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา หย่งเอ๋อจึงเกิดความคิดว่านางจะไปซุ่มอยู่ที่ลำธาร หากพรานตงมาอาบน้ำนางจะลอบเข้าหาเขาบ้าง และยิ่งนางแอบซุ่มดูเห็นเขาร่ำสุรากับชายคนหนึ่ง แต่นางก็ไม่คาดคิดว่าคนที่นางพบที่ลำธารจะไม่ใช่พรานตง “ ข้าคิดว่าท่านเป็นพรานตง ปล่อยข้านะ ในเมื่อท่านไม่ใช่เขา ปล่อยข้า ” ใบหน้าหล่อคมคายยกยิ้มขึ้น “ พรานตงเขามีเมียแล้ว เจ้าจะมายุ่งเกีี่ยวกับเขาทำไม อีกอย่างเขาไม่ใช่ชายเจ้าชู้ เขารักเมียของเขามาก เจ้ามายั่วยวนเขาก็เสียเวลาเปล่า แต่ไหน ๆ เจ้าก็เป็นหญิงที่ร่านอย่างหน้าไม่อาย เปลือยกายมายั่วยวนสามีของผู้อื่นอย่างหน้าไม่อายเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นข้าจะสงเคราะห์เจ้าเอง ให้ได้รู้รสชาติของบุรุษว่าเป็นเช่นไร ” เขาเอ่ยข
“ งั้นเย็นนี้มาร่ำสุรากันเสียหน่อย ไม่ได้ร่ำสุรากับเจ้ามานานแล้ว ตั้งแต่ข้าเจ็บป่วยไป วันนี้ปล่อยให้เมียข้าดูแลลูกไปก่อน ข้าจะร่ำสุรากับเจ้าให้เมาไปเลย ได้ไหมจ๊ะเมียจ๋า พี่จะร่ำสุรากับสหายเสียหน่อย เจ้าดูแลลูกเข้านอนด้วยก็แล้วกันนะ ” เขาเอ่ยขึ้นแล้วหันไปจ้องมองเมียรักเหมือนจะขออนุญาตินาง “ เจ้าค่ะ ท่านพี่นานๆจะได้พบกับสหายก็ตามสบายเจ้าค่ะ ข้าจะดูแลลูกเอง งั้นข้าจะผัดผักใส่หมู และยังมีเนื้อเค็มข้าจะทอดให้ และหั่นผักดองให้ท่านแกล้มเหล้านะเจ้าคะ อ่อ ยังมีผลไม้เชื่อมที่มีรสเปรี้ยวอยู่ด้วย รอสักครู่ข้าจะจัดการให้เจ้าค่ะ ” นางเอ่ยขึ้นแล้วหันไปค้นหาห่อเนื้อเค็มและผลไม้เชื่อมที่มีรสเปรี้ยวที่นางชิมดูเมื่อวานมาแบ่งใส่ถ้วยใบเล็กให้เขาแกล้มสุรา อี้เหยายักคิ้วให้สหายรัก เมื่อเห็นเขาจ้องมองเมียรักด้วยดวงตาหวานฉ่ำปานจะกลืนกิน ไม่พบเจอเพียงไม่นานตอนนี้รองแม่ทัพผู้ดุดันกลายเป็นคนคลั่งรักไปเสียแล้วเมื่อจัดการอาหารเย็นยังไม่เสร็จจึงให้บุตรไปอาบน้ำก่อนเพราะตอนนี้ยังไม่มืดค่ำ แล้้วซูเม่ยจึงได้ทอดหมูให้บุตรชายกินกับข้าวสวยร้อนๆ แบ่งเอาไว้ในหม้อใบเล็กให้สามีที่นางไม่แน่ใจว่าเขาจะหิวหรือไม่ แล้วทอดเนื้อ
ช่วงบ่ายวันนั้นที่บ้านพรานตงก็ได้ต้อนรับสหายที่ขี่ม้าตัวสูงใหญ่ล่ำสันสง่างามยิ่งนักมาเยี่ยม เขาคือท่านอาเหยาของอาเหวิน หรือรองแม่ทัพเฉินอี้เหยา เขาและตงเฟยหยาเป็นสหายร่วมรบกันมาตั้งนานแล้ว เมื่อเขาลาออกเพราะเบื่อหน่ายปัญหาในครอบครัว แม้อี้เหยาจะไม่เห็นด้วยแต่ก็ขัดสหายไม่ได้ แต่ตัวเขาเมื่อว่างเว้นจากราชการคราใดก็จะมุ่งมาเยี่ยมสหายและหลานชายตัวน้อยตลอดยิ่งเขามาครั้งล่าสุดสหายขาหักเพราะเข้าป่าแล้วพลาดตกกับดักที่มีคนวางเอาไว้ แม้เขาเป็นยอดฝีมือแต่ก็ยังพลาดจนได้ จึงได้ขาหัก และนอนพักฟื้นอยู่ที่บ้าน ก่อนเขาจะจากไปในคราวก่อนเขาต่อรถเข็นเอาไว้ให้หลานชายตัวน้อยเพื่อเอาไว้ตักน้ำใช้จากลำธารหลังบ้านมาใส่ในโอ่ง และกำชับให้เขาทำแค่เพียงวันละน้อยจะได้ไม่เหนื่อยจนเกินไปเขาซื้อหาข้าวสารและอาหารมาให้ไว้ในครัว ซื้อของและเสี่ยวหลงเปาไว้ให้จำนวนมาก ซื้อไข่เค็มและผักดองที่เก็บได้นานเอาไว้ และสอนวิธีการกินให้กับเด็กชาย อาหารแห้งเช่นเนื้อเค็ม ปลาตากแห้งเขาก็ซื้อมาเก็บเอาไว้ด้วยกลัวหลานชายจะอดตายเพราะบิดาก็เดินไม่ได้ และตัวเขาก็จำต้องเข้าเมืองหลวงเพราะมีราชการด่วนที่ต้องไปจัดการ แม้จะเป็นห่วงบ้านของสหายไม