เธอรีบทำอาหารที่พอทำได้ ดีที่ห้องครัวนี้มีสองเตา เธอจึงใช้หนึ่งเตาหุงข้าวขาวที่มีอยู่เต็มถัง ตอนเด็กเธอเคยอยู่กับยาย ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตเธอก็เคยหุงข้าวบนเตาถ่านแบบนี้อยู่บ้างไม่ใช่เรื่องยากอะไร แถมน้ำข้าวที่ได้ ก็มีประโยชน์อีกด้วย ตอนเช้าเธอหุงข้าว และทำกับข้าวสองอย่าง เธอจุดไฟอีกเตา เธอใช้กระทะแบบมีหูจับสองข้าง เธอหันไปเห็นผักกาดดอง และมีไข่อยู่พอดี เครื่องปรุงของที่นี่ก็ไม่มีอะไรมากนอกจากเกลือและน้ำตาล มีน้ำมันอยู่เต็มถัง เขาเป็นนายพรานสิ่งที่ไม่ขาดแคลนก็คือเนื้อ เธอยังเห็นเนื้อตากแห้ง เธอจึงเริ่มทำผัดผักกาด เธอเอาน้ำมันเทไปบนกระทะ และผัดไข่กับผักกาดปรุงรสแบบง่ายๆ เสร็จแล้วก็ยกลงจากเตา อย่างที่สองเธอนำไข่ที่ตีจนเข้ากันแล้ว นำไปทอดในกระทะให้มีสีเหลืองกรอบดูน่ากินและตักออก เธอยกกระทะลง เธอเอาหม้อที่มีอยู่ในบ้านต้มน้ำใส่เกลือนิดหน่อยปรุงรส เธอใส่เนื้อตากแห้งเคี่ยวจนได้ที่แล้ว ก็เอาไข่ที่ทอดไว้มาหั่นเป็นสี่เหลี่ยม ใส่ลงไปในหม้อ ปิดฝาหม้อและก็เบาไฟลง พร้อมกับข้าวที่สุกพร้อมทานพอดี เธอมองทุกอย่างที่พร้อมแล้ว เธอก็เข้าไปล้างหน้าและเรียกอี้เฉิงให้มากินข้าวพร้อมกัน แต่ที่แห่งนี้ไม่มีแปรงสีฟัน เธอคิดถึงของที่อยู่ในโลกของเธอจัง ถ้าเอาของพวกนั้นมาใช้ที่นี่ได้ก็คงจะดี เธอคิดถึงครีมอาบน้ำ กลิ่นหอมๆ และน้ำหอมที่เธอไปทำงาน
อี้เฉินเดินเข้ามาในบ้าน เขามองไปที่กับข้าวที่ดูน่าทานและแปลกใหม่ เขาไม่คิดว่าเธอจะทำอาหารเป็น เขาคิดว่าเธอเป็นแค่ผู้หญิงที่ทำอะไรไม่เป็น เขาต้องมองเธอใหม่เสียแล้ว เขานั่งลงที่โต๊ะกินข้าวและตักกับข้าวขึ้นมาลองชิม อร่อยมาก เธอปรุงอาหารที่มีอยู่ให้อร่อยเช่นนี้ได้อย่างไรกัน “อร่อยใช่ไหมละ อาหารก็เป็นสิ่งเดียวที่ข้าคิดว่าตัวเองทำอร่อย” “ก็พอกินได้” อร่อยก็บอกว่าอร่อยสิ ทำไมต้องทำท่ามากด้วย ชิ คนขี้เก๊ก หลังจากที่เธอและเขากินข้าวเสร็จแล้ว เธอก็เข้าไปในครัวยกแก้วที่มีน้ำข้าวร้อนๆ เอาเข้ามาส่งให้อี้เฉิงกิน “สิ่งนี้คืออะไร กินได้ใช่หรือไม่” “สิ่งนี้คือน้ำข้าว ที่ได้จากการหุงข้าว กินได้และมีประโยชน์เป็นยาเย็น ช่วยในการย่อยอาหาร ดับร้อน และดีกับผู้ที่เพิ่งฟื้นจากไข้ได้อีกด้วย นี่ไงข้าก็กินเหมือนกัน” เธอกินน้ำข้าวในแก้วของตัวเอง อี้เฉิงเห็นว่านางกินลงไปแล้ว เขาก็ดมกลิ่นเป็นกลิ่นข้าว เขาลองกินเข้าไปก็รู้สึกถึงความมัน มีความหวานเล็กน้อย และมีความเค็มผสมกันอยู่ สิ่งนี้ก็อร่อยดีเหมือนกัน “ข้าไม่เคยรู้ว่าสิ่งนี้กินได้ คนที่นี่ไม่มีใครกินกัน” ก็ไม่แปลกหรอกที่เขาจะไม่รู้ เพราะที่โลกของเธอก็ยังมีคนอีกหลายคนที่ยังไม่รู้เหมือนกัน โดยเฉพาะคนสมัยใหม่ที่หุงข้าวด้วยหม้อไฟฟ้า จะไม่มีน้ำข้าวให้กินหรอก แถมข้าวที่หุงกับเตาถ่านยังมีความหอมทำให้อยากกินข้าวมากขึ้นไปอีก “ท่านกินอิ่มหรือไม่ ตอนนี้ยังเช้าอยู่มาก เรากินอะไรเบาๆ ท้องกันก่อน ตอนเที่ยงข้าจะเพิ่มอาหารจานเนื้อให้ท่านทาน” เขามองไปที่เหมยฮวา นางยิ้มอย่างมีความสุขทุกครั้งเมื่อพูดถึงอาหาร “แล้วแต่เจ้า ของที่มีอยู่เจ้าทำได้ตามสบาย” “วันนี้เราจะออกไปไหนกันไหม หรือเราจะอยู่แต่ในบ้าน” “ข้าต้องพาเจ้าไปแจ้งกับผู้ใหญ่บ้านเสียก่อน เพื่อให้เจ้าเข้ามาอยู่ในทะเบียนบ้านของข้า” “ได้ ถ้าตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอไปดูรอบๆ บ้านของท่านได้หรือไม่” “เจ้าอยากทำอะไรก็ทำ แต่อย่าออกไปนอกกำแพงบ้านโดยที่ไม่มีข้าอยู่ หลังบ้านมีบ่อน้ำ ข้าจะไปตักน้ำมาเติมใส่ถังให้เต็ม” เธออยากไปดูบ่อน้ำ แต่ที่เธอรับไม่ได้เลยก็คือห้องน้ำ เธอรับไม่ได้จริงๆ เธออยากให้เขาเปลี่ยนห้องน้ำเป็นแบบในโลกปัจจุบันของเธอ ไม่รู้คนที่นี่จะทำได้หรือเปล่า แต่ต้องเป็นแบบนั่งด้วย เธอนั่งยองๆ ไม่ถนัดเลยจริงๆ ห้องน้ำถ้าเข้าแล้วมันต้องมีความสุขที่ได้นั่งสิ เธอต้องหาเวลาคุยกับเขา แต่เธอจะหาเงินมาสร้างเอง เธอสำรวจรอบๆ บ้านของอี้เฉิง บริเวณบ้านกว้างมาก ประมาณสามไร่ แต่เขาไม่ได้ปลูกอะไรไว้เลย มีแค่พื้นที่กว้างๆ และต้นผลไม้ไม่กี่ต้นเท่านั้น ส่วนด้านหน้าบ้านนั้น มีโต๊ะไว้นั่งเล่นอยู่หน้าบ้านใต้ต้นท้อ และห่างออกมาจากบ้านประมาณสามร้อยเมตร ก็จะเป็นห้องน้ำ ที่สร้างอยู่ไกล เพราะกลิ่นของห้องน้ำแรงมาก ส่วนบ่อน้ำที่เขาบอกกับเธอ อยู่ด้านหลังของบ้าน ห่างออกไปประมาณห้าร้อยเมตร อยู่ตรงกลางของพื้นที่ว่างๆ นั้นพอดี ถ้าเขาไม่ทำอะไร เธอจะเป็นคนปลูกเอง เธอจะลองให้เขาพาเข้าไปในตลาดและเข้าไปดูของในป่าอีกสักรอบ เธอเห็นในป่ามีทั้งผลไม้และผักที่เธอเคยกิน ไม่รู้ว่าบนภูเขาแถวนี้จะมีของที่เธออยากได้บ้างหรือเปล่า เธอเดินสำรวจไปเรื่อยๆ เธอเพิ่งนึกได้ ว่าตัวเธอมีปานแดงตรงข้อมือข้างขวาเป็นรูปแปลกๆ อันเล็ก เธอเพิ่งจะมีก็ตอนที่เธอทะลุเวลาเข้ามาในที่แห่งนี้ ปานแดงนี้ถ้ามองดีๆ หน้าตาของมันคล้ายกับโทรศัพท์ในโลกที่เธอจากมา หรือจะเป็นโทรศัพท์เครื่องนั้น ที่เธอได้ฝันถึงพ่อและแม่ก่อนที่จะทะลุเวลามาในที่แห่งนี้ หรือพ่อกับแม่จะมอบโทรศัพท์เอาไว้คอยช่วยเหลือเธอกัน เธอลองเอามือไปลูบที่ปานแดงตรงข้อมือด้านขวา และตั้งจิตถึงพ่อกับแม่ว่า ถ้านี่เป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ท่านทิ้งไว้ให้เธอ ขอให้มีอะไรออกมาด้วยเถิด สิ่งที่ออกมาหลังจากที่เธอพูดจบก็เป็นโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่เธออยากได้ และพ่อกับแม่ให้เป็นของขวัญเธอในความฝันตอนนั้น พ่อกับแม่ไม่เคยทิ้งเธอเลย ท่านยังคอยช่วยเหลือเธอเสมอแก้มหอมจะใช้สิ่งนี้ เพื่อเอาตัวรอดในโลกใบนี้อย่างที่พ่อกับแม่อยากให้เธอเป็น เธอเช็ดน้ำตา เธอบอกกับตัวเองว่าเธอต้องเข้มแข็งได้แล้ว เธอหันไปมองทางบ้านของอี้เฉิง และหามุมที่ลับสายตา เธออยากสำรวจว่าโทรศัพท์เครื่องนี้มันทำอะไรได้บ้าง เธอแอบนั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่อยู่เกือบท้ายไร่ เธอยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู และลองเปิดเครื่องและตั้งรหัสผ่าน เธอเข้าไปในหน้าจอ ทุกอย่างเหมือนกับโทรศัพท์ปกติของโลกเดิมที่เธอจากมา มีหน้าดาวน์โหลด ให้โหลดเกม และยังมีเว็บสำหรับค้นหาสิ่งต่างๆ ทั่วโลกได้อีกด้วย นี่มันอะไรกัน แต่ที่เธอทำไม่ได้ก็คือ เธอไม่สามารถพิมพ์โต้ตอบกับคนอื่น ไม่สามารถโทรหาใครได้เธอสามารถดูชีวิตของคนอื่นได้ แค่ดูได้อย่างเดียว ทุกอย่างใช้งานได้ทุกแอปที่มีในโทรศัพท์ บัญชีบนโทรศัพท์ที่ใช้โหลดแอปของเธอขึ้นว่าผู้เล่นไร้ตัวตน เธอสำรวจโทรศัพท์อยู่ ก็มีแอปหนึ่งเด้งขึ้นมาบนหน้าจอของเธอ ชื่อแอปช็อปสินค้า เธอเปิดเข้าไปที่แอปนั้น ก็เป็นสินค้าต่างๆ ทั่วโลก เธอเห็นแบบนั้นก็ดีใจ เธอจะได้ซื้อของที่เธออยากได้ แต่สิ่งที่ใช้แทนเงินในการซื้อสินค้าในแอปนั้นก็คือแต้ม เธออ่านวิธีได้แต้ม แต้มที่ใช้ซื้อสินค้าได้จากไหน และต้องทำอย่างไรถึงจะได้แต้มมา กอด = 30 จูบ = 200 นอนกอดกัน = 50 มีอะไรกับคนรัก = 500 มีลูก = 10000 เสน่หาแบบอื่นๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมา จะได้แค่ 10 คะแนนเท่านั้น แต่ถ้าเป็นการสัมผัสทางกายภายนอกจะได้ 1- 100 แล้วแต่ความพอใจของคู่ของคุณ หรือคนที่เขามีใจให้คุณ หลังจากที่เธออ่านข้อความจบ เธอแทบล้มทั้งยืน แต้มนี้คือแต้มเสน่หา เธอจะได้แต้มจากคนที่มาชอบหรือมีใจให้เธอและแต้มจะขึ้นจากความพึงพอใจเหล่านั้น ‘นี่มันแต้มอะไรกัน!‘////เวลาผ่านไปหนึ่งปีที่เธออยู่เมืองหลวง ตอนนี้ลูกชายของเธอหัดเดินได้สองสามเดือนแล้ว เขาพูดเรียกแม่และพ่อได้เก่งขึ้น แต่ก็ยังพูดไม่ชัดเท่าไหร่นัก เขาซนเป็นอย่างมากในช่วงนี้ เดือนหน้าอี้เฉิงจะพาเธอไปไหว้หลุมศพพ่อกับแม่ของเขา และยังจะพาไปหาท่านลุงของเขาที่เป็นเจ้าสำนักเงาดารา อี้เฉิงได้เล่าให้เธอฟังว่า เขาได้สละตำแหน่งเจ้าสำนักให้ท่านลุงของเขาดูแลไปแล้ว เขาแค่ดูแลสำนักคุ้มภัยทั้งหมดเท่านั้น เขาอยากมีเวลาอยู่กับครอบครัวให้มากขึ้น เขาไม่อยากทำเรื่องที่มันเสี่ยงอันตรายมากเกินไปนักเวลาผ่านมาอีกหนึ่งเดือน อี้เฉิงก็พาเธอ และลูกรวมทั้งป้าลี่ซือเดินทางไปที่สำนักเงาดาราครั้งแรก เธอให้พี่ลี่หลินคอยช่วยงานหลีชางดูแลร้านค้าเครื่องหอมเหมยฮวาที่เมืองหลวง และมีบ่าวรับใช้อีกหลายคนที่เป็นงานแล้วคอยสลับกันไปช่วยอยู่บ่อยครั้ง ส่วนเรื่องการทำสินค้าเธอให้พี่ลี่หลินเป็นคนดูแลทั้งหมด เธอจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอจึงเดินทางไปที่อื่นได้อย่างสบายใจเดินทางอยู่สิบห้าวัน เธอก็มาถึงสำนักเงาดารา ท่านเจ้าสำนัก ซึ่งก็คือลุงของอี้เฉิงได้ออกมาต้อนรับพวกเธอ“อี้เฉิง หลานกลับมาแล้ว ลุงได้ข่าวมาว่าหลานได้ลูกชายใช่หรือ
“ข้าไม่ใช่คนที่โลกใบนี้หรอก ข้าเป็นคนที่อยู่ในโลกอนาคตที่แสนไกล ในอีกหลายร้อยปี ข้าเป็นคนที่มาจากประเทศอื่น ที่ไม่ใช่ประเทศจีนแห่งนี้ ที่นั่นข้าพูดอีกภาษาหนึ่ง ไม่ใช่ภาษาที่ข้าพูดอยู่ในตอนนี้ และที่นั้นข้าไม่มีครอบครัว ข้าอยู่ตัวคนเดียว จนวันหนึ่งข้าได้มาอยู่ในที่แห่งนี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง” “เหตุผลอะไรหรือ” เขาตั้งใจฟังที่เหมยฮวาพูดให้เขาฟัง เรื่องที่นางเล่าให้เขาฟังมันเป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก“ข้าโดนเพื่อนที่ข้าไว้ใจทำร้าย ข้าคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว แต่ข้าก็ได้โอกาสกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในที่แห่งนี้ ท่านว่าแปลกหรือไม่ เราอยู่คนละที่กันเลย แต่ก็มาพบเจอกันได้ ท่านอาจเป็นคู่ที่ท่านแม่และท่านพ่อของข้า เลือกให้ข้าก็ได้” “ท่านแม่ของเจ้าอาจจะเห็นความดีของข้าก็ได้” “แต่ข้ารู้มาว่า สำนักของท่านเป็นนักฆ่าไม่ใช่หรือ ท่านก็ไม่น่าจะใช่คนดีเท่าไหร่นัก” “แต่ตอนที่เจ้าเจอข้า ข้าเป็นแค่พรานป่าตัวน้อยๆ เท่านั้น” “อี้เฉิง ท่านเข้าใจผิดแล้ว ท่านตัวใหญ่กว่าหมีเสียอีก” เธอขำคำพูดของเขาที่บอกว่าตัวของเขาเล็ก ตอนเจอเขาครั้งแรก เขาน่ากลัวมาก เธอนึกว่าเขาเป็นโจรป่าเสียอีก“ข้าตัวน้อยเสมอเมื่ออยู่กับ
ตอนนี้ลูกชายของเธออายุได้หนึ่งเดือนแล้ว แผลที่เกิดจากการคลอดลูกก็ดีขึ้นมากแล้ว เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอฟื้นฟูกับมาเกือบเป็นปกติแล้ว เธอนั่งเล่นกับลูกน้อยของเธอ ในตอนที่ทุกคนไม่อยู่กับเธอ เธอก็จะเอากล้องที่ใช้แต้มซื้อมาถ่ายรูปเธอและลูกชายของเธอ เธอต้องขอบคุณคุณยายท่านนั้นที่ช่วยให้เธอกลับมาคลอดลูกของเธอได้ ถ้าไม่มีคุณยายในวันนั้น เธอและลูกน้อยก็คงเสียชีวิตไปแล้วลูกชายของเธอที่กินนมจากเต้าของเธอก็แข็งแรงมากขึ้นทุกวัน ตัวเขาอ้วนนัก ใครเห็นก็อยากกอด และเอ็นดูเด็กน้อยคนนี้ อี้เฉิงอยากให้เธอไปกราบไหว้หลุมศพพ่อ และแม่ของเขา เธอคิดว่าก็ดีเหมือนกัน ฮุ่ยหมิ่งจะได้พบ และกราบไหว้หลุมศพคุณตาคุณยาย ให้พวกท่านทั้งสองคุ้มครองครอบครัวของเธอ“เจ้าทำอะไรกันหรือ” อี้เฉิงเดินเข้ามาในห้องเห็นเหมยฮวานั่งเล่นอยู่กับลูกชาย“ข้าก็กำลังเล่นกับลูกอยู่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ทำงานเหนื่อยหรือไม่” ตั้งแต่เขากลับมา เธอก็แทบไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะเขาจะเป็นคนดูแลครอบครัวทั้งหมด เขาไม่อยากให้เธอไปลำบาก มีบางครั้งที่เธอเข้าไปดูร้านและออกสินค้าใหม่ๆ ออกมาบ้าง“ข้าจะเหนื่อยได้อย่างไร ข้าก็แค่เข้าไปดูบัญชีเท่านั้น” เขา
“ทุกคนปลอดภัยแล้วเจ้าคะ ทั้งเด็กและก็แม่เด็ก” หมอทำคลอดตบก้นเด็กทารกที่เพิ่งคลอดออกมา จนมีเสียงร้องออกมา“เป็นเด็กผู้ชายเจ้าคะ ร่างกายแข็งแรงดีทั้งแม่และลูก” หมอทำคลอดพูดบอกกับคนที่รอฟังข่าวอยู่หน้าห้องเหมยฮวาหลังจากที่ได้ยินเสียงร้องของลูกเธอแล้ว เธอก็หลับลงไปอีกครั้ง ด้วยความเหนื่อยล้าที่เกิดจากการคลอดลูก“เจ้าไปตามหมอมาดูภรรยาของข้า นางหลับไปอีกแล้ว นางจะเป็นอะไรหรือไม่” อี้เฉิงที่อยู่ข้างเหมยฮวาตลอด เขาเห็นว่านางตื่นขึ้นมาและหลับลงไปอีกครั้งหมอทำคลอดที่อยู่ใกล้ ก็จับชีพจรของนายหญิง เธอเห็นว่าปกติดี“นายหญิงเพียงแค่หลับไปเพราะความเหนื่อยล้าจากร่างกายเท่านั้นเจ้าคะ ตอนนี้นายหญิงปลอดภัยแล้ว” เธอบอกอาการของนายหญิงให้นายท่านได้ฟัง เพื่อคลายความเป็นกังวลอี้เฉิงหลังจากที่รับรู้ว่าภรรยาของเขาปลอดภัยแล้ว เขาก็ให้คนเข้ามาเอาผ้าเช็ดตามเนื้อตัวของเหมยฮวา เหมยฮวาไม่ชอบให้ร่างกายตัวเองสกปรกเท่าไหร่นัก หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว เขาก็อุ้มนางไปอีกห้อง เพื่อรอให้นางตื่น และทำการอยู่ไฟหลังคลอดหนึ่งเดือน“นายท่านอยากดูนายน้อยหน่อยไหมเจ้าคะ หน้าตาของเขาเหมือนนายหญิงยิ่งนัก” อี้เฉิงได้ยินแ
ลูกชายคงจะโมโหเขา ที่เขารังแกแม่ของเขาไปเสียนาน เขาใส่เสื้อผ้าให้เหมยฮวาและหอมแก้มของนาง และลูกน้อยที่อยู่ในท้อง เขานอนกอดเหมยฮวา และหลับไปพร้อมกันตอนสายของอีกวัน เหมยฮวาตื่นเช้าขึ้นมาก็ไม่เห็นคนที่นอนอยู่ด้านข้างเธอเสียแล้ว เธอรู้สึกปวดเมื่อยร่างกาย และหิวมาก เธอจึงค่อยๆ ลุก และเดินออกมาด้านนอกห้องนอน“นายหญิงตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ข้ากำลังเตรียมเอาอาหารไปให้ท่านอยู่พอดี” ลี่หลินที่วันนี้ไม่ได้ไปที่ร้านเครื่องหอมถามนายหญิงที่เดินออกมาจากห้องนอนพอดี“พี่ลี่หลินเองหรือ ท่านไม่ได้ไปร้านเครื่องหอม” “วันนี้ข้าไม่ได้ไปเจ้าคะ เป็นบ่าวอีกคนหนึ่งไปแทนข้า นายหญิงหิวหรือไม่ ท่านตื่นสายเช่นนี้ต้องหิวเป็นแน่ ข้าทำอาหารไว้รอท่านตั้งหลายอย่าง” “ท่านช่างรู้ใจข้าเสียจริง ข้ากำลังหิวอยู่พอดี ข้าขอไปล้างหน้า อาบน้ำเสียหน่อย ข้าจะออกไปกินอาหาร” เธอบอกพี่ลี่หลินเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาในห้องนอน เพื่ออาบน้ำล้างหน้า เธอถอดเสื้อผ้าก็เห็นรอยแดงที่อี้เฉิงทำไว้เมื่อคืนนี้ เขานี่ไปอดอยากมาจากที่ไหนกัน แต่เธอยอมมีอะไรกับเขา ก็ดีกว่าให้เขาไปหาสาวอื่นมาปลดปล่อย ดีที่อี้เฉิงตั้งแต่เกิดเรื่องนั้นก็ไม่เคยเห็นเขาชายต
ช่วงนี้เธอใช้ชีวิตอยู่แต่บ้าน ไม่ค่อยได้ออกไปไหนมากนัก แต่ละวันที่ผ่านไปเธอไม่กินก็จะนอน จนเธอจะอ้วนเป็นหมูแล้ว ตั้งแต่ที่เธอท้องก็ทำให้ร่างกายของเธอขยายมากขึ้นไปอีก จากตอนแรกที่เธอผอม ตอนนี้เธอมีน้ำมีนวล เปล่งปลั่งเหมือนสาวน้อยแรกรุ่น ที่จริงเธอก็เพิ่งอายุสิบเก้าเท่านั้น ก็ยังไม่ได้แก่เท่าไหร่นัก แต่คนยุคนี้จะแต่งงานกันตั้งแต่อายุสิบห้ากันแล้ว เกินสิบหกก็จะหาคู่ยาก ไม่เหมือนโลกเก่าของเธอ อายุสิบห้าถือว่ายังเด็กนัก แต่งตอนอายุยี่สิบห้าก็ยังไม่แก่เลยด้วยซ้ำ เธอนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เธอเพิ่งกินข้าวเสร็จ และเดินวนรอบบ้านไปหนึ่งรอบ โดยอยู่ภายในสายตาของบ่าวรับใช้ที่อยู่ภายในบ้าน และตอนนี้บริเวณรอบบ้าน อี้เฉิงก็ให้คนที่สำนักคุ้มภัยมาคอยเฝ้าที่หน้าร้านและหน้าประตูบ้านอยู่หลายคนเธอเดินจนเหนื่อยแล้ว เธอก็เข้ามาในห้องและนอนหลับไป ตอนที่เธอหลับอยู่เธอรู้สึกว่ามีใครมาจับหน้าอกของเธอ เธอจึงลืมตาตื่นขึ้นก้มลงไปมองตรงหน้าอกของเธอ ก็เห็นว่าเป็นอี้เฉิงนั่นเอง“ท่านทำอะไรอยู่ ใยท่านถึงได้มากวนข้า” เธอถามเขาหลังจากเห็นเขาเอาหน้ามุดเข้ามาในเสื้อของเธอ เพื่อดูดดึงยอดอกที่ขยายใหญ่ขึ้นมาก“ข้าทำเจ้า