Episode 04 ธีลินเธออย่าเลิ่กลั่ก
"นายกำลังออกกำลังกายอยู่ครับ คุณธีลินไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการใช้ชีวิตประจำวันของนายภายในบ้านหรอกครับ นายสามารถใช้ลิฟต์ขึ้นลงระหว่างชั้นบนกับชั้นล่างได้เอง และก็ใช้ไม้นำทางช่วยในการเดินจนชินแล้วครับ ผมอยากให้ระวังพวกเรื่องห้องน้ำมากกว่าถ้าพื้นลื่นอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุที่เหนือการควบคุมได้"
"รับทราบแล้วค่ะ ฉันจะพยายามระวังให้ค่ะ" ธีลินตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทว่าภายในใจกลับบอกตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่าอย่าเลิ่กลั่กเด็ดขาด
ธีลินส่งยิ้มให้กายที่เดินจากไปด้วยความโล่งใจ เธอมองดูประตูห้องออกกำลังกายที่มีอาคิราอยู่ด้านในด้วยความชั่งใจ จากที่ตอนแรกคิดว่าการไม่อยากรู้อยากเห็นไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ถ้าหากเขาเป็นคนดุร้ายถึงขั้นฆ่าคนได้เธอจะไม่ตายก่อนได้ใช้เงินจริงๆ ใช่ไหม
หลังจากยืนคิดไม่ตกอยู่ครู่หนึ่งธีลินก็ตัดสินใจเปิดประตูห้องออกกำลังกายเข้าไปเพื่อทำหน้าที่สาวใช้ของเธอด้วยสภาพจิตใจที่ไม่ค่อยพร้อมทำงานเท่าไหร่นัก
"สวัสดีค่ะนายน้อย" ธีลินทักทายอาคิราให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้
เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่ตั้งใจยกดัมบ์เบลจนกล้ามแขนขึ้นเป็นมัดๆ เธอแอบยกมือขึ้นปิดปากไม่ให้ส่งเสียงกรีดร้องให้กับความเซ็กซี่ตรงหน้า โชคดีที่เขามองไม่เห็นไม่งั้นคงเห็นสีหน้าเธอตอนเมากล้ามจนลืมเรื่องก่อนหน้าไปเสียสิ้นเชิง พอนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองไปได้ยินอะไรมาก็รีบตั้งสติทันที
"ฉันช่วยยกไปเก็บให้ไหมคะ" ธีลินเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นอาคิรากำลังวางดัมบ์เบลลงบนพื้น "เอ๊อะ!" คนตัวเล็กเผลออุทานออกมาเสียงหลงเมื่อรับดัมบ์เบลลูกละหลายกิโลขึ้นมายกไปเก็บที่
เธอแอบเบะปากคว่ำด้วยความหมั่นไส้ที่อีกฝ่ายแอบคลี่ยิ้มหัวเราะเยาะเธอ
"นายน้อยจะทานมื้อเช้าเลยไหมคะ หรือว่าจะไปอาบน้ำก่อน"
"อาบน้ำก่อน"
"ได้ค่ะ" ธีลินมองมือหนาที่ยื่นออกมาด้วยความงุนงง เธอเดินไปหยิบไม้นำทางมาส่งให้เขาเพราะคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่เขาต้องการ
"มือเธอ"
"มือฉัน?" คนตัวเล็กขมวดหัวคิ้วสวยเข้าหากันพลางยื่นมือตัวเองไปวางลงบนมือเขาด้วยความสงสัยว่าเขาอยากได้มือเธอไปทำไม "อ๊ะ!" คนตัวเล็กร้องอุทานออกมาเสียงแหลมเมื่อถูกอีกฝ่ายออกแรงดึงจนเธอเสียหลักไปชนกับแผงอกแกร่งของเขา
ไรขนอ่อนตามร่างกายขนลุกชันขึ้นโดยพร้อมเพรียงเมื่ออีกฝ่ายโน้มลงมาสูดดมซอกคอของเธอโดยไม่บอกไม่กล่าว
"ทะ…ทำอะไรคะ" ธีลินพยายามดึงมือออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย แต่เขากลับออกแรงจับเอาไว้แน่นจนเธอไม่สามารถขัดขืนเรี่ยวแรงของเขาได้
"แค่เช็กดูว่าเธอฉีดน้ำหอมมาตามที่สั่งรึเปล่า"
"ระ…เรื่องนั้นบอกกันดีๆ ก็ได้ค่ะ ทำแบบนี้ฉันตกใจหมดเลย" ธีลินตอบกลับด้วยน้ำเสียงประหม่าเล็กน้อย พลางเหลือบมองสีหน้าราบเรียบไม่สะทกสะท้านของอีกฝ่ายด้วยความไม่ไว้ใจ ถึงแม้จะมองไม่เห็นแต่เธอเริ่มรู้สึกว่าสัมผัสอื่นๆ ของเขาชักจะเริ่มอันตรายขึ้นทุกที
"ไม่ยักรู้ว่าเธอเป็นคนขวัญอ่อน"
"ใครเจอแบบนี้ก็ตกใจทั้งนั้นแหละค่ะ" ธีลินแสร้งตอบติดตลกถึงแม้เธอจะไม่รู้สึกตลกด้วยเลยก็ตาม อีกทั้งยังพยายามดึงมือออกอยู่ตลอดแต่ก็ไม่สำเร็จ "ปล่อยมือฉันก่อนได้ไหมคะ"
"ทำไม?"
"แล้วจับไว้ทำไมคะ" เป็นครั้งแรกที่ธีลินย้อนถามชายหนุ่มกลับไปตรงๆ
"พาฉันไปอาบน้ำ"
"อ๋อ…ได้ค่ะ" ธีลินขยับตัวเข้ามาประคองร่างหนาเอาไว้แล้วพาเขาเดินกลับขึ้นไปบนห้องด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยเหมือนเดิมเท่าไหร่นัก
ธีลินจัดการเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้เรียบร้อยเพื่อให้เขาสะดวกต่อการใช้ห้องน้ำ พลางแอบสังเกตห้องนอนของเขาไปด้วยระหว่างที่ยืนรออยู่ข้างนอกเนื่องจากก่อนหน้านี้เธอไม่ได้สนใจอะไร เพราะไม่ได้ตั้งใจไปอยากรู้เรื่องอะไรของเขาอยู่แล้ว แต่สถานการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นกลับไปกระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นของเธออยู่เรื่อย แต่นั่นก็เพื่อประเมินสถานการณ์การอยู่รอดของตัวเองให้ปลอดภัยด้วยหากเขาเป็นบุคคลอันตรายขึ้นมาจริงๆ
"ธีลิน"
"คะนายน้อย?" ร่างบางสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงเรียกดังมาจากห้องน้ำ
"เข้ามาข้างในหน่อย"
ธีลินเปิดประตูเข้าไปตามเสียงเรียก เผื่อว่าเขามีอะไรให้เธอช่วยเหลือ
"ถูหลังให้ฉันหน่อย" คำสั่งเสียงเรียบจากปากมาเฟียหนุ่มทำเอาสาวใช้มือใหม่อย่างธีลินชะงักไปครู่หนึ่ง แต่คิดซะว่านี่เป็นเพียงหนึ่งในหน้าที่ดูแลคนพิการก็เท่านั้นเขาอาจจะทำเองไม่สะดวกจึงได้ยอมทำตามคำสั่งของเขา
"ขออนุญาตนะคะ" ธีลินบอกก่อนจะค่อยๆ ใช้ฟองน้ำถูหลังให้มาเฟียหนุ่มด้วยหัวใจที่เต้นแรง ถึงเธอจะไม่ใช่สาวน้อยวัยใสอะไรแต่ก็ไม่เคยได้ใกล้ชิดกับผู้ชายขนาดนี้มาก่อน
เสียงสายน้ำที่ไหลวนอยู่ภายในอ่างดังสลับกับเสียงหัวใจที่เต้นแรงของหญิงสาว ก่อนที่หัวใจจะเกือบหยุดเต้นเมื่อได้ยินคำถามที่โพล่งขึ้นมาของชายหนุ่ม
"วันนี้ได้ยินอะไรมา"
มือเรียวที่กำลังถูหลังให้เขาหยุดชะงักด้วยความตกใจ สติเริ่มแตกกระเจิงด้วยความหวาดกลัว และประหม่าในคราเดียวกัน
"ได้ยินอะไรเหรอคะ?" ธีลินแสร้งตีหน้าซื่อไม่รู้ไม่เห็น เพราะเธอเชื่อว่าอย่างน้อยการที่ไม่ต้องรับรู้อะไรก็คงจะดีกว่า
"เธอไม่ได้ยินอะไรเลยเหรอเมื่อเช้านี้"
"…ไม่ค่ะ นายน้อยหมายถึงอะไรเหรอคะ"
"ก็เรื่องที่ฉันสั่งให้คนไปกำจัดศพ เธอไม่ได้ยินจริงๆ เหรอ?"
"…"
บทส่งท้ายสิ่งแรกที่คาร์ลินทำหลังจากกลับมาจากอิตาลีคือการตรงไปหาเฟลิกซ์ ซึ่งแน่นอนว่าเธอได้ขออนุญาตเจโรมก่อนมาแล้ว และเขาเองก็นั่งรอเธออยู่ที่ด้านนอก“ขอบคุณที่ยังอุตส่าห์มาหากันนะ” เฟลิกซ์ทักทายร่างบางที่เดินเข้ามาหาเขาภายในห้องทำงานที่กาสิโนพร้อมแหวนเพชรเม็ดโตบนนิ้วนางข้างซ้าย“ฉันก็ต้องมาหาอยู่แล้วสิ”“ตอบตกลงไปแล้วฉันจะมีค่าอะไรอีก”“ขี้น้อยใจจัง เดี๋ยวหาสวยๆ ให้เอาไหม”“ถ้าแค่เป็นผู้หญิงสวยๆ ก็พอ ฉันหาใครก็ได้ไม่จำเป็นต้องรอลินมานานขนาดนี้หรอก”“เพราะรู้ว่านายรอวันนี้ถึงได้ตั้งใจมาบอกไม่ให้รอไง คนดีๆ แบบนายสมควรได้เจอคนดีๆ นะ ฉันไม่เหมาะสมกับนายหรอก” คาร์ลินพยายามปลอบโยนเฟลิกซ์เพื่อรักษามิตรภาพระหว่างเธอกับเขาเอาไว้"ทำไมถึงเป็นมัน ทำไมไม่เป็นฉัน ลินรับปากฉันแล้วนี่ว่าจะหย่ากับมัน”“เพราะไม่อยากผิดคำพูดที่รับปากไว้ฉันเลยหย่ากับเขาแล้ว” คาร์ลินบอกพร้อมกับหยิบเอกสารการหย่าออกมาจากกระเป๋าให้เฟลิกซ์ดู
Episode 36 สัญญาตายและดูเหมือนว่าทั้งสองคนเองก็รู้ตัวเหมือนกันว่าคาร์ลินกำลังรอคำตอบจากพวกเขาทั้งสองคน ถึงได้เอ่ยปากพูดขัดจังหวะขึ้นมา“มองหน้าป๊ะป๋าเหมือนจะมีคำถามนะ”“เราสองคนพ่อลูกแค่มองตาก็รู้ใจแล้วไม่ใช่เหรอคะ งั้นก็ตอบมาเลยสิคะไม่เห็นต้องรอให้ถามเลย” คาร์ลินบอกกับอาคิรา“แค่อยากมาอยู่ในทุกช่วงชีวิตของลูกน่ะ”“แล้วป๊ะป๋าไม่มีความคิดเห็นเรื่องเจโรมกับหนูหน่อยเหรอคะ”“โตแล้วตัดสินใจเองสิ ถึงจะหวงมากแต่ก็ทำได้แค่คอยปกป้องอยู่ห่างๆ เพราะตอนนี้ลูกสาวพ่อโตแล้ว”“ทำไมไม่บอกเจ๊ไปด้วยว่าพ่อให้พี่สาวเขา กับเขาเซ็นสัญญายินยอมตายหากทำให้เจ๊เสียใจ” อาคินพูดแทรกขึ้นพร้อมกับชูสัญญาที่พึ่งเซ็นมาหมาดๆ ในมือ“ว่าไงนะ!”“อย่างโหด/โหดฉิบหายเลย” ไม่ใช่แค่คาร์ลินที่ส่งเสียงร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ แต่ทั้งเม็ดฝุ่น และเซเวียร์ซึ่งไม่คุ้นชินกับวงการมืดของเหล่ามาเฟียต่างก็พากันตกใจไปตามๆ กันอาคินเองก็ช่วยให้ทั้งสองคนได้เห็นอะไรแปลกใหม่โดยการหยิบสัญญาส่งให้เม็ดฝุ่นกับเซเวียร์ดู“สีแดงๆ ที่ใช้ประทับรอยนิ้วมือนี่อย่าบอกนะว่า...”“เลือด” คำตอบจากน้ำเสียงทุ้มของอาคินทำเอาเม็ดฝุ่นตัวหดเหลือเพียงคืบเท่านั้น
Episode 35 เซอร์ไพรส์เป็นอีกหนึ่งในหลายครั้งที่เธอมักจะมองลึกไปในดวงตาของเขาเพื่อรอคำตอบที่มันสะท้อนออกมาเพื่อยืนยันคำตอบของเขาว่าจริงเท็จมากแค่ไหน“พูดไปเธอก็คงจะไม่เชื่อ”“ก็พูดมาก่อนสิ เพราะฉันอยากฟังไม่ว่าคำตอบมันจะจริง หรือเป็นแค่เรื่องโกหกก็ตาม”“ฉัน...”“คุณลูกค้ามีอะไรให้ช่วยไหมคะ” คาร์ลินกลอกตาขึ้นบนด้วยความหงุดหงิดที่ถูกพนักงานส่งเสียงขัดจังหวะเสียก่อนเธอรีบจัดการเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะเดินนำเจโรมออกไป เธอยืนสบตากับพนักงานที่รบกวนช่วงเวลาสำคัญเธอครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร เพียงเดินถือชุดที่ลองไปวางลงบนเคาน์เตอร์คิดเงิน เจโรมเดินตามออกมาจัดการเรื่องค่าใช้จ่าย พร้อมกับจัดแจงนำของไปส่งยังโรงแรมที่เขาจองเอาไว้“ไม่ฟังฉันตอบก่อนเหรอ”“ไม่มีอารมณ์จะฟังแล้ว”“งั้นอยากฟังเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน” เขาบอกพร้อมกับบีบแก้มนุ่มนิ่มด้วยความมันเขี้ยว “ไปหาข้าวกินกันไหม หรือจะกลับไปกินที่โรงแรม”“ไปกินที่โรงแรมดีกว่าเหนื่อยแล้ว”“ยืนเฉยๆ ก็เหนื่อยด้วยเหรอ”คาร์ลินหันมามองอีกฝ่ายด้วยความหมั่นไส้ เธอดึงแขนเขามาคล้องเอาไว้ ก่อนจะพากันเดินกลับไปที่รถเพื่อกลับยังโรงแรมหลังจากเข้าพักท
Episode 34 รื้อฟื้นความหลังสายตาหวานเยิ้มมองการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มผ่านกระจกสะท้อนตรงหน้าด้วยความรู้สึกเสียวซ่าน เมื่ออีกฝ่ายเลื่อนมือลงลูบไล้เนินสามเหลี่ยมอวบนูนไปมาจนเปียกชุ่มไปด้วยน้ำหวานที่ถูกกระตุ้นออกมา“ไหนว่าไม่ให้จับ” อีกฝ่ายเอ่ยแซวย้อนคำพูดของหญิงสาวที่เคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้“ก็ตอนนั้นยังไม่อยากนี่” คนตัวเล็กตอบตาใส ไม่ได้รู้สึกกระดากอายที่ถูกยอกย้อนเลยแม้แต่น้อย“หืม อยากอะไร” เจโรมแกล้งเอ่ยถามทั้งที่ตัวเขาเองก็รู้คำตอบอยู่แล้ว หนำซ้ำยังยิ่งกลั่นแกล้งเธอด้วยการดันเอาปลายนิ้วเรียวยาวเข้าไปทักทายปากช่องทางรักเปียกชื้นของคนตัวเล็กจนร่างบางบิดเกร็งไปมาใบหน้าหวานเหยเกไปตามสัญชาตญาณ ยิ่งเธอตอบช้ามากเท่าไหร่ปลายนิ้วร้ายก็ยิ่งดันเข้าไปลึกมากขึ้นเท่านั้น“ตกลงอยากอะไรไม่เห็นพูด” ยิ่งคนตัวเล็กพยายามกลั้นเสียงครางกระเส่าเอาไว้ อีกฝ่ายก็ยิ่งกระตุ้นแกล้งให้เธอเปล่งเสียงออกมา“อะ...อยากได้”“อยากได้อะไร”“อยากได้แรงๆ ได้ไหม” ประโยคคำตอบกลับที่เต็มไปด้วยความออดอ้อน และมารยาของคนตัวเล็กทำเอาเจโรมอดที่จะเอ็นดูตอบสนองต่อคำขอของเธอไม่ได้“งั้นก็ต้องเก็บเสียงดีๆ นะ” เขาโน้มมากระซิบข้างเรือ
Episode 33 ฮันนีมูนคาร์ลินมองปลายทางที่เครื่องลงจอดยังประเทศอิตาลีด้วยความประหลาดใจ ไม่คิดว่าเขาจะพาเธอมาไกลถึงขนาดนี้ ที่สำคัญเธอยังไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยต่างหาก“กระเป๋าฉันล่ะ” คนตัวเล็กเอ่ยถามหากระเป๋าสะพายคู่ใจที่มีของสำคัญของเธออยู่ในนั้นหลายอย่างทั้งเอกสาร โทรศัพท์ และบัตรเครดิตต่างๆ“เก็บเอาไว้ให้แล้ว เราจะไม่ใช้โทรศัพท์กันตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่”“แล้วทำไมฉันต้องอยู่ที่นี่ ตกลงลักพาตัวฉันมาทำไม” คนตัวเล็กกระแนะกระแหนอย่างไม่เกรงกลัวสถานการณ์ในตอนนี้เลย“แค่จะพาเมียมาฮันนีมูนนี่เรียกลักพาตัวเลยเหรอ ไม่ดูรุนแรงเกินไปหน่อยรึไง” เจโรมแสร้งตีหน้าเศร้าราวกับตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำถูกกล่าวหาให้ความเท็จ“ฮันนีมูน?”“ใช่ เราจะมาฮันนีมูนกันที่นี่ ที่นี่จะมีแค่เราสองคน”คำตอบที่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนจากริมฝีปากหยักได้รูปทำเอาคาร์ลินชะงักไปครู่หนึ่ง หัวใจดวงน้อยเผลอเต้นผิดจังหวะเพียงแค่ปล่อยใจจินตนาการภาพเธอกับเขาฮันนีมูนด้วยกันในหัว“เราจะเริ่มจากการไปช็อปปิงกันก่อน เพราะเธอไม่ได้เอาอะไรมาเลย ดีไหม?”“คุณจ่าย?”“แน่นอนสิ ฉันต้องเป็นคนจ่ายอยู่แล้ว แล้วฉันก็จะตามใจเธอทุกอย่างด้วย”
Episode 32 ลักพาตัวหน้าตาที่โดดเด่นบวกกับการแต่งตัวที่เน้นเรือนร่างที่สมส่วนตามมาตรฐานทำให้แม้จะนั่งดื่มอยู่เฉยๆ แต่ก็มีผู้ชายมากมายให้ความสนใจอยากเข้ามาทำความรู้จักกับเธอ“สวัสดีครับมาคนเดียวเหรอ”คาร์ลินเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงที่โน้มใบหน้าหล่อเหลาลงมากระซิบข้างหูเธอท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังแข่ง เธอไม่ได้ตอบคำถามของเขาแต่ยกแก้วตัวเองขึ้นจิบแทนทำราวกับเขาเป็นเพียงอากาศธาตุสำหรับเธอ ยิ่งเห็นหน้าเขาเธอก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด เพราะสีผมบลอนด์ทองของเขามันทำให้เธอนึกถึงใครบางคนที่เธอกำลังบ่นถึงเมื่อครู่“ผมชื่อ...”“ฉันไม่ได้อยากรู้จัก” คาร์ลินถอนหายใจออกมาด้วยความรำคาญ ก่อนจะพูดดักอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์“ดูเหมือนคุณจะอารมณ์ไม่ค่อยดีนะ”“เพราะเห็นหน้าคุณไงเลยอารมณ์ไม่ค่อยดี” คำตอบที่ไร้ซึ่งมิตรภาพสำหรับคนแปลกหน้า ทำให้อีกฝ่ายเองก็รู้สึกไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก แต่โชคดีที่มีคนเข้ามาช่วยห้ามไม่ให้เรื่องบานปลายเอาไว้เสียก่อน“เขาไม่อยากคุยด้วยก็รีบไสหัวไปดีกว่า” น้ำเสียงคุ้นเคยที่ดังแทรกขึ้นทำให้มือที่กำลังจะกระดกแก้วเครื่องดื่มเข้าปากชะงักไป เธอมองเจ้าของมือที่นั่งลงโอบเอวเธอเอาไว้ด้วยสายตาราบ