ความโชคร้ายภายใต้ความโชคดี เมื่อธีลินนักศึกษาสาวจบใหม่ได้รับงานเป็นแม่บ้านคนรวยที่ให้เงินเดือนสูงพอที่จะเปลี่ยนชีวิตเธอได้ ที่สำคัญระยะเวลาในการทำงานตามสัญญาก็เป็นระยะเวลาสั้นๆ สามเดือนเท่านั้น เพียงแค่เธออดทนให้ผ่านสามเดือนนี้ไปได้ชีวิตของเธอก็จะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ....ทว่าเรื่องราวกลับไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เมื่อเธอมารู้ที่หลังว่าแท้จริงแล้วเจ้านายของเธอดันเป็นมาเฟีย! ที่สำคัญยังเป็นมาเฟียตาบอดที่มือเร็วยิ่งกว่าปากเสียอีก!! แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไป ควรใจดีสู้เสือทำงานจนครบสัญญาเพื่อเงิน หรือ รีบเผ่นหนีก่อนจะหายตัวไปเหมือนแม่บ้านคนอื่นๆ?
Lihat lebih banyakIntro
ภายใต้แก๊งมาเฟียมหาอำนาจใครจะไปรู้ว่าหัวหน้าผู้ปกครองแก๊งจะเป็นเพียงชายตาบอดคนหนึ่งเท่านั้น อาคิรา หรือคราม หัวหน้าแก๊งมาเฟียที่ประสบอุบัติเหตุจนทำให้สูญเสียการมองเห็นไปเมื่อสามปีก่อน ระหว่างรอการเปลี่ยนถ่ายกระจกตาเพื่อจะได้กลับมามองเห็นอีกครั้ง ทำให้เขาต้องวางตัวให้น่าเกรงขามอยู่ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ศัตรูฉวยโอกาสนี้เข้ามาแย่งชิงอำนาจการปกครองของเขา
ซึ่งอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้เขาก็จะได้รับการเปลี่ยนถ่ายกระจกตาที่มีคนบริจาคเอาไว้ให้ แต่ระหว่างนี้เขายังต้องการผู้ช่วยในการดูแลเรื่องชีวิตประจำวันต่างๆ ทว่าตลอดสามปีมานี้เขาเปลี่ยนสาวใช้ส่วนตัวไปไม่รู้กี่คนต่อกี่คนแล้ว ไม่ว่าคนที่เข้ามาสมัครจะมีประสบการณ์ดีขนาดไหนก็ไม่เคยถูกใจเขาเลยสักคน ที่ทำงานได้นานที่สุดก็คงจะราวๆ สองเดือนแล้วก็ชิงลาออกไป หรือบางคนสอดรู้สอดเห็นมากเกินไปก็อาจจะไม่ได้กลับออกไปอีกเลย…
ประวัติสาวใช้ที่ลาออกติดต่อกันในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาทำให้ตอนนี้ไม่มีใครกล้ามาสมัครทำงานเป็นสาวใช้ของเขาถึงแม้จำนวนเงินที่จ้างจะสูงมากกว่าการทำงานที่อื่นหลายเท่าตัวก็ตามที
แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีแฝงเอาไว้เมื่อ ธีลิน นักศึกษาสาวที่พึ่งเรียนจบมาหมาดๆ ตั้งใจมาสมัครงานนี้เพื่อหาเงินก้อนไปลงทุนทำธุรกิจของตัวเอง ถึงแม้เพื่อนๆ ของเธอจะเตือนถึงประวัติแปลกๆ หลายอย่างเกี่ยวกับที่นี่ แต่คนขี้งกอย่างเธอพอเห็นเงินค่าจ้างก็ใจฮึดสู้จนไม่สนคำเตือนใดๆ ของคนรอบข้าง
"ผมกำลังจะพาไปพบนายน้อย จำกฎที่ผมแจ้งไปได้หมดแล้วใช่ไหม?" เกวิน มือขวาคนสนิทที่ตอนนี้ทำหน้าที่เป็นดวงตาทั้งสองข้างแทนเจ้านายอย่างครามด้วยความภักดีบอกกับธีลินที่พึ่งเข้ามาเริ่มงานเป็นวันแรก และเธอจะต้องนอนค้างคืนที่นี่ตลอดระยะเวลาการทำงาน
"ค่ะ ห้ามออกจากห้องหลังห้าทุ่ม ได้ยินเสียงอะไรก็ห้ามออกมา ห้ามลงไปห้องใต้ดิน ห้ามเข้าห้องทำงานคุณครามโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนห้องนอนถ้าไม่มีธุระห้ามเข้าสุ่มสี่สุ่มห้าเหมือนกัน แล้วก็ห้ามพูดอะไรที่ไม่จำเป็น ห้ามถามด้วยเช่นกัน"
"อืม กฎทุกข้อสำคัญมากถ้าทำผิดกฎข้อใดข้อหนึ่งสัญญาการว่าจ้างจะเป็นโมฆะทันที"
"เข้าใจแล้วค่ะ" ธีลินพยักหน้ารับคำ เธอรู้สึกว่ากฎพวกนี้ไม่ได้หนักหนาหรือยากเย็นจนทำไม่ได้ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีคนถูกไล่ออก ลาออก เป็นว่าเล่น
หน้าที่ของเธอนอกจากเตรียมเสื้อผ้า ช่วยดูแลเขาระหว่างอาบน้ำป้องกันไม่ให้เกิดอันตราย แล้วก็ดูแลของใช้ในห้องนอนให้อยู่เป็นระเบียบเหมือนเดิมตลอดเวลา เพื่อไม่ให้ครามเดินชนสิ่งกีดขวางเนื่องจากเขาจะใช้ความคุ้นเคยในการใช้ชีวิตประจำวันเป็นหลัก ส่วนเรื่องอาหารก็มีแม่ครัวทำไว้ให้ งานอื่นๆ ก็แล้วแต่ครามจะเรียกใช้
เธอเซ็นสัญญาทำงานเป็นสาวใช้ส่วนตัวเป็นระยะเวลาสามเดือน ถ้าเธอสามารถทนทำงานนี้ได้จนครบสามเดือนตามสัญญาเธอก็จะมีเงินก้อนไปเริ่มต้นทำธุรกิจเล็กๆ ที่เธอใฝ่ฝันเอาไว้ เธอ และครอบครัวจะได้หลุดพ้นจากความจนที่น่ากลัวเสียที
"นายน้อยกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้อง"
ธีลินที่กำลังจะอ้าปากถามว่าเขาอ่านหนังสือได้อย่างไรในเมื่อตาของเขามองไม่เห็น แต่ก็ตัดสินใจที่จะไม่ถามออกไป เพราะมันเป็นคำถามที่เธอไม่จำเป็นต้องรู้ถ้าถามมากไปเกรงว่าจะถูกไล่ออกตั้งแต่วันแรก แล้วเงินตั้งต้นในชีวิตของเธอก็จะหายไปในพริบตา
"นายครับผมพาสาวใช้คนใหม่มาพบครับ"
"สวัสดีค่ะ" ธีลินกล่าวทักทายชายหนุ่มที่นั่งใช้มือคลำอักษรเบรลล์ในการอ่านหนังสืออยู่ภายในห้องหนังสือด้วยน้ำเสียงประหม่าเล็กน้อย นั่นเป็นเพราะรูปร่างหน้าตาของเขาที่ดึงดูดเธอให้หลงเสน่ห์ในความหล่อของเขา ขนาดดวงตาที่มองไม่เห็นยังไม่สามารถลดทอนเสน่ห์ของเขาได้เลย
"ผมพาไปเรียนรู้งานมาแล้ววันนี้จะให้เริ่มอยู่เป็นเพื่อนนายวันแรกถ้ามีอะไรก็แจ้งผมได้เลยครับ"
"อืม" คำตอบรับสั้นๆ ที่ดูน่าเกรงขามโดยไม่ได้ใช้สายตา และพลังเสียงใดๆ ทำให้คนตัวเล็กอย่างธีลินขนลุกชันขึ้นมาทันที
"งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ"
ธีลินมองแผ่นหลังของกายที่เดินออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกประหม่า เนื่องจากกฎสำคัญในการทำงานคือห้ามพูดมาก เธอเลยไม่รู้ว่าตอนนี้ควรทำอะไรดี ครั้นจะให้พูดอะไรที่ไม่จำเป็นก็ไม่กล้าเอ่ยจึงทำได้เพียงแค่ยืนอยู่มุมห้องดูเขาใช้ปลายนิ้วเรียวยาวสัมผัสตัวอักษรเบรลล์ทีละตัวเงียบๆ รอให้เขาเป็นคนเรียกใช้
บทส่งท้ายสิ่งแรกที่คาร์ลินทำหลังจากกลับมาจากอิตาลีคือการตรงไปหาเฟลิกซ์ ซึ่งแน่นอนว่าเธอได้ขออนุญาตเจโรมก่อนมาแล้ว และเขาเองก็นั่งรอเธออยู่ที่ด้านนอก“ขอบคุณที่ยังอุตส่าห์มาหากันนะ” เฟลิกซ์ทักทายร่างบางที่เดินเข้ามาหาเขาภายในห้องทำงานที่กาสิโนพร้อมแหวนเพชรเม็ดโตบนนิ้วนางข้างซ้าย“ฉันก็ต้องมาหาอยู่แล้วสิ”“ตอบตกลงไปแล้วฉันจะมีค่าอะไรอีก”“ขี้น้อยใจจัง เดี๋ยวหาสวยๆ ให้เอาไหม”“ถ้าแค่เป็นผู้หญิงสวยๆ ก็พอ ฉันหาใครก็ได้ไม่จำเป็นต้องรอลินมานานขนาดนี้หรอก”“เพราะรู้ว่านายรอวันนี้ถึงได้ตั้งใจมาบอกไม่ให้รอไง คนดีๆ แบบนายสมควรได้เจอคนดีๆ นะ ฉันไม่เหมาะสมกับนายหรอก” คาร์ลินพยายามปลอบโยนเฟลิกซ์เพื่อรักษามิตรภาพระหว่างเธอกับเขาเอาไว้"ทำไมถึงเป็นมัน ทำไมไม่เป็นฉัน ลินรับปากฉันแล้วนี่ว่าจะหย่ากับมัน”“เพราะไม่อยากผิดคำพูดที่รับปากไว้ฉันเลยหย่ากับเขาแล้ว” คาร์ลินบอกพร้อมกับหยิบเอกสารการหย่าออกมาจากกระเป๋าให้เฟลิกซ์ดู
Episode 36 สัญญาตายและดูเหมือนว่าทั้งสองคนเองก็รู้ตัวเหมือนกันว่าคาร์ลินกำลังรอคำตอบจากพวกเขาทั้งสองคน ถึงได้เอ่ยปากพูดขัดจังหวะขึ้นมา“มองหน้าป๊ะป๋าเหมือนจะมีคำถามนะ”“เราสองคนพ่อลูกแค่มองตาก็รู้ใจแล้วไม่ใช่เหรอคะ งั้นก็ตอบมาเลยสิคะไม่เห็นต้องรอให้ถามเลย” คาร์ลินบอกกับอาคิรา“แค่อยากมาอยู่ในทุกช่วงชีวิตของลูกน่ะ”“แล้วป๊ะป๋าไม่มีความคิดเห็นเรื่องเจโรมกับหนูหน่อยเหรอคะ”“โตแล้วตัดสินใจเองสิ ถึงจะหวงมากแต่ก็ทำได้แค่คอยปกป้องอยู่ห่างๆ เพราะตอนนี้ลูกสาวพ่อโตแล้ว”“ทำไมไม่บอกเจ๊ไปด้วยว่าพ่อให้พี่สาวเขา กับเขาเซ็นสัญญายินยอมตายหากทำให้เจ๊เสียใจ” อาคินพูดแทรกขึ้นพร้อมกับชูสัญญาที่พึ่งเซ็นมาหมาดๆ ในมือ“ว่าไงนะ!”“อย่างโหด/โหดฉิบหายเลย” ไม่ใช่แค่คาร์ลินที่ส่งเสียงร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ แต่ทั้งเม็ดฝุ่น และเซเวียร์ซึ่งไม่คุ้นชินกับวงการมืดของเหล่ามาเฟียต่างก็พากันตกใจไปตามๆ กันอาคินเองก็ช่วยให้ทั้งสองคนได้เห็นอะไรแปลกใหม่โดยการหยิบสัญญาส่งให้เม็ดฝุ่นกับเซเวียร์ดู“สีแดงๆ ที่ใช้ประทับรอยนิ้วมือนี่อย่าบอกนะว่า...”“เลือด” คำตอบจากน้ำเสียงทุ้มของอาคินทำเอาเม็ดฝุ่นตัวหดเหลือเพียงคืบเท่านั้น
Episode 35 เซอร์ไพรส์เป็นอีกหนึ่งในหลายครั้งที่เธอมักจะมองลึกไปในดวงตาของเขาเพื่อรอคำตอบที่มันสะท้อนออกมาเพื่อยืนยันคำตอบของเขาว่าจริงเท็จมากแค่ไหน“พูดไปเธอก็คงจะไม่เชื่อ”“ก็พูดมาก่อนสิ เพราะฉันอยากฟังไม่ว่าคำตอบมันจะจริง หรือเป็นแค่เรื่องโกหกก็ตาม”“ฉัน...”“คุณลูกค้ามีอะไรให้ช่วยไหมคะ” คาร์ลินกลอกตาขึ้นบนด้วยความหงุดหงิดที่ถูกพนักงานส่งเสียงขัดจังหวะเสียก่อนเธอรีบจัดการเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะเดินนำเจโรมออกไป เธอยืนสบตากับพนักงานที่รบกวนช่วงเวลาสำคัญเธอครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร เพียงเดินถือชุดที่ลองไปวางลงบนเคาน์เตอร์คิดเงิน เจโรมเดินตามออกมาจัดการเรื่องค่าใช้จ่าย พร้อมกับจัดแจงนำของไปส่งยังโรงแรมที่เขาจองเอาไว้“ไม่ฟังฉันตอบก่อนเหรอ”“ไม่มีอารมณ์จะฟังแล้ว”“งั้นอยากฟังเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน” เขาบอกพร้อมกับบีบแก้มนุ่มนิ่มด้วยความมันเขี้ยว “ไปหาข้าวกินกันไหม หรือจะกลับไปกินที่โรงแรม”“ไปกินที่โรงแรมดีกว่าเหนื่อยแล้ว”“ยืนเฉยๆ ก็เหนื่อยด้วยเหรอ”คาร์ลินหันมามองอีกฝ่ายด้วยความหมั่นไส้ เธอดึงแขนเขามาคล้องเอาไว้ ก่อนจะพากันเดินกลับไปที่รถเพื่อกลับยังโรงแรมหลังจากเข้าพักท
Episode 34 รื้อฟื้นความหลังสายตาหวานเยิ้มมองการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มผ่านกระจกสะท้อนตรงหน้าด้วยความรู้สึกเสียวซ่าน เมื่ออีกฝ่ายเลื่อนมือลงลูบไล้เนินสามเหลี่ยมอวบนูนไปมาจนเปียกชุ่มไปด้วยน้ำหวานที่ถูกกระตุ้นออกมา“ไหนว่าไม่ให้จับ” อีกฝ่ายเอ่ยแซวย้อนคำพูดของหญิงสาวที่เคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้“ก็ตอนนั้นยังไม่อยากนี่” คนตัวเล็กตอบตาใส ไม่ได้รู้สึกกระดากอายที่ถูกยอกย้อนเลยแม้แต่น้อย“หืม อยากอะไร” เจโรมแกล้งเอ่ยถามทั้งที่ตัวเขาเองก็รู้คำตอบอยู่แล้ว หนำซ้ำยังยิ่งกลั่นแกล้งเธอด้วยการดันเอาปลายนิ้วเรียวยาวเข้าไปทักทายปากช่องทางรักเปียกชื้นของคนตัวเล็กจนร่างบางบิดเกร็งไปมาใบหน้าหวานเหยเกไปตามสัญชาตญาณ ยิ่งเธอตอบช้ามากเท่าไหร่ปลายนิ้วร้ายก็ยิ่งดันเข้าไปลึกมากขึ้นเท่านั้น“ตกลงอยากอะไรไม่เห็นพูด” ยิ่งคนตัวเล็กพยายามกลั้นเสียงครางกระเส่าเอาไว้ อีกฝ่ายก็ยิ่งกระตุ้นแกล้งให้เธอเปล่งเสียงออกมา“อะ...อยากได้”“อยากได้อะไร”“อยากได้แรงๆ ได้ไหม” ประโยคคำตอบกลับที่เต็มไปด้วยความออดอ้อน และมารยาของคนตัวเล็กทำเอาเจโรมอดที่จะเอ็นดูตอบสนองต่อคำขอของเธอไม่ได้“งั้นก็ต้องเก็บเสียงดีๆ นะ” เขาโน้มมากระซิบข้างเรือ
Episode 33 ฮันนีมูนคาร์ลินมองปลายทางที่เครื่องลงจอดยังประเทศอิตาลีด้วยความประหลาดใจ ไม่คิดว่าเขาจะพาเธอมาไกลถึงขนาดนี้ ที่สำคัญเธอยังไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยต่างหาก“กระเป๋าฉันล่ะ” คนตัวเล็กเอ่ยถามหากระเป๋าสะพายคู่ใจที่มีของสำคัญของเธออยู่ในนั้นหลายอย่างทั้งเอกสาร โทรศัพท์ และบัตรเครดิตต่างๆ“เก็บเอาไว้ให้แล้ว เราจะไม่ใช้โทรศัพท์กันตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่”“แล้วทำไมฉันต้องอยู่ที่นี่ ตกลงลักพาตัวฉันมาทำไม” คนตัวเล็กกระแนะกระแหนอย่างไม่เกรงกลัวสถานการณ์ในตอนนี้เลย“แค่จะพาเมียมาฮันนีมูนนี่เรียกลักพาตัวเลยเหรอ ไม่ดูรุนแรงเกินไปหน่อยรึไง” เจโรมแสร้งตีหน้าเศร้าราวกับตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำถูกกล่าวหาให้ความเท็จ“ฮันนีมูน?”“ใช่ เราจะมาฮันนีมูนกันที่นี่ ที่นี่จะมีแค่เราสองคน”คำตอบที่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนจากริมฝีปากหยักได้รูปทำเอาคาร์ลินชะงักไปครู่หนึ่ง หัวใจดวงน้อยเผลอเต้นผิดจังหวะเพียงแค่ปล่อยใจจินตนาการภาพเธอกับเขาฮันนีมูนด้วยกันในหัว“เราจะเริ่มจากการไปช็อปปิงกันก่อน เพราะเธอไม่ได้เอาอะไรมาเลย ดีไหม?”“คุณจ่าย?”“แน่นอนสิ ฉันต้องเป็นคนจ่ายอยู่แล้ว แล้วฉันก็จะตามใจเธอทุกอย่างด้วย”
Episode 32 ลักพาตัวหน้าตาที่โดดเด่นบวกกับการแต่งตัวที่เน้นเรือนร่างที่สมส่วนตามมาตรฐานทำให้แม้จะนั่งดื่มอยู่เฉยๆ แต่ก็มีผู้ชายมากมายให้ความสนใจอยากเข้ามาทำความรู้จักกับเธอ“สวัสดีครับมาคนเดียวเหรอ”คาร์ลินเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงที่โน้มใบหน้าหล่อเหลาลงมากระซิบข้างหูเธอท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังแข่ง เธอไม่ได้ตอบคำถามของเขาแต่ยกแก้วตัวเองขึ้นจิบแทนทำราวกับเขาเป็นเพียงอากาศธาตุสำหรับเธอ ยิ่งเห็นหน้าเขาเธอก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด เพราะสีผมบลอนด์ทองของเขามันทำให้เธอนึกถึงใครบางคนที่เธอกำลังบ่นถึงเมื่อครู่“ผมชื่อ...”“ฉันไม่ได้อยากรู้จัก” คาร์ลินถอนหายใจออกมาด้วยความรำคาญ ก่อนจะพูดดักอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์“ดูเหมือนคุณจะอารมณ์ไม่ค่อยดีนะ”“เพราะเห็นหน้าคุณไงเลยอารมณ์ไม่ค่อยดี” คำตอบที่ไร้ซึ่งมิตรภาพสำหรับคนแปลกหน้า ทำให้อีกฝ่ายเองก็รู้สึกไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก แต่โชคดีที่มีคนเข้ามาช่วยห้ามไม่ให้เรื่องบานปลายเอาไว้เสียก่อน“เขาไม่อยากคุยด้วยก็รีบไสหัวไปดีกว่า” น้ำเสียงคุ้นเคยที่ดังแทรกขึ้นทำให้มือที่กำลังจะกระดกแก้วเครื่องดื่มเข้าปากชะงักไป เธอมองเจ้าของมือที่นั่งลงโอบเอวเธอเอาไว้ด้วยสายตาราบ
Komen