'อะไร?' จอห์นจ้องไปที่วอลทซ์ เส้นเลือดของเขาปูดโปนเต็มหน้าผาก "แกคิดว่าแกเป็นใคร? แกไม่ได้มีค่าพอที่จะพูดกับฉัน หลีกไป!” จากมุมมองของเขา วอลทซ์ก็เหมือนกับผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่อาจดูดีกว่านิดหน่อย ถ้าเป็นเวลาปกติ เขาคงจะพยายามจีบสาวงามเช่นเธออย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่ทั้งภรรยาและลูกชายของเขายังถูกขังอยู่ภายในโลงศพ เขาไม่มีอารมณ์ที่จะทำเช่นนั้น จอห์นผลักฝาโลงอย่างแรงเพื่อที่จะเปิดมันออก อย่างไรก็ตาม มันไม่ขยับเลยแม้สักนิด มันถูกตอกปิดไว้ด้วยตะปู ความแข็งแรงของเขาเพียงคนเดียวไม่เพียงพอที่จะเปิดโลงศพนี้ได้ “บอดี้การ์ดอยู่ไหน? บอดี้การ์ด! มาช่วยฉันที! พวกแกทุกคนบ้าไปหมดแล้วเหรอ? ฉันไม่ได้จ่ายเงินจ้างให้พวกแกทำหน้าที่แค่ยืนอยู่ที่นั่นและไม่ทำอะไรเลยนะ!” จอห์นคำรามอย่างเกรี้ยวกราด บอดี้การ์ดต่างมองหน้ากันไปมา พวกเขาไม่กล้าเข้าไปช่วย พวกเขาได้เรียนรู้บทเรียนหลังจากที่พยายามต่อสู้กับวอลทซ์ จิ้งจอกสาวที่งดงามคนนี้เป็นคนที่น่ากลัวมาก เพราะมีพลังมหาศาลมากเสียจนพวกเขายากที่จะต้านทาน เมื่อเทียบกับเงินไม่กี่พันดอลลาร์ พวกเขาให้คุณค่ากับชีวิตของตัวเองมากกว่า
ชายหัวโล้นหยุดร้องโอดครวญจากความเจ็บปวดไม่ได้ หยาดเหงื่อไหลลงบนหน้าผากของเขา ตระกูลร็อคกี้เฟลเลอร์ทุกคนต่างก็ดูผิดหวังอย่างมาก ชายหัวโล้นเข้ามาด้วยความทะนงโอหังและอวดดี เขาดูถูกเหยียดหยามทุกคนด้วยท่าทีไม่สนโลก พวกเขาทั้งหมดต่างก็คิดว่าเขาเป็นนักสู้ในตำนาน แต่ทว่ามันก็เป็นแค่คำอวดอ้างของชายคนนี้ วอลทซ์หัวเราะคิกคัก "ฉันเป็นใครน่ะเหรอ? ฉันก็เป็นแค่ทาสรับใช้อย่างไรล่ะ ถ้าแค่สู้กับทาสรับใช้ยังไม่ได้ แกกล้าดียังไงมาคิดว่าจะอวดดีต่อหน้าคนอื่นล่ะ? ไอ้กระจอก!” วอลทซ์ที่ยิ้มหวานเมื่อครู่ก่อน จู่ ๆ รอยยิ้มของเธอก็กลายเป็นรอยยิ้มที่ดูโรคจิตขึ้นมาและตบไปที่ชายหัวโล้นอย่างแรงสองครั้ง แรงตบของเธอนั้นมันสามารถทำให้ฟันของชายหัวโล้นร่วงออกมาถึงสองซี่ ท่าทีของชายหัวโล้นเปลี่ยนไป และเขาก็เผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งปากของเขายังมีเลือดไหลออกมา เขาไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคำในขณะที่เหลือบมองไปที่เป็ปเปอร์อย่างหมดรูป สีหน้าของเขาดูไม่สู้ดีและเขาเตรียมที่จะถอยและหนีไปจากที่นี่ “ใครบอกให้แกไปกัน?” เสียงแผ่วเบาเอ่ยถามจากทางด้านหลังเขา ทุกคนต่างก็มองไปที่สระน้ำ อเล็กซ์ที่ยืนนิ่งจ้
“การประมูลสมุนไพรอะไรคะ? นี่ อเล็กซ์ คุณคงจำคนผิดแล้วค่ะ ฉันไม่มีความรู้เรื่องสมุรไพรอะไรเลย แล้วฉันจะไปประมูลทำไมคะ? ฉันมักจะไปที่โรงพยาบาลถ้าต้องการยา ทำไมฉันถึงจะต้องเสี่ยงไปประมูลสมุนไพรยาที่ฉันไม่รู้จักด้วย? ใครจะไปรู้ว่ามันมีผลกระทบอะไรบ้าง?” เป็ปเปอร์ยิ้มปฏิเสธข้อกล่าวหาของอเล็กซ์ อเล็กซ์ยิ้มกลับแล้วพูดว่า “ใช่ คุณพูดถูก ใครจะไปรู้ว่ามันมีผลกระทบอะไรบ้าง? คุณก็น่าจะรู้ดีใช่ไหม คุณเลขากิมมิช? คุณระวังตัวไว้ก็ดีแล้ว คุณมีถึงสี่ตารวมไอ้แว่นตาที่คุณสวมใส่อยู่ ดังนั้นคุณควรจะมองเห็นได้ชัดเจนกว่าพวกเรามาก ฉันหวังว่าคุณจะไม่ทำผิดอีกนะ” จากนั้นเขาก็หันไปหาจอห์น “ส่วนแก ใกล้ถึงเส้นตายอีกไม่กี่วันแล้ว แกต้องคิดได้แล้ว” “หากแกปฏิเสธที่จะคืนสิ่งที่ฉันขอ แกอาจจะเปิดโลงศพนี้ไม่ได้อีกตลอดไป” อเล็กซ์พูดพร้อมกับวางมือเบา ๆ ลงบนฝาโลงศพ ด้วยการตบเพียงแค่เบา ๆ ฝาโลงก็แตกออกกลายเป็นแค่เศษไม้ ใบหน้าของเป็ปเปอร์ซีดเผือด ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตระหนกตกใจและไม่อยากที่จะเชื่อ เธอเองก็เป็นนักสู้ ดังนั้นจึงรู้ว่าการกระทำของอเล็กซ์นั้นทรงพลังมากเพียงใด แม้ว่าชายหัวโล้น ซึ่งเป็นถึงนักสู้ระด
ใครก็ตามที่มีจิตสำนึกที่ดีก็คงจะไม่พูดคำเหล่านี้ออกมา ทั้ง ๆ ที่เพิ่งได้รับการช่วยเหลือให้รอดพ้นจากความตาย วอลทซ์ต้องการที่จะจัดการบิลซะตรงนั้นเลย แต่เธอกลับถูกอเล็กซ์ห้ามเอาไว้ อเล็กซ์ฉีกเสื้อของเขาที่เปื้อนน้ำลายแล้วโยนมันลงบนพื้น “นี่แสดงว่าพวกเราไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณอะไรกับพวกคุณอีกแล้ว เราขาดกันนับจากนี้ และจากนี้ไปพวกฉันไม่มีความสัมพันธ์หรืออะไรที่เกี่ยวข้องกับร็อคกี้เฟลเลอร์อีกแล้ว ฉันไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณอะไรทั้งนั้นแล้ว แต่พวกคุณยังมี ถ้าไม่คืนของที่เคยเป็นของ ๆ พ่อฉันก่อนวันที่ 5 ตุลาคม พวกคุณทุกคนจะต้องชดใช้มันด้วยชีวิต” “ไปกันเถอะ คุณแม่!” "หุบปากเน่า ๆ ของแกไปสะ!" บิลโกรธตะคอกใส่เขาด้วยดวงตาแดงก่ำ “เอาสิ มาเอาชีวิตของฉันไปเลย! ไอ้กระจอก ไอ้เนรคุณ ฉันจะไม่ส่งเงินจากตระกูลของฉันให้แกแม้แต่แดงเดียว! แกคิดว่าแกเป็นร็อคกี้เฟลเลอร์จริง ๆ น่ะหรือ? ฝันไปเถอะ! แกไม่เคยเป็นหลานชายของฉันเลย ไม่เลย แล้วจะบอกอะไรให้นะพ่อของแกไม่ได้แม้แต่จะเป็นลูกแท้ ๆ ของฉันเลย! พวกแกทั้งคู่มันก็เป็นเพียงแค่คนนอกเท่านั้นแหละ!” "อะไรนะ?" สิ่งนี้มันทำให้ทั้งอเล็กซ์และบริตทานีตกใจอย่างสุดขีด แม้
หลังจากจ้องมองเธออย่างตั้งใจ อเล็กซ์ก็เอื้อมมือไปแตะใบหน้าที่นุ่มนวลและเรียบเนียนของเธอ วอลทซ์ยิ้มอย่างอ่อนหวานและดวงตาของเธอโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวที่สวยงามสองดวงราวกับว่าเธอพร้อมที่จะต้อนรับริมฝีปากของอเล็กซ์ อย่างไรก็ตาม อเล็กซ์กลับพูดขึ้นว่า “ผมรู้ว่าคุณกำลังพยายามที่จะปลอบโยนผมอยู่ เพื่อช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้น พูดตามตรงเลยนะ คุณไม่ต้องกังวลเรื่องผมมากนักหรอก ผมผ่านเรื่องที่มันแย่ ๆ กว่านี้มาเยอะแล้ว เรื่องแค่นี้สบายมาก” “ดีเสียอีก จริง ๆ แล้วผมก็รู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องไปเกี่ยวข้องกับพวกตระกูลร็อคกี้เฟลเลอร์นั้นอีก ผมจะได้ไม่ต้องมาคอยกังวลเมื่อต้องตอบโต้กับพวกเขา” “แต่การถูกครอบครัวตัวเองแทงข้างหลัง มันก็เป็นสิ่งที่ยากที่จะยอมรับได้ไม่ใช่หรือ?” วอลทซ์พยักหน้าเบา ๆ สายตาของพวกเขาสบกันอีกครั้ง บรรยากาศระหว่างทั้งสองค่อย ๆ กลายเป็นความซับซ้อนเมื่อสายตาของพวกเขาประสานกันอย่างร้อนรุ่มและเย้ายวน วอลทซ์โน้มตัวเข้าใกล้อเล็กซ์มากยิ่งขึ้น พลางเผยริมฝีปาก แต่อเล็กซ์ก็หยุดเธอไว้ด้วยมือข้างที่เขาใช้จับใบหน้าของเธออยู่ เขาถามด้วยความสงสัย “คุณกำลังทำอะไร? คุณเป็นแค่ทาสรับใช้ของผมนะ
และแน่นอน อเล็กซ์สามารถหลบรองเท้าที่เธอปามาได้อย่างง่ายดาย ทันใดนั้น โดโรธีก็เรียกเขาจากบันไดบนชั้นสองว่า “อเล็กซ์ ขึ้นมาข้างบน” เมื่ออเล็กซ์กำลังจะเดินขึ้นบันได คุณนายแคลร์ก็ดึงแขนเขาไว้ "ไม่มีทาง! โดโรธี ลูกจะบ้าไปแล้วเหรอ? จะปล่อยให้ไอ้คนขี้แพ้คนนี้ขึ้นห้องไปได้ยังไง? นั่นจะทำลายชื่อเสียงของลูกนะหากข่าวนี้รั่วไหลออกไป! หลังจากนี้ลูกจะแต่งงานใหม่ได้อย่างไร?” โดโรธีตอบอย่างเย็นชาว่า “คุณแม่คะ จะให้พูดซ้ำอีกกี่ครั้ง หนูแต่งงานแล้ว และอเล็กซ์ก็เป็นสามีของหนู ในทางตรงกันข้าม ความขาดสติของคุณแม่นั่นแหละที่ทำลายชื่อเสียงของหนู จริง ๆ แล้วคุณแม่ต้องการอะไรคะ ต้องให้หนูเอามีดแทงอกของตัวเองอีกครั้งเหรอ คุณแม่ถึงจะพอใจ?” เมื่อรู้ว่าโดโรธีนั้นโกรธมาก ๆ แคลร์ก็หน้าซีด และทำได้เพียงปล่อยอเล็กซ์พร้อมกับตะโกนขึ้นไปบนฟ้าว่า “โอ้ พระเจ้า ฉันทำบาปทำกรรมอะไรไว้นักหนา ถึงต้องมาพบเจออะไรแย่ ๆ เช่นนี้?!” อเล็กซ์ไม่กล้าแม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำ เมื่อเธอปล่อยเขา เขาก็เดินขึ้นบันไดไป อันที่จริง อเล็กซ์เคยเข้ามาในห้องของโดโรธีมาก่อน แต่มันก็นานมาแล้ว อย่างไรก็ตาม การตกแต่งภายในห้องของเธอไม่ได้เปลี่ยนแ
ทันทีคุณท่านโจแอนน์เดินเข้าประตูมาด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง เธอก็สำรวจภายในวิลล่าอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าที่รังเกียจและดูถูกเหยียดหยาม ท่าทีของเธอนั้นราวกับว่าการปรากฎตัวของเธอเป็นของขวัญสุดพิเศษอย่างใดอย่างนั้นเลย คุณนายแคลร์มักจะพูดจาไม่ดีเกี่ยวกับคุณท่านโจแอนน์ลับหลังเธออยู่บ่อยครั้ง เมื่อเห็นคุณท่านโจแอนน์มาที่นี่ เธอก็ตกใจรีบกระโดดยืนขึ้นจากโซฟาทันทีเพื่อต้อนรับเธออย่างอบอุ่น แม้ว่าเท้าของเธอจะเจ็บอยู่ก็ตาม “คุณแม่ ลมอะไรหอบคุณแม่มาที่นี่คะ? เชิญนั่งก่อนค่ะ!” เธอรีบเดินเข้าไปจับมือคุณท่านโจแอนน์เพื่อเชื้อเชิญเธอไปนั่งที่โซฟา อย่างไรก็ตาม คุณท่านโจแอนน์ไม่ได้ขยับแม้แต่นิ้วเดียว อีกทั้งเธอยังสะบัดมือของคุณนายแคลร์ออกอย่างแรง เอ็มม่าจ้องมองพวกเขาด้วยท่าทีรังเกียจ “อี๋ จริงเหรอ? ช่วยดูด้วยว่าโซฟาบ้านแกมันสกปรกมากแค่ไหน มีเลือดบนพื้นด้วย! เลือดนั้นมาจากไหนกัน? เลือดจากซิฟิลิสหรือเปล่านะ? แกจะให้คุณย่านั่งตรงนั้นได้อย่างไร? แกกำลังพยายามแพร่เชื้อโรคสกปรกจากการสำส่อนนั้นให้กับคุณย่าเหรอไงยะ? ” คุณนายแคลร์ตัวแข็งทื่อในขณะที่มือของเธอยังคงค้างอยู่กลางอากาศ ท่าทีของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างน่
โดโรธีถึงกับพูดไม่ออก เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร อเล็กซ์พูดขึ้นว่า “ที่คุณคาร์เตอร์ช่วยเราครั้งที่แล้วนั่นเป็นเพราะผมเอง” แอนเดอร์สันหัวเราะออกมาเสียงดัง "เพราะแกเหรอ? แกมันก็เป็นแค่เด็กที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลร็อคกี้เฟลเลอร์ ไอ้แมงดาที่เกาะอาศัยอยู่กับเมียกิน! ทำไมคุณคาร์เตอร์ถึงจะต้องช่วยแก? ทุกคนรู้ดีว่าครั้งที่แล้วโดโรธีแค่พูดเข้าข้างแกให้แกดูดี ทำไมคุณคาร์เตอร์ถึงจะมารู้จักคนขี้แพ้แบบแก? โดโรธีแค่อ้างให้แกดูดีในสายตาของพวกเราหลังจากที่เธอทำสัญญานั้นสำเร็จ!” โดโรธีตอบว่า “หนูไม่ได้มีความสามารถแม้แต่จะทำให้คุณคาร์เตอร์รับสายได้เลย ทั้งหมดมันเป็นเพราะอเล็กซ์จริง ๆ ค่ะ” แอนเดอร์สันส่งเสียงดังยิ่งขึ้นไปอีก “เธอทำได้เพราะความสวย! ตราบใดที่เธออ้าขาให้ คุณคาร์เตอร์ก็จะเต็มใจช่วยอย่างแน่นอน มิฉะนั้น ทำไมเธอถึงเป็นคนเดียวที่สามารถทำสัญญากับเขาได้ ในเมื่อคนอื่น ๆ ในนี้ไม่มีใครทำได้? ไม่ต้องกังวลไป เราจะไม่ปล่อยให้ความช่วยเหลือของเธอไร้ผลหรอกน่า หลังจากลงนามในสัญญานี้ แอสเส็กซ์จะให้เงินห้าแสนดอลลาร์กับเธอ… ห้าแสนดอลลาร์เลยนะ! ลองคิดดูสิ แม้แต่นางแบบสวย ๆ อันดับต้น ๆ ก็ยังไม่สามารถหารา