อันที่จริง เบียทริซเองก็กลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดในมหาวิทยาลัยได้หากจะต้องเปิดโปงพวกเขาทั้งสอง ทันทีที่ทั้งคู่มาถึงลานจอดรถ อเล็กซ์ก็ตระหนักได้ว่ามิเชลล์นั้นซื้อรถสปอร์ตสุดหรูแอสตันมาร์ตินสีแดงให้กับตน โครงสร้างสุดเท่ของรถสปอร์ตคนนี้ค่อนข้างทันสมัย แต่มันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ขับผ่านถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่ออย่างแน่นอน “โทษทีนะ พอดีฉันหารุ่น M8 ที่นายต้องการไม่ได้เลยน่ะ ตอนนี้ไม่มีรุ่นนั้นเหลืออยู่ในแคลิฟอร์เนียเลยด้วย ยังไงก็เถอะ นายก็ใช้คันนี้พลาง ๆ ไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวถ้าของเข้าแล้ว ฉันจะไปซื้อรุ่น M8 มาคืนให้” 'ดูเธอสิ ช่างมีน้ำใจเหลือเกิน' เธอสามารถซื้อรถหรูราคาหลายแสนได้ราวกับว่าซื้อลูกโป่ง “ก็ได้!” อเล็กซ์ไม่เรื่องมากกับเรื่องรถยนต์อยู่แล้ว ทั้งสองเดินทางไปยังร้านอาหารสตูว์รสจัดจ้าน มิเชลล์นึกประหลาดใจ “นายอยากทำกับฉันแบบนี้จริง ๆ เหรอ?” อเล็กซ์ตอบกลับ “ตอนแรกฉันจะรักษาพริสซิลล่า แต่เธอดันกลับบ้านไปก่อน ยังไงเสีย ตอนนี้เรามาสั่งอะไรง่ายๆ กินกันดีกว่า” “นี่นายกำลังพยายามตามจีบพริสซิลล่าอยู่หรือเปล่าเนี่ย? อันที่จริง ฉันช่วยนายได้นะรู้ไหม? ฉันทำให้เธ
ผู้หญิงที่พูดขึ้นนั้นนั่งอยู่ข้างหลังอเล็กซ์ ดูเหมือนว่าเธอจะอายุราวสามสิบปีแล้ว ผู้หญิงคนนั้นได้ยินการสนทนาของพวกเขาตั้งแต่เข้ามานั่งใกล้ ๆ แล้ว ผู้หญิงคนนั้นนั่งฟังพวกเขาตั้งแต่ตอนที่มิเชลล์บอกว่าเธอจะจับพริสซิลล่ามาอยู่บนเตียงของอเล็กซ์ ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกดูถูกเหยียดหยามทั้งสองอย่างถึงที่สุด อันที่จริง เธออยากจะเรียกตำรวจมาจับพวกเขาด้วยซ้ำ แต่ทว่า เธอก็รู้สึกโล่งใจที่อเล็กซ์ปฏิเสธข้อเสนอไป ต่อมา เธอก็ได้ยินทั้งสองพูดถึงบริษัทเธาซันด์ลีฟ เธอได้ยินมิเชลล์พูดว่าตัวเองนั้นสามารถขอใบอนุญาตได้เลยเพียงแค่เอ่ยวาจา และทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็แทบจะพ่นสตูว์เนื้อรสเผ็ดออกมาทางปาก อันที่จริง เธอเองก็เพิ่งรู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัทเธาซันด์ลีฟ สามีของเธอขายวัสดุก่อสร้างอยู่ที่นั่น แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงตัวแทนจำหน่ายรายย่อยที่ทำงานภายใต้แฟรนไชส์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่เธอก็รู้ดีว่าเจ้าของบริษัทเธาซันด์ลีฟก็คือตระกูลโยเวล ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในรัฐแคลิฟอร์เนีย อีกทั้ง บริษัทยังได้รับการโฆษณาเป็นอย่างดีอีกด้วย ทว่า สามีของเธอก็ได้แจกจ่ายวัสดุก่อสร้างอยู่ตั้งหลายร
อันที่จริง อเล็กซ์ต้องการที่จะรักษาแจ็คก็เพราะเขาช่วยตนในเรื่องเอกสาร ทันใดนั้น อเล็กซ์เผยยิ้มและกล่าวคำพูดออกมา “คุณเทรนต์ครับ การช่วยชีวิตใครสักคนอาจต้องใช้โชคชะตา แต่ถ้ามีกำลังสงสัยอะไรอยู่ ก็ไม่เป็นไรครับ คุณสามารถไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลได้ตลอดเวลาเลย แต่ยังไงเสีย คุณคงต้องรีบหน่อยแล้วแหละ เพราะนิ่วในไตของคุณตอนนี้อยู่ในตำแหน่งที่แย่มาก คุณอาจะติดเชื้อได้เลยล่ะ" ทว่า ทุกคนก็พลันหัวเราะออกมาอีกครั้ง 'นายไม่ได้ใช้เครื่องอัลตราซาวนด์หรือเครื่องเอ็กซ์เรย์เลยด้วยซ้ำ อีกทั้ง ชีพจรก็ไม่ได้ตรวจ นายจะรู้ได้ยังไงกันว่านิ่วในไตนั้นอยู่ในตำแหน่งดีหรือร้าย? นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์หรือยังไงกัน?' สำหรับคราวนี้ มิเชลล์เองก็พลันเบิกตากว้างเช่นกัน เธอเอาแขนพาดหน้าอกด้วยความสงสัย “อเล็กซ์ นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์ด้วยงั้นเหรอ?” อเล็กซ์ไม่สนใจเธอเลย ทว่า ไม่นานนัก แจ็คก็พูดขึ้น "คุณร็อคกี้เฟลเลอร์ครับ ผมเชื่อใจคุณ” ยังไงเสีย อเล็กซ์เองก็ไม่ได้จะใช้มีดผ่าตัดอยู่แล้ว ดังนั้น แจ็คจึงรู้สึกว่ามันก็คุ้มที่จะลอง อเล็กซ์ไม่พูดอะไรต่อ ไม่นานนัก เขาก็วางมือเอาไว้บนแผล พร้อมกับสอดพลังฉีเข้าไปในร่างกายของ
ในระหว่างนั้น ชายหนุ่มที่สำลักบะหมี่ก่อนหน้าก็หันกลับลงไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง "คุณหนูโยเวล... นักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย? จริงเหรอ?” ทันใดนั้นเอง ใครสักคนก็แอบหยิบโทรศัพท์ออกมาและค้นหาชื่อของนักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย ทว่า ทั้งรูปภาพและผลลัพธ์มากมายต่างก็ปรากฏขึ้นมา อันที่จริง มิเชลล์มักจะทำตัวเป็นเป้าสายตาของสาธารณะชน และไม่ได้พวกใจพวกปาปารัสซี่เท่าไหร่นัก อีกทั้ง คนในตระกูลโนเวลเองก็ไม่ได้สนใจในตัวมิเชลล์ด้วยเช่นกัน เธออยากจะเป็นอะไรก็เป็นไป ด้วยเหตุนั้น มันจึงเป็นเรื่องง่ายไม่น้อยเลยที่จะมองหาคนอย่างเธอ ไม่นานนัก ใครสักคนก็ตะโกนขึ้นมา... "มันเป็นความจริง! ทั้งหมดคือเรื่องจริง! เธอคนนี้คือคุณหนูโยเวลตัวจริงเสียงจริง คุณมิเชลล์ โยเวลยังไงล่ะ!” “ใช่แล้ว! ยังไงก็เถอะ คุณหนูโยเวลอุตส่าห์มากินสตูว์ถึงที่ร้านทั้งที ฉัน... ฉันชักอยากจะขอเธอถ่ายรูปหน่อยแล้วสิ” “นายตาบอดหรือยังไงกัน? ดูเธอสิ เธอกำลังโกรธอยู่นะ ทำไมถึงอยากเข้าไปขอเธอถ่ายรูปตอนนี้กันล่ะ?” หลังจากที่ชายคนนั้นตบตัวเองไปมากกว่าสิบครั้ง แจ็คก็พูดขึ้น "รู้จักผมด้วยงั้นเหรอ?" ชายคนนั้นพยักหน้า แจ็คถามขึ้นอีก
“คุณคิดว่าผมอยากรอจริง ๆ เหรอ? ค่าผ่าตัดอย่างน้อยก็ต้องหมดเกือบครึ่งล้าน อีกทั้ง ความเสี่ยงต่อการผ่าตัดก็สูงไม่น้อยเลยด้วย โอกาสรอดคือห้าสิบห้าต่อห้าสิบ ผมอาจจะตายระหว่างผ่าตัดก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ? อีกอย่าง คุณเองก็รู้ว่าสภาพครอบครัวของผมเป็นยังไง ถ้ามีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นกับผม ทั้งแม่แล้วก็น้องสาวผมจะอยู่กันยังไง? แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความแล้ว ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ ผมมีพัสดุอีกเยอะต้องส่งตอนเที่ยงด้วย” เจ้าของร้านพลันถอนหายใจ พร้อมกับดวงตาเต็มซึ่งไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นโศกนาฏกรรมอีกเรื่องหนึ่ง “เดี๋ยวก่อน!” อเล็กซ์พูดขึ้น "นายเชื่อใจฉันไหมล่ะ?" ชายหนุ่มพลันนิ่งไปเกือบสามวินาที ทันใดนั้น เขาก็พลันเผยยิ้มและพยักหน้า "ฉันเชื่อ ในฐานะเพื่อนของคุณโยเวล คุณคงไม่มีเวลาว่างมาหลอกลวงคนต่ำต้อยอย่างผมหรอก” อเล็กซ์ยืนขึ้น “งั้นก็เชื่อใจฉัน แล้วฉันจะช่วยนายเอง” อเล็กซ์เดินเข้าไปและกางนิ้ว พร้อมกับวางนิ้วหนึ่งไว้เหนือขมับของชายหนุ่ม ตรงนั้นคือตำแหน่งของเนื้องอกซึ่งอยู่ใต้กะโหลกศีรษะของลุค ทันใดนั้น นิ้วของอเล็กซ์ก็ส่องประกายราวกับสีของหยก รา
ในช่วงยามราตรีของเมือง แคลิฟอร์เนีย ณ คฤหาสน์ แอสเส็กซ์ นั้นเต็มไปด้วยแสงสีเจิดจ้าและเสียงรื่นเริงในวันนี้นั้นเป็นวันเกิดของคุณนายแคลร์แห่งตระกูลแอสเส็กซ์ แม้ว่าเธอนั้นจะมีอายุมากแล้วก็ตาม แต่เธอก็ยังคงเป็นแบบอย่างของความสง่างามและดูดีมีตระกูล ที่น่าทึ่งไปกว่านั้นก็คือ ความสง่างามและดูดีมีตระกูลของเธอนั้นได้ถูกถ่ายทอดไปถึงลูกสาวทั้งสองคนของเธอ หนึ่งในนั้นถือว่าสวยสง่างามที่สุดในแคลิฟอร์เนีย และอีกคนก็ถือว่าสวยที่สุดในวิทยาลัยของเธอเลยก็ว่าได้ ผู้ชายจำนวนนับไม่ถ้วนที่ตกเป็นทาสแห่งความงามของพวกเธอ พวกเขาจึงได้ฉวยโอกาสนี้ไว้และมาร่วมอวยพรวันเกิดให้กับคุณนายแคลร์ในวันนี้“คุณนายแคลร์ครับ ของขวัญสำหรับคุณครับ นี่คือไข่มุกแห่งทะเลตะวันออก การสวมใส่สิ่งนี้มันจะช่วยขับผิวพรรณของคุณให้ดูผุดผ่องมากยิ่งขึ้น สุขสันต์วันเกิดนะครับ!"“คุณนายครับ ส่วนของผมเป็นคฑาหยกคู่ ผมขออวยพรให้คุณดูอ่อนเยาว์เช่นนี้ไปชั่วนิรันดร์และขอให้ความปรารถนาของคุณเป็นจริงทุกประการนะครับ”เมื่อของขวัญต่าง ๆ มากมายถูกนำเสนอให้กับเธอทีละชิ้น ๆ ใบหน้าของคุณนายแคลร์ก็ไม่สามารถซ่อนเร้นความปิติยินดีของเธอได้ เธอรู้สึกปลาบปลื้
“นายน้อยสปาร์ค!” คุณนายแคลร์รีบทักทายคนที่กำลังเดินเข้ามาทันทีทุกคนในงานต่างแสดงออกถึงความเคารพให้กับเขา เขาคือนายน้อยสปาร์ค ร็อคกี้เฟลเลอร์ ผู้อำนวยการหนุ่มของร็อคกี้เฟลเลอร์ กรุ๊ป แม้ว่าจะไม่ทราบมูลค่าจำนวนทรัพย์สินในครอบครองที่แท้จริง แต่คาดว่าความมั่งคั่งของร็อคกี้เฟลเลอร์ กรุ๊ป นั้นมีมูลค่ารวม ๆ แล้วมากถึงสามแสนล้านดอลลาร์แต่เมื่ออเล็กซ์เห็นชายคนนี้ เขาก็พุ่งเข้าไปหาชายคนดังกล่าวด้วยสายตาที่โกรธแค้นและคว้าคอเสื้อของเขาพร้อมกับตะโกนออกมาว่า “ไอ้สารเลว โดโรธีเป็นพี่สะใภ้ของนาย นายยังจะเรียกตัวเองว่ามนุษย์คนหนึ่งได้ยังไง? ในเมื่อนายต้องการที่จะแต่งงานกับพี่สะใภ้ของตัวเองน่ะฮะ”โชคชะตากำหนดให้สปาร์คเกิดมาเป็นลูกพี่ลูกน้องของอเล็กซ์ เขาเป็นลูกชายของลุงจอห์น ร็อกกี้เฟลเลอร์ อเล็กซ์นั้นเกลียดชังพวกเขาทั้งสองเป็นอย่างมาก เขานึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว หลังจากที่พ่อแม่ของเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ จอห์นคือคนที่ออกมาใส่ร้ายพ่อของเขาในข้อหาทุจริตฉ้อโกงร็อคกี้เฟลเลอร์ กรุ๊ป ที่พ่อแม่ของเขาก่อสร้างขึ้นมา และไล่อเล็กซ์ออกจาก คฤหาสน์ ร็อคกี้เฟลเลอร์ ซึ่งเป็นที่พักอา
อเล็กซ์รู้สึกตกใจมาก หมื่นล้านดอลลาร์อย่างนั้นเชียวหรือ? ใครจะกล้าเล่นตลกแบบนี้กัน?ร็อคกี้เฟลเลอร์ กรุ๊ป แข็งแกร่งมากในช่วงรุ่งเรือง โดยมีมูลค่าตลาดกว่าสามแสนล้าน แต่ส่วนใหญ่เป็นสินทรัพย์ถาวร จากสิ่งที่เขารู้ แม้แต่พ่อของเขายังไม่มีเงินสดหนึ่งหมื่นล้านดอลลาร์ในธนาคารเลย แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น ชายชราอ้างว่าเขาทำงานให้กับวิลเลียม ร็อกกี้เฟลเลอร์ “คุณบอกว่าคุณทำงานให้พ่อของผมเหรอ? นั่นก็หมายความว่ากลุ่มบริษัทในเครือเธาซันด์ ไมล์…”ท่านเล็กซ์พยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่ กลุ่มบริษัทในเครือเธาซันด์ ไมล์ คือของคุณครับ นายท่านอเล็กซ์”เพี๊ยะ ๆ ! อเล็กซ์ถึงขั้นตบหน้าตัวเองท่านเล็กซ์พูดด้วยความประหลาดใจ “นายท่านอเล็กซ์ คุณกำลังทำอะไร?”อเล็กซ์ตอบกลับว่า “ผมคิดว่า ผมอาจจะฝันไปน่ะ”ท่านเล็กว์กล่าวต่ออีกว่า “ทั้งหมดนี้เป็นความจริง พ่อของคุณ คุณวิลเลียม ร็อคกี้เฟลเลอร์ ช่วยชีวิตผมไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ผมคงตายไปแล้ว ย้อนกลับไปตอนนั้น คุณร็อคกี้เฟลเลอร์คือผู้ก่อสร้างกลุ่มบริษัทในเครือเธาซันด์ ไมล์ จากนั้นเขาก็ให้ฉันรับผิดชอบธุรกิจนี้”"ฮะ?" อเล็กซ์ตกตะลึง เขายังคงคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝันเท่า