แชร์

บทที่ 26 เพื่อบุตรของตระกูลกู้

ผู้เขียน: เฟยหรง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-12 20:25:08

“จวนได้เวลาแล้วข้าว่าข้ากลับเรือนจักดีกว่า”

ต้าเหนิงพูดด้วยความร้อนใจ นางสังหรณ์ใจมิดี ในใจรู้สึกระคายหญิงอัปลักษณ์เยี่ยงนัก และภาพติดตาในคืนวันนั้นทำให้นางมิอาจไว้ใจผู้ใดได้แม้แต่สามีก็ตาม

“เจ้ามิปล่อยให้สหายเขามีเวลาอยู่ด้วยกันบ้างรึไร ยิ่งเจ้าทำตัวหึงหวงเช่นนี้สามีคงได้เบื่อหน่ายเป็นแน่” ท่านฮูหยินซึ่งอาบน้ำร้อนมาก่อนพูดเตือนสติ พลางจิบน้ำชาชั้นดีไปด้วย

“แต่ท่านแม่ก็ทราบมิใช่ว่าท่านมู่หยางเขา...” ใจของภรรยาเอกสั่นไหว นางมิเคยสั่นคลอนขนาดนี้มาก่อน

“หญิงอัปลักษณ์เช่นนั้น หากใครหวังครอบครองคงได้อัปปรีไปเจ็ดชั่วโคตร แต่หากเจ้ายังมิเบาใจเจ้าก็กลับเรือนไปเสียเถิดทางนี้ข้าคงจักต้องเป็นฝ่ายจัดการเอง เจ้าคงมิอยากมีบุตรแล้วกระมัง”

“ข้า...ข้าอยากมีบุตรไว้สืบสกุล”

“ถ้าเยี่ยงนั้นเจ้าก็เลือกมาเถิดว่าสิ่งไหนสำคัญกว่ากันแน่” ฮูหยินชิงชิงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ

“ข้าจะอยู่ทำพิธีกับท่านแม่” และสุดท้ายต้าเหนิงก็ตัดสินใจได้ นางคิดว่าหากมีบุตรชายสักคนมู่หยางต้องยินดีปรีดาไม่น้อย และนางจักได้เป็นใหญ่เหนือผู้ใดเพื่อหวังเขี่ยหญิงอัปลักษณ์ทิ้งเสีย

“ดี เยี่ยงนั้นเจ้าก็ตามข้ามา” ฮูหยินชิงชิงเดินนำนางไป

ทั้งสองนา
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 27 มารยาเยี่ยงนัก

    เมื่อเหมยลี่ยกน้ำชาให้สองบุรุษจนเสร็จนางจึงมาทำหน้าที่ซักผ้าอยู่ใกล้โรงเก็บฟืน หญิงอัปลักษณ์มิกล้าเข้าไปยุ่งวุ่นวายในเรือนที่ท่านแม่ทัพมีผู้มาเยี่ยมเยือนได้ นางจึงใช้ลำธารนี้เป็นที่ทำงานอันสงบ สองมือขยี้เนื้อผ้าให้สะอาดเอี่ยมแต่ต้องเบามือเพราะผ้าทอเหล่านี้มีค่าสูงยิ่งนัก ซึ่งหญิงรับใช้อย่างนางไม่มีปัญญาได้สวมใส่มันแน่ ๆ ไม่ทันไรผ้ากองโตได้ถูกซักจนเสร็จนางจึงหอบไปตากยังราวไม้ไผ่ที่ยาวหลายวา ผ้าผืนใหญ่ถูกสะบัดและกางออกจนเป็นม่านหลากสีที่หลบซ่อนหญิงอัปลักษณ์ได้เป็นอย่างดี “เจ้ามาอยู่ที่นี่เอง”เสียงสุขุมจากบุรุษรูปงามได้เอ่ยขึ้น ท่ามกลางม่านผ้าหลากสีที่เหมยลี่มิอาจเห็นเซียวจ้านได้ในเวลานี้ เขาหายเข้าไปในม่านผ้าที่เห็นเพียงเงาสูงวับไปวับมาจนใบหน้าอัปลักษณ์ต้องผินมองอย่างสงสัย“ไปไหนแล้ว”เงาปรากฏแค่เพียงแวบเดียวก่อนหายไปนางพยายามเดินหาตามราวไม้ไผ่แต่ก็ยังมิพบ นี่เซียวจ้านกำลังคิดเล่นซ่อนหากับนางอยู่หรือไร“ข้าอยู่นี่แม่นาง”แต่แล้วเสียงกระซิบได้ดังที่ข้างหูซึ่งใกล้กายเอาเสียมาก ๆ จนเหมยลี่สะดุ้งตกใจและต้องรีบหันไปมอง ทว่าในจังหวะนั้นเองใบหน้าของนา

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 26 เพื่อบุตรของตระกูลกู้

    “จวนได้เวลาแล้วข้าว่าข้ากลับเรือนจักดีกว่า”ต้าเหนิงพูดด้วยความร้อนใจ นางสังหรณ์ใจมิดี ในใจรู้สึกระคายหญิงอัปลักษณ์เยี่ยงนัก และภาพติดตาในคืนวันนั้นทำให้นางมิอาจไว้ใจผู้ใดได้แม้แต่สามีก็ตาม“เจ้ามิปล่อยให้สหายเขามีเวลาอยู่ด้วยกันบ้างรึไร ยิ่งเจ้าทำตัวหึงหวงเช่นนี้สามีคงได้เบื่อหน่ายเป็นแน่” ท่านฮูหยินซึ่งอาบน้ำร้อนมาก่อนพูดเตือนสติ พลางจิบน้ำชาชั้นดีไปด้วย“แต่ท่านแม่ก็ทราบมิใช่ว่าท่านมู่หยางเขา...” ใจของภรรยาเอกสั่นไหว นางมิเคยสั่นคลอนขนาดนี้มาก่อน“หญิงอัปลักษณ์เช่นนั้น หากใครหวังครอบครองคงได้อัปปรีไปเจ็ดชั่วโคตร แต่หากเจ้ายังมิเบาใจเจ้าก็กลับเรือนไปเสียเถิดทางนี้ข้าคงจักต้องเป็นฝ่ายจัดการเอง เจ้าคงมิอยากมีบุตรแล้วกระมัง”“ข้า...ข้าอยากมีบุตรไว้สืบสกุล”“ถ้าเยี่ยงนั้นเจ้าก็เลือกมาเถิดว่าสิ่งไหนสำคัญกว่ากันแน่” ฮูหยินชิงชิงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ“ข้าจะอยู่ทำพิธีกับท่านแม่” และสุดท้ายต้าเหนิงก็ตัดสินใจได้ นางคิดว่าหากมีบุตรชายสักคนมู่หยางต้องยินดีปรีดาไม่น้อย และนางจักได้เป็นใหญ่เหนือผู้ใดเพื่อหวังเขี่ยหญิงอัปลักษณ์ทิ้งเสีย“ดี เยี่ยงนั้นเจ้าก็ตามข้ามา” ฮูหยินชิงชิงเดินนำนางไปทั้งสองนา

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 25 คุณชายท่านมีเจตนาเช่นไรกันแน่

    คุณชายเซียวจ้านได้เดินทางมาถึงเรือนของท่านแม่ทัพมู่หยางซึ่งเป็นสหายของเขา บุรุษรูปงามย่างกรายเข้าไปภายในห้องรับรองเพื่อรอสหายออกมาต้อนรับ เขาปรายตามมองหาหญิงอัปลักษณ์ไปด้วยแต่ก็มิเห็น มิรู้ว่ามู่หยางพานางไปหลบซ่อนไว้ที่ใด“ขออภัยสหาย ท่านรอนานรึไม่” มู่หยางใส่ชุดสบายเดินเข้ามาก่อนสะบัดชายผ้านั่งลงอย่างสบายตัว ด้วยความเป็นมิตรสหายจึงมิต้องมีพิธีรีตองใด ๆ“ข้ารอจนน้ำชาเริ่มอุ่นเสียแล้วล่ะ” เซียวจ้านเอ่ยแซวเล็กน้อย เขาไม่คิดถือโทษมู่หยางแม้แต่น้อย เพราะความมุ่งหวังที่มายังเรือนแห่งนี้มิใช่สหายตรงหน้า“ท่านมาที่นี่เพียงแค่อยากเล่นหมากกระดานกับข้างั้นรึ” มู่หยางสบสายตา“ฮ่า ๆ ท่านนี่หนารู้ใจข้าซะจริงเชียว” เซียวจ้านหัวเราะพร้อมพัดไปด้วย“ว่าเหตุของท่านมาเถิด”“ช้าก่อน เจ้าจะรีบส่งข้ากลับเรือนไปไย เรามาเล่นหมากสักกระดานคงมิเสียเวลาท่านนักหรอก”“ตามใจเจ้า มีใครอยู่ข้างนอกไหม จัดหมากกระดานและน้ำชามาต้อนรับสหายของข้าให้ที” มู่หยางจึงตะโกนเรียกคนด้านนอก“ขอรับ” แทบทันทีทันใดเสียงจากหลังประตูของผู้รับใช้ได้ตอบรับ“ข้าอยากไปนั่งเล่นที่ศาลากลางสระบัวของท่าน”“อากาศยามนี้มิเหมาะนักหรอก”“อากาศดีเยี

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 24 พบพานบุรุษรูปงาม

    เสียงจอแจดังให้แซ่ดในตลาดใหญ่ที่สุดแห่งเมืองนี้ หญิงอัปลักษณ์ได้มีโอกาสออกมาเดินทอดน่องในเมืองที่แปลกตาเป็นครั้งแรกพลันตื่นตาตื่นใจอยู่ไม่น้อย ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายฐานะชนชั้นและมีโรงเตี้ยมขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านซึ่งอยู่ริมแม่น้ำที่มีสะพานโค้งข้ามไปยังตลาดอีกฝั่งด้วย นับว่าใหญ่โตเกินกว่าแคว้นอันเป็นอย่างมากเหล่าพ่อค้าแม่ค้าตั้งแผงกันเรียงรายมองไปทางใดย่อมเจอกับสิ่งต้องตา ไม่ว่าต้องการสิ่งใดตลาดแห่งนี้ก็สามารถสรรหาได้อย่างแน่นอน ถึงผู้คนจักมากสักเพียงใดก็ยังเป็นระเบียบเรียบร้อยเพราะมีเหล่าผู้ตรวจการและทหารมาคอยยืนเฝ้าอยู่แทบทุกจุด นี่แหละหนาท่านแม่ทัพมู่หยางถึงได้เบาใจปล่อยให้เหมยลี่ออกมานอกเรือนได้ เพราะหันไปทางใดก็ไร้ซึ่งหนทางหนี“เจ้าเคยมาเดินตลาดแห่งนี้ไหม” ฮู่ยชิวเอ่ยถามพลางพากันเดินผ่านร้านผ้าและเครื่องประดับที่สตรีทุกนางชอบไม่เว้นแม้แต่หญิงอัปลักษณ์ผู้นี้ที่ปรายตามองด้วยความอยากได้ แต่ว่านางไร้ซึ่งอัดใด ๆ จึงต้องตัดใจเสีย“ข้ามิเคย”“ที่แคว้นอันตลาดใหญ่เช่นนี้รึไม่”“ไม่ เป็นเพียงตลาดเล็กที่พ่อค้าแม่ค้าหาบเร่นำมาขายเสียส่วนใหญ่”ฮุ่ยชิวพยักหน้า “แล้วมีงานประจำปีบ้างรึไม

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 23 ความรู้สึกของเหมยลี่

    แสงอรุณวันใหม่ได้สาดส่อง ร่างอรชรที่เจ็บระบมจากการถูกโบยได้ทุเลาลง เหมยลี่ลุกขึ้นจากที่นอนซึ่งเป็นเพียงแคร่ไม้ไผ่ธรรมดา นางรีบแต่งกายด้วยเสื้อผ้าซอมซ่อสีซีดเพื่อเข้าไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเอง“เหมยลี่” เสียงใสของสตรีผู้พี่เอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม จะเป็นผู้ใดไปไม่ได้หากมิใช่ฮุ่ยชิว นางยืนคล้องตะกร้าสานใบใหญ่ไว้ในแขนด้วยหญิงอัปลักษณ์รีบย่ำเท้าไปหาสหายด้วยใบหน้ายิ้มตอบจาง ๆ เช่นกัน นางยังคงคลุมผ้าปิดใบหน้าซีกหนึ่งไว้เพื่อมิให้ผู้ใดมาเห็นใบหน้าน่าเกลียดนี้ได้“ข้าจักพาเจ้าไปเดินตลาด” ฮุ่ยชิวเอ่ยพร้อมดึงข้อมือเหมยลี่ให้เดินตามไป“ดะ...เดี๋ยว ข้าออกไปด้านนอกได้ด้วยรึ” แต่ก่อนจะถูกลากไปไกลกว่านี้ เหมยลี่จึงถามในสิ่งที่นางสงสัย“ได้สิ หน้าที่ข้านางรับใช้คือต้องไปจ่ายตลาดด้วยนี่ รึเจ้ามิอยากไป”“อยากไปสิ แต่ท่านแม่ทัพจักมิว่าข้ารึ หากข้าคิดหนีขึ้นมาจักทำเช่นไรเล่า” หญิงอัปลักษณ์คิดในสิ่งที่คาดเดาไว้ นางคือสตรีจากแดนไกลถึงแคว้นอัน ยิ่งถูกมาอยู่ใต้อาณัติเช่นนี้เป็นใครก็คงอยากคิดหนี“เจ้าหนีไปไหนมิได้หรอก ในใต้หล้านี้ท่านแม่ทัพย่อมตามตัวเจ้าเจอ” ฮุ่ยชิวพูดด้วยใบหน้าเศร้าลงจนสังเกตเห็นได้ชัด “ข้า...ข้า

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 22 มู่หยางท่านคือสามีของข้า

    มู่หยางได้เดินย่องกลับมายังห้องนอนของตัวเอง ทว่าเมื่อกำลังเดินไปตามทางสลัวเขาดันเห็นภรรยาเอกมายืนรออยู่หน้าประตู ใบหน้าของเขาแสร้งทำเป็นขรึมอย่างมีเรื่องปกปิด และเดินเข้าไปหาคล้ายไม่มีเรื่องอันใดต้าเหนิงรอสามีมาตลอดทั้งวันจนไม่เป็นอันทำสิ่งใด แต่พอมายืนรอหน้าประตูห้องนางได้เห็นมู่หยางเดินมาจากทิศทางที่ไม่ใช่เส้นทางปกติ ใจของนางสั่นไหวด้วยความรู้สึกกลัวอยู่ในใจ กลัวเหลือเกินว่าสิ่งที่นางกำลังคิดจักเป็นความจริง“ท่านพี่ไยถึงได้เดินมาจากทางนั้น” เป็นต้าเหนิงเอ่ยทักก่อน เสียงของนางสั่นเครืออยู่ไม่น้อย ดวงตากำลังจ้องอย่างจับผิด“ไม่มีอันใดให้เจ้ากังวลดอก ม้าของข้ามันดันขาเจ็บอยู่ตรงนั้น ข้าเลยต้องเดินเข้ามาเองหากอ้อมไปด้านหน้าคงได้เสียเวลาข้าเลยเข้ามาจากประตูด้านนั้น”มู่หยางโกหกเต็มคำ เขาพูดพร้อมเดินเข้าไปในห้องด้วยท่าทางที่แสดงออกมาอย่างเป็นปกติ ทว่าคนฟังก็ยังมิปักใจเชื่อ ใบหน้าเรียวมองไปยังประตูบานที่ว่าซึ่งตอนนี้ปิดสนิทไร้วี่แววการถูกเปิดออก ก่อนเดินเข้าไปภายในห้องแล้วถามในสิ่งที่นางเริ่มสงสัย“ท่านพี่มิได้ไปหานางผู้นั้นใช่รึไม่”“เจ้าเอาอะไรมาพูด คนอย่างข้ามิไปสุงสิงกับหญิงอัปลักษณ์เ

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 21 ไยท่านทำเช่นนี้

    หลังจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้เรียบร้อย มู่หยางได้มานั่งพักผ่อนอยู่ที่โรงน้ำชา ด้วยสีหน้าดูเคร่งเครียดอยู่ไม่น้อย เขาดันคิดถึงหญิงอัปลักษณ์ขึ้นมาด้วยสำนึกผิดอยู่ในใจที่เขาสั่งลงโทษนางทั้งที่ไม่ได้มีความผิดเลยสักนิด หากจักต้องลงโทษผู้ใดก็คงเป็นเขาเองที่ใจโลเลเยี่ยงนี้“ท่านมู่หยาง ไยเจ้านั่งจิบน้ำชาหน้าตาเคร่งเครียดเช่นนั้น มันควรสุนทรีมิใช่” สหายรักอย่างเซียวจ้านเอ่ยทักเมื่อย่างกรายมาถึง ทั้งที่โรงน้ำชาแห่งนี้มีสตรีรูปงามมาดีดพิณพร้อมร่ายรำแต่สหายไยมิไม่ผ่อนคลายลงบ้าง“งานราชการท่านยุ่งยากเชียวรึ” แล้วถามต่อพร้อมนั่งลง“มิใช่” มู่หยางตอบอย่างไม่สบอารมณ์นัก“แล้วเรื่องอันใดเล่า”“มิใช่เรื่องที่คุณชายเซียวจ้านต้องใส่ใจ”“มิบอกข้าก็ไม่เป็นไร ข้าก็พอจะเดาได้ ท่านกลุ้มใจเรื่องนางผู้นั้นใช่รึไม่”“ท่านเป็นนักปราชญ์สินะถึงได้รู้มากนัก” มู่หยางยกจอกน้ำชามาดื่มจนหมดจอก ก่อนวางกระแทกโต๊ะอย่างแรง“ข้าก็แค่เดา นางผู้นั้นเป็นหญิงอัปลักษณ์จริงรึไม่”“ใช่รึไม่มิเห็นเกี่ยวกับเจ้า”“ระวังภัยเอาไว้ย่อมเป็นการดี เจ้ามิรู้หรอกรึว่าผู้ใดเกิดมาผิดแผกย่อมเป็นกาลกิณีต่อบ้านเมือง ยิ่งเจ้าเป็นแม่ทัพใหญ่ด้วยแล้วต้องยิ่

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 20 บ้านแสนอบอุ่นของฟู่ฟู่

    ทางด้านฟู่ฟู่หลังจากนางได้ตัดสินใจไปกับบุรุษนามว่าจางเหว่ยที่พึ่งพบเจอได้ไม่นาน นางยินดีไปตายเอาดาบหน้าดีกว่าต้องกลับไปยังที่จากมา แม้บุรุษผู้นี้จักดูไม่เป็นพิษเป็นภัยแต่ขึ้นชื่อว่าบุรุษก็ยังมิอาจเบาใจได้ว่าเขาจักไม่เป็นภัยต่อนางร่างอรชรนั่งอยู่บนเกวียนแต่ในครั้งนี้นางได้แหวกม่านและมองข้างทางไปตลอดทาง เพราะหากจางเหว่ยคิดร้ายต่อนางจริงนางจักได้หาลู่ทางหนีได้อย่างทันท่วงที“เรือนของแม่ท่านอยู่ที่ใด” ด้วยความอยากรู้นางจึงตะโกนถาม สายตาของนางเห็นบุรุษเบื้องหน้าผ่านผืนม่านบางที่พอเห็นราง ๆ เท่านั้น“หมู่บ้านตรงหุบเขาเหลียงซาน”“อยู่บนหุบเขาเชียวรึ”“มิใช่ดอก อยู่ตรงคุ้งน้ำตรงหุบเขา เป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ทำการเกษตร”ฟู่ฟู่พยักหน้าเล็กน้อยอย่างเข้าใจ นางไม่เคยได้ยินมาก่อน และไม่คิดว่าจักได้เดินทางไปไกลถึงที่แห่งนั้นด้วย ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ เส้นทางเกวียนก็ลำบากแสนเข็นเสียจนนางนั่งไม่ติดพื้นจนก้นพลันระบมจนชาไปหมด นางมิรู้ว่านั่งไปได้นานเพียงใด แต่ตอนนี้นางได้ปวดท้องจนอยากลงไปเด็ดดอกไม้สักครู่“ท่านจางเหว่ย ท่านหยุดพักสักประเดี๋ยวได้รึไม่ คือข้า...” ฟู่ฟู่อ้ำอึ้งมิกล้าเ

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 19 ข้าเจ็บปวดยิ่งนัก

    ร่างอรชรถูกจับให้นั่งคุกเข่าในที่โล่งแจ้งเพื่อเตรียมรับโทษ โทษของนางแม้จะถูกลดทอนให้เหลือน้อยนิดด้วยการถูกโบยด้วยลำไม้ไผ่ที่มีท่อนเล็กไม่ถึงขนาดไม้พาย แต่ก็ยังหนักหนาเกินกว่าที่สตรีตัวเล็ก ๆ จะรับได้ไหวนางกำกระโปรงที่หน้าเข่าไว้แน่นและหลับตาทั้งที่หยดน้ำตายังไหล เพื่อไม่ให้มองเห็นการลงโทษนี้เพี้ยะ เพี้ยะเสียงลำไม้ไผ่กระทบแผ่นหลังดังจนนกบนต้นไม้แตกรัง ด้วยแรงจากบุรุษที่มีอยู่มากทำให้เหมยลี่ล้มคะมำด้วยความเจ็บและแสบไปทั้งหลังจนเหมือนกระดูกร้าว นางร้องไห้เสียใจกับการถูกลงโทษที่ไม่เป็นธรรมเอาเสียเลย แต่มิอาจทำการอันใดได้ ในเมื่อนางมิมีสิทธิ์ในเรือนนี้“การทำโทษของเจ้ายังไม่หมด เจ้ารีบไปตัดฟืนเสีย” บุรุษที่เป็นคนรับใช้เช่นกันพูดขึ้นใบหน้าเปียกปอนของหญิงอัปลักษณ์มองอีกฝ่ายด้วยความโกรธเคืองอยู่ไม่น้อย นางไม่มีเรี่ยวแรงลุกขึ้นแล้วจักให้รีบไปได้เยี่ยงไร“เหมยลี่มาข้าช่วย”ฮุ่ยชิวที่มายืนมุงอย่างไม่รู้เรื่องราว เมื่อเห็นสตรีผู้น่าสงสารถูกลงโทษเยี่ยงนี้จึงรีบมาประคอง“เจ้าจักไปช่วยนางทำไม” หญิงนางหนึ่งพูด พลางมองหญิงอัปลักษณ์ราวกับเป็นสิ่งชั่วร้าย“หากเจ้ามิมีน้ำใจก็หุบปากเสีย” ฮุ่ยชิวหันไปต

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status