หนึ่งปีต่อมา หลานจิวที่หมั้นหมายกับหนิงเจิ้งก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีที่เรือนของหนิงเจิ้ง เขาทำพิธีโดยมีท่านปู่กับพ่อแม่ของฝ่ายหญิงเป็นพยาน รวมทั้งคนในหมู่บ้านที่มาร่วมสนุกในงานแต่งงานครั้งนี้ พวกเขารู้ดีว่าบ้านหนิงซวนหยวนไม่เคยตระหนี่ของกิน พวกเขาจึงนำเงินเล็กน้อยมาเป็นขวัญถุงให้กับบ่าวสาวตามธรรมเนียม ทั้งที่หนิงซวนหยวนบอกแล้วว่าไม่รับของหรือเงิน แต่ก็ต้องจนใจที่ชาวบ้านบอกว่ามันเป็นธรรมเนียมที่พวกเขาทำสืบทอดกันมา หนิงซวนหยวนจึงได้ให้บ่าวรับเอาไว้ให้หลานชายเขาทีหลัง
หลานจิวที่ตอนแรกไม่อยากแต่งงาน แต่พอเห็นว่าบ้านนี้ใหญ่โตเพียงใดนางก็เกิดโลภขึ้นมาจึงได้ทำตัวดีให้ทุกคนเห็นเป็นฉากหน้า นางคิดว่านางจะได้นั่งเป็นฮูหยินที่สุขสบายในเรือนนี้แน่ ๆ โดยที่นางไม่รู้เลยว่าอีกไม่นานท่านปู่ผู้เป็นญาติคนเดียวของสามีจะสิ้นไป
หนิงเจิ้งเองก็มีความสุขไม่น้อย ภรรยาของเขาไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อย่างที่เคยคิดเอาไว้ นางดูเป็นคนอ่อนหวานและช่างเอาใจไม่น้อย ทำให้หนิงเจิ้งหลงใหลนางเข้าจริง ๆ
หนิงซวนหยวนเห็นว่าทั้งคู่เข้ากันได้ดีก็วางใจ อย่างน้อยหากเขาเป็นอันใดไปก็ยังคงวางใจได้ว่าทั้งสองจะยังมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันอยู่ เขาไม่รู้ว่าตนเองจะได้อยู่เห็นหน้าเหลนหรือไม่ด้วยซ้ำ เพราะเขาฝืนตัวเองมามากในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ตอนนี้ร่างกายของเขาเขารู้ดีว่าอาจเหลือเวลาไม่มากแล้ว
โชคดีที่หนิงซวนหยวนยังรักษาตนเองอยู่บ้าง เขาเริ่มหวังที่จะเลี้ยงเหลนที่กำลังจะคลอดออกมาในอีกไม่กี่เดือน นับว่าหลานชายเขาทำหน้าที่สามีได้ดีจริง ๆ หนิงเจิ้งเองก็รู้ดีว่าท่านปู่อยากเห็นหน้าเหลน เขาจึงให้กำลังใจท่านปู่บ่อย ๆ ว่าให้อยู่ช่วยเขาดูแลลูกด้วย
ส่วนหลานจิวที่กำลังอุ้มท้องก็ไม่กล้าทำสิ่งใดเมื่อยังมีหนิงซวนหยวนอยู่ นางรู้ดีว่าสามีหลงใหลตนเองเข้าจริง ๆ นางเพียงรอให้ปู่ของสามีสิ้นไปเสียก่อน กิจการในเรือนนี้นางจึงจะเป็นคนจัดการเอง โดยอ้างกับสามีว่าเขาเหนื่อยปลูกสมุนไพรแล้ว นางเองก็อยากช่วยเหลืองานเขาในเรือนเช่นกัน
หนิงเจิ้งมองภรรยาที่กำลังท้องอยู่และเห็นว่างานในเรือนไม่มีอันใดต้องทำมากมายนัก เขาคนเดียวก็สามารถดูแลได้จึงไม่ได้พูดสิ่งใดกับนางอีก เขายังจำคำเตือนของท่านปู่ได้ว่าอย่าไว้ใจใครมากเกินไป ถึงแม้คนคนนั้นจะเป็นภรรยาของเขาก็ตาม
หลานจิวเห็นว่าสามีไม่พูดอันใดนางจึงไม่กล้ารบเร้าต่อ ด้วยนางพอจะรู้ว่าสามีนางถึงจะหลงใหลนางแต่เขาก็ฉลาดมากเช่นกัน เขาคงไม่คิดว่านางน่าไว้ใจกระมัง หลานจิวได้แต่รอวันที่จะได้เป็นเจ้าของเรือนใหญ่หลังนี้เท่านั้นเอง
หลังจากหลานจิวคลอดลูกแล้ว หนิงซวนหยวนก็มีกำลังใจมากขึ้น ตอนนี้เขามีเหลนเอาไว้ให้เลี้ยงดูแล้วจึงมีสิ่งกระตุ้นให้เขาอยากมีชีวิตอยู่นานขึ้นอีกหน่อย กระทั่งหลานจิวคลอดบุตรคนที่สอง หนิงซวนหยวนก็ยิ่งดีใจที่มีเหลนหัวปีท้ายปีเช่นนี้
หลานจิวเห็นว่าท่านปู่สามีดูจะชอบเด็กมาก นางจึงอดทนคลอดเด็กๆ ออกมาเพื่อหวังจะได้ทรัพย์สินของบ้านบ้าง นางเคยได้ข่าวว่าตอนที่พี่ชายเขาแต่งสะใภ้จากสำนักคุ้มภัยนั้นมีสินสอดถึงสิบหีบ แต่งานแต่งงานของนางกลับไม่มีแม้แต่หีบเดียว แม่สื่อให้มาเพียงแค่เงินไม่กี่ตำลึงกับผ้าไม่กี่พับเท่านั้น นางยังนึกอิจฉาพี่สะใภ้ที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน จนทำให้นางคิดมากว่าสามีนางเหตุใดไม่ให้เหมือนกับพี่สะใภ้ หรือว่าทรัพย์สินทั้งหมดหมดไปเพราะเรื่องนี้แล้วนางก็ไม่อาจทราบได้ ถึงแม้ว่านางจะอยู่ดีกินดีมีบ่าวรับใช้แต่นางก็ยังไม่พอใจ
จนกระทั่งวันหนึ่งนางสอบถามสามีถึงเรื่องนี้ สามีของนางยังถามกลับว่านางรู้ได้อย่างไรและถามไปเพื่ออะไร ในเมื่อนั่นเป็นทรัพย์สินของพี่ชายของเขาเอง ส่วนเขาก็มีเพียงเงินเก็บจากการขายสมุนไพรเท่านั้น หากนางอยากได้อะไรก็แค่บอกมา เขาจะให้บ่าวไปซื้อให้ แต่เรื่องในเรือนนี้เขาจะเป็นคนจัดการเอง
ตั้งแต่วันนั้นที่ภรรยาของหนิงเจิ้งสอบถามเรื่องทรัพย์สินกับเขา เขาก็รู้แล้วว่าภรรยาคนนี้ไม่ดีเท่าภรรยาพี่ใหญ่ นางมีความละโมบโลภมากกับทรัพย์สินของเขาจริง ๆ โชคดีที่ท่านปู่เตือนเขาเอาไว้ก่อนหน้านี้ เขาจึงไม่ได้บอกสิ่งใดกับนาง
ความห่างเหินของหนิงเจิ้งทำให้หลานจิวสังเกตเห็น นางได้แต่เสียใจที่ตนเองสอบถามเขาจนทำให้เขาตีตัวออกห่างนาง กระทั่งนางท้องลูกคนที่สามนั่นแหละ หนิงเจิ้งจึงคอยดูแลนางอย่างดีดังเดิม แต่ก็ยังเว้นระยะห่างระหว่างนางกับเขาไม่น้อยเช่นเดียวกัน หลานจิวเห็นว่าลูกคนนี้ช่างไร้ประโยชน์นัก ขนาดว่านางท้องสามียังไม่ค่อยสนใจเลย ส่วนหนิงซวนหยวนก็ยุ่งอยู่กับการเลี้ยงดูหลานชายสองคนของเขา เขาจึงไม่ได้สนใจว่าหลานสะใภ้กับหลานชายจะเป็นอย่างไร
วัน ๆ หลานจิวก็ชักจะอารมณ์เสียเพราะลูกไม่ช่วยให้นางมีความสัมพันธ์ดีขึ้นกับสามี นางแทบไม่อยากจะคลอดเด็กคนนี้เสียด้วยซ้ำไป จนใจที่ก่อนถึงกำหนดคลอด หลานจิวที่เดินไปมาสำรวจที่ทางในเรือนกลับสะดุดล้มจากท้องที่ใหญ่โตจนต้องคลอดก่อนกำหนด ในวันนั้นนางเกือบต้องตายไปพร้อมกับลูกชายเสียแล้ว หากสามีพาหมอมาไม่ทัน เรื่องนี้ยิ่งทำให้หลานจิวโกรธและเกลียดลูกในท้องคนนี้ยิ่งขึ้นไปอีก
หนิงเจิ้งไม่รู้เลยว่าภรรยาจะมีความคิดเช่นนี้ เขาเร่งตามหมอมาจนนางคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัยเป็นชายอีกคนหนึ่ง เขาคิดว่าแค่นี้ตระกูลหนิงก็คงจะมีคนสืบทอดหลายคนแล้วจึงได้พักเรื่องมีลูกกับภรรยา เขากลัวว่าหากผิดพลาดไปแล้วนางท้องอีก รายได้ที่เขาขายสมุนไพรคงไม่พอเลี้ยงดูทุกคนแน่ ๆ การกระทำที่เปลี่ยนไปของหนิงเจิ้งทำให้หลานจิวไม่พอใจ นางเอาแต่ตวาดว่าลูกชายคนที่สามที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าเป็นตัวซวยทำให้นางกับสามีห่างเหินกันไปอีก
กระทั่งหนิงซวนหยวนได้ยินเข้าก็สั่งสอนหลานสะใภ้ให้รู้จักรักลูกของตนเองบ้าง ไม่ใช่เห็นแก่ความสบาย เขาเปรียบเทียบนางกับสะใภ้บ้านอื่นจนทำเอานางขายหน้าบ่าวไพร่ไปเสียหมด
สองปีผ่านไป หนิงชิงตอนนี้ขยายสาขาเพิ่มอีกหนึ่งมณฑลแล้ว กิจการที่นั่นดำเนินไปได้ด้วยดี หนิงชิงแนะนำเทคนิคการวางขายสินค้าทั่วไปเสียก่อนที่จะวางขายสินค้าสั่งทำ เนื่องจากของใช้ทั่วไปคนธรรมดาเองก็สามารถซื้อได้ มันจะทำให้รายได้ของร้านคงที่ได้ระยะหนึ่งเลยทีเดียว ต้าเจียงเองก็ทำหน้าที่พ่อบ้านใหญ่ได้ดีสมกับที่หนิงชิงหวังเอาไว้เช่นเดียวกัน ไม่ว่างานที่จวนหรือที่ร้านเขาก็เป็นผู้ดูแลอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ตอนนี้ลูก ๆ ของหนิงชิงก็อายุครบสามขวบแล้ว ยิ่งโตพวกเขายิ่งผอมลง ไม่เหมือนตอนเด็กที่อ้วนท้วนกันใหญ่ ฮ่องเต้เองก็มักเรียกหาเหลน ๆ ทั้งสองเข้าวังไปเล่นด้วยอยู่บ่อย ๆ หลัง ๆ มานี้หนิงชิงก็ให้แม่นมพาทั้งสองไปหาเสด็จปู่ของพวกเขาแทนที่นางจะไปเอง เพราะหนิงชิงกลับไปดูงานที่ร้านอีกครั้งแล้ว เมื่อปีก่อนน้องสาวนางก็พาหล
วันนี้กว่าที่พ่อกับแม่ของหนิงชิงจะกลับก็เป็นตอนที่ลูกทั้งสองของนางเข้านอนตอนบ่ายแล้วนั่นเอง พวกท่านยังบอกให้นางดูแลหลานของพวกเขาให้ดี แล้วว่าง ๆ พวกเขาจะมาเยี่ยมใหม่ หลังจากร่ำลากันแล้ว พ่อแม่ของเจียงเฉิงและหนิงชิงก็ส่งพวกเขาขึ้นรถม้าแล้วออกจากจวนไป พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงยังเยินยอพ่อแม่ของหนิงชิงเสียมากมายให้นางฟัง ก่อนที่พวกท่านจะไปพักผ่อนยามบ่ายกันตามปกติ ส่วนหนิงชิงที่วันนี้เหน็ดเหนื่อยกับการจับเจ้าลูกชายที่เพิ่งจะเดินได้มากขึ้นก็อยากกลับไปนอนพักผ่อนเช่นเดียวกัน แม่นมทั้งสองเองก็คอยดูแลคุณชายน้อยทั้งสองเป็นอย่างดี หนิงชิงจึงไม่ได้ห่วงอันใดพวกเขานัก สองวันต่อมา ต้าเจียงนำสมุดบัญชีมาให้หนิงชิงหลังจากที่ต้าเจินลูกชายของเขาเดินทางไปตรวจสอบบัญชีที่ร้านสาขาทั้งสองกลับมาเมื่อวานนี้ เขายังนำตั๋วแลกเงินจำนวนนับหลายหมื่นตำลึงกลับมาให้หนิงชิงด้วย ต
ข่าวที่หนิงชิงได้รับแต่งตั้งเป็นฮูหยินอันดับหนึ่งดังไปทั่วเมืองหลวงในเวลาไม่นาน มีบรรดาฮูหยินขุนนางมากหน้าหลายตาเข้ามาส่งของขวัญแสดงความยินดีกับหนิงชิงมากมายในช่วงเวลาเกือบสองสัปดาห์ที่นางต้องปั้นยิ้มรับของที่ไม่อยากได้เข้าจวน กระทั่งเหล่าฮูหยินมอบของขวัญครบทุกคนแล้วนั่นแหละ หนิงชิงจึงได้ถอนหายใจได้เสียที นางเบื่อการเข้าสังคมจอมปลอมเช่นนี้ที่สุด หากให้นางต้องไปนั่งดื่มชานินทาชาวบ้านล่ะก็นางคงทำไม่ได้ การได้รับความโปรดปรานใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีเสียหน่อย ข้อเสียก็คือจะมีคนมารบกวนเรามากขึ้นเหมือนที่ผ่านมาอย่างไรเล่า อาหารเย็นวันนี้แม่ของเจียงเฉิงได้สอบถามหนิงชิงว่านางรู้สึกอย่างไรที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในเหล่าฮูหยินขุนนางแล้ว หนิงชิงได้แต่ยิ้มแหยตอบกลับไป“ท่านแม่เจ้าคะ ข้าไม่เคยคิดหวังที่จะได้รับตำแหน่งนี้มาก่อน ทุกอย่างที่ข้าทำเพื่อเลี้ยงลูกก็เป็นจิตสำนึกของข้าเอง ข้ารู้ว่าฝ่าบ
สามวันต่อมา ราชโองการลงโทษจวนอดีตเสนาบดีกรมพิธีการสั่งการให้คนที่กระทำความผิดถูกประหารรวมทั้งบ่าวไพร่ที่ร่วมมือด้วยก็เช่นเดียวกัน ส่วนผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องให้เนรเทศไปชายแดนเหนือและห้ามเข้ารับราชการอีกตลอดชีวิต เสนาบดีกรมอาญาน้อมรับราชโองการและแจ้งวันประหารในอีกสามวันถัดไป เพราะพวกเขาต้องคัดคนที่จะถูกเนรเทศออกไปก่อนจึงต้องใช้เวลาสักหน่อยก่อนที่จะแยกออกได้ เจียงเฉิงที่ทำหน้าที่ของตนเองเสร็จแล้วก็กลับไปทำงานที่ค่ายทหารเช่นเคย หนิงชิงยังเคยบอกเจียงเฉิงว่าดีที่ตอนนี้ไม่มีศึกสงคราม ทำให้แคว้นพัฒนาไปได้มาก อีกทั้งนางยังไม่ต้องแยกจากสามีด้วยสี่เดือนต่อมา ฮ่องเต้ที่คิดถึงเหลนชายตัวอ้วนก็มีรับสั่งให้คนในจวนแม่ทัพเข้าเฝ้าเป็นกรณีพิเศษ วันนี้เจียงเฉิงพอได้รับข่าวก็รีบมาจากค่ายทหารแล้วพาทุกคนในครอบครัวเข้าไปในวัง แ
ไม่ถึงสามวัน คนที่เจียงเฉิงส่งไปสืบเรื่องราวก็รู้ว่าเป็นฮูหยินกับบุตรสาวของเสนาบดีกรมพิธีการที่ทำเรื่องเช่นนี้จริง ๆ เจียงเฉิงพอรู้ว่าเกี่ยวข้องกับเสนาบดีกรมพิธีการก็ยิ่งแค้นนัก เขาหรือก็ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวที่เสนาบดีกรมพิธีการกระทำมาก่อน ตอนนี้เขากลับกล้ามาแตะเกล็ดย้อนของเขา คนพวกนี้ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเขารักภรรยามากจึงได้ทำเช่นนี้ เจียงเฉิงนั่งคิดอยู่พักใหญ่ จากนั้นเขาจึงให้คนของเขาไปหาหลักฐานการทุจริตหรือการทำชั่วต่าง ๆ ที่คนในจวนเสนาบดีเคยทำมาให้หมด ในเมื่อเป็นเสนาบดีดีดีไม่ชอบ เจียงเฉิงก็จะให้เขากลายเป็นนักโทษไปเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ถือว่าเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู จะได้ไม่มีใครกล้ามาทำเช่นนี้อีก หลังรับคำสั่งแล้วคนของเจียงเฉิงมากกว่ายี่สิบคนก็แยกกันออกไปตามหาเบาะแสเรื่องของเสนาบดีกรมพิธีการทันที พวกเขารู้ดีว่านายน้อยใจร้อนมากเพียงใด หากพวกเขามัวแต่ชักช้า นายน้อยคงสั่งลงโท
คืนนี้หนิงชิงจึงได้นอนหลับอย่างสบายโดยที่สามีไม่ก่อกวนนางจริง ๆ เจียงเฉิงที่ได้แต่กอดภรรยานอน เขาอดหมั่นเขี้ยวคนตัวเล็กไม่ได้ จึงแอบหอมแก้มนางฟอดใหญ่ก่อนจะหลับไปพร้อมกับความอ่อนเพลียเช่นกัน จวนแม่ทัพเลี้ยงดูเด็ก ๆ ได้เกือบห้าเดือนแล้ว ช่วงนี้กลับมีข่าวลือว่าแม่ทัพใหญ่ไปติดพันลูกสาวเสนาบดีกรมพิธีการเสียได้ หนิงชิงไม่รู้ว่าข่าวนี้ใครเป็นคนปล่อย แต่สามีนางน่าจะรู้เรื่องนี้แล้วกระมัง ขนาดนางที่อยู่แต่ในจวนยังรู้เลย เขาที่ไปทำงานทุกวันจะไม่รู้ได้อย่างไร อีกทั้งข่าวลือยังบอกอีกว่าฮ่องเต้สนับสนุนให้แม่ทัพใหญ่มีฮูหยินรองเพื่อจะได้มีทายาทสืบทอดเพิ่มขึ้นอีก ทั้งสัปดาห์มีแต่ข่าวลือเรื่องนี้ ด้านเจียงเฉิงได้แต่โกรธแค้นว่าใครกันเป็นคนปล่อยข่าวบ้า ๆ นี่ออกมา เขาที่ทำงานที่ค่ายทหารงก ๆ จะเอาเวลาที่ไหนไปยุ่งกับหญิงอื่น อีกทั้งเขายังรักภรรยาคนเดียวด้วย จะมีหญิงใดที่เขาชายตามองในเมืองหลวงบ้างเ
สัปดาห์ต่อมาหลังจากเจียงเฉิงเริ่มจับทางเจ้าอ้วนน้อยทั้งสองได้แล้วว่าจะนอนตอนไหน แผนการเผด็จศึกภรรยาสุดที่รักก็เริ่มขึ้นทันที คืนนั้นเจียงเฉิงอาบน้ำให้ภรรยาพร้อมกับใส่ชุดให้นางแล้วอุ้มไปที่เตียงทันที หนิงชิงเองก็งงกับสามีตัวดีว่าจะทำอันใด ปกตินางก็เดินไปนอนเองอยู่แล้วหลังเขาใส่เสื้อผ้าให้ แต่วันนี้สามีนางมาแปลก เมื่อถึงเตียงแล้วเจียงเฉิงก็เริ่มปฏิบัติการเล้าโลมภรรยาตัวน้อยทันที หนิงชิงที่กว่าจะตั้งสติได้ก็ตอนที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยหมดแล้ว นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดสามีตัวดีจึงได้ทำตัวแปลก ๆ ที่แท้เขาก็กำลังคิดเรื่องบนเตียงอยู่นั่นเอง หนิงชิงได้แต่กลัวว่าลูกจะตื่นจึงได้บอกเขาทั้งที่นางเองก็พร้อมให้กับสามีที่กำลังเล้าโลมนางอยู่ไม่น้อย เจียงเฉิงกระซิบบอกภรรยาที่รักของเขาว่าลูก ๆ จะยังไม่ตื่นจนกว่าจะอีกหนึ่งชั่วยาม เขาที่จับตาดูลูกมาตลอดหนึ่งสัปดาห์มั่นใจมาก หนิงชิงที่ได้ยินเช่นนั้นได้แต่บ่นสามีในใจว่าเขาถึงกับดูกิจวัตรประจำวันของเจ้าอ้วนน้อยทั้งสอ
กว่างานเลี้ยงจะเลิกก็เกือบเย็นแล้ว ครอบครัวเจียงเฉิงกับหนิงชิงพากันส่งแขกร่วมกันที่หน้าจวนจนกระทั่งแขกกลับกันหมดแล้ว หนิงกวานก่อนจะกลับจวนเช่นกันก็มอบของเล่นเอาไว้ให้หลาน ๆ เสียหลายอย่าง พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงได้แต่ขอบคุณท่านตาของหลานพวกเขาที่สละเวลาทำของเล่นออกมาเสียมากมาย หนิงกวานได้แต่หัวเราะและบอกว่าพวกเขาเป็นหลานชายตัวอ้วนที่พวกเขามี หากมีสิ่งใดดี ๆ เขาก็อยากมอบให้หลาน ๆ มากกว่าที่จะให้กับคนอื่น หลังจากร่ำลากันได้สักพักพวกหนิงกวานก็ขึ้นรถม้าจากไป ตอนนี้จวนแม่ทัพกลับมาเงียบสงบดังเดิมแล้ว บ่าวไพร่เองต่างก็ช่วยกันเก็บข้าวของเพื่อให้บริเวณงานเลี้ยงสะอาดสะอ้านเหมือนก่อนที่จะจัดงาน พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงที่เหนื่อยมาทั้งวันต่างชวนกันไปพักผ่อน วันนี้พวกเขาเสียเรี่ยวแรงไปมากจริง ๆ เอาไว้พรุ่งนี้พวกเขาค่อยไปเล่นกับหลาน ๆ ก็ยังไม่สาย อย่างไรหลานของพวกเขาก็อยู่ด้วยกันที่จวนอยู่แล้วด้วย ฟากฝ
สิ่งของสำหรับเลือกในครั้งนี้มีทั้งอุปกรณ์การช่างที่หนิงชิงเป็นคนวาง ตำราที่ฮ่องเต้ให้ขันทีวางลงไป ก้อนเงินที่ฮองเฮาประทาน ส่วนของไทเฮานั้นเป็นกุญแจอายุยืนที่นางสั่งร้านเครื่องประดับทำขึ้นมา สิ่งของอื่น ๆ ก็ยังมีของเล่นที่หนิงกวานทำมา มีดไม้แกะสลักก็ยังมี ไหนจะดาบของเล่นที่เจียงเฉิงเป็นคนวางอีกเล่า ยังไม่รวมสิ่งของอื่น ๆ อีกนับสิบอย่างที่มีคนมาวางเอาไว้ให้คุณชายน้อยทั้งสองเลือกอีก เมื่อถึงเวลาเลือกของแล้ว หนิงชิงกับเจียงเฉิงก็วางลูกลงบนกองสิ่งของแล้วให้พวกเขาเลือกมาสักหนึ่งอย่าง ด้านโหย่วเฉียงและคงหมิงได้แต่มองกันตาปริบ ๆ พวกเขารู้เพียงว่าอยากได้สิ่งของมาเล่นเท่านั้น จึงทำให้ทั้งคู่คลานต้วมเตี้ยมวน ๆ หาดูว่าจะเอาสิ่งใดมาเล่นดี โหย่วเฉียงที่เห็นดาบของเล่นก็ชอบใจ เขาเลือกดาบและตำราโดยนำดาบมาฟันตำราเล่นเสียอย่างนั้น การกระทำของเขาทำเอาแขกทั้งหลายมีแต่เสียงหัวเราะเอ็นดูเด็กน้อยกันทั้งนั้น ส่วนคงหมิงนั้นเลือกก้อนเงินและอุปกรณ์แปลก ๆ ของหนิงชิง &nb