หลังจากวันที่หลานจิวถูกท่านปู่สามีสั่งสอน นางก็ทำตัวดีขึ้นทันที ด้วยกลัวว่าจะถูกเพ่งเล็งจนต้องหย่ากับสามี ส่วนหนิงเจิ้งนั้นไม่ได้สนใจภรรยา เขากับปู่ช่วยกันเลี้ยงดูเด็ก ๆ อย่างสนุกสนาน ในเมื่อแม่ของพวกเขาใจจืดใจดำนัก ทั้งสองปู่หลานจึงได้ช่วยกันเลี้ยงแทน
หนิงซวนหยวนที่ช่วยเลี้ยงจนหลานชายคนโตอายุได้ห้าขวบ เขาก็เริ่มเจ็บป่วยออด ๆ แอด ๆ ตามประสาคนสูงวัย ทำให้หนิงเจิ้งยิ่งห่างเหินกับภรรยา เขาคอยดูแลท่านปู่และส่งจดหมายบอกพี่ชายแล้วว่าหากกลับมาดูใจท่านได้ก็ให้กลับมา ถ้ามาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เขาจะดูแลท่านปู่จนถึงวาระสุดท้ายเอง
ด้านหนิงจิ้งที่ได้รับจดหมายจากน้องชายได้แต่นึกเสียใจ แต่ตอนนี้เขาได้สอบเข้าเป็นขุนนางในราชสำนักแล้ว การจะไปไหนมาไหนย่อมเป็นเรื่องยาก แถมตอนนี้ลูก ๆ ของเขาเองก็อายุมากพอที่จะเข้าเรียนแล้ว เขาจึงไม่อาจจากไปได้ หนิงจิ้งได้แต่ส่งจดหมายตอบกลับน้องชายอย่างเสียใจ คราแรกภรรยาเขาจะเดินทางกลับไปเอง แต่หนิงจิ้งไม่ไว้วางใจให้นางเดินทางคนเดียว เขาจึงไม่ให้นางไปด้วยความเป็นห่วง
ฮวงเหมยอี้รู้ดีว่าสามีเป็นห่วง แต่เขาลืมไปหรือเปล่าว่านางเป็นลูกสาวสำนักคุ้มกัน ถึงจะมีลูกแล้วแต่นางก็ไม่เคยร้างลาการฝึกฝนเลยแม้แต่วันเดียว ด้วยนางไม่อยากทะเลาะกับสามีเรื่องนี้นางจึงไม่ดื้อดึงอีก รอให้เขาสามารถลางานได้ก่อนค่อยไปก็ยังไม่สาย อีกอย่างนางอยากไปเยี่ยมท่านพ่อของนางด้วย
หนิงจิ้งเข้าใจภรรยาของเขาดีว่านางอยากกลับไปจริง ๆ เอาไว้รอเขาสะสางงานและขอลาไปสักสิบวันถ้าขี่ม้าเร็วน่าจะไปกลับทัน ส่วนหนิงเจิ้งที่ตอนนี้ต้องดูแลท่านปู่กับลูก ๆ ได้แต่หนักใจว่าพี่ชายจะกลับมาทันดูใจท่านปู่หรือไม่ ส่วนภรรยาเขาน่ะหรือ แทนที่จะช่วยเขาเลี้ยงลูก นางกลับเลี้ยงแค่ลูกคนโตกับคนกลาง ส่วนคนเล็กนางไม่สนใจเลย เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเหตุใดนางจึงจงเกลียดจงชังลูกคนเล็กนัก ทั้งที่ลูกสามของเขาฉลาดกว่าคนอื่นเสียอีก เขายังเคยสอนเรื่องสมุนไพรให้ลูกตอนอายุสองขวบแล้วเห็นว่าลูกเขาจำสมุนไพรได้ไม่น้อย ไม่เหมือนลูกคนอื่น ๆ ของเขาที่ห่วงแต่จะเล่นกัน เขาจึงอยากฝากความหวังเรื่องสมุนไพรไว้กับลูกคนเล็กของเขาแทนที่จะหวังพึ่งลูกคนโตกับคนกลางที่ไม่รู้ว่าภรรยาสั่งสอนอย่างไร เหตุใดจึงได้ดื้อรั้นนัก แถมยังคอยรังแกลูกคนเล็กของเขาอยู่เสมอ
หลังจากทนทุกข์กับอาการป่วยได้หนึ่งเดือน ท่านปู่ของหนิงเจิ้งก็จากไป เขาสั่งบ่าวให้ช่วยจัดการเรื่องศพของท่านปู่ ส่วนหนิงจิ้งกับภรรยาก็มาถึงในวันที่ท่านปู่สิ้นใจพอดี หลานจิวที่เพิ่งเคยเห็นพี่ใหญ่ของสามีกับภรรยาของเขาแต่งตัวดูดีก็ได้แต่หมั่นไส้ ส่วนนางยังต้องแต่งตัวเป็นชาวบ้านเหมือนสามี เรื่องนี้ทำให้นางอิจฉาตาร้อนไม่น้อย นางยังพูดกระทบกระเทียบกับสามีนางด้วยว่าภรรยาพี่ชายเขาแต่งตัวเสียดิบดี แต่นางที่เป็นเมียเขากลับต้องอยู่อย่างแร้นแค้นใส่แต่เสื้อผ้าเก่า ๆ ทั้งที่ความจริงแล้วหนิงเจิ้งให้เงินนางไปซื้อเสื้อผ้าบ่อย ๆ แต่นางกลับมาต่อว่าเขาเช่นนี้
หนิงจิ้งเห็นภรรยาน้องชายเป็นเช่นนี้ก็ได้แต่รังเกียจและบอกน้องชายให้ดูแลตัวเองดี ๆ อย่าได้สนใจภรรยาบ้านนอกที่เห็นแก่ตัวเช่นนี้เลย หากมีสิ่งใดก็ให้ส่งจดหมายไปบอกเขา เพราะเขามาได้ไม่กี่วัน ตอนนี้ภรรยาเขาก็ไปเยี่ยมพ่อตาอยู่ คาดว่าวันนี้พ่อตาคงมาคารวะศพท่านปู่เช่นกัน
คนในหมู่บ้านเองก็มาช่วยงานศพหนิงซวนหยวนด้วย เพราะเขาคอยให้สมุนไพรกับชาวบ้านที่เจ็บป่วยบ่อย ๆ จนเขาเป็นที่รักของคนในหมู่บ้าน หนิงจิ้งอยู่จนงานศพเสร็จสิ้นก็ต้องรีบกลับเมืองหลวงไปทำงานของเขาต่อไป ฮวงเหมยอี้เองก็กลับพร้อมสามี นางปล่อยลูก ๆ ไว้ที่จวนนานแล้วจึงนึกเป็นห่วง ฮวงเหมยอี้เห็นสายตาน้องสะใภ้ก็ได้แต่เป็นห่วงน้องชายสามี นางกำชับให้เขาระวังตัวจากภรรยาบ้านนอกคนนี้ดี ๆ นางดูแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร เพียงแต่นางไม่สามารถยุ่งเกี่ยวเรื่องครอบครัวน้องสามีได้เช่นกันจึงได้แค่เตือนเอาไว้เท่านั้น
หนิงเจิ้งยังนึกสงสัยว่าเหตุใดพี่สะใภ้จึงได้เตือนเขาเหมือนที่ท่านปู่เตือนเขาก่อนจากไป เขาเองไม่คิดว่านางจะเลวร้ายมากขนาดนั้นกระมัง ถ้านางทำตัวไม่ดีเขาก็จะขอหย่านางเสียก็สิ้นเรื่องแล้ว ด้วยความที่หนิงเจิ้งยังคงให้โอกาสภรรยาได้ปรับปรุงตัวอยู่ เขาจึงไม่ได้นึกถึงเรื่องที่ทุกคนเตือนให้เขาระวังภรรยาเลยแม้แต่น้อย
หนิงเจิ้งยังคงทำสวนสมุนไพรขายเหมือนปกติ บ่าวหลายคนที่พอนายท่านผู้เฒ่าสิ้นไปแล้วก็ขอลาออกกลับบ้านเดิมกันไปหมด ตอนนี้หลานจิวต้องทำงานบ้านเองจึงเหนื่อยไม่น้อย นางได้แต่ใส่อารมณ์กับหนิงกวานลูกชายคนเล็ก ส่วนหนิงอ้ายกับหนิงอี้นั้นนางไม่เคยจะใช้งานใด ๆ เด็กพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย ทำให้หนิงเจิ้งไม่พอใจนางมากขึ้นทุกวัน ๆ เขาเองก็ไม่รู้ว่าตนเองจะต้องทนดูลูกสามถูกรังแกได้นานขนาดไหน เขาได้แต่มอบความรักความอบอุ่นให้ลูกชายที่เขาฝากความหวังเรื่องสมุนไพรเอาไว้ให้เท่านั้น อย่างน้อยหากลูกสามของเขาต้องแยกบ้านไปก่อน เขาก็ยังมีวิชาความรู้เรื่องสมุนไพรไปใช้หาเงินทองได้
เมื่ออายุลูก ๆ เข้าเกณฑ์ที่พอจะเข้าเรียนได้ หนิงเจิ้งเองก็ให้ลูก ๆ เข้าเรียนพร้อมกันหมดทั้งสามคน แต่หลานจิวไม่ยอมที่จะเสียเงินให้หนิงกวานไปเรียนกับพี่ ๆ ทำให้หนิงเจิ้งทะเลาะกับนางเป็นครั้งแรก เขาบอกนางว่าเงินทองเป็นเขาหามาทั้งนั้น เขาจะให้ใครเรียนหรือไม่เรียนก็เป็นเรื่องของเขา ยิ่งตอนนี้บ่าวไพร่ไม่มีอยู่ในจวน หลานจิวยิ่งโมโห นางบอกว่าถ้าหนิงกวานไปเรียนแล้วใครจะทำงานบ้านช่วยนาง ทำเอาหนิงเจิ้งได้แต่จนใจ เขาไม่ยอมให้หนิงกวานช่วยงานภรรยาแน่ ๆ ทุกครั้งเขาก็เห็นนางทำเองได้ หนิงเจิ้งจึงไม่ยอมเรื่องนี้จนหนิงกวานได้ไปเรียนกับพี่ ๆ จนได้ ทำให้หลานจิวโมโหสามีจนไม่คุยกับเขาอยู่เป็นเดือน ท้ายที่สุดเงินทองทั้งหมดเป็นสามีนางหามาแต่ไม่เคยให้นางเก็บเลย นางจะขอเบิกได้แต่ทีละนิดทีละหน่อยเท่านั้น
สองปีผ่านไป หนิงชิงตอนนี้ขยายสาขาเพิ่มอีกหนึ่งมณฑลแล้ว กิจการที่นั่นดำเนินไปได้ด้วยดี หนิงชิงแนะนำเทคนิคการวางขายสินค้าทั่วไปเสียก่อนที่จะวางขายสินค้าสั่งทำ เนื่องจากของใช้ทั่วไปคนธรรมดาเองก็สามารถซื้อได้ มันจะทำให้รายได้ของร้านคงที่ได้ระยะหนึ่งเลยทีเดียว ต้าเจียงเองก็ทำหน้าที่พ่อบ้านใหญ่ได้ดีสมกับที่หนิงชิงหวังเอาไว้เช่นเดียวกัน ไม่ว่างานที่จวนหรือที่ร้านเขาก็เป็นผู้ดูแลอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ตอนนี้ลูก ๆ ของหนิงชิงก็อายุครบสามขวบแล้ว ยิ่งโตพวกเขายิ่งผอมลง ไม่เหมือนตอนเด็กที่อ้วนท้วนกันใหญ่ ฮ่องเต้เองก็มักเรียกหาเหลน ๆ ทั้งสองเข้าวังไปเล่นด้วยอยู่บ่อย ๆ หลัง ๆ มานี้หนิงชิงก็ให้แม่นมพาทั้งสองไปหาเสด็จปู่ของพวกเขาแทนที่นางจะไปเอง เพราะหนิงชิงกลับไปดูงานที่ร้านอีกครั้งแล้ว เมื่อปีก่อนน้องสาวนางก็พาหล
วันนี้กว่าที่พ่อกับแม่ของหนิงชิงจะกลับก็เป็นตอนที่ลูกทั้งสองของนางเข้านอนตอนบ่ายแล้วนั่นเอง พวกท่านยังบอกให้นางดูแลหลานของพวกเขาให้ดี แล้วว่าง ๆ พวกเขาจะมาเยี่ยมใหม่ หลังจากร่ำลากันแล้ว พ่อแม่ของเจียงเฉิงและหนิงชิงก็ส่งพวกเขาขึ้นรถม้าแล้วออกจากจวนไป พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงยังเยินยอพ่อแม่ของหนิงชิงเสียมากมายให้นางฟัง ก่อนที่พวกท่านจะไปพักผ่อนยามบ่ายกันตามปกติ ส่วนหนิงชิงที่วันนี้เหน็ดเหนื่อยกับการจับเจ้าลูกชายที่เพิ่งจะเดินได้มากขึ้นก็อยากกลับไปนอนพักผ่อนเช่นเดียวกัน แม่นมทั้งสองเองก็คอยดูแลคุณชายน้อยทั้งสองเป็นอย่างดี หนิงชิงจึงไม่ได้ห่วงอันใดพวกเขานัก สองวันต่อมา ต้าเจียงนำสมุดบัญชีมาให้หนิงชิงหลังจากที่ต้าเจินลูกชายของเขาเดินทางไปตรวจสอบบัญชีที่ร้านสาขาทั้งสองกลับมาเมื่อวานนี้ เขายังนำตั๋วแลกเงินจำนวนนับหลายหมื่นตำลึงกลับมาให้หนิงชิงด้วย ต
ข่าวที่หนิงชิงได้รับแต่งตั้งเป็นฮูหยินอันดับหนึ่งดังไปทั่วเมืองหลวงในเวลาไม่นาน มีบรรดาฮูหยินขุนนางมากหน้าหลายตาเข้ามาส่งของขวัญแสดงความยินดีกับหนิงชิงมากมายในช่วงเวลาเกือบสองสัปดาห์ที่นางต้องปั้นยิ้มรับของที่ไม่อยากได้เข้าจวน กระทั่งเหล่าฮูหยินมอบของขวัญครบทุกคนแล้วนั่นแหละ หนิงชิงจึงได้ถอนหายใจได้เสียที นางเบื่อการเข้าสังคมจอมปลอมเช่นนี้ที่สุด หากให้นางต้องไปนั่งดื่มชานินทาชาวบ้านล่ะก็นางคงทำไม่ได้ การได้รับความโปรดปรานใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีเสียหน่อย ข้อเสียก็คือจะมีคนมารบกวนเรามากขึ้นเหมือนที่ผ่านมาอย่างไรเล่า อาหารเย็นวันนี้แม่ของเจียงเฉิงได้สอบถามหนิงชิงว่านางรู้สึกอย่างไรที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในเหล่าฮูหยินขุนนางแล้ว หนิงชิงได้แต่ยิ้มแหยตอบกลับไป“ท่านแม่เจ้าคะ ข้าไม่เคยคิดหวังที่จะได้รับตำแหน่งนี้มาก่อน ทุกอย่างที่ข้าทำเพื่อเลี้ยงลูกก็เป็นจิตสำนึกของข้าเอง ข้ารู้ว่าฝ่าบ
สามวันต่อมา ราชโองการลงโทษจวนอดีตเสนาบดีกรมพิธีการสั่งการให้คนที่กระทำความผิดถูกประหารรวมทั้งบ่าวไพร่ที่ร่วมมือด้วยก็เช่นเดียวกัน ส่วนผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องให้เนรเทศไปชายแดนเหนือและห้ามเข้ารับราชการอีกตลอดชีวิต เสนาบดีกรมอาญาน้อมรับราชโองการและแจ้งวันประหารในอีกสามวันถัดไป เพราะพวกเขาต้องคัดคนที่จะถูกเนรเทศออกไปก่อนจึงต้องใช้เวลาสักหน่อยก่อนที่จะแยกออกได้ เจียงเฉิงที่ทำหน้าที่ของตนเองเสร็จแล้วก็กลับไปทำงานที่ค่ายทหารเช่นเคย หนิงชิงยังเคยบอกเจียงเฉิงว่าดีที่ตอนนี้ไม่มีศึกสงคราม ทำให้แคว้นพัฒนาไปได้มาก อีกทั้งนางยังไม่ต้องแยกจากสามีด้วยสี่เดือนต่อมา ฮ่องเต้ที่คิดถึงเหลนชายตัวอ้วนก็มีรับสั่งให้คนในจวนแม่ทัพเข้าเฝ้าเป็นกรณีพิเศษ วันนี้เจียงเฉิงพอได้รับข่าวก็รีบมาจากค่ายทหารแล้วพาทุกคนในครอบครัวเข้าไปในวัง แ
ไม่ถึงสามวัน คนที่เจียงเฉิงส่งไปสืบเรื่องราวก็รู้ว่าเป็นฮูหยินกับบุตรสาวของเสนาบดีกรมพิธีการที่ทำเรื่องเช่นนี้จริง ๆ เจียงเฉิงพอรู้ว่าเกี่ยวข้องกับเสนาบดีกรมพิธีการก็ยิ่งแค้นนัก เขาหรือก็ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวที่เสนาบดีกรมพิธีการกระทำมาก่อน ตอนนี้เขากลับกล้ามาแตะเกล็ดย้อนของเขา คนพวกนี้ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเขารักภรรยามากจึงได้ทำเช่นนี้ เจียงเฉิงนั่งคิดอยู่พักใหญ่ จากนั้นเขาจึงให้คนของเขาไปหาหลักฐานการทุจริตหรือการทำชั่วต่าง ๆ ที่คนในจวนเสนาบดีเคยทำมาให้หมด ในเมื่อเป็นเสนาบดีดีดีไม่ชอบ เจียงเฉิงก็จะให้เขากลายเป็นนักโทษไปเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ถือว่าเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู จะได้ไม่มีใครกล้ามาทำเช่นนี้อีก หลังรับคำสั่งแล้วคนของเจียงเฉิงมากกว่ายี่สิบคนก็แยกกันออกไปตามหาเบาะแสเรื่องของเสนาบดีกรมพิธีการทันที พวกเขารู้ดีว่านายน้อยใจร้อนมากเพียงใด หากพวกเขามัวแต่ชักช้า นายน้อยคงสั่งลงโท
คืนนี้หนิงชิงจึงได้นอนหลับอย่างสบายโดยที่สามีไม่ก่อกวนนางจริง ๆ เจียงเฉิงที่ได้แต่กอดภรรยานอน เขาอดหมั่นเขี้ยวคนตัวเล็กไม่ได้ จึงแอบหอมแก้มนางฟอดใหญ่ก่อนจะหลับไปพร้อมกับความอ่อนเพลียเช่นกัน จวนแม่ทัพเลี้ยงดูเด็ก ๆ ได้เกือบห้าเดือนแล้ว ช่วงนี้กลับมีข่าวลือว่าแม่ทัพใหญ่ไปติดพันลูกสาวเสนาบดีกรมพิธีการเสียได้ หนิงชิงไม่รู้ว่าข่าวนี้ใครเป็นคนปล่อย แต่สามีนางน่าจะรู้เรื่องนี้แล้วกระมัง ขนาดนางที่อยู่แต่ในจวนยังรู้เลย เขาที่ไปทำงานทุกวันจะไม่รู้ได้อย่างไร อีกทั้งข่าวลือยังบอกอีกว่าฮ่องเต้สนับสนุนให้แม่ทัพใหญ่มีฮูหยินรองเพื่อจะได้มีทายาทสืบทอดเพิ่มขึ้นอีก ทั้งสัปดาห์มีแต่ข่าวลือเรื่องนี้ ด้านเจียงเฉิงได้แต่โกรธแค้นว่าใครกันเป็นคนปล่อยข่าวบ้า ๆ นี่ออกมา เขาที่ทำงานที่ค่ายทหารงก ๆ จะเอาเวลาที่ไหนไปยุ่งกับหญิงอื่น อีกทั้งเขายังรักภรรยาคนเดียวด้วย จะมีหญิงใดที่เขาชายตามองในเมืองหลวงบ้างเ
สัปดาห์ต่อมาหลังจากเจียงเฉิงเริ่มจับทางเจ้าอ้วนน้อยทั้งสองได้แล้วว่าจะนอนตอนไหน แผนการเผด็จศึกภรรยาสุดที่รักก็เริ่มขึ้นทันที คืนนั้นเจียงเฉิงอาบน้ำให้ภรรยาพร้อมกับใส่ชุดให้นางแล้วอุ้มไปที่เตียงทันที หนิงชิงเองก็งงกับสามีตัวดีว่าจะทำอันใด ปกตินางก็เดินไปนอนเองอยู่แล้วหลังเขาใส่เสื้อผ้าให้ แต่วันนี้สามีนางมาแปลก เมื่อถึงเตียงแล้วเจียงเฉิงก็เริ่มปฏิบัติการเล้าโลมภรรยาตัวน้อยทันที หนิงชิงที่กว่าจะตั้งสติได้ก็ตอนที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยหมดแล้ว นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดสามีตัวดีจึงได้ทำตัวแปลก ๆ ที่แท้เขาก็กำลังคิดเรื่องบนเตียงอยู่นั่นเอง หนิงชิงได้แต่กลัวว่าลูกจะตื่นจึงได้บอกเขาทั้งที่นางเองก็พร้อมให้กับสามีที่กำลังเล้าโลมนางอยู่ไม่น้อย เจียงเฉิงกระซิบบอกภรรยาที่รักของเขาว่าลูก ๆ จะยังไม่ตื่นจนกว่าจะอีกหนึ่งชั่วยาม เขาที่จับตาดูลูกมาตลอดหนึ่งสัปดาห์มั่นใจมาก หนิงชิงที่ได้ยินเช่นนั้นได้แต่บ่นสามีในใจว่าเขาถึงกับดูกิจวัตรประจำวันของเจ้าอ้วนน้อยทั้งสอ
กว่างานเลี้ยงจะเลิกก็เกือบเย็นแล้ว ครอบครัวเจียงเฉิงกับหนิงชิงพากันส่งแขกร่วมกันที่หน้าจวนจนกระทั่งแขกกลับกันหมดแล้ว หนิงกวานก่อนจะกลับจวนเช่นกันก็มอบของเล่นเอาไว้ให้หลาน ๆ เสียหลายอย่าง พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงได้แต่ขอบคุณท่านตาของหลานพวกเขาที่สละเวลาทำของเล่นออกมาเสียมากมาย หนิงกวานได้แต่หัวเราะและบอกว่าพวกเขาเป็นหลานชายตัวอ้วนที่พวกเขามี หากมีสิ่งใดดี ๆ เขาก็อยากมอบให้หลาน ๆ มากกว่าที่จะให้กับคนอื่น หลังจากร่ำลากันได้สักพักพวกหนิงกวานก็ขึ้นรถม้าจากไป ตอนนี้จวนแม่ทัพกลับมาเงียบสงบดังเดิมแล้ว บ่าวไพร่เองต่างก็ช่วยกันเก็บข้าวของเพื่อให้บริเวณงานเลี้ยงสะอาดสะอ้านเหมือนก่อนที่จะจัดงาน พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงที่เหนื่อยมาทั้งวันต่างชวนกันไปพักผ่อน วันนี้พวกเขาเสียเรี่ยวแรงไปมากจริง ๆ เอาไว้พรุ่งนี้พวกเขาค่อยไปเล่นกับหลาน ๆ ก็ยังไม่สาย อย่างไรหลานของพวกเขาก็อยู่ด้วยกันที่จวนอยู่แล้วด้วย ฟากฝ
สิ่งของสำหรับเลือกในครั้งนี้มีทั้งอุปกรณ์การช่างที่หนิงชิงเป็นคนวาง ตำราที่ฮ่องเต้ให้ขันทีวางลงไป ก้อนเงินที่ฮองเฮาประทาน ส่วนของไทเฮานั้นเป็นกุญแจอายุยืนที่นางสั่งร้านเครื่องประดับทำขึ้นมา สิ่งของอื่น ๆ ก็ยังมีของเล่นที่หนิงกวานทำมา มีดไม้แกะสลักก็ยังมี ไหนจะดาบของเล่นที่เจียงเฉิงเป็นคนวางอีกเล่า ยังไม่รวมสิ่งของอื่น ๆ อีกนับสิบอย่างที่มีคนมาวางเอาไว้ให้คุณชายน้อยทั้งสองเลือกอีก เมื่อถึงเวลาเลือกของแล้ว หนิงชิงกับเจียงเฉิงก็วางลูกลงบนกองสิ่งของแล้วให้พวกเขาเลือกมาสักหนึ่งอย่าง ด้านโหย่วเฉียงและคงหมิงได้แต่มองกันตาปริบ ๆ พวกเขารู้เพียงว่าอยากได้สิ่งของมาเล่นเท่านั้น จึงทำให้ทั้งคู่คลานต้วมเตี้ยมวน ๆ หาดูว่าจะเอาสิ่งใดมาเล่นดี โหย่วเฉียงที่เห็นดาบของเล่นก็ชอบใจ เขาเลือกดาบและตำราโดยนำดาบมาฟันตำราเล่นเสียอย่างนั้น การกระทำของเขาทำเอาแขกทั้งหลายมีแต่เสียงหัวเราะเอ็นดูเด็กน้อยกันทั้งนั้น ส่วนคงหมิงนั้นเลือกก้อนเงินและอุปกรณ์แปลก ๆ ของหนิงชิง &nb