โชคชะตาของคนเรานั้นไม่แน่ไม่นอนเสมอ ณัฐชยาตื่นขึ้นมาในเช้าวันที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ มองเพดานห้อง ก่อนจะหันมองติณณ์ที่นอนอยู่ข้างๆ นั่นทำให้เธอน้ำตาไหลนองหน้าทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขาเมื่อคืน สุดท้ายสิ่งที่ได้ตอบแทนกลับมาคือความเจ็บช้ำทั้งกายและใจ ณัฐชยาสับสนว่านี่เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ ทำไมมารดาและพี่สาวถึงทำกับเธอแบบนี้ เมื่อสงสัยจึงต้องการหาคำตอบณัฐชยาค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง เพียงแค่เท้าสัมผัสกับพื้นพรมเพื่อทรงตัว ความเจ็บปวดก็วิ่งสู่บริเวณกลางลำตัวจนเธอต้องนิ่วหน้า ก่อนจะข่มความเจ็บปวดไว้แล้วเดินเข้าไปอาบน้ำ หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวม แม้จะเป็นชุดแต่งงานที่ยังคงเปียกชื้นของธัญชยาพี่สาวก็ตามที หัวใจเธอบอบช้ำขณะยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจก สิ่งที่เสียไปไม่อาจเรียกคืนได้อีกแล้ว ก่อนจะพาตัวเองออกจากห้องน้ำ ยืนมองติณณ์ที่ตอนนี้ยังคงหลับสนิท“ซอรักพี่ติณนะคะ” แม้จะรักแต่ก็ใช่ว่าจะสามารถครอบครองได้ ติณณ์นั้นได้ชื่อว่าแต่งงานกับธัญชยาแล้ว ถึงคนที่ถูกส่งตัวเข้าหอจะเป็นเธอก็ตามที ณัฐชยายืนปาดน้ำตา ก่
“พ่อดีใจที่ติณพูดออกมาแบบนี้ ซอคือผู้ถูกกระทำที่น่าสงสารที่สุด” มนตรีถอนหายใจออกมาหนักๆ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเกิดเรื่องบ้าๆ แบบนี้ขึ้นภายในครอบครัวของเขาได้ หลังคุยกับมนตรีเรียบร้อย ติณณ์ก็ขึ้นไปหาณัฐชยาบนห้องนอน“คุณติณ”“ซอเป็นยังไงบ้างครับป้าอ้วน” เสียงทุ้มๆ เอ่ยถามกับป้าอ้วนที่นั่งเฝ้าณัฐชยาอยู่ข้างๆ“หลับมาหลายชั่วโมงแล้วค่ะ จนป่านนี้ก็ยังไม่ตื่น”“ผมเฝ้าซอต่อเองครับ ป้าอ้วนไปพักเถอะ”“ค่ะ” ป้าอ้วนเอ่ยรับ ก่อนจะปลีกตัวออกไปเพื่อให้ทั้งสองอยู่ด้วยกัน ป้าอ้วนไม่ได้สงสารเพียงแค่ณัฐชยาเท่านั้น ยังสงสารติณณ์ด้วยที่ต้องตกเป็นเครื่องมือของธัญชยาแบบนี้ เนื่องจากป้าอ้วนเองก็รู้นิสัยใจคอของธัญชยาดีว่าเป็นคนแบบไหน ที่อยากแต่งงานกับติณณ์เพียงเพราะต้องการเอาชนะณัฐชยา แต่เมื่อได้มาครองแล้วกลับทอดทิ้งและผลักไสติณณ์คืนให้ณัฐชยาอีกส่วนณัฐชยานั้นก็ดีเกินไป ถูกมารดา ถูกพี่สาวแท้ๆ ทำร้ายจิตใจมาตั้งแต่เด็กๆ จนโตป่านน
“ใครโทรมาครับ”“เพื่อนค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตอบโดยที่ไม่หันมองหน้าติณณ์ด้วยซ้ำ“สนิทกันมากไหม”“มาก” ณัฐชยาตอบลากเสียงยาว ติณณ์มองเธอด้วยแววตาดุๆ บ่งบอกว่าไม่พอใจ“สนิทมากเท่าพี่หรือเปล่า”“มากกว่า” พูดจบณัฐชยาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปโดยมีติณณ์ตามมาไม่ห่าง ทั้งคู่เหมือนพ่อแง่แม่งอน แม้จะโกรธเคืองกัน แต่ภายในแววตาก็ยังคงแฝงไว้ด้วยความรัก ป้าอ้วนอยากเห็นทั้งคู่ปรับความเข้าใจกัน ไม่อยากให้เข้าใจผิดเพราะมือที่สามคืนนั้นติณณ์นอนค้างที่บ้านของณัฐชยา แต่หญิงสาวก็ตั้งแง่ไม่ยอมพูดด้วยง่ายๆ ไล่ชายหนุ่มไปนอนบนโซฟา ซึ่งติณณ์ก็ไม่ค้านอะไร ยอมทำตามที่ณัฐชยาบอกทุกอย่าง แต่ตกกลางคืนชายหนุ่มกลับได้ยินเสียงสะอื้นไห้ จนต้องลุกมาดู จึงรู้ว่าที่มาของเสียงสะอื้นนั้นดังมาจากณัฐชยา“ซอ...เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” “เปล่าค่ะ ซอไม่ได้เป็นอะไร” ณัฐชยาพลิกตัวนอนตะแคงข้าง หัน
“พี่ติณเป็นอะไรไหมคะ ไหนขอซอดูหน่อย” สีหน้าของ ณัฐชยาแสดงออกว่าเป็นห่วง ก่อนจะจับมือที่ติณณ์ยกขึ้นมาปิดใบหน้าตัวเองออก เพื่อจะดูให้ว่าอะไรเข้าตา คนเจ้าเล่ห์กลอกตาไปมาเพื่อให้ณัฐชยาดูว่ามีอะไรทั้งๆ ที่เขานั้นสบายดีทุกอย่าง แต่ไม่นานณัฐชยาก็รับรู้ถึงความผิดปกติ เพราะติณณ์นอนกอดเธอนิ่ง นั่นทำให้หัวใจเธอเต้นรัวและหวั่นไหว ก่อนจะผละออกจากอ้อมกอดเขา“เจ้าเล่ห์”“พี่เปล่า” เสียงทุ้มๆ เอ่ยขึ้น แต่แววตานั้นเจ้าเล่ห์อย่างที่ ณัฐชยาพูดจริงๆ“ปล่อยนะคะ แล้วก็ลงไปจากเตียงด้วย ซอง่วงจะนอนแล้ว”“พี่ก็ง่วงมากแล้วเหมือนกัน งั้นเรามานอนด้วยกันนะ”“ไม่เอา” ณัฐชยาใช้กำปั้นยันตัวชายหนุ่มไว้ พร้อมกับผลักให้เขาออกห่าง แต่กลับไม่ได้ผล ติณณ์อาศัยว่าตนมีแรงมากกว่ารั้งเธอเข้ามากอดได้สำเร็จ ณัฐชยานอนฟังเสียงเต้นของหัวใจชายหนุ่มนิ่งราวกับรูปปั้น เธอไม่คุ้นชินกับสัมผัสใกล้ชิดแบบนี้เท่าไหร่นัก แม้จะเคยคบหากันมาก่อนก็ตาม แต่จะว่าไปตอนนี้เธอกับติณณ์ก็เกิ
“โอเคๆ ฉันเข้าใจ เอาเป็นว่าฉันไม่ได้ถามอะไรไปแล้วกัน”“ขอบคุณครับ งั้นผมขอตัวกลับก่อน”“เชิญ” จันทาเอ่ยรับห้วนๆ ทนายจอมพลจึงกลับออกไป เมื่อเสียงรถเคลื่อนตัวออกจากบ้านแล้ว เบญจาและสามีก็ออกมาหามารดาเพื่อถามข่าวว่าได้เรื่องอะไรจากทนายจอมพลไหม จันทารู้สึกเพียงเอะใจในคำตอบของทนายพี่สาวว่าต้องรู้อะไรไม่มากก็น้อย เพียงแต่ไม่ยอมพูด ทั้งๆ ที่เธอให้เงินเปิดปากไปก้อนใหญ่“แต่ผมมีแผนสำรองครับคุณแม่” เจริญยิ้ม เพราะเขาเองก็ได้สืบประวัติครอบครัวของทนายจอมพลมาบ้างพอสมควร ในสมองตอนนี้จึงคิดแผนล้วงความลับขึ้นมาได้แผนหนึ่ง“แผนอะไรคะคุณ” เบญจารีบถามสามีทันที“ก็ในเมื่อเราล้วงความลับจากไอ้ทนายปากแข็งนั่นตรงๆ ไม่ได้ เราก็ใช้เมียมันเป็นเครื่องมือก็หมดเรื่อง เดี๋ยวผมจัดการเอง รับรองได้ข่าวแน่นอน”“ดีมาก เป็นถึงลูกเขยฉัน ต้องฉลาดแบบนี้สิ” จันทาเอ่ยชมบุตรเขย ทำให้เจริญหน้าบานที่เอาอกเอาใจแม่ยายได้ โดยลึกๆ ก็หวัง
“ติณครับ ทั้งชื่อเล่นและชื่อจริง”“ชื่อเพราะเหลือเกินนะ” คุณหญิงวาสนายิ้มกว้าง นัยนาเข้าใจตั้งชื่อบุตรชาย เพราะนี่คือชื่อของสามีเธอ ผู้มีศักดิ์เป็นตาของติณณ์นั่นเอง นัยนาที่ตอนนี้กำลังอยู่ในครัวกับสะใภ้ แต่ขณะที่กำลังจัดโต๊ะ หูกลับได้ยินบุตรชายพูดคุยกับใครที่หน้าบ้านแว่วๆ จึงเอ่ยถามทั้งๆ ที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาดู“ใครมาเหรอติณ”“คุณยายคนนี้บอกว่ามาขอพบแม่ครับ” คำตอบของบุตรชาย ทำให้นัยนาเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใคร จานในมือถึงกับร่วงพร้อมอุทานออกมาอย่างตกใจและคาดไม่ถึงว่าจะได้พบมารดา“คุณแม่!”“แม่คะ” ณัฐชยาเข้าไปพยุงร่างของนัยนาไว้ เนื่องจากมีอาการเซเล็กน้อย ส่วนติณณ์รีบเข้าไปช่วยพยุงอีกคน“แม่...เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”“เปล่าลูกเปล่า” นัยนาเอ่ยตอบบุตรชาย ก่อนจะมองหน้าสองคนสลับกันไปมา ติณณ์รับรู้ได้ในทันทีว่าจะต้องมีเรื่องราวบางอย่างที่ไม่ปกติเกิดขึ้นแน่นอน และก็จร
“รับไปเถอะ อย่าขัดใจคนแก่เลยนะ”“ขอบพระคุณมากค่ะคุณยาย” ณัฐชยาเอ่ยขอบคุณพร้อมทั้งยกมือไหว้คุณหญิงวาสนา“รักติณให้มากๆ นะซอ มีอะไรก็ถนอมน้ำใจกันและกันให้มาก แต่งงานอยู่กินกันก็เหมือนเป็นคนคนเดียวกัน หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัย”“ค่ะ”“อ้อ...อีกข้อ มีเหลนให้ยายอุ้มเร็วๆ นะ ยายแก่แล้ว” คำพูดของคุณหญิงวาสนาทำให้ณัฐชยาขัดเขิน หญิงสาวเริ่มทำตัวไม่ถูก เพราะไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร คุณหญิงวาสนานึกเอ็นดูหลานสะใภ้คนนี้อย่างบอกไม่ถูก แม้จะเพิ่งเคยพบหน้ากัน แต่กลับรู้สึกว่าถูกชะตาเมื่อมีโอกาสได้พบหน้า คุณหญิงวาสนาจึงอยู่กับบุตรสาวให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งขณะนั้นคนของเจริญเองก็เฝ้าสังเกตอยู่ห่างๆ เพื่อรอโอกาส พร้อมกับโทรศัพท์ไปรายงานผู้เป็นนายทุกระยะ ว่าตอนนี้บรรดาเป้าหมายกำลังทำอะไรอยู่“ว่าไงบ้างคุณ”“เราไปช้ากว่านังคุณหญิงนั่นก้าวหนึ่ง” เจริญบีบโทรศัพท์เครื่องที่ใช้คุยกับลูกน้อ
“แบรด...ฉันต้องการคุณ” ธัญชยาหลับตาพริ้มเอ่ยถึงสามี ริมฝีปากหยักเม้มเข้าหากันแน่น มือข้างหนึ่งลูบไล้นวดเฟ้นหน้าอกตัวเองทั้งสองข้างสลับกันไปมา ส่วนอีกข้างลูบไล้กุหลาบดอกงามที่พรั่งพร้อมสำหรับการต้อนรับแก่นเนื้ออันทรงพลังของแบรด เสียงครางดังขึ้นเป็นระยะ แต่ความใจร้อนทำให้ธัญชยาส่งนิ้วเข้าสู่ร่างกายตัวเองพร้อมกับดึงเข้าออก แรงเสียดสีจากนิ้วพอทำให้เธอพอใจได้บ้าง แต่ไม่มากเท่าสิ่งที่หวังจังหวะนั้นอลันเปิดประตูเข้ามาภายในห้องพอดี หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบกว่าปียืนมองภาพของธัญชยาที่นอนหลับตาพริ้มช่วยตัวเองบนโซฟาด้วยความตะลึง รูปร่างของเธอช่างสวยงาม ยิ่งได้เห็นความเร่าร้อนตรงหน้าก็ยิ่งกระตุ้นให้เกิดความต้องการมากขึ้นเท่านั้น อลันก้าวเข้าไปหาเธอแล้วนั่งลงปลายโซฟา“แบรดคะ ช่วยพิณด้วย พิณไม่ไหวแล้ว” เสียงครางที่ฟังไม่ค่อยได้ศัพท์ดังมาจากธัญชยา เธอเข้าใจผิดคิดว่าอลันคือแบรดไปแล้ว ใบหน้าสวยยังคงพริ้มหลับเพื่อรอให้สามีปรนเปรอ อลันลูบไล้ธัญชยาตั้งแต่ปลายเท้า สัมผัสนั้นทำให้หญิงสาวสะท้าน ความเสียวซ่านมากมายวิ่งปรู๊ดขึ้นจากปลายเท้าเข้าสู่กระดูกสัน
“ฝากไว้ก่อนเถอะ รอลูกหลับ ซอหนีพี่ไม่พ้นแน่”“บ้า” ณัฐชยามองค้อนสามี ก่อนจะอุ้มบุตรชายขึ้นแล้วขยับไปนั่งให้นมอีกทาง เมื่อเจ้าตัวเล็กอิ่มก็ได้เวลาหลับต่อ และคงหลับยาวถึงเช้าตามเคย ณัฐชยาถือว่าโชคดีที่ลูกคนนี้เลี้ยงง่าย ไม่งอแงทำให้แม่หรือพ่อเหนื่อยมากนักเมื่อให้นมลูกเสร็จ ติณณ์ก็พาณัฐชยากลับลงไปชั้นล่าง แล้วให้พี่เลี้ยงขึ้นมาเฝ้าบุตรชายแทน ค่ำคืนของการฉลองยังอีกยาวไกล และเมื่อกลับขึ้นมาพักผ่อน ติณณ์ก็ทำตามที่ได้พูดไว้ ชายหนุ่มรุกเร้าคุณแม่มือใหม่อย่างณัฐชยาจนเธอเร่าร้อนไปทั้งตัว จะว่าไปก็เกือบๆ สี่เดือนที่ติณณ์นั้นไม่ได้ล่วงเกินณัฐชยาเลย ใช่ว่าจะมีเพียงชายหนุ่มเท่านั้นที่ต้องการเธอ ณัฐชยาเองก็ต้องการติณณ์ไม่แพ้กัน“พี่ติณ” ณัฐชยาครางกระเส่า เมื่อติณณ์กำลังหยอกเย้ากับหน้าอกของเธอจนตั้งชัน รูปร่างของณัฐชยาดูอวบอิ่มขึ้น หน้าอกเต็มไม้เต็มมือกว่าแต่ก่อน ยิ่งถูกติณปลุกเร้าก็ยิ่งตอบสนอง เม็ดยอดสีสวยถูกสามีหนุ่มใช้ปากร้อนๆ ดูดดุนเล่นสลับบีบเฟ้นเป็นจังหวะณัฐชยาบิดเร้า ร้าวรานกับความวาบหวามเสียวซ่านที่กระจายไปทั่วร่างก
วันแรกที่กลับจากโรงพยาบาล ณัฐชยาแวะไปเยี่ยมธัญชยาที่โรงพยาบาล จากผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าสวยจนเป็นดารานักแสดงได้อย่างสบายๆ ผิวนวลเนียนเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล ตอนนี้ธัญชยากลับดำคล้ำ ผิวแห้ง ผมร่วง ดูน่าเวทนาผิดไปจากธัญชยาคนก่อนจนแทบจำไม่ได้ พอเห็นหน้าหลานชายเธอก็ยิ้มอย่างยินดี“ชื่ออะไร”“น้องเติมเต็มค่ะพี่พิณ” ณัฐชยาก้มมองบุตรชายที่หลับพริ้มในอ้อมกอด ติณณ์นั่งมองทั้งสองพี่น้องอยู่ห่างๆ เพราะอยากให้เวลาส่วนตัวแก่คนทั้งคู่“เติมเต็ม ชื่อน่ารักมากเลยนะ หน้าตาก็น่าชัง เหมือนซอกับพี่ติณคนละครึ่ง” ธัญชยายิ้มให้หลานชาย เธอยื่นมือจะไปสัมผัสแก้มยุ้ยๆ แต่จำต้องดึงมือกลับ ณัฐชยาสงสารพี่สาวจึงเอ่ยขึ้น“พี่พิณอุ้มหลานนะคะ”“ไม่ดีกว่า ตัวพี่สกปรก” พูดจบธัญชยาก็ขยับหนี“พี่พิณทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะคะ”“พี่สกปรกจริงๆ ไม่ต้องอุ้มหลานหรอก แค่ได้นั่งมองหน้าพี่ก็ดีใจแล้ว” รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นบนมุมปาก แ
“ลูกผมหล่อมากนะครับหมอ ดูสิ จมูกโด่งเป็นสันเชียว” คนขี้เห่อเอ่ยขึ้น ณัฐชยาส่ายหน้าให้ติณณ์“หล่อค่ะ” หมอเอ่ยรับ เพราะลูกใครใครก็ชมว่าหล่อว่าน่ารักทั้งสิ้น เมื่อตรวจเสร็จหมอก็ให้ฟิล์มใบหน้าเจ้าตัวเล็กแก่ว่าที่คุณพ่อคุณแม่ได้เชยชม ติณณ์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ปลาบปลื้มกับใบหน้าบุตรชาย ก่อนจะโทรศัพท์ไปบอกเรื่องนี้ให้มารดาและผู้เป็นยายรู้ทันที“จริงเหรอติณ เป็นผู้ชายเหรอ”“ครับแม่ อาวุธเด่นชัดมาก”“พี่ติณ...ทะลึ่ง” ณัฐชยาที่นั่งอยู่ข้างๆ เหน็บชายหนุ่มไปแรงๆ ที่พูดอะไรทะลึ่งๆ แบบนั้น“ฝากบอกซอให้ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก ใกล้คลอด แม่กับยายจะลงไปกรุงเทพฯ”“ครับแม่” เสียงมีความสุขของติณณ์เอ่ยรับ ก่อนที่ชายหนุ่มจะคุยกับมารดาและยายครู่หนึ่ง จากนั้นจึงวางสายไปแล้วหันมายิ้มให้ณัฐชยา อยู่ๆ ก็โน้มตัวลงไปจูบหน้าท้องนูนเบาๆ“พ่อรักลูก รักแม่ของลูกมากนะครับ โตขึ้นมาต้องเป็นเด็กดี ไม่ดื
“ดื่มสิ” แต่อยู่ๆ ธัญชยากลับยืนตัวแข็งทื่อ เมื่อณัฐชยาคว้าตัวไปกอด“ขอบคุณนะคะพี่พิณ ขอบคุณที่ดีกับซอแบบนี้ ซอรักพี่สาวคนนี้มากนะคะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ซอก็รักพี่พิณ เพราะพี่คือพี่สาวของซอ”“ซอ” คำพูดของณัฐชยาทำให้ความคิดร้ายๆ ของธัญชยาหายไป ณัฐชยาผละออกจากพี่สาวเล็กน้อยเพื่อดื่มนม แต่จังหวะที่ปากแก้วกำลังจรดกับริมฝีปากอิ่ม ธัญชยาก็กำลังจะแย้ง แต่เสียงของติณณ์ที่เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำก็ดังขึ้นเสียก่อน“พี่สาวกับน้องสาวคู่นี้ทำอะไรกันครับ”“อ้อ...พี่พิณเอานมมาให้ซอดื่มค่ะพี่ติณ ยังอุ่นๆ อยู่เลย” ณัฐชยาหันไปตอบสามี ธัญชยาตกใจเพราะไม่คิดว่าติณณ์จะอยู่ในห้องด้วย ทั้งๆ ที่วันนี้เธอถามณัฐชยาแล้วว่าชายหนุ่มจะกลับตอนไหน ซึ่งคำตอบคือดึก เธอจึงตัดสินใจลงมือปลิดชีพน้องสาววันนี้ แต่ตอนนี้ความคิดบ้าๆ นั่นหายไปแล้ว“แต่ซอพึ่งดื่มนมไปแก้วใหญ่นี่ครับ ดื่มอีกจะไหวเหรอ”“ไม่เป็นไรค่ะ ซอดื่มได้”&l
ลินดาพยายามฟื้นฟูร่างกายจนเกือบจะกลับมาเดินได้ โดยมี ณัฐชยาคอยดูแลไม่ห่าง แม้จะกำลังตั้งครรภ์อยู่ก็ตามที ในทุกๆ วันเธอถามหาธัญชยาจนมนตรีไม่รู้จะหาเหตุผลใดๆ มาอ้างดี สุดท้ายก็จำต้องพูดความจริงออกไปในวันที่ลินดาพร้อมจะรับฟังทุกอย่างแล้ว“ลูกพิณเป็นเอดส์เหรอคะ” ลินดาเอ่ยทวนประโยคที่ได้ยินจากสามี มนตรีได้แต่พยักหน้ารับว่าใช่“ต่อให้ลูกเป็นอะไร เราก็จะไม่ทิ้งแก”“ขอบคุณนะคะคุณ ฉันไม่ดีเอง ฉันเป็นแม่ที่ไม่ดี”“คุณไม่ผิดหรอก ถ้าจะผิดเราก็ผิดด้วยกันทั้งคู่ ผมเองก็เป็นพ่อที่ไม่ดีเหมือนกัน” มนตรีกุมมือของภรรยาไว้“ตอนนี้ฉันรู้สึกผิดมาก โดยเฉพาะผิดต่อซอ ฉันทำผิดกับลูกคนนี้ไว้มากจริงๆ”“แต่ผมรู้ว่าซอไม่เคยคิดโทษคุณเลย นั่นก็เพราะว่าซอรักและหวังดีกับคุณมาก คุณคือแม่ที่ดีที่สุดของแก ผมอยากให้คุณมอบความรัก ความเอ็นดูให้ซอบ้าง แค่ครึ่งที่คุณมอบให้พิณก็ยังดี”“คุณมนตรี” แววตาของลินดาดูอึ้งไปที่ได้ยินสามีร้องขอแบบนี้ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิด“ผมค
แบรดทำท่าจะแย้ง แต่ธัญชยากลับโน้มตัวลงมาปิดกั้นเสียงพูดนั้น พร้อมกับขยับสะโพกขึ้นลงให้รัวเร็ว ถี่กระชั้นมากขึ้นจนสติของแบรดกระเจิดกระเจิง ตอบสนองเธอกลับไปอย่างถึงอกถึงใจ เสียงซี้ดปากดังต่อเนื่อง เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังเป็นจังหวะ ผสมผสานความเร่าร้อนก็ยิ่งทวีความวาบหวามยิ่งขึ้นธัญชยาทำตามใจตัวเองทุกอย่าง เธอชอบอะไรแบบไหนก็จัดแบบนั้นให้แบรด จนชายหนุ่มอดที่จะเอะใจความคุ้นเคยนี้ไม่ได้ว่าเคยได้รับจากใครมาก่อน แต่ความคิดนั้นก็ต้องหยุดลงเมื่อความเสียวซ่านเข้ามาทำให้สติหลุดลอย แบรดไม่อยากให้เธอคุมเกมฝ่ายเดียว จึงรีบเด้งตัวขึ้นแล้วรั้งธัญชยาลงไปนอนราบ ส่งตัวเองเข้าหาเธอในจังหวะหนักๆ สลับโน้มตัวลงไปจูบปาก มือก็คลึงหน้าอกไม่ได้หยุด“ฉันไม่ไหวแล้ว” ธัญชยาพยายามอดกลั้น แต่ความเร่าร้อนของแบรดก็ทำให้เธอยอมแพ้ ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม เพราะชอบที่ให้คู่นอนถึงสวรรค์ก่อนหลายๆ รอบ“ไม่ไหวก็ถึงเลย” แบรดไม่ต้องเอ่ยธัญชยาก็นำหน้าชายหนุ่มไปแล้วหนึ่งยก ความชื้นแฉะที่ไหลออกมาจากร่างกายเธอทำให้เขารู้ว่าธัญชยาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าไปแล
“ผลเลือดเป็นบวก...เป็นบวก” ธัญชยาเพ้อพูดผลตรวจเลือดซ้ำไปซ้ำมา สีหน้าเหม่อลอย สมองมึนงง เพราะไม่รู้จะทำยังไงต่อไป“พิณลูก” มนตรีลูบใบหน้าบุตรสาวเบาๆ“ผลเลือดเป็นบวก...เป็นบวก” ประโยคซ้ำๆ ยังดังมาจาก ธัญชยา นั่นทำให้หัวใจของมนตรีเจ็บปวดที่สุด ไม่คาดคิดว่าธัญชยาจะป่วยแบบนี้“พี่พิณใจเย็นๆ นะคะ ซอถามคุณหมอแล้ว ถ้าพี่พิณรับยาต้านติดต่อกันก็จะหาย”“ไม่! แกโกหกฉัน ฉันเป็นเอดส์ มันรักษาไม่หาย ฉันเป็นเอดส์ แกได้ยินไหมฉันเป็นเอดส์” ธัญชยาปัดมือของณัฐชยาออกห่าง มนตรีจึงเอ่ยขึ้นอีกคน“หายสิพิณ ลูกต้องหาย”“คุณพ่อไม่ต้องมาโกหก พิณรู้ พิณไม่ได้โง่” เสียงเกรี้ยวกราดของธัญชยาดังขึ้น เธอหวาดระแวงทุกอย่าง กังวลอาการป่วยของตัวเองจนไม่รับรู้ความจริงอะไรทั้งนั้น ฝังใจว่าสิ่งที่เป็นไม่มีวันรักษาหาย“ลูกพิณ” มนตรีคว้าตัวธัญชยาเข้ามากอดไว้แนบอก เพราะไม่รู้จะปลอบโยนบุตรสาวด้วยวิธีไหน ธัญชยาร้องไห้จนเผลอหลับไป ณัฐชยาแอบปาดน้ำตาอีกคน ติณณ์ยืนกุมมือภรรยาอยู่
หลังจากที่นอนไม่ได้สติมาเกือบหนึ่งอาทิตย์ ลินดาก็ค่อยๆ รู้สึกตัว เธอเห็นสามี ณัฐชยา และติณณ์ แต่กลับไม่เห็นธัญชยาแม้แต่เงา ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจบุตรสาวคนโปรดจึงเกิดขึ้น“คุณแม่รู้สึกตัวแล้วเหรอคะ เจ็บตรงไหนไหม”“ไม่ลูก” ลินดารู้สึกตื้อๆ ในอก เพราะรู้ตัวว่าทำไม่ดีกับ ณัฐชยามาตั้งมาก แต่วันนี้คนที่คอยดูแลเธอเป็นอย่างดีกลับคือ ณัฐชยา“คุณแม่ปลอดภัยแบบนี้ ซอก็หมดห่วง” ณัฐชยาแอบปาดน้ำตา เพราะลินดาคือมารดา ต่อให้มารดาจะไม่รักเธอยังไง เธอก็ตัดขาดจากมารดาไม่ได้ และตอนนี้เธอกำลังจะกลายเป็นแม่คนด้วยแล้ว ก็ยิ่งรักลินดามากขึ้น“รีบหายเร็วๆ นะคุณลินดา จะได้มาช่วยกันเลี้ยงหลาน”“หลาน...ซอท้องเหรอลูก”“ค่ะคุณแม่” ใบหน้ายิ้มๆ ของณัฐชยาเอ่ยรับ เธอลูบท้องที่ภายในมีเจ้าตัวเล็กเติบโตอยู่ แต่พอรู้ตัวว่ากำลังตั้งครรภ์อาการแพ้ท้องที่เคยมีกลับไม่มี“แม่ดีใจด้วยนะซอ” ลินดาอ้าแขนรับบุตรสาว ณัฐชยาเดินเข้าไปใกล้แล้วโน้มตัวลงไปกอดกับมารดา อ้อมกอดที่ณัฐชยาโหยหามาตลอด ตอนนี้เ
“แม่ไม่เป็นอะไรซอ ลูกล่ะ” น้ำเสียงที่เอ่ยถามฟังดูอ่อนโยนอย่างที่ณัฐชยาไม่เคยได้ยินมาก่อน แค่นี้กลับทำให้เธอตื้นตันในความห่วงใยที่มารดามีให้“ไม่ต้องไปห่วงมันหรอกค่ะคุณแม่ ยายซออึดและถึกจะตายไป โดนแค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ” ไม่พูดเปล่า ธัญชยายังตามมาจิกหัวของณัฐชยาไปแล้วตบตีเธออีกครั้งราวกับต้องการหาที่ระบายอารมณ์ ยิ่งณัฐชยาไม่ตอบโต้ใดๆ แบบนี้ ธัญชยาก็ยิ่งได้ใจติณณ์ที่กลับบ้านมาก่อนเวลาเพราะใจนั้นรู้สึกห่วงณัฐชยามาก ชายหนุ่มได้ยินเสียงเอะอะโวยวายคล้ายคนทะเลาะกันอยู่ชั้นบนจึงรีบขึ้นมาดู จนรู้ว่าต้นเสียงนั้นมาจากห้องนอนของเขา ชายหนุ่มรีบก้าวไป และเมื่อเปิดประตูสิ่งที่เห็นก็ทำให้ชายหนุ่มถึงกับช็อก เพราะตอนนี้ธัญชยากำลังตบตีณัฐชยา ผู้ซึ่งเป็นภรรยาของเขานั่นเอง“ทำอะไรน่ะพิณ” ติณณ์รีบเข้าไปห้ามใช้ตัวเองปกป้อง ณัฐชยา ธัญชยารีบเก็บมือที่เงื้อขึ้นจะฟาดหน้าของณัฐชยาเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ลืมนับอย่างอัตโนมัติ พร้อมกับทำหน้าทำตาไม่รู้ไม่ชี้“พิณไม่ได้ทำอะไรนะคะ พิณไม่รู้เรื่อง”“นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับคุณแม่&rdq