ส่วนคนที่คิดร้าย ยิ่งได้รู้ว่าติณณ์นั้นจะได้ จะมีสมบัติของคุณหญิงอย่างที่พวกเขาหวังอยากได้ จันทาและครอบครัวก็ยิ่งไม่พอใจ แผนการกำจัดติณณ์จึงถูกคิดขึ้น และหวังให้เป็นอุบัติเหตุ เพื่อไม่ให้ใครสงสัย“พวกเอ็งพร้อมแล้วนะ”“ครับ”“ดี...อีกวันสองวัน ติณมันจะขึ้นไปดูไร่ส้ม ใช้จังหวะนั้นขับรถไล่ยิงมันให้ตกเหว” เจริญยิ้มเหี้ยม เพราะหมายมั่นปั้นมือให้งานนี้จบลงในครั้งเดียว“ครับนาย” บรรดาลูกน้องเอ่ยรับอย่างพร้อมเพรียง“งานนี้อย่าให้พลาด” ไม่ว่ายังไงงานนี้จะต้องไม่มีคำว่าพลาด เจริญลงทุนจ้างมือปืนฝีมือดีสำหรับปลิดชีพติณณ์โดยเฉพาะวันเดินทางไปไร่ส้มที่อยู่บนเนินเขาซึ่งห่างจากโรงทอผ้าไหมประมาณร้อยกว่ากิโล ณัฐชยาตื่นตั้งแต่เช้า ลงไปทำอาหารว่างสำหรับติณณ์ด้วยตัวเอง เธอง่วนอยู่ในครัวกับการทำแซนด์วิช มือเล็กๆ ก็หยิบนั่นจับนี่เพื่อทำอาหารว่างดูคล่องแคล่ว ติณณ์ยืนอมยิ้มมองภรรยาด้วยสีหน้าของความสุข ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ตลอดเวลา นัยนานั
“คุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง” คุณหญิงวาสนายกมือขึ้นทาบอก โล่งอกมากที่ติณณ์นั้นไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร เพราะตั้งแต่รู้เรื่องจากตำรวจ หัวอกของคนเป็นยายก็ร้อนรุ่มทั้งหมดลงไปรับติณณ์ ก่อนจะพลิกตัวชายหนุ่มไปมาเพื่อดูให้แน่ใจว่าไม่ได้รับบาดเจ็บจริงๆ เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแบบนี้จึงพากันโล่งอก ก่อนที่คุณหญิงวาสนาจะถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้จากติณณ์คงละเอียดกว่ารู้จากตำรวจ ซึ่งชายหนุ่มก็เล่าเท่าที่จะเล่าได้ เพราะไม่อยากให้คนที่รักต้องมากังวล เขามองไปยังณัฐชยาด้วยแววตาของความรัก หญิงสาวเองก็ยิ้มตอบกลับมาเช่นกันอ้อมกอดอุ่นๆ ของติณณ์ยังคงทำให้หัวใจของณัฐชยาเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอนอนหนุนหัวไหล่คนที่ได้ชื่อว่าสามีที่ถูกต้องทุกอย่าง คนที่เธอนั้นห่วงด้วยหัวใจ เพียงแค่รู้ว่าเขาได้รับอันตรายใจก็แทบสลาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับติณณ์ ทำให้ณัฐชยารู้ใจตัวเองว่าเธอนั้นขาดชายหนุ่มไม่ได้ เธอรักเขามากกว่าที่คิดหลายเท่า นั่นก็ทำให้กำแพงหัวใจของทั้งสองพังทลายลงมาทันที“คิดอะไรอยู่ซอ ทำไมใจถึงเต้นแรงแบบนี้” เสียงทุ้มๆ เอ่ยถาม เพราะรับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจณัฐชยา
เหตุการณ์ลอบยิงติณณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ใช่ว่าจะมีแค่ผลเสีย เพราะผลดีก็มากเช่นกัน คุณหญิงวาสนาได้รู้ถึงจิตใจของคนที่ยากแท้หยั่งถึงมากแค่ไหน จึงสั่งให้ลูกน้องไปตามสืบข่าวว่าใครกันแน่ที่กล้าส่งมือปืนเหล่านั้นมาลอบฆ่าติณณ์หลานชายเพียงคนเดียวที่เธอเพิ่งจะได้พบหน้า และนั่นทำให้ทนายจอมพลยอมปริปากบอกความผิดที่ได้ก่อไว้ทั้งหมด“ว่าอะไรนะทนายจอมพล” คุณหญิงวาสนามองหน้าทนายส่วนตัวที่ทำงานด้วยกันมาหลายปีอย่างผิดหวัง เพราะคิดไม่ถึงว่าคนใกล้ตัวจะทำแบบนี้ได้“ผมผิดไปแล้วครับคุณหญิง ผมไม่ได้ตั้งใจจะบอกที่อยู่ของคุณนัยนาและคุณติณณ์ให้คุณเจริญรู้ แต่เหตุการณ์มันบังคับจริงๆ”“เอาเถอะ ต่อให้เอาผิดคุณทนายก็คงไม่มีประโยชน์ คนอย่างเจริญทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ครอบครัวทนายจอมพลไม่มีใครได้รับอันตรายก็ดีมากแล้ว”“ผมกราบขอโทษอีกครั้งครับ ต่อไปผมจะไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว” ขณะพูดทนายจอมพลก็ยกมือไหว้พร้อมกับกราบขอโทษคุณหญิงวาสนาอีกครั้ง เขารู้ว่าทำผิดมาก หากติณณ์ได้รับอันตรายร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต ทนายจอมพลยั
ธัญชยาเหมือนตกนรกในทุกวันที่มีลมหายใจ เธอแทบไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน เพราะถูกขังอยู่แค่ในห้องเท่านั้นเพื่อรองรับอารมณ์ดิบเถื่อนของอลัน รวมถึงชายอีกหลายคนที่เข้าหา ธัญชยารู้สึกขยะแขยงตัวเอง คิดสั้นถึงขั้นอยากฆ่าตัวตาย แต่ก็ไม่รู้จะใช้วิธีไหนดี ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเปิดประตู ธัญชยามักผวาหวาดกลัวเช่นในครั้งนี้“ตื่นแล้วเหรอจ๊ะพิณ” น้ำเสียงที่ธัญชยาแสนจะรังเกียจเอ่ยถาม ตอนนี้เธอรังเกียจอลันมาก แม้แต่เงาของเขาก็ยังรังเกียจไปด้วย“ไอ้คนสารเลว” ริมฝีปากที่ยังคงเหลือความช้ำจากการถูกทำร้ายเอ่ยขึ้น แววตาของธัญชยาจับจ้องไปยังอลันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ“ฉันชอบคำนี้จริงๆ ฟังแล้วรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก” แทนที่จะสำนึกหรือรู้สึกอะไรบ้าง แต่อลันกลับมึน ตีหน้านิ่ง ยิ่งทำให้ธัญชยารู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“คนอย่างแกไม่ตายดีแน่ ฉันจะจับแกเข้าคุก ไอ้แบรดผู้ชายสารเลวนั่นก็ด้วย” อลันยักไหล่ให้คำพูดของธัญชยา ก่อนจะส่งสัญญาณให้ชายที่เขารู้จักสามคนเข้ามาในห้อง ธัญชยาถอยหลังหนีทันที ในสมองตอน
“อะไรนะ!” เสียงอุทานตกใจของลินดาดังขึ้น ใจนั้นเต้นแรง เพราะไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับบุตรสาวและตัวเธอได้“แม่...เราต้องหนี หนีเดี๋ยวนี้”“หนีไปทางไหนลูก แม่ยังมองไม่เห็นทางเลย ข้างนอกมีคนคุมเต็มไปหมด” ลินดาเองก็หวาดกลัวไม่แพ้กัน เพียงก้าวแรกที่เธอก้าวมายังที่แห่งนี้ ลินดารู้สึกเย็นวูบทั่วแผ่นหลัง ไม่ปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก ต่อให้อยากหนีแต่ก็คงทำอะไรไม่ได้ เพราะภายนอกนั้นมีชายฉกรรจ์คอยดูแลอยู่ตั้งมากสองแม่ลูกกอดคอกันร้องไห้ ก่อนที่ธัญชยาจะเล่าให้มารดาฟังว่าเธอนั้นต้องพบเจออะไรมาบ้าง ลินดาแทบอกแตกตายยามที่ได้รู้ความจริง ความเลวทรามของแบรดไม่สมควรที่จะให้อภัยแม้แต่น้อย แต่อยู่ๆ ธัญชยาก็สะดุ้งแล้วรีบหลบอยู่หลังมารดาเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู คนที่เปิดเข้ามาคืออลันนั่นเอง“อย่าทำอะไรพวกเรา” ลินดากอดธัญชยาไว้แนบอกอย่างหวงแหน อลันมองหน้าเธอแล้วยิ้มออกมา ผู้หญิงคนนี้ช่างดูสวยแม้จะดูมีอายุแล้วก็ตาม ชักอยากจะรู้เสียแล้วว่าลีลาเธอจะเด็ดเท่า ธัญชยาผู้เป็นบุตรสาวหรือไม่
ติณณ์และณัฐชยากลับลงมากรุงเทพฯ เนื่องจากชายหนุ่มต้องกลับมายื่นเรื่องลาออกและเคลียร์งานที่บริษัทให้เรียบร้อย ก่อนที่ติณณ์จะตัดสินใจขึ้นไปเชียงใหม่เพื่อสานงานของครอบครัวต่อ การมาของบุตรสาวและบุตรเขยทำให้มนตรีหายเหงาได้บ้าง เพราะบ้านหลังใหญ่ตอนนี้ช่างดูเงียบเหงา ลินดาและธัญชยานั้นไม่รู้หายไปไหน ติดต่อก็ไม่ได้ มนตรีรู้สึกห่วง แต่ก็ได้แค่รอเท่านั้นวันนี้แขกคนสำคัญที่มาหาณัฐชยาถึงบ้านคือแขกที่ไม่ใช่ใครอื่น นั่นคือไรอันนั่นเอง ชายหนุ่มตัดสินใจมาเมืองไทยด้วยสองเหตุผล หนึ่งคือมาพักผ่อน สองคือมาหาณัฐชยานั่นเอง แต่ดูเหมือนเหตุผลที่สองจะมีเปอร์เซ็นต์ที่มากกว่า ณัฐชยาต้อนรับชายหนุ่มด้วยความยินดี“นั่งก่อนสิไรอัน”“ขอบคุณครับ”“มาได้ยังไง” เสียงหวานๆ ที่ไรอันแสนจะคิดถึงเอ่ยถาม ชายหนุ่มนั่งมองหน้าณัฐชยาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับไป“พอดีผมมีแผนมาเที่ยวที่เมืองไทย ก็เลยแวะมาหาซอ สบายดีไหม สีหน้าดูสดชื่นขึ้นนะ”“ซอสบายดี ไรอันล่ะ เป็นยังไงบ้าง&rd
“คุณซอเกิดอะไรขึ้นกันคะ ทำไมถึงมานั่งร้องไห้แบบนี้”“เขาไม่รักซอ เขารักพี่พิณ เขาเรียกชื่อพี่พิณทั้งๆ ที่อยู่กับซอ” ณัฐชยาสะอึกสะอื้นเอ่ยตอบ ป้าอ้วนยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้คนที่เธอรักและเอ็นดูราวกับลูกแท้ๆ ก็ไม่ปาน ติณณ์ตามหาณัฐชยาไปทั่วบ้าน กระทั่งเห็นเธออยู่กับป้าอ้วนจึงยืนมองอยู่ห่างๆ เขาได้ยินทั้งสองคุยกันไม่ถนัดนัก แต่อาการร้องไห้และเสียใจของณัฐชยาที่แสดงออกต้องเป็นเรื่องไม่น่ายินดีแน่ ซึ่งดูเหมือนเขาจะเป็นต้นเหตุด้วยคืนนั้นณัฐชยาขอนอนกับป้าอ้วนที่ห้อง เมื่อเห็นว่าเธอหลับ ป้าอ้วนจึงเดินออกมา เพราะมั่นใจว่ามีใครบางคนรออยู่นอกห้อง และเมื่อเปิดประตูก็เห็นติณณ์ยืนรออยู่ก่อนแล้วจริงๆ“ซอเป็นยังไงบ้างครับ”“หลับไปแล้วค่ะ” ป้าอ้วนลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ “ป้าขอคุยอะไรกับคุณติณสักครู่ได้ไหมคะ”“ได้สิครับ” ใช่ว่าป้าอ้วนเท่านั้นที่มีเรื่องจะพูด ติณณ์เองก็เช่นเดียวกัน แต่ก่อนจะพูดอะไรออกไป ป้าอ้วนก็ขอถอนหายใจสลับสูดอากาศเข
“ซอจ๋าซอ”“ปล่อยซอเลยนะคะ ปล่อย” ขณะพูดณัฐชยาก็พยายามแกะมือชายหนุ่มให้ออกห่าง แต่ก็ทำไม่ได้ง่ายเลย ติณณ์โน้มใบหน้ามาหอมแก้มแดงปลั่งของเธอไปฟอดใหญ่“โกรธพี่หรือเปล่า พี่จงใจเรียกชื่อซอกับพิณนะครับ ไม่ได้เผลอเรียก”“จงใจเรียกอย่างนั้นเหรอคะ” ณัฐชยาหันขวับมามองชายหนุ่ม ติณณ์จึงส่งยิ้มกลบเกลื่อนความผิดมาก่อน คนเห็นจึงส่งค้อนให้ด้วยความหมั่นไส้“ใช่...พี่อยากรู้ว่าซอจะหึงพี่บ้างหรือเปล่า”“ตอนนี้รู้หรือยังคะ”“รู้แล้วครับ รู้ทุกอย่างแล้ว รู้ด้วยว่าทำไมซอถึงต้องเลิกกับพี่แล้วไปเรียนต่อต่างประเทศทันทีแบบนั้น ซอไม่ได้มีคู่หมั้น ซอรักพี่ จริงไหม” ติณณ์กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น โชคดีแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้สูญเสียณัฐชยาไปจริงๆ“ไม่จริงสักหน่อย ซอไม่ได้...อื้อ” คำปฏิเสธของณัฐชยาถูกติณณ์ปิดกั้นด้วยจูบ ก่อนที่เขาจะถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง แต่ก็ยังจุมพิตเบาๆ หลายครั้ง
“ฝากไว้ก่อนเถอะ รอลูกหลับ ซอหนีพี่ไม่พ้นแน่”“บ้า” ณัฐชยามองค้อนสามี ก่อนจะอุ้มบุตรชายขึ้นแล้วขยับไปนั่งให้นมอีกทาง เมื่อเจ้าตัวเล็กอิ่มก็ได้เวลาหลับต่อ และคงหลับยาวถึงเช้าตามเคย ณัฐชยาถือว่าโชคดีที่ลูกคนนี้เลี้ยงง่าย ไม่งอแงทำให้แม่หรือพ่อเหนื่อยมากนักเมื่อให้นมลูกเสร็จ ติณณ์ก็พาณัฐชยากลับลงไปชั้นล่าง แล้วให้พี่เลี้ยงขึ้นมาเฝ้าบุตรชายแทน ค่ำคืนของการฉลองยังอีกยาวไกล และเมื่อกลับขึ้นมาพักผ่อน ติณณ์ก็ทำตามที่ได้พูดไว้ ชายหนุ่มรุกเร้าคุณแม่มือใหม่อย่างณัฐชยาจนเธอเร่าร้อนไปทั้งตัว จะว่าไปก็เกือบๆ สี่เดือนที่ติณณ์นั้นไม่ได้ล่วงเกินณัฐชยาเลย ใช่ว่าจะมีเพียงชายหนุ่มเท่านั้นที่ต้องการเธอ ณัฐชยาเองก็ต้องการติณณ์ไม่แพ้กัน“พี่ติณ” ณัฐชยาครางกระเส่า เมื่อติณณ์กำลังหยอกเย้ากับหน้าอกของเธอจนตั้งชัน รูปร่างของณัฐชยาดูอวบอิ่มขึ้น หน้าอกเต็มไม้เต็มมือกว่าแต่ก่อน ยิ่งถูกติณปลุกเร้าก็ยิ่งตอบสนอง เม็ดยอดสีสวยถูกสามีหนุ่มใช้ปากร้อนๆ ดูดดุนเล่นสลับบีบเฟ้นเป็นจังหวะณัฐชยาบิดเร้า ร้าวรานกับความวาบหวามเสียวซ่านที่กระจายไปทั่วร่างก
วันแรกที่กลับจากโรงพยาบาล ณัฐชยาแวะไปเยี่ยมธัญชยาที่โรงพยาบาล จากผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าสวยจนเป็นดารานักแสดงได้อย่างสบายๆ ผิวนวลเนียนเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล ตอนนี้ธัญชยากลับดำคล้ำ ผิวแห้ง ผมร่วง ดูน่าเวทนาผิดไปจากธัญชยาคนก่อนจนแทบจำไม่ได้ พอเห็นหน้าหลานชายเธอก็ยิ้มอย่างยินดี“ชื่ออะไร”“น้องเติมเต็มค่ะพี่พิณ” ณัฐชยาก้มมองบุตรชายที่หลับพริ้มในอ้อมกอด ติณณ์นั่งมองทั้งสองพี่น้องอยู่ห่างๆ เพราะอยากให้เวลาส่วนตัวแก่คนทั้งคู่“เติมเต็ม ชื่อน่ารักมากเลยนะ หน้าตาก็น่าชัง เหมือนซอกับพี่ติณคนละครึ่ง” ธัญชยายิ้มให้หลานชาย เธอยื่นมือจะไปสัมผัสแก้มยุ้ยๆ แต่จำต้องดึงมือกลับ ณัฐชยาสงสารพี่สาวจึงเอ่ยขึ้น“พี่พิณอุ้มหลานนะคะ”“ไม่ดีกว่า ตัวพี่สกปรก” พูดจบธัญชยาก็ขยับหนี“พี่พิณทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะคะ”“พี่สกปรกจริงๆ ไม่ต้องอุ้มหลานหรอก แค่ได้นั่งมองหน้าพี่ก็ดีใจแล้ว” รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นบนมุมปาก แ
“ลูกผมหล่อมากนะครับหมอ ดูสิ จมูกโด่งเป็นสันเชียว” คนขี้เห่อเอ่ยขึ้น ณัฐชยาส่ายหน้าให้ติณณ์“หล่อค่ะ” หมอเอ่ยรับ เพราะลูกใครใครก็ชมว่าหล่อว่าน่ารักทั้งสิ้น เมื่อตรวจเสร็จหมอก็ให้ฟิล์มใบหน้าเจ้าตัวเล็กแก่ว่าที่คุณพ่อคุณแม่ได้เชยชม ติณณ์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ปลาบปลื้มกับใบหน้าบุตรชาย ก่อนจะโทรศัพท์ไปบอกเรื่องนี้ให้มารดาและผู้เป็นยายรู้ทันที“จริงเหรอติณ เป็นผู้ชายเหรอ”“ครับแม่ อาวุธเด่นชัดมาก”“พี่ติณ...ทะลึ่ง” ณัฐชยาที่นั่งอยู่ข้างๆ เหน็บชายหนุ่มไปแรงๆ ที่พูดอะไรทะลึ่งๆ แบบนั้น“ฝากบอกซอให้ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก ใกล้คลอด แม่กับยายจะลงไปกรุงเทพฯ”“ครับแม่” เสียงมีความสุขของติณณ์เอ่ยรับ ก่อนที่ชายหนุ่มจะคุยกับมารดาและยายครู่หนึ่ง จากนั้นจึงวางสายไปแล้วหันมายิ้มให้ณัฐชยา อยู่ๆ ก็โน้มตัวลงไปจูบหน้าท้องนูนเบาๆ“พ่อรักลูก รักแม่ของลูกมากนะครับ โตขึ้นมาต้องเป็นเด็กดี ไม่ดื
“ดื่มสิ” แต่อยู่ๆ ธัญชยากลับยืนตัวแข็งทื่อ เมื่อณัฐชยาคว้าตัวไปกอด“ขอบคุณนะคะพี่พิณ ขอบคุณที่ดีกับซอแบบนี้ ซอรักพี่สาวคนนี้มากนะคะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ซอก็รักพี่พิณ เพราะพี่คือพี่สาวของซอ”“ซอ” คำพูดของณัฐชยาทำให้ความคิดร้ายๆ ของธัญชยาหายไป ณัฐชยาผละออกจากพี่สาวเล็กน้อยเพื่อดื่มนม แต่จังหวะที่ปากแก้วกำลังจรดกับริมฝีปากอิ่ม ธัญชยาก็กำลังจะแย้ง แต่เสียงของติณณ์ที่เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำก็ดังขึ้นเสียก่อน“พี่สาวกับน้องสาวคู่นี้ทำอะไรกันครับ”“อ้อ...พี่พิณเอานมมาให้ซอดื่มค่ะพี่ติณ ยังอุ่นๆ อยู่เลย” ณัฐชยาหันไปตอบสามี ธัญชยาตกใจเพราะไม่คิดว่าติณณ์จะอยู่ในห้องด้วย ทั้งๆ ที่วันนี้เธอถามณัฐชยาแล้วว่าชายหนุ่มจะกลับตอนไหน ซึ่งคำตอบคือดึก เธอจึงตัดสินใจลงมือปลิดชีพน้องสาววันนี้ แต่ตอนนี้ความคิดบ้าๆ นั่นหายไปแล้ว“แต่ซอพึ่งดื่มนมไปแก้วใหญ่นี่ครับ ดื่มอีกจะไหวเหรอ”“ไม่เป็นไรค่ะ ซอดื่มได้”&l
ลินดาพยายามฟื้นฟูร่างกายจนเกือบจะกลับมาเดินได้ โดยมี ณัฐชยาคอยดูแลไม่ห่าง แม้จะกำลังตั้งครรภ์อยู่ก็ตามที ในทุกๆ วันเธอถามหาธัญชยาจนมนตรีไม่รู้จะหาเหตุผลใดๆ มาอ้างดี สุดท้ายก็จำต้องพูดความจริงออกไปในวันที่ลินดาพร้อมจะรับฟังทุกอย่างแล้ว“ลูกพิณเป็นเอดส์เหรอคะ” ลินดาเอ่ยทวนประโยคที่ได้ยินจากสามี มนตรีได้แต่พยักหน้ารับว่าใช่“ต่อให้ลูกเป็นอะไร เราก็จะไม่ทิ้งแก”“ขอบคุณนะคะคุณ ฉันไม่ดีเอง ฉันเป็นแม่ที่ไม่ดี”“คุณไม่ผิดหรอก ถ้าจะผิดเราก็ผิดด้วยกันทั้งคู่ ผมเองก็เป็นพ่อที่ไม่ดีเหมือนกัน” มนตรีกุมมือของภรรยาไว้“ตอนนี้ฉันรู้สึกผิดมาก โดยเฉพาะผิดต่อซอ ฉันทำผิดกับลูกคนนี้ไว้มากจริงๆ”“แต่ผมรู้ว่าซอไม่เคยคิดโทษคุณเลย นั่นก็เพราะว่าซอรักและหวังดีกับคุณมาก คุณคือแม่ที่ดีที่สุดของแก ผมอยากให้คุณมอบความรัก ความเอ็นดูให้ซอบ้าง แค่ครึ่งที่คุณมอบให้พิณก็ยังดี”“คุณมนตรี” แววตาของลินดาดูอึ้งไปที่ได้ยินสามีร้องขอแบบนี้ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิด“ผมค
แบรดทำท่าจะแย้ง แต่ธัญชยากลับโน้มตัวลงมาปิดกั้นเสียงพูดนั้น พร้อมกับขยับสะโพกขึ้นลงให้รัวเร็ว ถี่กระชั้นมากขึ้นจนสติของแบรดกระเจิดกระเจิง ตอบสนองเธอกลับไปอย่างถึงอกถึงใจ เสียงซี้ดปากดังต่อเนื่อง เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังเป็นจังหวะ ผสมผสานความเร่าร้อนก็ยิ่งทวีความวาบหวามยิ่งขึ้นธัญชยาทำตามใจตัวเองทุกอย่าง เธอชอบอะไรแบบไหนก็จัดแบบนั้นให้แบรด จนชายหนุ่มอดที่จะเอะใจความคุ้นเคยนี้ไม่ได้ว่าเคยได้รับจากใครมาก่อน แต่ความคิดนั้นก็ต้องหยุดลงเมื่อความเสียวซ่านเข้ามาทำให้สติหลุดลอย แบรดไม่อยากให้เธอคุมเกมฝ่ายเดียว จึงรีบเด้งตัวขึ้นแล้วรั้งธัญชยาลงไปนอนราบ ส่งตัวเองเข้าหาเธอในจังหวะหนักๆ สลับโน้มตัวลงไปจูบปาก มือก็คลึงหน้าอกไม่ได้หยุด“ฉันไม่ไหวแล้ว” ธัญชยาพยายามอดกลั้น แต่ความเร่าร้อนของแบรดก็ทำให้เธอยอมแพ้ ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม เพราะชอบที่ให้คู่นอนถึงสวรรค์ก่อนหลายๆ รอบ“ไม่ไหวก็ถึงเลย” แบรดไม่ต้องเอ่ยธัญชยาก็นำหน้าชายหนุ่มไปแล้วหนึ่งยก ความชื้นแฉะที่ไหลออกมาจากร่างกายเธอทำให้เขารู้ว่าธัญชยาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าไปแล
“ผลเลือดเป็นบวก...เป็นบวก” ธัญชยาเพ้อพูดผลตรวจเลือดซ้ำไปซ้ำมา สีหน้าเหม่อลอย สมองมึนงง เพราะไม่รู้จะทำยังไงต่อไป“พิณลูก” มนตรีลูบใบหน้าบุตรสาวเบาๆ“ผลเลือดเป็นบวก...เป็นบวก” ประโยคซ้ำๆ ยังดังมาจาก ธัญชยา นั่นทำให้หัวใจของมนตรีเจ็บปวดที่สุด ไม่คาดคิดว่าธัญชยาจะป่วยแบบนี้“พี่พิณใจเย็นๆ นะคะ ซอถามคุณหมอแล้ว ถ้าพี่พิณรับยาต้านติดต่อกันก็จะหาย”“ไม่! แกโกหกฉัน ฉันเป็นเอดส์ มันรักษาไม่หาย ฉันเป็นเอดส์ แกได้ยินไหมฉันเป็นเอดส์” ธัญชยาปัดมือของณัฐชยาออกห่าง มนตรีจึงเอ่ยขึ้นอีกคน“หายสิพิณ ลูกต้องหาย”“คุณพ่อไม่ต้องมาโกหก พิณรู้ พิณไม่ได้โง่” เสียงเกรี้ยวกราดของธัญชยาดังขึ้น เธอหวาดระแวงทุกอย่าง กังวลอาการป่วยของตัวเองจนไม่รับรู้ความจริงอะไรทั้งนั้น ฝังใจว่าสิ่งที่เป็นไม่มีวันรักษาหาย“ลูกพิณ” มนตรีคว้าตัวธัญชยาเข้ามากอดไว้แนบอก เพราะไม่รู้จะปลอบโยนบุตรสาวด้วยวิธีไหน ธัญชยาร้องไห้จนเผลอหลับไป ณัฐชยาแอบปาดน้ำตาอีกคน ติณณ์ยืนกุมมือภรรยาอยู่
หลังจากที่นอนไม่ได้สติมาเกือบหนึ่งอาทิตย์ ลินดาก็ค่อยๆ รู้สึกตัว เธอเห็นสามี ณัฐชยา และติณณ์ แต่กลับไม่เห็นธัญชยาแม้แต่เงา ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจบุตรสาวคนโปรดจึงเกิดขึ้น“คุณแม่รู้สึกตัวแล้วเหรอคะ เจ็บตรงไหนไหม”“ไม่ลูก” ลินดารู้สึกตื้อๆ ในอก เพราะรู้ตัวว่าทำไม่ดีกับ ณัฐชยามาตั้งมาก แต่วันนี้คนที่คอยดูแลเธอเป็นอย่างดีกลับคือ ณัฐชยา“คุณแม่ปลอดภัยแบบนี้ ซอก็หมดห่วง” ณัฐชยาแอบปาดน้ำตา เพราะลินดาคือมารดา ต่อให้มารดาจะไม่รักเธอยังไง เธอก็ตัดขาดจากมารดาไม่ได้ และตอนนี้เธอกำลังจะกลายเป็นแม่คนด้วยแล้ว ก็ยิ่งรักลินดามากขึ้น“รีบหายเร็วๆ นะคุณลินดา จะได้มาช่วยกันเลี้ยงหลาน”“หลาน...ซอท้องเหรอลูก”“ค่ะคุณแม่” ใบหน้ายิ้มๆ ของณัฐชยาเอ่ยรับ เธอลูบท้องที่ภายในมีเจ้าตัวเล็กเติบโตอยู่ แต่พอรู้ตัวว่ากำลังตั้งครรภ์อาการแพ้ท้องที่เคยมีกลับไม่มี“แม่ดีใจด้วยนะซอ” ลินดาอ้าแขนรับบุตรสาว ณัฐชยาเดินเข้าไปใกล้แล้วโน้มตัวลงไปกอดกับมารดา อ้อมกอดที่ณัฐชยาโหยหามาตลอด ตอนนี้เ
“แม่ไม่เป็นอะไรซอ ลูกล่ะ” น้ำเสียงที่เอ่ยถามฟังดูอ่อนโยนอย่างที่ณัฐชยาไม่เคยได้ยินมาก่อน แค่นี้กลับทำให้เธอตื้นตันในความห่วงใยที่มารดามีให้“ไม่ต้องไปห่วงมันหรอกค่ะคุณแม่ ยายซออึดและถึกจะตายไป โดนแค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ” ไม่พูดเปล่า ธัญชยายังตามมาจิกหัวของณัฐชยาไปแล้วตบตีเธออีกครั้งราวกับต้องการหาที่ระบายอารมณ์ ยิ่งณัฐชยาไม่ตอบโต้ใดๆ แบบนี้ ธัญชยาก็ยิ่งได้ใจติณณ์ที่กลับบ้านมาก่อนเวลาเพราะใจนั้นรู้สึกห่วงณัฐชยามาก ชายหนุ่มได้ยินเสียงเอะอะโวยวายคล้ายคนทะเลาะกันอยู่ชั้นบนจึงรีบขึ้นมาดู จนรู้ว่าต้นเสียงนั้นมาจากห้องนอนของเขา ชายหนุ่มรีบก้าวไป และเมื่อเปิดประตูสิ่งที่เห็นก็ทำให้ชายหนุ่มถึงกับช็อก เพราะตอนนี้ธัญชยากำลังตบตีณัฐชยา ผู้ซึ่งเป็นภรรยาของเขานั่นเอง“ทำอะไรน่ะพิณ” ติณณ์รีบเข้าไปห้ามใช้ตัวเองปกป้อง ณัฐชยา ธัญชยารีบเก็บมือที่เงื้อขึ้นจะฟาดหน้าของณัฐชยาเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ลืมนับอย่างอัตโนมัติ พร้อมกับทำหน้าทำตาไม่รู้ไม่ชี้“พิณไม่ได้ทำอะไรนะคะ พิณไม่รู้เรื่อง”“นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับคุณแม่&rdq