บทที่ 3
...
“ไร่มังกรมีปัญหาหรอวะ”
“ไอ้มังกรไปไต้หวัน แล้ววันนี้มีทัวร์มาลงที่ไร่ กูเลยจะเข้าไปดูความเรียบร้อยสักหน่อย”
ธันวาพยักหน้าสองสามทีก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานไป ทิ้งให้ราชันย์ที่กำลังยืนสูบบุหรี่อย่างสบายอารมณ์ พ่นควันสีขาวช้า ๆ สลับกับอัดควันลงปอดอย่างหนักไปมาจนหมดมวน
“กอหญ้า”
เมื่อสมองว่างเปล่าภาพที่ผุดขึ้นมาในหัวก็คือภาพของหญิงสาวคนหนึ่งที่หน้าตาจิ้มลิ้มหลับตาพริ้มครวญครางอยู่ใต้ร่าง แค่เห็นใบหน้าที่เซ็กซี่ของเธอก็ทำให้อารมณ์ดีแบบบอกไม่ถูก คิดถึงรสสัมผัสจากริมฝีปากรสชาติแห่งความสุขก็ยิ่งทำให้อารมณ์ขึ้นเป็นอีกเท่าตัว หลังจากที่ราชันย์จัดการทุกอย่างที่บริษัทยักษ์ใหญ่ของครอบครัว ที่นี่เป็นบริษัทส่งออกอะไหล่รถสุดหรูอันดับหนึ่งของประเทศถูกดูแลโดยราชันย์ ลูกชายคนสุดท้องของตระกูลที่มีชื่อเสียงติดTopระดับประเทศซึ่งราชันย์ต้องดูแลเรียบร้อยแล้ว ราชันย์ก็ขับรถสปอร์ตคู่ใจเดินทางไปไร่มังกรทันที
ไร่มังกรจัดอยู่ในธุรกิจครอบครัวอีกธุรกิจหนึ่ง คนดูแลคือมังกรพี่ชายของตระกูล รายได้ที่เข้ามาไม่แพ้ธุรกิจส่งออกอะไหล่รถสปอร์ตที่ราชันย์ดูแลเลยทีเดียว รถสปอร์ตคันหรูขับมาจอดที่หน้าบ้านหลังใหญ่ที่ล้อมรอบไปด้วยสวนดอกไม้ ซึ่งมันทำให้ราชันย์เห็นก็สะดุดตากับความเปลี่ยนไปของบ้านสวนหลังนี้ จะบอกว่าเป็นความคิดของมังกรก็ไม่น่าจะใช่เพราะรายนั้นเรียกว่าเกลียดดอกไม้อย่างกับอะไรดี แค่ราชันย์ไม่ได้มาที่ไร่สามสี่เดือนแค่นั้นที่นี่กลับเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้
“สวัสดีค่ะคุณราชันย์”
“สวัสดีครับน้านงค์ น้านงค์ตามสบายเลยครับ ผมมาแค่แป๊บเดียว เดี๋ยวจะเข้าไปในไร่สักหน่อย แล้วจะกลับแล้วครับ ว่าแต่ สวนรอบบ้านสวยดีนะครับ ความคิดมังกรหรอครับ”
“ก็ไม่เชิงนะคะคุณราชันย์ แต่คุณมังกรอนุญาตค่ะ”
ราชันย์ไม่ซักไซ้ให้เสียเวลา พยักหน้าและยิ้มให้ป้านงค์ก่อนที่เดินไปที่รถที่ไร่จัดไว้รองรับนักท่องเที่ยว เมื่อราชันย์กำลังจะขึ้นรถที่ลุงแดงเตรียมไว้ให้แล้ว สายตาก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มองไกล ๆ ก็เห็นได้ชัดเจนว่าใบหน้าสะสวย ผิวขาวออร่า ส่วนสูงประมาณ 170 เซนติเมตรเห็นจะได้ มัดผมหางม้าปลายผมเป็นลอน สวมชุดกระโปรงพลิ้วสีเหลืองพาสเทล ที่กำลังรดน้ำต้นกุหลาบที่สวนด้านหลังบ้านอยู่ ความสวยของเธอทำให้ราชันย์ละสายตาไม่ได้จริง ๆ ยิ่งเพ่งมองก็ยิ่งรู้สึกคุ้นตาเป็นอย่างมาก เธอช่างเหมือนเหลือเกินเหมือนผู้หญิงที่ราชันย์รอคอยมานานหลายปี
“คุณราชันย์อยากได้อะไรหรือเปล่าครับ”
“ลุงแดง ผู้หญิงคนนั้นคือใครครับ”
ราชันย์ชี้นิ้วไปที่หญิงสาว ลุงแดงหันไปเพ่งมองก็ร้องอ๋อทันที
“คุณหนูพราวฟ้าครับ แฟนคุณมังกร คุณราชันย์ยังไม่เคยเจอหรอครับ”
“พราวฟ้า?”
“ครับ”
เหมือนมีเข็มแหลม ๆ นับพัน ทิ่มแทงเข้ามาที่หัวใจของเขา ได้แต่หวังไว้ว่าผู้หญิงคนนั้นคงไม่ใช่พราวฟ้าคนเดียวกับที่เขาเข้าใจหรอกนะ พราวฟ้าคนนั้นคนที่เคยให้สัญญากับเขาไว้แล้วว่าถ้าราชันย์รอเธอได้ เธอจะยอมมาคบกับราชันย์ อยู่ ๆ จะมาโผล่ที่นี่เป็นไปไม่ได้แน่ ๆ
“เราไปกันเลยไหมครับ”
“ครับลุง”
ราชันย์สะบัดหัวไล่ความคิดอื่น ๆ ออกไปให้หมดแล้วขึ้นรถกระบะสี่ประตูคันใหญ่ เดินทางไปไร่ในส่วนที่จะเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวทันที จัดการธุระและตรวจสอบความเรียบร้อยสักพัก รถทัวร์ชาวจีนที่จองไว้ก็เดินทางมาพอดีราชันย์อยู่ดูแล พาเดินชมไร่สักพัก ก็ยกหน้าที่ที่เหลือให้มานพคนดูแลที่ไร่ดูแลต่อทันที ก่อนจะให้ลุงแดงขับรถมาส่งที่บ้านสวนเพื่อหาคำตอบให้หายข้องใจเกี่ยวกับผู้หญิงที่ชื่อพราวฟ้า
“ลุงตามสบายเลยครับ ขอบคุณมากครับ”
เมื่อลุงแดงส่งราชันย์เรียบร้อย ราชันย์ก็เดินเข้ามาในตัวบ้านเพื่อจะเดินไปที่สวนหลังบ้านทันที เพื่อตามหาผู้หญิงเมื่อช่วงเช้า แต่ยังไม่ทันที่ราชันย์นั้นจะเดินเข้าบ้านมาไกล เขาเดินมาถึงแค่ห้องโถงขนาดใหญ่ก็พบกับหญิงสาวที่ตามหา เธอที่เห็นหน้าของราชันย์เบิกตาโพลงตกใจ ทำให้ต้มพะโล้ที่กำลังถือมาจะนำจัดโต๊ะอาหารหล่นลงมาใส่เท้าทันที และด้วยความร้อนของพะโล้นั้นทำให้เธอต้องสะดุ้งอีกครั้ง
“โอ๊ย!”
“พราวฟ้า เป็นอะไรมั้ย!”
เมื่อราชันย์เห็นแบบนั้น ก็รีบวิ่งเข้าไปดูทันที ก่อนจะช่วยพยุงเธอให้มานั่งที่โซฟารับแขก ราชันย์เองรีบถอดรองเท้าสลิปเปอร์ของพราวฟ้าออก เผยให้เห็นเท้าบางส่วนของเธอนั้นขึ้นสีแดงเรื่อ กำลังจะพองอยู่รอมร่อเขารีบเรียกให้ป้านงค์เอากล่องประถมพยาบาลมาให้ ค่อย ๆ เอาเท้าจุ่มน้ำอุณหภูมิปกติเพื่อล้างความแสบร้อนและสิ่งสกปรกออก ก่อนจะซับน้ำออกเบา ๆ ล้างด้วยน้ำเกลืออีกครั้ง ซับแผลให้แห้งและปิดทับด้วยผ้าพันแผลสะอาด
“เจ็บอยู่ไหม?”
“ราชันย์ นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
เธอไม่ตอบ แต่กลับยิงคำถามที่สงสัยใส่ราชันย์ทันทีที่มีโอกาส ราชันย์ค่อย ๆ มองหน้าหญิงสาวที่ตัวเองรอมาหลายปีด้วยนัยน์ตาที่เศร้าสร้อย ทำไมถึงกลายเป็นเธอ ทำไมเธอถึงกลายมาเป็นแฟนของมังกร หลาย ๆ อย่างจุกอยู่ในอก แต่กลับอ้าปากถามอะไรไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว เพียงเพราะคำว่าเราเป็นแค่เพื่อนกัน
“ทำไมพราวมาอยู่ที่นี่ เราควรจะเป็นคนถามมากกว่านะ”
“ขอโทษนะราชันย์ พราวขอโทษทุกอย่าง พราวผิดเอง”
“พราวจะขอโทษเราทำไม เราเคารพการตัดสินใจของพราวนะ แต่เราขอถามอย่างหนึ่งได้ไหม..”
“อะไรหรอ?”
“ทำไมต้องมังกร”
กอหญ้าคลานขึ้นมาบนเตียงที่มีราชันย์นอนหน้ามุ่ยคอหักดั่งปลาทูแม่กลอง ก่อนจะมุดเข้าไปในผ้านวมผืนหนา มือเล็กลูบไล้ขาแกร่งของราชันย์อย่างเบามือ รับรู้ได้ว่าราชันย์เองก็เกร็งขาเป็นระยะ แต่ยังทำท่าทีไม่สนใจเมียเหมือนเดิมมือเล็กของกอหญ้าเลื่อนไปปลดเข็มขัดของเขาออก ปลดกระดุมกางเกงช้า ๆ รูดซิปออกก่อนจะดึงกางเกงของผู้ชายใต้ร่างของเธอออกอย่างง่ายดาย เหลือเพียงกางเกงในสีขาวแบรนด์ดังที่บัดนี้ปิดเจ้าโลกไว้ไม่มิดด้วยซ้ำ ราชันย์น้อยที่หัวเห็ดขนาดใหญ่โผล่พ้นออกมาจากขอบกางเกงใน ผงกหัวราวกับกำลังเชิญชวนให้เธอมาทำมิดีมิร้าย แต่เจ้าตัวกลับยังทำหน้ามุ่ยไม่สนใจ เพียงแค่ปลายนิ้วชี้ของเธอกระตุกทั้งกางเกงนอกกางเกงในของราชันย์ก็ถูกถอดออกโยนไปกองที่พื้นโดยที่ได้รับการช่วยเหลืออย่างไม่ขัดแม้แต่น้อยของเขามือเล็กของเธอกำเข้ากับเจ้าโลกที่ขยายเต็มที่ หัวเห็ดบานยั่วเย้าเหล่าแมลงมีน้ำหวานผุดออกมาจากปลายหัวเห็ดให้นิ้วชี้ของกอหญ้าได้ไล้วน สร้างความเสียวซ่านกระตุกถี่ กอหญ้าใช้ลิ้นอุ่น ๆ ไล้เลียไปที่หัวเห็ดบานจนทั่วยิ่งเธอวนรอบหัวมากเท่าไหร่ น้ำหวานที่ไหลเยิ้มก็ยิ่งผลิตออกมามากเท่านั้น ไล้เลียรอบหัวจนพอใจลิ้นของเธอก็ค่อย
“ค่ะเฮีย หญ้าได้ยินแล้ว เฮียดีใจเสียงดังไปแล้วค่ะ”“คุณแม่ฝากครรภ์เลยไหมคะ”“ฝากเลยค่ะ”“ได้เลยค่ะ”คนที่ดูจะตื่นเต้นสุดเหมือนจะเป็นผู้ชายข้าง ๆ มากกว่าเธอเสียอีก กอหญ้าที่เห็นราชันย์ดีใจมากก็ทำให้เธอยิ้มออกมาอย่างดีใจ เธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าเด็กผู้หญิงที่ครอบครัวล้มละลาย จะได้มีครอบครัวที่มีความสุขขนาดนี้ ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดแต่จะรีบให้หมดเวลาสัญญา ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเธอตกหลุมรักเขาโดยที่รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่แม้แต่จะชายตามอง ผู้ชายที่เธอไม่คิดว่าวันหนึ่งจะมายืนเคียงข้างเธอเป็นครอบครัวของเธอจริง ๆ“เฮีย”“ว่าไงจ๊ะเมียจ๋า”“หญ้ารักเฮียนะ”“เฮียก็รักหญ้า รักมาก ๆ รักที่สุดเลย”“แต่หญ้าเหม็นหน้าเฮียมากนะ”“…”“หญ้าว่าจนกว่าจะคลอด อยากให้เฮียอยู่ห่าง ๆ หญ้าหน่อยจะได้ไหมคะ”“แต่เฮียอะ..อยากอยู่กับหญ้าตลอดเวลาเลยจริง ๆ นะ”“อะแห่ม! เดี๋ยวเรื่องนั้นยังไงค่อยกลับไปตกลงกันเนอะ แต่ตอนนี้เรามาทำประวัติฝากครรภ์กันก่อนดีกว่าน๊า”ถึงแม้คุณหมอจะพูดแบบนั้น แต่แก้มหมอกลับยิ้มไม่หุบเมื่อเห็นความมุ้งมิ้งของสองสามีภรรยานี้ ยิ่งทำให้หมอยิ้มแก้มแทบปริ กอหญ้าเองก็ลืมตัวว่ายังอยู่ที่โรงพยาบาล ทำ
กอหญ้าไม่ได้พูดเล่น แต่เธอรู้สึกว่าราชันย์นั้นมีกลิ่นตัวที่ผิดจากปกติ เป็นกลิ่นที่เตะจมูกแบบแปลกกว่าที่ผ่านมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ยังคงใช้แชมพูกลิ่นเดิม ครีมอาบน้ำกลิ่นเดิม และน้ำหอมก็ยังคงกลิ่นเดิม แต่สองสามวันมานี้เวลาเจอราชันย์กลับมีกลิ่นที่แปลกไป แต่เธอไม่กล้าพอที่จะบอกกับเขา กลัวว่าผู้เป็นสามีของตนจะน้อยใจแต่พอยิ่งเห็นเขา อาการเหม็นกลิ่นตัวเขาก็ยิ่งจุกในอกมากขึ้นจนบางครั้ง ก็อยากที่จะเดินหนีเขาให้พ้น ๆ ต่างกันกับราชันย์ที่มีความต้องการที่อยากจะคลอเคลียนัวเนียกับผู้เป็นภรรยาตลอดเวลา อยากอยู่ใกล้อยากเห็นหน้าตลอดเวลา อยากจะไปไหนมาไหนทำอะไรด้วย เขารู้สึกว่ากลิ่นกายของกอหญ้าหอมเป็นพิเศษ และเป็นสิ่งเดียวที่เขาไม่รู้สึกคลื่นไส้เวลาพบเจอและเพียงแค่เขาออดอ้อนเมียได้ไม่นานนัก ความมวนท้องก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับความรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกที่คอ ยังไม่ทันที่จะได้เดินออกจากหน้าห้องน้ำ ราชันย์ก็หันหลังตรงดิ่งเจ้าไปกอดคอชักโครกสุดที่รักเช่นเดิม กอหญ้าเองถึงแม้จะเห็นความทรมานของราชันย์ก็เถอะ แต่พอเธอจะก้าวขาเข้าไปลูบหลังก็ต้องชะงัก เพราะเมื่อเห็นหน้าราชันย์เธอเองกลับรู้สึกคลื่นไส้มาเสียอย่างนั้น
พิเศษ ตอนที่ 3...“หม่ำ หม่ำ”เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยวัยหนึ่งขวบเศษ ที่กำลังนั่งเก้าอี้รอกินข้าวอย่างใจจดใจจ่อ โดยที่เก้าอี้ข้างกันนั้นยังมีเด็กชายพี่น้องฝาแฝดที่ทำหน้านิ่งมองหน้าอลิซที มองหน้าผู้เป็นพ่อที และเด็กน้อยก็รอเพียงไม่นานผู้เป็นแม่อย่างกอหญ้าก็เดินมาพร้อมกับอาหารสีสันสดใสน่ารับประทานนำมาวางไว้ที่เก้าอี้ ส่งผลให้เด็กน้อยอารมณ์ดีอย่างอลิซปรบมือดีใจยกใหญ่“หม่ำ หม่ำ”“โอเค ข้าวมาแล้วลูกสาวป๊าจะได้กินข้าวแล้ว”“อาร์เดนหิวข้าวมั้ยลูก”“…”ไม่มีเสียงตอบรับจากลูกชายของเธอมีเพียงตาตาที่ดุราวกับเสือร้ายที่จดจ้องมองไปที่จานข้าวอย่างไม่ละสายตา ดูท่าทางแล้วเขาจะได้ลูกชายที่ค่อนข้างเงียบมากมาคนหนึ่งแน่นอน กอหญ้าไม่ลีลาให้ลูกต้องรอนาน เธอส่งสัญญาณให้ราชันย์เริ่มป้อนข้าวลูกได้ ถึงแม้อาร์เดนจะมีท่าทีไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ แต่พอเธอป้อนข้าวให้ก็ไม่มีท่าทีว่าจะไม่ทาน ผ่านไปเพียงไม่นานข้าวผัดสีสันสดใสก็หมดเกลี้ยงจานทั้งคู่ สร้างความพึงพอใจให้กับผู้เป็นแม่เป็นอย่างมาก“หม่ำ”และยังคงเป็นเช่นนี้ อาร์เดนจะส่งเสียงร้องขอก็ต่อเมื่อเห็นจานผลไม้เท่านั้น ครั้งนี้ก็เช่นกัน ลูกชายของเขาแลดูจะชอบผลไม
“ยังเลย”“ทำไมเธอดูตื่นเต้นขนาดนี้”“ทำอย่างกับนายไม่ตื่นเต้น”“ก็ไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่นะ”เพียงไม่นานประตูห้องคลอดก็ถูกเปิดออกโดยมีกลุ่มคุณหมอเดินออกมาสามสี่คน ทั้งคู่รีบวิ่งเข้าไปหาคุณหมอทันที“คุณหมอคะ คนไข้ที่เพิ่งเข้าไปเป็นยังไงบ้างคะ คลอดหรือยังคะ”“คุณแม่ยังไม่คลอดนะคะ ปากมดลูกยังไม่เปิด”“เธอเป็นยังไงบ้างคะ”“ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วค่ะ แต่เบื้องต้นอายุครรภ์ยังไม่ถึงกำหนด คลอดออกมาเด็ก ๆ อาจจะต้องเข้าตู้อบก่อนนะคะ”“ขอบคุณมากค่ะ”เวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมงก็ไม่มีท่าทีว่าเธอจะคลอด ทั้งธันวาและเว่ยเอินเองก็สลับกันลุกนั่ง วนอยู่หน้าห้องคลอด และไม่มีท่าทีจะคลอดง่าย ๆ ยิ่งทำให้เว่ยอินและธันวารู้สึกกังวลเพิ่มขึ้น“ไอ้ธัน”“มาสักที”“กอหญ้าเป็นไงบ้าง นานแล้วนะยังไม่คลอดอีกหรอ”“ยังเลย”“คุณเป็นใครคะ”“อ่อ..คนนี้เว่ยเอินที่เคยเล่าให้ฟัง..ส่วนนี่ราชันย์”“สวัสดีครับ”ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้ทำความรู้จักกัน ก็มีกลุ่มคุณหมอสามสี่คนรีบวิ่งมาที่หน้าห้องคลอด ทำให้ราชันย์เองก็ตกใจไปด้วยเขาคว้าข้อมือของหมอผู้ชายคนหนึ่งเอาไว้“เกิดอะไรขึ้นครับ”“คุณแม่มีภาวะครรภ์เป็นพิษครับ หมอขอตัวก่อนนะคร
เขาอุ้มกอหญ้าและเดินช้าๆ ให้เข้าไปนั่งรอในรถ ทางด้านเว่ยเอินเองเธอก็รีบวิ่งมาหอบหิ้วข้าวของอย่างพะรุงพะรังเข้าไปยัดไว้ในรถเช่นเดียวกัน ก่อนที่เธอกระโดดขึ้นรถด้วยความเร็วแสง เคาะเบาะรถเบา ๆ ให้ธันวานั้นขับรถออกไปอย่างรวดเร็วปลายทางคือโรงพยาบาล ถึงแม้โรงพยาบาลจะอยู่ไม่ไกลมากนักแต่ช่วงเวลานี้ รถบนท้องถนนย่อมมีมากกว่าปกติเพราะเป็นช่วงเวลาทำงานพอดีนั่นจึงทำให้รถของเขาที่กำลังจะมุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลนั้นเกิดการล่าช้าอย่างช่วยไม่ได้ ธันวาที่พยายามเหยียบคันเร่งรถอย่างเต็มที่เพื่อให้ไปถึงโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุด ก็ต้องฟันฝ่ากับอุปสรรคบนท้องถนน คนข้างๆ เขาเองก็ต้องฝ่าอุปสรรคความเจ็บปวดที่รู้สึกได้เลยว่ามดลูกกำลังบีบตัวลง และเวลาต่อมาก็ยิ่งทำให้เธอตกใจเข้าไปอีก เมื่อเธอรู้สึกว่าเบาะที่เธอนั่งนั้นตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ามาจากไหน จะบอกว่าเธอฉี่แตกก็ไม่น่าจะใช่ เธอไม่รู้สึกเลยว่ามันไหลออกมาตอนไหน เมื่อรู้ตัวอีกทีมันก็เปียกชุ่มไปหมดแล้ว"น้ำเปียกเบาะหมดแล้ว""ห๊ะ! เดี๋ยวนะอย่าเพิ่งคลอดนะ บนรถอันตราย""คุณธันวาขับเร็วกว่านี้ได้ไหม เห็นไหมพี่หญ้าหน้าซีดหมดแล้ว""ฉันก็กำลังรีบอยู่"ใ