และไม่มีคำตอบอะไรจากปากของพราวฟ้า มีแต่นัยน์ตาที่เริ่มมีน้ำตาคลอเบ้ากับความเงียบเท่านั้นที่เป็นคำตอบ ทั้งคู่มองหน้ากันโดยที่ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาเลย พราวฟ้าคือผู้หญิงที่ราชันย์หลงรักมาก มีแพลนจะขอแต่งงานทันทีที่เรียนจบ แต่ก็มีเหตุให้ต้องแยกกันเพราะพราวฟ้าต้องย้ายไปเรียนต่างประเทศ และวันนั้นก่อนที่พราวฟ้าจะไปพราวฟ้ารับปากกับราชันย์ไว้ว่า ถ้าเจอกันอีกครั้งต่างคนต่างไม่มีใคร วันนั้นพราวฟ้าจะยอมรับรักราชันย์ และราชันย์ก็เชื่อมั่นและรอคอยมาตลอด เพราะหวังว่าสักวันพราวฟ้าจะหันมารักตัวเองและสมหวังในความรักกับคนที่แอบชอบมาหลายปี
“คุณพราวฟ้าเป็นยังไงบ้างคะ”
“ไม่เป็นอะไรมากแล้วค่ะป้านงค์ ไม่ต้องบอกเฮียนะคะ เดี๋ยวเฮียเป็นห่วง”
“ไม่ทันแล้วค่ะ คุณมังกรกำลังกลับมาแล้วค่ะคุณพราว”
“พราวขอคุยกับราชันย์ เป็นการส่วนตัวสักพักนะคะป้านงค์”
“ได้ค่ะ คุณราชันย์วันนี้อยู่ทานข้าวเย็นด้วยเลยไหมคะ ป้าจะได้ให้น้ำมนต์ทำอาหารเผื่อ”
“ไม่ละครับป้านงค์ เดี๋ยวผมจะกลับแล้วครับ งานที่ไร่เรียบร้อยพอดี”
หลังจากได้ยินราชันย์ตอบ ป้านงค์ก็เดินออกไปเตรียมอาหารทันที ทำให้บรรยากาศในห้องโถงนี้ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
“ราชันย์ พราวเชื่อนะว่าสักวันหนึ่งจะมีผู้หญิงดี ๆ เข้ามา ถ้าวันนั้นมาถึงราชันย์ต้องทะนุถนอมเขาดี ๆ เหมือนที่ราชันย์เคยบอกว่าจะทะนุถนอมพราวเลยนะ”
“เราไม่เคยมีคนอื่นในใจนอกจากเธอ ทำไมต้องมังกร”
“พราวขอโทษนะ แต่ตอนนี้พราวรับความรู้สึกของราชันย์ไม่ได้จริง ๆ”
“เราไม่โทษพราวหรอก เดี๋ยวเราจะกลับแล้ว ยังไงก็ดูแลตัวเองดี ๆ นะ”
ราชันย์ที่ดูแผลของพราวฟ้าอีกครั้งจนมั่นใจว่าเรียบร้อยแล้วก็ลุกออกมาทันทีเขาขับรถสปอร์ตคู่ใจสุดหรูเหยียบด้วยความเร็วสูง การขับรถจากที่ไร่มังกรจนมาถึงกรุงเทพใช้เวลาพอสมควร ก่อนที่เขาจะขับเข้าไปจอดอย่างกะทันหันที่หน้าคลับของตัวเอง เพื่อกรอกเหล้าเข้าปากดับความรู้สึกสงสัยและเสียใจ
เมื่อราชันย์เข้ามาภายในคลับก็สั่งให้พนักงานให้เอาเหล้ารสดีของตัวเองขึ้นไปส่งที่ห้องVIP เขาดื่มด่ำกับรสชาติที่คุ้นเคยอยู่คนเดียวอย่างบ้าคลั่งขวดแล้วขวดเล่าเพื่อบรรเทาความเสียใจที่เพิ่งรับรู้ คำถามมากมายในหัวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย การรอคอยที่ไม่สมหวัง คำถามที่ยากจะเข้าใจทำไมคนที่พราวฟ้าเลือกถึงเป็นมังกร ทั้งที่พราวฟ้ารู้ว่ามังกรคือพี่ชายของตัวเอง ทำไมพราวฟ้าก็ยังเลือกที่จะเป็นมังกร
ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ราชันย์ก็ยิ่งกระดกน้ำสีอำพันเข้าปากมากเท่านั้น ผ่านไปจนเกือบเที่ยงคืนราชันย์ค่อย ๆ ลากร่างกายที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้าอย่างตลบอบอวลขึ้นรถก่อนจะขับไปด้วยความเร็วสูงอีกครั้งซึ่งปลายทางคือคอนโดของเขา
กริ๊ก!
ราชันย์ปลดล็อกประตูห้องเข้ามาก็พบว่าในห้องนั้นเปิดไฟสว่างจ้า เขาได้แต่ขมวดคิ้วแปลกใจว่าทำไมในห้องถึงถูกเปิดไฟ เพราะลืมไปสนิทเลยว่ามีอีกคนที่อยู่ในห้องนี้ด้วย เขาเดินไปเรื่อย ๆ สายตาปะทะกับผู้หญิงหนึ่งคนที่สวมเสื้อยืดสีขาวตัวโตโคร่งและใช่นั่นมันเสื้อของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย เสื้อตัวนั้นถ้าอยู่ในร่างกายของเขาจะพอดีสมส่วนแต่พออยู่บนร่างของเธอ เรียกได้ว่ามันคือชุดคลุมเลยก็ว่าได้
เธอที่กำลังต้มน้ำร้อนในกระทะ ข้าง ๆ กันมีซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ถูกเปิดซองไว้แล้ว คาดว่าเธอเองคงกำลังจะหาอะไรกิน เธอเองก็มีอาการสะดุ้งเล็กน้อยเขาไม่ได้พูดอะไร ได้แต่กวาดสายตาดูรอบ ๆ ห้อง ก่อนสายตาจะกวาดไปหยุดที่ริมฝีปากเรียวเล็กสีพีชที่มองยังไงก็รู้สึกหวาน ราชันย์ค่อย ๆ เดินไปใกล้เธอ และเธอเองก็แสดงอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด วงแขนแกร่งของเขาคร่อมร่างเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้
สายตาผลุบมองริมฝีปากจิ้มลิ้มอย่างอดใจไม่ไหว เขาค่อย ๆ ก้มลงช้า ๆ ริมฝีปากหนาประกบจูบริมฝีปากบางของเธอทันที กอหญ้าสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะดันหน้าอกใหญ่ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามออกแรง ๆ แต่เมื่อเทียบกับแรงของราชันย์แล้วแทบจะเทียบว่านี่คือแรงมดตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งเลยก็ว่าได้ ราชันย์ไม่สนใจอาการดิ้นดุ๊กดิ๊กของเธอ แต่ยิ่งเพิ่มความวาบหวามให้เธอด้วยการใช้เรียวลิ้นไล่ต้อนหาความหวานในโพรงปาก
มีหรือลูกนกตัวน้อย ๆ จะหลบหนีความปราดเปรียวเชี่ยวชาญของราชันย์ได้ เพียงไม่นานร่างกายของกอหญ้าก็อ่อนยวบตอบสนองรสสัมผัสที่ราชันย์มอบให้ ตะเกียบที่อยู่ในมือหล่นร่วงลงพื้น ความรู้สึกที่ได้รับทำให้ร่างกายของเธอแทบจะทรงตัวไม่อยู่เพียงเพราะรสจูบของเขามันช่างช่ำชองแต่อ่อนหวานเป็นอย่างมาก
ราชันย์ขยับมือไปปิดแก๊สลงทันทีก่อนจะอุ้มร่างบางของเธอด้วยมือข้างเดียวเท่านั้น โดยไม่ยอมถอดถอนริมฝีปากออกมาเลยแม้แต่น้อย พอรู้ตัวอีกทีแผ่นหลังบอบบางของกอหญ้าก็ปะทะเข้ากับความนุ่มของที่นอนที่เธอเองเพิ่งจะลุกออกไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้เท่านั้น เธอต้องตกใจอีกครั้งเมื่อรู้ว่าตัวเองอยู่ในห้องกับราชันย์อีกแล้วและยิ่งได้กลิ่นเหล้าที่คละคลุ้งยิ่งทำให้เธอรู้สึกอยากเป็นลมเสียให้ได้
เธอพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดออกจากรสจูบที่หอมหวานที่ราชันย์ปนเปลอ แต่มือของราชันย์ก็ไม่หยุดนิ่ง เขาเอื้อมมือไปปลดเข็มขัดแบรนด์ดังของตัวเองออกพร้อมกับบรรเลงจูบอันเร่าร้อนราวกับกำลังชิมลิ้มเลียลูกอมรสเลิศ เพียงไม่กี่วินาที กางเกงของเขาก็หล่นร่วงข้างเตียงภายในพริบตา เหลือเพียงกางเกงชั้นในเท่านั้น ก่อนที่มือสากของเขาจะค่อย ๆ ลูบไล้ไปที่ขาขาวของเธออย่างเชื่องช้า และรับรู้ได้ว่าเธอไร้ซึ่งปราการป้องกันใด ๆ ทุกตารางนิ้วที่มือหนาของราชันย์เลื่อนผ่านมันสร้างความร้อนรุ่มให้กับสกุณาเป็นอย่างมากก่อนที่จะพบกับอกอวบอิ่มสองข้างเขากำขยำอย่างแรงจนร่างบางสะเทือนด้วยความปวดร้าวปนเสียวซ่าน
“อ๊ะ”
ราชันย์ถอนริมฝีปากออกก่อนจะมองใบหน้าหวานของกอหญ้าชัด ๆ ด้วยสายตาหยาดเยิ้มอย่างไม่อาจกลั้นได้
“คุณราชันย์หยุดก่อนค่ะ”
“ทำไมต้องหยุด?”
“คือ..คือ..กอหญ้ายังไม่ได้ไปซื้อยาคุมเลยค่ะ”
“แล้วทำไมไม่ไป”
“กอหญ้าไม่ได้พกอะไรมาเลยค่ะทั้งเงิน ทั้งโทรศัพท์”
“แต่ผมอดไม่ไหวแล้ว”
กอหญ้าคลานขึ้นมาบนเตียงที่มีราชันย์นอนหน้ามุ่ยคอหักดั่งปลาทูแม่กลอง ก่อนจะมุดเข้าไปในผ้านวมผืนหนา มือเล็กลูบไล้ขาแกร่งของราชันย์อย่างเบามือ รับรู้ได้ว่าราชันย์เองก็เกร็งขาเป็นระยะ แต่ยังทำท่าทีไม่สนใจเมียเหมือนเดิมมือเล็กของกอหญ้าเลื่อนไปปลดเข็มขัดของเขาออก ปลดกระดุมกางเกงช้า ๆ รูดซิปออกก่อนจะดึงกางเกงของผู้ชายใต้ร่างของเธอออกอย่างง่ายดาย เหลือเพียงกางเกงในสีขาวแบรนด์ดังที่บัดนี้ปิดเจ้าโลกไว้ไม่มิดด้วยซ้ำ ราชันย์น้อยที่หัวเห็ดขนาดใหญ่โผล่พ้นออกมาจากขอบกางเกงใน ผงกหัวราวกับกำลังเชิญชวนให้เธอมาทำมิดีมิร้าย แต่เจ้าตัวกลับยังทำหน้ามุ่ยไม่สนใจ เพียงแค่ปลายนิ้วชี้ของเธอกระตุกทั้งกางเกงนอกกางเกงในของราชันย์ก็ถูกถอดออกโยนไปกองที่พื้นโดยที่ได้รับการช่วยเหลืออย่างไม่ขัดแม้แต่น้อยของเขามือเล็กของเธอกำเข้ากับเจ้าโลกที่ขยายเต็มที่ หัวเห็ดบานยั่วเย้าเหล่าแมลงมีน้ำหวานผุดออกมาจากปลายหัวเห็ดให้นิ้วชี้ของกอหญ้าได้ไล้วน สร้างความเสียวซ่านกระตุกถี่ กอหญ้าใช้ลิ้นอุ่น ๆ ไล้เลียไปที่หัวเห็ดบานจนทั่วยิ่งเธอวนรอบหัวมากเท่าไหร่ น้ำหวานที่ไหลเยิ้มก็ยิ่งผลิตออกมามากเท่านั้น ไล้เลียรอบหัวจนพอใจลิ้นของเธอก็ค่อย
“ค่ะเฮีย หญ้าได้ยินแล้ว เฮียดีใจเสียงดังไปแล้วค่ะ”“คุณแม่ฝากครรภ์เลยไหมคะ”“ฝากเลยค่ะ”“ได้เลยค่ะ”คนที่ดูจะตื่นเต้นสุดเหมือนจะเป็นผู้ชายข้าง ๆ มากกว่าเธอเสียอีก กอหญ้าที่เห็นราชันย์ดีใจมากก็ทำให้เธอยิ้มออกมาอย่างดีใจ เธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าเด็กผู้หญิงที่ครอบครัวล้มละลาย จะได้มีครอบครัวที่มีความสุขขนาดนี้ ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดแต่จะรีบให้หมดเวลาสัญญา ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเธอตกหลุมรักเขาโดยที่รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่แม้แต่จะชายตามอง ผู้ชายที่เธอไม่คิดว่าวันหนึ่งจะมายืนเคียงข้างเธอเป็นครอบครัวของเธอจริง ๆ“เฮีย”“ว่าไงจ๊ะเมียจ๋า”“หญ้ารักเฮียนะ”“เฮียก็รักหญ้า รักมาก ๆ รักที่สุดเลย”“แต่หญ้าเหม็นหน้าเฮียมากนะ”“…”“หญ้าว่าจนกว่าจะคลอด อยากให้เฮียอยู่ห่าง ๆ หญ้าหน่อยจะได้ไหมคะ”“แต่เฮียอะ..อยากอยู่กับหญ้าตลอดเวลาเลยจริง ๆ นะ”“อะแห่ม! เดี๋ยวเรื่องนั้นยังไงค่อยกลับไปตกลงกันเนอะ แต่ตอนนี้เรามาทำประวัติฝากครรภ์กันก่อนดีกว่าน๊า”ถึงแม้คุณหมอจะพูดแบบนั้น แต่แก้มหมอกลับยิ้มไม่หุบเมื่อเห็นความมุ้งมิ้งของสองสามีภรรยานี้ ยิ่งทำให้หมอยิ้มแก้มแทบปริ กอหญ้าเองก็ลืมตัวว่ายังอยู่ที่โรงพยาบาล ทำ
กอหญ้าไม่ได้พูดเล่น แต่เธอรู้สึกว่าราชันย์นั้นมีกลิ่นตัวที่ผิดจากปกติ เป็นกลิ่นที่เตะจมูกแบบแปลกกว่าที่ผ่านมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ยังคงใช้แชมพูกลิ่นเดิม ครีมอาบน้ำกลิ่นเดิม และน้ำหอมก็ยังคงกลิ่นเดิม แต่สองสามวันมานี้เวลาเจอราชันย์กลับมีกลิ่นที่แปลกไป แต่เธอไม่กล้าพอที่จะบอกกับเขา กลัวว่าผู้เป็นสามีของตนจะน้อยใจแต่พอยิ่งเห็นเขา อาการเหม็นกลิ่นตัวเขาก็ยิ่งจุกในอกมากขึ้นจนบางครั้ง ก็อยากที่จะเดินหนีเขาให้พ้น ๆ ต่างกันกับราชันย์ที่มีความต้องการที่อยากจะคลอเคลียนัวเนียกับผู้เป็นภรรยาตลอดเวลา อยากอยู่ใกล้อยากเห็นหน้าตลอดเวลา อยากจะไปไหนมาไหนทำอะไรด้วย เขารู้สึกว่ากลิ่นกายของกอหญ้าหอมเป็นพิเศษ และเป็นสิ่งเดียวที่เขาไม่รู้สึกคลื่นไส้เวลาพบเจอและเพียงแค่เขาออดอ้อนเมียได้ไม่นานนัก ความมวนท้องก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับความรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกที่คอ ยังไม่ทันที่จะได้เดินออกจากหน้าห้องน้ำ ราชันย์ก็หันหลังตรงดิ่งเจ้าไปกอดคอชักโครกสุดที่รักเช่นเดิม กอหญ้าเองถึงแม้จะเห็นความทรมานของราชันย์ก็เถอะ แต่พอเธอจะก้าวขาเข้าไปลูบหลังก็ต้องชะงัก เพราะเมื่อเห็นหน้าราชันย์เธอเองกลับรู้สึกคลื่นไส้มาเสียอย่างนั้น
พิเศษ ตอนที่ 3...“หม่ำ หม่ำ”เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยวัยหนึ่งขวบเศษ ที่กำลังนั่งเก้าอี้รอกินข้าวอย่างใจจดใจจ่อ โดยที่เก้าอี้ข้างกันนั้นยังมีเด็กชายพี่น้องฝาแฝดที่ทำหน้านิ่งมองหน้าอลิซที มองหน้าผู้เป็นพ่อที และเด็กน้อยก็รอเพียงไม่นานผู้เป็นแม่อย่างกอหญ้าก็เดินมาพร้อมกับอาหารสีสันสดใสน่ารับประทานนำมาวางไว้ที่เก้าอี้ ส่งผลให้เด็กน้อยอารมณ์ดีอย่างอลิซปรบมือดีใจยกใหญ่“หม่ำ หม่ำ”“โอเค ข้าวมาแล้วลูกสาวป๊าจะได้กินข้าวแล้ว”“อาร์เดนหิวข้าวมั้ยลูก”“…”ไม่มีเสียงตอบรับจากลูกชายของเธอมีเพียงตาตาที่ดุราวกับเสือร้ายที่จดจ้องมองไปที่จานข้าวอย่างไม่ละสายตา ดูท่าทางแล้วเขาจะได้ลูกชายที่ค่อนข้างเงียบมากมาคนหนึ่งแน่นอน กอหญ้าไม่ลีลาให้ลูกต้องรอนาน เธอส่งสัญญาณให้ราชันย์เริ่มป้อนข้าวลูกได้ ถึงแม้อาร์เดนจะมีท่าทีไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ แต่พอเธอป้อนข้าวให้ก็ไม่มีท่าทีว่าจะไม่ทาน ผ่านไปเพียงไม่นานข้าวผัดสีสันสดใสก็หมดเกลี้ยงจานทั้งคู่ สร้างความพึงพอใจให้กับผู้เป็นแม่เป็นอย่างมาก“หม่ำ”และยังคงเป็นเช่นนี้ อาร์เดนจะส่งเสียงร้องขอก็ต่อเมื่อเห็นจานผลไม้เท่านั้น ครั้งนี้ก็เช่นกัน ลูกชายของเขาแลดูจะชอบผลไม
“ยังเลย”“ทำไมเธอดูตื่นเต้นขนาดนี้”“ทำอย่างกับนายไม่ตื่นเต้น”“ก็ไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่นะ”เพียงไม่นานประตูห้องคลอดก็ถูกเปิดออกโดยมีกลุ่มคุณหมอเดินออกมาสามสี่คน ทั้งคู่รีบวิ่งเข้าไปหาคุณหมอทันที“คุณหมอคะ คนไข้ที่เพิ่งเข้าไปเป็นยังไงบ้างคะ คลอดหรือยังคะ”“คุณแม่ยังไม่คลอดนะคะ ปากมดลูกยังไม่เปิด”“เธอเป็นยังไงบ้างคะ”“ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วค่ะ แต่เบื้องต้นอายุครรภ์ยังไม่ถึงกำหนด คลอดออกมาเด็ก ๆ อาจจะต้องเข้าตู้อบก่อนนะคะ”“ขอบคุณมากค่ะ”เวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมงก็ไม่มีท่าทีว่าเธอจะคลอด ทั้งธันวาและเว่ยเอินเองก็สลับกันลุกนั่ง วนอยู่หน้าห้องคลอด และไม่มีท่าทีจะคลอดง่าย ๆ ยิ่งทำให้เว่ยอินและธันวารู้สึกกังวลเพิ่มขึ้น“ไอ้ธัน”“มาสักที”“กอหญ้าเป็นไงบ้าง นานแล้วนะยังไม่คลอดอีกหรอ”“ยังเลย”“คุณเป็นใครคะ”“อ่อ..คนนี้เว่ยเอินที่เคยเล่าให้ฟัง..ส่วนนี่ราชันย์”“สวัสดีครับ”ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้ทำความรู้จักกัน ก็มีกลุ่มคุณหมอสามสี่คนรีบวิ่งมาที่หน้าห้องคลอด ทำให้ราชันย์เองก็ตกใจไปด้วยเขาคว้าข้อมือของหมอผู้ชายคนหนึ่งเอาไว้“เกิดอะไรขึ้นครับ”“คุณแม่มีภาวะครรภ์เป็นพิษครับ หมอขอตัวก่อนนะคร
เขาอุ้มกอหญ้าและเดินช้าๆ ให้เข้าไปนั่งรอในรถ ทางด้านเว่ยเอินเองเธอก็รีบวิ่งมาหอบหิ้วข้าวของอย่างพะรุงพะรังเข้าไปยัดไว้ในรถเช่นเดียวกัน ก่อนที่เธอกระโดดขึ้นรถด้วยความเร็วแสง เคาะเบาะรถเบา ๆ ให้ธันวานั้นขับรถออกไปอย่างรวดเร็วปลายทางคือโรงพยาบาล ถึงแม้โรงพยาบาลจะอยู่ไม่ไกลมากนักแต่ช่วงเวลานี้ รถบนท้องถนนย่อมมีมากกว่าปกติเพราะเป็นช่วงเวลาทำงานพอดีนั่นจึงทำให้รถของเขาที่กำลังจะมุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลนั้นเกิดการล่าช้าอย่างช่วยไม่ได้ ธันวาที่พยายามเหยียบคันเร่งรถอย่างเต็มที่เพื่อให้ไปถึงโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุด ก็ต้องฟันฝ่ากับอุปสรรคบนท้องถนน คนข้างๆ เขาเองก็ต้องฝ่าอุปสรรคความเจ็บปวดที่รู้สึกได้เลยว่ามดลูกกำลังบีบตัวลง และเวลาต่อมาก็ยิ่งทำให้เธอตกใจเข้าไปอีก เมื่อเธอรู้สึกว่าเบาะที่เธอนั่งนั้นตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ามาจากไหน จะบอกว่าเธอฉี่แตกก็ไม่น่าจะใช่ เธอไม่รู้สึกเลยว่ามันไหลออกมาตอนไหน เมื่อรู้ตัวอีกทีมันก็เปียกชุ่มไปหมดแล้ว"น้ำเปียกเบาะหมดแล้ว""ห๊ะ! เดี๋ยวนะอย่าเพิ่งคลอดนะ บนรถอันตราย""คุณธันวาขับเร็วกว่านี้ได้ไหม เห็นไหมพี่หญ้าหน้าซีดหมดแล้ว""ฉันก็กำลังรีบอยู่"ใ