ใช่...เขายังเป็นคลีฟคนเดิม แต่เขาก็ไม่รู้จักเธออีกแล้ว เขาจำไม่ได้ว่าระหว่างเธอและเขามีสายสัมพันธ์ร้อยรัดแน่นหนาเช่นไร หญิงสาวเริ่มร้องไห้ทว่าปราศจากเสียงสะอื้น นิตายังนึกถึงการสานสัมพันธ์ซึ่งเธอคิดว่ามันจะยืนยาว เขาร้อยรัดความรักของเธอไว้ทั้งร่างกายทั้งหัวใจและ...ใบทะเบียนสมรส นิตาหลับตาลงพร้อมน้ำตาหลายหยดที่ถั่งสายออกมา เธอจดทะเบียนกับเขา พันจ่าเอกคลีฟ เวสเนอร์
หญิงสาวใช้นามสกุลของเขาต่อท้ายนามสกุลของเธอ นิตา รัตนะรัศมี เวสเนอร์ และมันปรากฏอยู่ในใบทะเบียนสมรสและบัตรประชาชนของเธอตราบถึงทุกวันนี้ เธอจดทะเบียนสมรสกับเขาได้แค่เดือนเดียวก่อนรับรู้ว่าคลีฟต้องกลับมายังสหรัฐเพื่อปฏิบัติภารกิจอันตรายนั่นคือการร่วมรบกับกองทัพในสงครามประเทศตะวันออกกลางและหญิงสาวยินดีที่จะรอเขาอยู่ที่เมืองไทย
“นีน่า...เมื่อเสร็จภารกิจผมจะรีบกลับมารับคุณ...โอ...ที่รัก...ผมอยากหยุดเวลานี้เอาไว้ให้นานที่สุด หรือไม่ก็อยากให้มันหยุดอยู่แค่นี้ในช่วงชีวิตของเราสองคน” แต่เวลาก็ไม่เคยหยุดรอใครอย่างที่ใจของเขาปรารถนา คลีฟ เดินทางกลับประเทศของเขาและเธอก็เฝ้ารอวันเวลา จวบกระทั่งผ่านไปจากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี และจากหนึ่งปีเป็นสองปี ซึ่งมันถึงเวลาที่นิตาไม่อาจเฝ้าคอยต่อไปได้ เธอตัดสินใจนำเงินที่เก็บไว้ทั้งหมดซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางมายังอเมริกาทั้งที่มีข้อมูลเกี่ยวกับคลีฟอยู่เพียงน้อยนิดว่าเขารับราชการทหารของกองทัพสหรัฐ และถึงวันนี้เธอก็ได้ประจักษ์แล้วว่า คลีฟ เวสเนอร์ ไม่ได้มีภูมิหลังเป็นแค่นายทหารอยู่ในกองทัพ สิ่งที่ลอว์สันบอกนั้นตรงกับสิ่งที่เธอรู้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นคือการที่เขาต้องเข้าร่วมรบในสมรภูมิอันตราย แต่ที่เหลือมันเป็นเรื่องที่เธอไม่คาดฝันและไม่ได้นึกตื่นเต้นที่เขาเป็นถึงประธานบริษัทใหญ่โต เธอไม่ได้ประวิงถึงทรัพย์สินมูลค่ามหาศาล สิ่งล้ำค่าที่สุดสำหรับหญิงสาวคือตัวตนและวิญญาณของเขาต่างหาก ซึ่งในบัดนี้มันได้สูญสลายหายไปจนหมด เขามองเธอด้วยแววตาของคลีฟ เวสเนอร์ ประธานกลุ่มบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในสหรัฐ หาใช่ คลีฟ นาวิกโยธินหนุ่มผู้นั้นที่แววตาเปี่ยมด้วยความอบอุ่นอย่างที่เธอจะหาจากผู้ชายคนไหนในโลกนี้ไม่ได้อีก นิตาไม่ยอมหันกลับไปมองเขา และเธอก็ไม่มีโอกาสได้เห็นใบหน้าแสดงออกซึ่งความเจ็บปวดของชายหนุ่ม คลีฟก้าวเข้าไปเกือบชิดแผ่นหลังบอบบางของหญิงสาว เขายกมือขึ้นและปรารถนาจะแตะไหล่เธอ จับไหล่เล็ก ๆ ทั้งสองนั่นไว้ด้วยความรักและคิดถึงสุดหัวใจตลอดระยะเวลาสองปีที่จากมา เขายังจดจำหญิงสาวชาวไทยผู้นี้ได้ทุกกระเบียด จดจำลมหายใจและเสียงอ่อนหวานของเธอ กลิ่นหอมของดอกไม้ไทยบนเรือนผมยาวดำขลับ ร่างนุ่มนิ่มที่เขาชอบสัมผัสทุกส่วนสัดอันงดงาม กลีบปากอันนุ่มละมุนและผิวผุดผาดที่เขาเคยเป็นเจ้าของทุกอณู หากทว่าเขาก็เพียงแค่ยกมือข้างหนึ่งขึ้น ทำเหมือนจะสัมผัสไหล่กลมกลึงบอบบาง แต่เขากลับกำหมัดไว้กับตัวเองแน่นราวกำลังสะกดความรู้สึกบางอย่างที่แม้มันจะพลุ่งพล่านแต่เขาก็ไม่อาจปลดปล่อยความปรารถนาที่เร้นอยู่ในส่วนลึกออกมาได้ เขาต้องกดมันไว้ให้ลึกที่สุด ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่ตัวเขาเหมือนกำลังจะระเบิดออกเป็นเสี่ยง
“นีน่า...จำไว้ว่าคุณต้องไม่ไปไหน ห้องนี้ผมให้คุณอยู่...ในช่วงเวลาที่คุณทำงานกับผม รับปากสิ...ว่าคุณต้องไม่ไปไหน”
“นี่เป็นคำสั่งหรือคะ?” ถามด้วยเสียงแผ่วเบาโดยที่ยังไม่ยอมหันไปมองหน้าเขา
“ในฐานะประธานของเวสเนอร์ ผมขอสั่งคุณ” นั่นเองทำให้หญิงสาวหันกลับมาเผชิญหน้ากับประธานเวสเนอร์ กรุ๊ป แล้วน้ำตาแห่งความอ่อนแอก็ไหลลงมาบนแก้มของหญิงสาวอีกจนได้ นิตาเม้มปากแน่นสนิท เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับคลีฟ หากแต่สิ่งที่ได้ประจักษ์แน่ชัดในตอนนี้แน่แล้วคือเขาไม่เหมือนเดิม นัยน์ตาคู่งามพร่าพราย ท้ายที่สุดแล้วเธอต้องยอมจำนนต่ออำนาจแห่งความรักราวกับตกอยู่ใต้คำสาปที่ไม่อาจหลีกหนีได้พ้น เรียวปากบางที่เม้มเกร็งคลายลงทว่าความปวดร้าวของหญิงสาวกลับยิ่งขมวดแน่นเหมือนเกลียวเชือก
“ค่ะ...ฉันจะทำตามคำสั่งของท่านประธานค่ะ” เมื่อได้รับคำตอบความพึงพอใจจึงฉายออกมาจากแววตาสีน้ำเงินแซฟไฟร์คู่นั้นแม้ในส่วนลึกจะเต็มไปด้วยสำนึกแห่งความเจ็บปวด เขาทำให้เธอเสียน้ำตาและแค่คิดว่าอยากจะดึงหญิงสาวเข้ามาสู่อ้อมแขน ปลุกปลอบหัวใจของเธอให้เข้มแข็งมากกว่านี้ หากเขาก็ต้องสะกดตัวเองเอาไว้อีกครั้ง จองจำความปรารถนาที่จะแตะต้องตัวนิตาเอาไว้ ชายหนุ่มระบายลมหายใจเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเอ่ยว่า
“พรุ่งนี้พบกันที่ห้างเวสเนอร์” แต่ก่อนที่คลีฟจะก้าวออกไปจากห้องนั้นเขากลับหยิบกระเป๋าเดินทางที่หล่นอยู่บนพื้นเมื่อครู่ขึ้นมา เขาไม่พูดอะไรนอกจากเปิดซิปและดึงเสื้อผ้าของเธอออกมากองไว้บนเก้าอี้
“ผมจะบอกอะไรให้นะ ที่รัก” เขาเชยคางของเธอขึ้น ดวงหน้าแสนงามเปื้อนด้วยคราบน้ำตาและสาบานได้ว่าเขาจะไม่ยอมให้เธอต้องเสียใจอีกแล้ว“พอผมรู้ว่าไดแอนดราคิดจะทำอะไร ผมก็ตัดสินใจได้ในทันทีเหมือนกันว่าผมต้องทำอะไรบ้าง ผมสั่งแองเจิ้ลให้ส่งเทียบเชิญลูกค้าและแขกคนสำคัญของผมภายในวันนั้น เชิญนักข่าวจากสื่อต่าง ๆ เพื่อให้พวกเขามาร่วมงานแถลงข่าวเปิดห้างใหม่ของเวสเนอร์ ดูเป็นงานที่เร่งรีบไปหน่อยแต่มันเป็นแค่จุดประสงค์รองของผมเท่านั้น ความตั้งใจของผมคือการทำตามความต้องการของไดแอนดรา”“คลีฟ...”“ในเมื่อไดแอนดรากล้าที่จะเอาเรื่องของผมมาต่อรองกับคุณ ผมก็กล้าพอที่จะเปิดเผยเรื่องราวทุกอย่างด้วยตัวผมเองเช่นกัน ผมเคยบอกคุณแล้วยังไงนีน่าว่าไดแอนดรายังไม่รู้จักผมดีพอ ถ้าเธอรู้จักผมก็จะรู้ว่าผมก็บ้าพอที่จะยอมแลกความเจ็บปวดกับทุกอย่าง”“ฉันรู้ค่ะ คลีฟ...ฉันรู้ค่ะ” “และรู้มั้ยว่า...งานวันนี้ผมตั้งใจจะจัดมันขึ้น...เพื่อคุณ”ชายหนุ่มแนบริมฝีปากบนแก้มของหญิงสาว นิตาเงยหน้ารับจุมพิตของเขาเสมือนว่ามันได้ซับน้ำตาของเธอจนแห้งเหือดไปสิ้น“นีน่า...ผมเคยทำผิดต่อคุณไว้มาก ผมทอดทิ้งคุณ ทำให้คุณเจ็บปวดด้วยคำพูดและการกระทำที่ไ
เขาส่ายหน้า “พี่รักเธอเสมอไดแอนดรา...ถ้าหากเธอจะเข้าใจตัวเองมากกว่านี้ หัวใจของคลีฟไม่ได้เป็นของเธอตั้งแต่แรก ยอมรับเถอะว่าเธอไม่สามารถแทนที่นิต้าได้เพราะนิต้า...คือหัวใจของเขา” ไดแอนดราแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่หากแต่เธอก็ต้องสะกดมันไว้ด้วยนิสัยที่ไม่เคยยอมใครแม้จะผิดหวังก็ต้องไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นแม้แต่พี่ชายตัวเอง ร่างระหงเดินเฉียดไหล่ลอว์สันกลับออกไปจากห้องนั้นในขณะที่ชายหนุ่มหันกลับไปมองชายหญิงทั้งสองที่กอดเกี่ยวกันท่ามกลางแขกเหรื่อและแสงแฟลชจากกล้องของเหล่ากองทัพสื่อที่พร้อมใจกันถ่ายภาพเพื่อจะลงข่าวใหญ่ในวันรุ่งขึ้น หรือไม่ก็อาจจะเป็นอีกไม่กี่นาทีหลังจากนี้ ข่าวเบื้องหลังของประธานใหญ่แห่งเวสเนอร์และภรรยาตัวจริงของเขาจะถูกเผยแพร่ออกไปทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค และไม่ว่ามันจะได้รับผลตอบกลับมาในแง่ดีหรือร้าย ลอว์สันก็คิดว่าเพื่อนของเขาคงเตรียมใจรับไว้อย่างดีแล้ว เพราะอย่างน้อยตอนนี้คลีฟก็ไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไป เขามี เพื่อน คู่คิดที่จะคอยร่วมเดินไปบนเส้นทางสายใหม่ ซึ่งเป็นเส้นทางที่คลีฟ เวสเนอร์ใช้หัวใจของเขาเลือกเดินForever Romantic นิตายืนมองภาพบรรยากาศอันขมุกขมัว
“ทุกท่านได้ยินไม่ผิดหรอกครับ ผมเคยจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เมืองไทยก่อนจะเดินทางกลับมาสหรัฐเพื่อเข้าร่วมรบในสงครามประเทศตะวันออกกลาง และพอหลังจากโดนระเบิดผมต้องรักษาตัวอยู่นานเกือบปีกว่าจะหายเป็นปกติ หลังจากนั้นผมก็เข้ารับตำแหน่งประธานเวสเนอร์ กรุ๊ป ตามเจตจำนงในพินัยกรรมของคุณพ่อบุญธรรมก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต ตอนนั้นพอผมรู้ว่าตัวเองป่วยผมก็พยายามตัดใจลืมเธอ ผมไม่ได้กลับไปหาเธอที่เมืองไทยด้วยเหตุผลที่ว่า...ผมไม่อยากทำให้เธอเจ็บปวดเพราะอาการป่วยที่ต้องได้รับการบำบัด เรื่องนี้ไม่เคยมีใครรู้...แต่...ผมอยากบอกว่า ผมไม่ได้ตั้งใจจะทอดทิ้งเธอ...ผู้หญิงที่ผมรักเธอมากที่สุดในชีวิต” เขาก้าวเดินเข้าไปหาหญิงสาวในชุดราตรียาวสีขาวที่ยังนั่งนิ่งท่ามกลางสายตานับร้อยคู่รวมทั้งคนที่นั่งร่วมโต๊ะต่างก็ประหลาดไปตาม ๆ กัน“ผมอาจจะเคยเป็นทหารกล้าในสนามรบ ผมเคยเจอกับยุทธวิธีการโจมตีหลากหลายรูปแบบโดยไม่นึกกลัว แต่ผมกลับเป็นผู้ชายที่แย่ที่สุดสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอรักผมและยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อผม ผมปล่อยให้เธอต้องอยู่อย่างเดียวดายหลังจากที่เราจดทะเบียนสมรสกันได้แค่เพียงเดือนเดียว ผมจากเธอมาเพราะภาระหน
“ผมคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว ได้ยินเสียงเพื่อนทหารด้วยกันตะโกนลั่น และเมื่อรู้สึกตัวอีกทีผมก็ถูกพามารักษาตัวอย่างเร่งด่วนที่นิวยอร์ค เวลาผ่านไปเกือบปี หลังบาดเจ็บสาหัสจากระเบิดผมต้องรักษาบาดแผลภายนอกที่มันค่อย ๆ สมานตัวและหายไปในที่สุด แต่บาดแผลข้างในบาดลึกและเป็นแผลฉกรรจ์ที่ผมมองไม่เห็น ตอนแรกผมละเลยและคิดว่ามันแค่อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับใครก็ได้ ก็แค่นอนไม่หลับ เห็นภาพเหตุการณ์ระเบิดแบบเลวร้ายซ้ำ ๆ แต่มันไม่ได้มีเพียงแค่นั้น จนกระทั่งผมตัดสินใจที่จะ...เข้ารับการบำบัดอาการป่วยที่มองไม่เห็นที่ศูนย์เพื่อความเป็นเลิศด้านวีรกรรมแห่งชาติในบีเทสดา” พอเขาพูดจบเสียงภายในห้องนั้นก็อื้ออึงขึ้นมา และคนที่ตระหนกต่อคำสารภาพต่อหน้าสาธารณชนนั้นก็คือนิตาที่มองเขาด้วยสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อว่าประธานใหญ่แห่งเวสเนอร์จะกล้าพูด“ผมเข้ารับบำบัดอาการป่วยที่นั่นอยู่เกือบปี ผมเดินทางไปบีเทสดาซึ่งในช่วงระยะเวลานั้นผมก็สานต่องานบริษัทของคุณพ่อบุญธรรมไปพร้อม ๆ กันด้วย และนี่คือหลักฐานการเข้าบำบัดของผมที่นั่น มันเป็นการใช้ศิลปะบำบัดเพื่อช่วยให้อาการป่วยภายในที่คนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอกผ่อนคลายลง” เสียงอ
ทั้งนักธุรกิจ นักการเมืองรวมไปถึงผู้คนในแวดวงสังคมดัง ๆ และหนึ่งในนั้นคือเจ้าของร่างเล็กบอบบางในชุดราตรียาวสีขาวซึ่งนั่งอยู่ท่ามกลางแขกคนสำคัญที่โต๊ะด้านหน้าเวที นิตารู้สึกประหม่า เธอกุมกระเป๋าคลัชต์ใบเล็กไว้ในมือและบีบมันแน่นตลอดเวลาเหมือนหัวใจของเธอตอนนี้ที่ถูกบีบคั้นด้วยความตึงเครียดภายใน เธอหายใจขัดและตื่นเต้น บอดี้การ์ดของคลีฟพาเธอมานั่งที่โต๊ะเลี้ยงรับรองแขกซึ่งอยู่ชิดขอบเวที หญิงสาวเหลือบมองดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาของบุรุษวัยกลางคนซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ และคิดหาทางที่จะออกจากห้องนี้โดยไม่ให้เป็นที่สังเกตของทั้งเชสและไนเจอร์ กระทั่งเสียงรอบ ๆ ห้องนั้นเงียบสงบลงและเสียงทุ้มห้าวของบุรุษคนสำคัญบนเวทีดังขึ้น นิตาเงยหน้ามองร่างสูงใหญ่ซึ่งเขายืนอยู่หลังไมค์โดยไม่ยอมนั่งที่โต๊ะซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดเอาไว้“สวัสดีครับ ท่านสุภาพบุรุษ สุภาพสตรีและแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ผม...คลีฟ เวสเนอร์ ประธานคณะกรรมการผู้บริหารเวสเนอร์ กรุ๊ป มีความยินดีอย่างยิ่งในวันนี้ที่เรียนเชิญทุกท่านมาเป็นเกียรติให้แก่งานแถลงข่าวการเปิดห้างใหม่ของเวสเนอร์ ซึ่งเราจะดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบในอีกสามเดือนข้างหน้า...อาจดูเร็วไป
“ผมเต็มใจเสมอ นิต้า...ขอให้บอกมา ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน แค่คุณบอกหรือแค่คิดถึงผมก็ยินดีที่จะตามไปช่วยเหลือคุณ”หญิงสาวเกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หากเธอต้องเข้มแข็ง อย่าให้ลอว์สันจับสังเกตและเห็นความผิดปกติในตอนนี้ เพราะหากเขารู้คลีฟก็จะต้องรู้สิ่งที่เธอคิดด้วย“ฉันขอเข้าไปในงานก่อนนะคะ อีกเดี๋ยวคลีฟคงเดินทางมาถึงแล้ว” “ตามสบายนิต้า แล้วเดี๋ยวผมจะตามไป” ลอว์สันกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขามองตามร่างเล็กในชุดราตรียาวแสนสวยเดินเข้าไปในกลุ่มคนที่แทบไม่มีใครสังเกตว่านิตาคือใครและมีหน้าที่อะไรในงานแถลงข่าวใหญ่ครั้งนี้ แม้จะรู้สึกแปลกใจหากลอว์สันก็ไม่ได้เปิดปากถามว่าเหตุใด เธอจึงไม่เดินทางมาที่งานพร้อมสามีของเธอ ชายหนุ่มกำลังจะก้าวตามไปหากก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นใครคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่ที่ซุ้มดอกไม้อีกด้านของสถานที่จัดงานซึ่งเต็มไปด้วยแขกเหรื่อมากมาย“ไดแอนดรา” เขาเรียกน้องสาวคนเดียวซึ่งวันนี้เธออยู่ในชุดกระโปรงรัดรูปผ้าทวีดสีชมพูขับผิวขาวของเซเลบสาวให้เปล่งปลั่งหากก็เป็นความงามของเธอตามปกติอยู่แล้ว ไดแอนดราหันมามองพี่ชายของเธอพร้อมรอยยิ้มมุมปากที่สำหรับลอว์สันเขาไม่ได้รู้สึกไปเองว่ามันไม่ใช่รอยยิ้มที่ม