“คลีฟ...นั่นคุณจะทำอะไร?” / “ผมแค่อยากแน่ใจว่าคุณจะไม่ไปไหนจริง ๆ” / “ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้ค่ะ”
นิตาฉวยกระเป๋าและเสื้อผ้าที่เขารื้อออกมาจากมือของชายหนุ่ม ร่างบางเอามันไปกอดไว้แนบอกและคิดว่าทำไมเธอต้องมาทนอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ทั้งที่เขาเป็นสามีของเธอแต่กลับแสดงท่าทีเหมือนอยู่คนละโลก มันช่างกดดันและกำลังทำให้เธอหายใจได้ลำบากขึ้นทุกที
“ฉันจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะเก็บเงินได้สักก้อนเป็นค่าเครื่องบินกลับเมืองไทย”
“และผมก็มีกุญแจห้องของคุณ...ผมสามารถที่จะเข้าหรือออกห้องนี้ได้ตลอดเวลา” เขาชูกุญแจขึ้น นิตามองมันราวกับเป็นสิ่งประหลาด จริงซีนะ ทำไมเขาจะเข้าออกห้องนี้ไม่ได้ในเมื่อเขาเป็นเจ้าของห้องชุดสุดหรูนี้ ลอว์สันบอกเธอไว้แต่แรกแล้ว
“ฉันแค่มาขออาศัยนอนสักระยะเท่านั้นล่ะค่ะ จริง ๆ แล้วฉันไม่ได้อยากรบกวนคุณด้วยซ้ำเพราะห้องนี้มันหรูหรามากเกินกว่าที่ฉันจะอยู่ได้ ฉันไม่เคยนอนห้องกว้างขวางขนาดนี้ ตอนอยู่เมืองไทยห้องของฉันก็เล็กกว่านี้มาก”
นิตาไม่ได้ตั้งใจที่จะจี้จุดหรือเตือนสติชายหนุ่มด้วยการขุดคุ้ยเรื่องเก่า ๆ ขึ้นมาเพราะหญิงสาวไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะหลงเหลือความทรงจำเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นอีกต่อไปแล้ว ทว่าเมื่อเธอพูดจบสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เธอเห็นร่องรอยขุ่นข้นในดวงตาคู่นั้น
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องทำตัวเสียใหม่...ให้คุ้นเคยกับชีวิตแบบนี้ ชีวิตที่คุณไม่เคยพบกับมันมาก่อน”
สันกรามบนใบหน้าคร้ามเข้มนูนขึ้น ในน้ำเสียงนั้นราวกับอยากประชดประชันก่อนที่จะสอดกุญแจห้องกลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
“คลีฟ...” / “เราทุกคนต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงอยู่แล้วไม่ใช่หรือ แต่อยู่ที่ว่ามันจะช้าหรือเร็วก็เท่านั้น”
“ค่ะ” นิตารับด้วยเสียงคล้ายประชดเขากลับไปเช่นกัน “และฉันก็ได้พบกับมันด้วยตัวเองแล้ว ความเปลี่ยนแปลง...เพียงแต่มันเกิดขึ้นช้ามากเกินไป ถ้าฉันรู้ตั้งแต่แรกฉันจะไม่...”
“พรุ่งนี้คุณต้องทำงานที่เวสเนอร์ คุณควรคิดเรื่องงานมากกว่าจะคิดเรื่องไร้สาระอย่างอื่น!”
ชายหนุ่มกระแทกเสียงในตอนท้ายก่อนจะเดินกลับออกไปจากห้องนั้น นิตาถึงกับหมดแรงจนต้องทรุดลงนั่งเอามือกอดเข่าแล้วร้องไห้ออกมา นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ...เธอพบผู้ชายที่เธอเคยรักเขาสุดหัวใจ ที่สำคัญเขาเคยเป็นสามีของเธอถูกต้องทั้งโดยพฤตินัยและนิตินัย ทั้งร่างกายของเธอที่เคยมอบให้เขาและทะเบียนสมรส ทุกอย่างไม่มีค่าพอที่จะทำให้คลีฟรำลึกถึงหรือจดจำครอบครัวของตัวเองได้บ้างเลยหรือ เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของนิตาไม่ได้ดังอยู่ภายในห้อง แต่มันยังลอดออกไปข้างนอก ที่หน้าประตูนั่น...ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทยืนพิงอยู่ที่บานประตูและกำมือทั้งสองเข้าหากันแน่น คลีฟแทบจะหลั่งน้ำตาเมื่อได้ยินเสียงโหยไห้ที่ดังออกมาจากข้างใน เขาไม่เคยเกลียดเธอ...เขารักเธอสุดหัวใจ นิตาคือรักแรกและรักเดียวที่ฝังลงในวิญญาณของเขา เธอเคยเป็นเมียของเขาถูกต้องตามกฎหมาย หากทว่าตอนนี้เขาไม่อาจกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนได้ ชายหนุ่มแบมือทั้งสองและมองมันราวกลับเกลียดชัง เป็นครั้งแรกที่เขาเกือบจะทำร้ายนิตา ทำร้ายเธอด้วยความรุ่มร้อนที่เขาควบคุมมันได้ยากเย็นขึ้นทุกที ซึ่งก่อนหน้านี้เขาต้องใช้เวลาเป็นปีที่จะจัดการกับอารมณ์และความฉุนเฉียวซึ่งมันมักมีอิทธิพลอยู่เหนือความรู้สึกของเขา ชายหนุ่มยังคิดถึงร่างนุ่มที่สัมผัสของหญิงสาวยังตราตรึงอยู่ในตัวเขา รสชาติหอมหวานในริมฝีปากเล็กนั่นยังติตรึงอยู่ที่ปลายลิ้น ผิวละมุนที่เขาเคยสัมผัสลูบไล้ในทุกคืนค่ำ ทุกสิ่งที่เขาพยายามกดมันให้ต่ำลงไปใต้จิตสำนึก แต่...เขาจะหยุดยั้งตัวเองได้อีกนานแค่ไหนกันไม่ให้แตะต้องนิตาในวันหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งที่เขาหวั่นกลัวมากที่สุด
“นิต้า...ช่วยเอากล่องรองเท้าไปเก็บให้ฉันหน่อยซีจ๊ะ” เสียงห้าวแต่หวานหูดังอยู่เบื้องหลังร่างบอบบางในชุดพนักงานร้านขายรองเท้าบุรุษซึ่งเป็นเสื้อเชิ้ตขาวสวมทับด้วยสูทสีดำและกระโปรงสั้นสีเดียวกันกับสูท นิตาหันกลับไปและยิ้มรับคำสั่งของ คริสตัล ผู้จัดการร้านซึ่งเป็นหนุ่มใหญ่ผิวขาวเจ้าของใบหน้าหมดจดใต้กรอบเรือนผมสีน้ำตาลทองและนัยน์ตาสีอำพันเป็นประกายวัยสี่สิบกว่า เขากำลังกรีดปลายนิ้วลงบนหน้าจอมอนิเตอร์ของสมาร์ทโฟนเพื่อตรวจสอบรายการสินค้าที่พึ่งมาถึง
“ผมจะบอกอะไรให้นะ ที่รัก” เขาเชยคางของเธอขึ้น ดวงหน้าแสนงามเปื้อนด้วยคราบน้ำตาและสาบานได้ว่าเขาจะไม่ยอมให้เธอต้องเสียใจอีกแล้ว“พอผมรู้ว่าไดแอนดราคิดจะทำอะไร ผมก็ตัดสินใจได้ในทันทีเหมือนกันว่าผมต้องทำอะไรบ้าง ผมสั่งแองเจิ้ลให้ส่งเทียบเชิญลูกค้าและแขกคนสำคัญของผมภายในวันนั้น เชิญนักข่าวจากสื่อต่าง ๆ เพื่อให้พวกเขามาร่วมงานแถลงข่าวเปิดห้างใหม่ของเวสเนอร์ ดูเป็นงานที่เร่งรีบไปหน่อยแต่มันเป็นแค่จุดประสงค์รองของผมเท่านั้น ความตั้งใจของผมคือการทำตามความต้องการของไดแอนดรา”“คลีฟ...”“ในเมื่อไดแอนดรากล้าที่จะเอาเรื่องของผมมาต่อรองกับคุณ ผมก็กล้าพอที่จะเปิดเผยเรื่องราวทุกอย่างด้วยตัวผมเองเช่นกัน ผมเคยบอกคุณแล้วยังไงนีน่าว่าไดแอนดรายังไม่รู้จักผมดีพอ ถ้าเธอรู้จักผมก็จะรู้ว่าผมก็บ้าพอที่จะยอมแลกความเจ็บปวดกับทุกอย่าง”“ฉันรู้ค่ะ คลีฟ...ฉันรู้ค่ะ” “และรู้มั้ยว่า...งานวันนี้ผมตั้งใจจะจัดมันขึ้น...เพื่อคุณ”ชายหนุ่มแนบริมฝีปากบนแก้มของหญิงสาว นิตาเงยหน้ารับจุมพิตของเขาเสมือนว่ามันได้ซับน้ำตาของเธอจนแห้งเหือดไปสิ้น“นีน่า...ผมเคยทำผิดต่อคุณไว้มาก ผมทอดทิ้งคุณ ทำให้คุณเจ็บปวดด้วยคำพูดและการกระทำที่ไ
เขาส่ายหน้า “พี่รักเธอเสมอไดแอนดรา...ถ้าหากเธอจะเข้าใจตัวเองมากกว่านี้ หัวใจของคลีฟไม่ได้เป็นของเธอตั้งแต่แรก ยอมรับเถอะว่าเธอไม่สามารถแทนที่นิต้าได้เพราะนิต้า...คือหัวใจของเขา” ไดแอนดราแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่หากแต่เธอก็ต้องสะกดมันไว้ด้วยนิสัยที่ไม่เคยยอมใครแม้จะผิดหวังก็ต้องไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นแม้แต่พี่ชายตัวเอง ร่างระหงเดินเฉียดไหล่ลอว์สันกลับออกไปจากห้องนั้นในขณะที่ชายหนุ่มหันกลับไปมองชายหญิงทั้งสองที่กอดเกี่ยวกันท่ามกลางแขกเหรื่อและแสงแฟลชจากกล้องของเหล่ากองทัพสื่อที่พร้อมใจกันถ่ายภาพเพื่อจะลงข่าวใหญ่ในวันรุ่งขึ้น หรือไม่ก็อาจจะเป็นอีกไม่กี่นาทีหลังจากนี้ ข่าวเบื้องหลังของประธานใหญ่แห่งเวสเนอร์และภรรยาตัวจริงของเขาจะถูกเผยแพร่ออกไปทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค และไม่ว่ามันจะได้รับผลตอบกลับมาในแง่ดีหรือร้าย ลอว์สันก็คิดว่าเพื่อนของเขาคงเตรียมใจรับไว้อย่างดีแล้ว เพราะอย่างน้อยตอนนี้คลีฟก็ไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไป เขามี เพื่อน คู่คิดที่จะคอยร่วมเดินไปบนเส้นทางสายใหม่ ซึ่งเป็นเส้นทางที่คลีฟ เวสเนอร์ใช้หัวใจของเขาเลือกเดินForever Romantic นิตายืนมองภาพบรรยากาศอันขมุกขมัว
“ทุกท่านได้ยินไม่ผิดหรอกครับ ผมเคยจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เมืองไทยก่อนจะเดินทางกลับมาสหรัฐเพื่อเข้าร่วมรบในสงครามประเทศตะวันออกกลาง และพอหลังจากโดนระเบิดผมต้องรักษาตัวอยู่นานเกือบปีกว่าจะหายเป็นปกติ หลังจากนั้นผมก็เข้ารับตำแหน่งประธานเวสเนอร์ กรุ๊ป ตามเจตจำนงในพินัยกรรมของคุณพ่อบุญธรรมก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต ตอนนั้นพอผมรู้ว่าตัวเองป่วยผมก็พยายามตัดใจลืมเธอ ผมไม่ได้กลับไปหาเธอที่เมืองไทยด้วยเหตุผลที่ว่า...ผมไม่อยากทำให้เธอเจ็บปวดเพราะอาการป่วยที่ต้องได้รับการบำบัด เรื่องนี้ไม่เคยมีใครรู้...แต่...ผมอยากบอกว่า ผมไม่ได้ตั้งใจจะทอดทิ้งเธอ...ผู้หญิงที่ผมรักเธอมากที่สุดในชีวิต” เขาก้าวเดินเข้าไปหาหญิงสาวในชุดราตรียาวสีขาวที่ยังนั่งนิ่งท่ามกลางสายตานับร้อยคู่รวมทั้งคนที่นั่งร่วมโต๊ะต่างก็ประหลาดไปตาม ๆ กัน“ผมอาจจะเคยเป็นทหารกล้าในสนามรบ ผมเคยเจอกับยุทธวิธีการโจมตีหลากหลายรูปแบบโดยไม่นึกกลัว แต่ผมกลับเป็นผู้ชายที่แย่ที่สุดสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอรักผมและยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อผม ผมปล่อยให้เธอต้องอยู่อย่างเดียวดายหลังจากที่เราจดทะเบียนสมรสกันได้แค่เพียงเดือนเดียว ผมจากเธอมาเพราะภาระหน
“ผมคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว ได้ยินเสียงเพื่อนทหารด้วยกันตะโกนลั่น และเมื่อรู้สึกตัวอีกทีผมก็ถูกพามารักษาตัวอย่างเร่งด่วนที่นิวยอร์ค เวลาผ่านไปเกือบปี หลังบาดเจ็บสาหัสจากระเบิดผมต้องรักษาบาดแผลภายนอกที่มันค่อย ๆ สมานตัวและหายไปในที่สุด แต่บาดแผลข้างในบาดลึกและเป็นแผลฉกรรจ์ที่ผมมองไม่เห็น ตอนแรกผมละเลยและคิดว่ามันแค่อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับใครก็ได้ ก็แค่นอนไม่หลับ เห็นภาพเหตุการณ์ระเบิดแบบเลวร้ายซ้ำ ๆ แต่มันไม่ได้มีเพียงแค่นั้น จนกระทั่งผมตัดสินใจที่จะ...เข้ารับการบำบัดอาการป่วยที่มองไม่เห็นที่ศูนย์เพื่อความเป็นเลิศด้านวีรกรรมแห่งชาติในบีเทสดา” พอเขาพูดจบเสียงภายในห้องนั้นก็อื้ออึงขึ้นมา และคนที่ตระหนกต่อคำสารภาพต่อหน้าสาธารณชนนั้นก็คือนิตาที่มองเขาด้วยสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อว่าประธานใหญ่แห่งเวสเนอร์จะกล้าพูด“ผมเข้ารับบำบัดอาการป่วยที่นั่นอยู่เกือบปี ผมเดินทางไปบีเทสดาซึ่งในช่วงระยะเวลานั้นผมก็สานต่องานบริษัทของคุณพ่อบุญธรรมไปพร้อม ๆ กันด้วย และนี่คือหลักฐานการเข้าบำบัดของผมที่นั่น มันเป็นการใช้ศิลปะบำบัดเพื่อช่วยให้อาการป่วยภายในที่คนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอกผ่อนคลายลง” เสียงอ
ทั้งนักธุรกิจ นักการเมืองรวมไปถึงผู้คนในแวดวงสังคมดัง ๆ และหนึ่งในนั้นคือเจ้าของร่างเล็กบอบบางในชุดราตรียาวสีขาวซึ่งนั่งอยู่ท่ามกลางแขกคนสำคัญที่โต๊ะด้านหน้าเวที นิตารู้สึกประหม่า เธอกุมกระเป๋าคลัชต์ใบเล็กไว้ในมือและบีบมันแน่นตลอดเวลาเหมือนหัวใจของเธอตอนนี้ที่ถูกบีบคั้นด้วยความตึงเครียดภายใน เธอหายใจขัดและตื่นเต้น บอดี้การ์ดของคลีฟพาเธอมานั่งที่โต๊ะเลี้ยงรับรองแขกซึ่งอยู่ชิดขอบเวที หญิงสาวเหลือบมองดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาของบุรุษวัยกลางคนซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ และคิดหาทางที่จะออกจากห้องนี้โดยไม่ให้เป็นที่สังเกตของทั้งเชสและไนเจอร์ กระทั่งเสียงรอบ ๆ ห้องนั้นเงียบสงบลงและเสียงทุ้มห้าวของบุรุษคนสำคัญบนเวทีดังขึ้น นิตาเงยหน้ามองร่างสูงใหญ่ซึ่งเขายืนอยู่หลังไมค์โดยไม่ยอมนั่งที่โต๊ะซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดเอาไว้“สวัสดีครับ ท่านสุภาพบุรุษ สุภาพสตรีและแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ผม...คลีฟ เวสเนอร์ ประธานคณะกรรมการผู้บริหารเวสเนอร์ กรุ๊ป มีความยินดีอย่างยิ่งในวันนี้ที่เรียนเชิญทุกท่านมาเป็นเกียรติให้แก่งานแถลงข่าวการเปิดห้างใหม่ของเวสเนอร์ ซึ่งเราจะดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบในอีกสามเดือนข้างหน้า...อาจดูเร็วไป
“ผมเต็มใจเสมอ นิต้า...ขอให้บอกมา ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน แค่คุณบอกหรือแค่คิดถึงผมก็ยินดีที่จะตามไปช่วยเหลือคุณ”หญิงสาวเกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หากเธอต้องเข้มแข็ง อย่าให้ลอว์สันจับสังเกตและเห็นความผิดปกติในตอนนี้ เพราะหากเขารู้คลีฟก็จะต้องรู้สิ่งที่เธอคิดด้วย“ฉันขอเข้าไปในงานก่อนนะคะ อีกเดี๋ยวคลีฟคงเดินทางมาถึงแล้ว” “ตามสบายนิต้า แล้วเดี๋ยวผมจะตามไป” ลอว์สันกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขามองตามร่างเล็กในชุดราตรียาวแสนสวยเดินเข้าไปในกลุ่มคนที่แทบไม่มีใครสังเกตว่านิตาคือใครและมีหน้าที่อะไรในงานแถลงข่าวใหญ่ครั้งนี้ แม้จะรู้สึกแปลกใจหากลอว์สันก็ไม่ได้เปิดปากถามว่าเหตุใด เธอจึงไม่เดินทางมาที่งานพร้อมสามีของเธอ ชายหนุ่มกำลังจะก้าวตามไปหากก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นใครคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่ที่ซุ้มดอกไม้อีกด้านของสถานที่จัดงานซึ่งเต็มไปด้วยแขกเหรื่อมากมาย“ไดแอนดรา” เขาเรียกน้องสาวคนเดียวซึ่งวันนี้เธออยู่ในชุดกระโปรงรัดรูปผ้าทวีดสีชมพูขับผิวขาวของเซเลบสาวให้เปล่งปลั่งหากก็เป็นความงามของเธอตามปกติอยู่แล้ว ไดแอนดราหันมามองพี่ชายของเธอพร้อมรอยยิ้มมุมปากที่สำหรับลอว์สันเขาไม่ได้รู้สึกไปเองว่ามันไม่ใช่รอยยิ้มที่ม