บทที่2.นางบำเรอขัดดอก
“อีตอนมาเอาเงินนี่... กราบฉันเสียเป็นร้อยๆ ครั้ง แต่เวลามาคืนนี่... ต้องให้จิกซ้ำถึงจะยอมโผล่หน้ามาให้เห็นนะยะ”
ปลายเล็บเคลือบยาทาเล็บสีแดงสดกรีดไปตามธนบัตรใหม่เอี่ยม ปากสีแดงแจ๊ดพร่ำบ่นเสียงไม่ต่างอะไรกับแม่ค้าหาบเร่ เมื่อทั้งดังและแหลมปรี๊ด
“เงินมันหายากนี่คุณนาย...ดอกก็แพงด้วย” หางเสียงแผ่วๆ ก่อนจะเสหลบตา เพราะสายตาคมดุตวัดมามองพอดี
“ฉันบอกหล่อนแล้วนี่ยะ ก่อนที่หล่อนจะมาหยิบยืม ตอนนั้นทำไมไม่ท้วงล่ะ พอตอนจะคืนมาโวย”
หญิงสาวผู้นั้นก้มหน้าลง เพราะขัดสนจึงต้องใช้บริการคุณนายสายหยุดหน้าเลือด ดอกเบี้ยแพงและโตไว้ยิ่งกว่าเมล็ดข้าวโพดโดนความร้อนเสียอีก
“นั่นใครล่ะ อ๋อ! แม่ฉลวยเข้ามาเลย ฉันกำลังรออยู่”
ฉลวยเดินหน้าม่อยเข้ามา นางทิ้งตัวลงนั่ง กระแทกลมหายใจแรงๆ ตอนที่ล้วงธนบัตรในกระเป๋าออกมาทั้งหมด
“เหลือเท่าไหร่แล้วคะคุณนาย ฉันส่งมาหลายงวดแล้วนะเมื่อไหร่จะหมดสักที” ฉลวยบ่นอุบ หาเงินตัวเป็นเกลียวเพื่อจะมาใช้หนี้สายหยุด โดยไม่รู้ว่าจะหมดเมื่อไหร่
สมุดเล่มโตถูกเปิดออกด้วยนิ้วป้อมๆ ปลายเล็บเคลือบสีสันฉูดฉาดไล่เลียงหารายชื่อ ก่อนจะยิ้มมุมปากหยันๆ “หล่อนต้องหาอีกนานเลยล่ะแม่สายหยุด หล่อนผิดนัดฉัน3ครั้ง เลื่อนอีก1 ทบต้นทบดอกแล้วยุบลงไปไม่เท่าไรเลย” น้ำเสียงแบบคนเป็นต่อเปรยเบาๆ
“อะไรกัน!! ฉันเอาที่คุณนายมาแค่3แสน ฉันแน่ใจว่าที่ฉันหามาส่งคุณนายมันเกินแล้วนะ”
ฉลวยโวย! ตอนหน้ามืดไม่ทันคิด คว้าที่ไหนได้ก็เอาไว้ก่อน ตอนนี้เพิ่งมานึกเสียใจ ไม่น่าหยิบยืมจากคนใจอำมหิตแบบสายหยุดเลย
“ก็แค่เงินต้นเท่านั้นนะสามแสน ดอกเบี้ยของฉันอีกล่ะ แล้วที่หล่อนเลื่อนแล้วเลื่อนอีกล่ะยะ...ทำไมไม่คิด” สายหยุดแหวเสียงขุ่น
“ก็ไม่น่าแพงขนาดนี้นี่คะ” ฉลวยเถียงเสียงอ่อนลง
“ฉันมีสัญญาระบุไว้ชัดๆ หล่อนไม่ได้อ่านหรือไงล่ะยะ”
สายหยุดไหวไหล่ นางโยนเอกสารบางอย่างให้ฉลวยได้ดู
ฉลวยเหลือบมองโดยไม่คิดจะหยิบมาเปิดอ่าน นางกัดฟันกรอด รู้สึกเจ็บใจแทบกระอักเป็นเลือดที่ตนเองดันถลำมาเป็นหนี้คนหน้าเลือดอย่างสายหยุดเข้าให้
“ค่ะ ฉันจะรีบหาเงินมาคืนคุณนายไวไว” นางกัดฟันพูด อนาคตริบหรี่เสียจนไม่รู้ว่าวันเป็นไทจะมาถึงหรือเปล่า หากยังต้องผจญกับดอกเบี้ยมหาโหดเช่นเดิม
“ฉันมีข้อเสนอ หากแม่ฉลวยสนใจ”
แม่มดเจ้าเล่ห์เริ่มออกลวดลาย นางหรี่ตาลง มองประเมินคู่สนทนาอย่างพินิจพิเคราะห์
“อะไรคะ? หากปลดหนี้ได้ ฉันสนใจทั้งนั้นแหละ” ฉลวยรีบตอบ ยิ้มกระหยิ่มในใจ
“ก็ไม่มีอะไรมาก แม่หลวยก็รู้นี่ว่าอาชีพเสริมฉันทำอะไร” นางออกตัว คนวงในมักจะรู้ อาชีพทำเงินอีกอย่างของสายหยุด คือการเป็นนายหน้าหาเด็กเอาะๆ ให้เสี่ยกระเป๋าหนัก
ฉลวยเสก้มหน้า แอบเบ้ปาก นางสูดลมหายใจแรงๆ กำลังจะตอบปฏิเสธ
แต่... “เด็กในบ้านแม่หลวยคนนั้นน่ะ หน่วยก้านดี น่าจะยัง ‘สิง’ ส่งมาให้ฉันสิ ฉันจะจัดหาเสี่ยให้เอง รับรองเงินเป็นฟ่อนๆ ลอยเข้ากระเป๋าแม่หลวยแน่” นางแนะนำเหมือนหวังดี
ฉลวยนิ่งคิด คนที่สายหยุดสนใจไม่ใช่อลินดาบุตรสาว แม่เล้าอย่างสายหยุดไพร่ไปนึกถึงเด็กก้นครัว หน้าตามอมแมมอย่างอลิชา...ซึ่งนางเองก็ไม่ยี่หระ หากจะยกความสาวของอลิชาเพื่อแลกกับเงินก้อนโต
“หลานของฉันเหรอคุณนาย?” เสียงของนางคงแฝงด้วยความกังขาอย่างเห็นได้ชัด
“แหงสิ...ลูกสาวของแม่หลวยน่ะ อย่าหาว่าฉันว่าเลยนะ... ไม่เหลือแล้วมั้งป่านนี้ ก้นไวยังกับนกปลอด...” นางไม่ได้ดูถูกอลินดา แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมานั้น... บอกนางอย่างนั้น เด็กสาวคนนั้นไม่น่าจะเหลือความภาคภูมิใจของผู้หญิงดีๆ หน้าฉากหล่อนอาจจะดูเรียบร้อย อ่อนหวาน แต่แววตาของหล่อนนั้นจัดจ้าเสียจนสายหยุดเชื่อไม่ลง
ฉลวยตวัดตาค้อนขวับ แม้ไม่พอใจแต่ก็เถียงไม่ออก นางไม่รู้ว่า อลินดาเป็นอย่างที่สายหยุดพูดหรือเปล่า เพราะไม่ติดตามเป็นเงาตามตัวบุตรสาว นางหวังแค่ให้บุตรสาวเอาตัวรอดได้เป็นพอ...
“เด็กนั่นน่ะ ผิวพรรณดี จับขัดสีฉวีวรรณเสียหน่อย ขี้คร้านจะขายได้ราคาดี”
นางประเมินอลิชาให้ฉลวยฟัง หากเป็นคนอื่นคงได้ลุกเต้น เมื่อลูกหลานถูกดูแคลนซึ่งๆ หน้า แต่ที่นั่งอยู่นี่ มีแต่มารร้ายที่ผุดขึ้นมาจากขุมนรก...ฉลวยจึงนิ่งฟังโดยไม่ได้แย้งอะไร
“ถ้าโปะหนี้ของฉันได้หมด ฉันจะลองคิดดูอีกที”
ฉลวยแสร้งไว้ท่า...ในหัวสมองคำนวณตัวเลขแบบถี่ถ้วน
“ยิ่งกว่าโปะหนี้หมดเลยแม่หลวย...หล่อนจะมีเงินติดกระเป๋ากลับไปเสียด้วยสิ” สายหยุดเอ่ยเสียงกระหึ่ม
“ใครที่ไหนเหรอ...คนแถวนี้หรือเปล่า ฉันกลัวผัวฉันมีปัญหา” นางถอนใจ หากกระเป๋าหนักปานนั้น ต้องเป็นเศรษฐีมีสตางค์ และอาจจะเผลอพูดจนเข้าหูสมภพ ถึงสามีจะรักใคร่ไยดีอลิชาไม่เท่าไหร่...แต่หากทำความเสื่อมเสียมาสู่วงศ์สกุลของเขา...สมภพคงไม่ยอมอยู่เฉยๆ
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น ลูกค้าของฉันไม่มีใครปากโป้ง” สายหยุดคุยโอ่ ลูกค้าแต่ละคนของนางล้วนแล้วแต่เป็นคนมีหน้ามีตา ไม่มีใครปูดเรื่องอย่างว่าให้ตนเองเสื่อมเสีย
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีค่ะ”
“แล้วฉันจะติดต่อกลับไป แม่หลวยน่ะมีหน้าที่แค่พาเด็กนั่นมาส่ง กับรับเงินกลับไปแค่นั้นเอง”
สายหยุดอธิบาย นางยิ้มเจ้าเล่ห์ เพราะหากเป็นอย่างที่หวัง กำไรเนาะๆ ลอยเข้ากระเป๋านางเห็นๆ
“ได้ค่ะ” ฉลวยลากลับ พร้อมกับความคิดชั่วร้ายในหัว
ฉลวยกลับมาทันก่อนที่อลินดาจะออกจากบ้าน หล่อนใส่ชุดนักศึกษาที่ค่อนข้างเล็กไปสักนิด หากเทียบกับรูปร่างที่อวบอัด รังดุมปริ ทำท่าเหมือนจะขาดผึ่งหากเจ้าตัวหายใจเข้าแรงๆ
“อลิน...แม่ว่าเสื้อมันคับไปมั้ย?” เมื่อมารดาท้วง นักศึกษาสาวแสร้งโวย
“มันเป็นเทรนค่ะคุณแม่...ไม่คับหรอก อลินว่ากำลังดี” หญิงสาวก้มมองเสื้อนักศึกษา หล่อนเงยหน้ายิ้มหวานให้มารดา
“ตามใจ เทรนก็เทรน” นางตัดบท โบกมือให้ เมื่อกำลังมีเรื่องให้คิด
“งั้นอลินไปเรียนก่อนนะคะ” อลินดารีบหาทางชิ่ง...วันนี้เธอไม่คิดจะไปคร่ำเคร่งในห้องเรียน เมื่อมีสตางค์เต็มกระเป๋า
“อืม...เดี๋ยว...แม่วานหน่อยสิอลิน...” ฉลวยเอ่ยปากอนุญาต เธอนึกขึ้นมาได้ ในบรรดาเพื่อนฝูงของบุตรสาว นางเห็นว่าแต่ละคนนั้น น่าจะช่วยหล่อนได้ เพราะภาพลักษณ์ที่เห็น เป็นเด็กเกเรเสียเป็นส่วนใหญ่
“อะไรคะแม่?”
อลินดาเอียงคอมอง
ฉลวยยิ้มเครียด “หายานอนหลับกับยาปลุกอารมณ์ให้แม่หน่อย” นางตอบบุตรสาวก่อนจะเสหลบตา
“คุณแม่จะเอาไปทำอะไรคะ!” เสียงแข็งๆ ย้อนถาม
“ค่ะ” อลิชายิ้มรับ เธอเงยหน้าขึ้น รับจูบหวานๆ จากแมทธิวโดยไม่ขัดขืนเป็นการยินยอมพร้อมใจ หลังจากไตร่ตรองจนแน่ใจ ไม่มีอะไรดีขึ้น หากตนเองยังหลบอยู่หลังเกราะที่สร้างไว้ป้องกันตัวเอง...ในเมื่อแมทธิวยอมถอยให้หนึ่งก้าว เธอก็ควรเปิดใจกว้างๆ ยอมรับสิ่งที่เขามอบให้ เพราะมัวแต่วิ่งหนี ชั่วชีวิตนี้ เธอคงต้องหนีไปตลอด ไม่มีใครไม่เคยทำผิด มนุษย์ทุกคนบนโลกล้วนแล้วแต่เคยผ่านความผิดพลาดมาแล้วทั้งนั้นมันขึ้นอยู่ว่าคนเหล่านั้น จะแก้ปัญหา หรือฝังกลบไว้ แสร้งทำเป็นลืม แต่...ความลับไม่มีในโลก สักวันสิ่งที่ขุดหลุมกลบเอาไว้ก็จะโผล่ขึ้นมาเตือนความจำอยู่ดี ปัญหามีไว้ให้แก้ ใช้สติตรึกตรอง และก้าวผ่านมันไปให้ได้ ใช้อดีตเป็นบทเรียน เพื่ออนาคตจะไม่เดินซ้ำรอยเดิม...ถนนชีวิต ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต่อให้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด หนทางเดินก็มักจะมีขวางหนาม เป็นอุปสรรค เพื่อวัดความอดทนของคนเมื่อก้าวผ่านสิ่งเหล่านั้นไปได้ ไม่ว่าปัญหาจะเล็กหรือใหญ่ ทุกปัญหาที่ผ่านเข้ามาคือบทเรียนเช้าวันใหม่...แอนเดอสันยิ้มตาม เมื่อสายตาของท่านมอง
อลิชาเสก้มหน้าหลบสายตาวาววามคู่นั้น หัวใจเธอเต้นถี่ยิบ และหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ หัวใจดวงน้อยของตนเองอาจจะหยุดเต้น เพราะความตื่นเต้นก็เป็นได้“จะถือกระดาษนั่นอีกนานแค่ไหน...เซ็นๆ มาเถอะ”ชายหนุ่มปรายตามองกระดาษสีขาวแผ่นเดียวที่อลิชาถือไว้ในมือ“คุณจะเอาไปทำอะไรคะ?” หญิงสาวถามแบบไม่ใคร่เข้าใจ กระดาษเปล่าไร้ข้อความ หากชายหนุ่มคิดร้าย คนที่ซวยคงเป็นเธอ“เอาไปยื่นคำร้องเป็นพ่อให้หนูนั่นไง ลูกผม ก็ต้องใช้นามสกุลผมสิ ใช้นามสกุลบ้านนั้นทำไม...”แมทธิวเฉลย...มันคันยิบๆ ในใจ ทุกครั้งที่เห็นชื่อ นามสกุลของบุตรชายที่ตนเองไม่มีส่วนร่วมอลิชาหัวเราะคิก เมฆสีดำทะมึน เคลื่อนผ่านไปจากชีวิตตนเอง นับจากนี้ไป อนาคตของเธอและบุตรชายคงมั่นคงขึ้น เธอจรดปลายปากกาเซ็นชื่อตนเองโดยไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะยื่นส่งให้แมทธิว พร้อมกับยิ้มน้อยๆแมทธิวเดินไปเก็บที่โต๊ะตัวใหญ่ เขาเดินโทงๆ จนอลิชาอายจนแก้มแดง เมื่อมองเห็นสรีระชายหนุ่มหมดทุกซอกทุกมุมดังนั้น...เมื่อแมทธิวเดินกลับมา เขาจึงได้เห็นสายตาเป็นประกายของหญิงสาว ชายหน
ชายหนุ่มกระเด้งตัวลุกขึ้น เขาเดินอาดๆ ไปที่โต๊ะตัวใหญ่กลางห้อง ชายหนุ่มฉวยกระดาษขนาด A4 เดินกลับมายื่นส่งให้อลิชา หญิงสาวผุดลุกขึ้นนั่ง มองกระดาษแผ่นนั้นงงๆ“เซ็นชื่อซะ...” ปากกาสีทอง แมทธิวยื่นใส่หน้าอลิชา เกือบจะทิ่มตาหญิงสาวผวา เธอส่ายหน้าแรงๆ เก็บมือไว้ ไม่ยอมยื่นออกไปรับกระดาษเปล่าแผ่นนั้นเด็ดขาด...“อย่าคิดมากน่า ผมไม่ได้ทำเรื่องร้ายหรอก ...แค่อยากให้สิทธิพิเศษบางอย่างกับเธอ...อย่ากลัวล่วงหน้าสิ...ยิ่งกว่านี้เธอก็เคยผ่านมาแล้ว จะกลัวอะไรอีก” ชายหนุ่มติง เขาขยายความเข้าใจของอลิชาเสียใหม่ ถึงเขาจะเป็นคนเอาแต่ใจ แต่ก็ไม่ชั่วช้า จนต้องทำอะไรเลวทราม“เธอต้องการอะไรล่ะ บอกมาได้เลย...” ชายหนุ่มเอ่ยปาก เขามองสบนัยน์ตากลมโตแบบคนอารมณ์ดี หลังขจัดความหวาดระแวงในใจจนหมดสิ้น“อลิสไม่เคยอยากได้อะไรจากคุณเลยค่ะ” อลิชาตอบตามตรง รับกระดาษแผ่นนั้น กับปากกามาถือไว้ โดยยังไม่ได้ขยับทำอะไรอย่างที่แมทธิวต้องการ เธอไม่เคยอยากได้อะไรจากแมทธิว เธอปรารถนาอยากมีชีวิตสุขสงบ อยู่กันตามประสาแม่ลูก มีบ้านคุ้มหัว มีที่นอนอุ่น
บทที่19.สุดสวาทนางบำเรอที่รัก!น้ำตาไหลรินเป็นสาย เรียวปากอิ่มเม้มแน่น อลิชากำลังชั่งใจ หากเธอพูดความจริง...อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป หลังจากนี้!!“บอกมา!” น้ำเสียงทุ้มต่ำ แมทธิวพยายามข่มความโกรธ“มันผ่านไปนานแล้ว... คุณลืมไปเถอะค่ะ” หญิงสาวกลั้นใจตอบ เธอกลัว...กลัวที่จะถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง“อลิชา! ที่เธอพยายามเลี่ยงนี่ เพราะไอ้หนูนั่นเกี่ยวพันกับผมใช่มั้ย?”แมทธิวตะคอก มือจับบ่าบอบบาง เขย่าหล่อนจนตัวสั่น“มะ ไม่ค่ะ ไม่ใช่!” หญิงสาวตอบเสียงสั่น น้ำตากลบดวงตากลมโต“ผมไม่ได้โง่นะอลิส...ผมรู้ แค่ผมไม่แน่ใจ...” น้ำเสียงที่ใช้อ่อนลง แมทธิวรู้สึกเวทนาผู้หญิงตรงหน้า หล่อนถูกคนชั่วหลอกลวง แถมยังต้องแบกรับความทุกข์ไว้คนเดียว เวลาเกือบสามปี อลิชาต้องผ่านความลำบากมามากขนาดไหน? หล่อนแกร่งมาก ถึงผ่านความทุกข์ระทมนั่นมาได้ ผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่หัวใจหล่อนประเสริฐยิ่งนักดวงตากลมโตเบิกกว้าง มือเรียวยกปาดคราบน้ำต
“อ้ายยยย” หญิงสาวผวาเฮือก เรือนกายเกร็งกระตุก ร่างกายอ่อนยวบหลังตะเกียงตะกายคว้าดวงดาวมาไว้ในอุ้งมือสำเร็จแมทธิวทิ้งตัวนอนแผ่ สูดลมหายใจแรงๆ จนซี่โครงยุบวาบ ชายหนุ่มควานมือด้านข้าง ก่อนจะรั้งเรือนกายชื้นเหงื่อของอลิชามาแนบอกอุ่น พึมพำเบาๆ พอให้ได้ยินกันสองคน “เธอยอมแพ้ผมมั่งก็ได้นะอลิส...ถ้าเธอไม่พูด ผมคงได้ขาดใจตายก่อนแน่”รอยยิ้มอ่อนแต้มมุมปาก มือไล้ผิวกายเรียบลื่นเล่นอลิชาแอบมอง เธอไม่เข้าใจความคิดของแมทธิวสักนิด ชายหนุ่มต้องการอะไรกันแน่ เขาดูยาก อ่านไม่ออก ภายในหัวเขา กำลังคิดอะไรอยู่?“ผมต้องการเธอ ทั้งตัว แล้วก็หัวใจ ไม่ต้องเก็บไว้หรอก ผมจะดูแลให้เอง”เสียงชายหนุ่มเปรยเบาๆ หญิงสาวเม้มปากแน่น สิ่งที่เขาต้องการนั้น หากไม่มอบให้ก่อน มีหรือจะได้อย่างที่เขาต้องการ“ไม่เอาเปรียบไปหน่อยหรือคะ คุณเอาแต่ได้...แล้วอลิสได้อะไรตอบแทนล่ะคะ”ความอยากรู้ทำให้อลิชาลืมตัว เธอโพล่งถาม ก่อนจะรีบกัดปากตัวเอง...แมทธิวพลิกตัวกลับอย่างรวดเร็ว เขากางแขนคร่อมเรื
“เห็นจะไม่ได้” เสียงเย็นชาตอบกลับมา จนอลิชาต้องลืมตามอง แววตาตัดพ้อของเธอทำให้แมทธิวสะดุด เขาหรี่เปลือกตาลง ก่อนจะพูดเสียงเนิบนาบ “เธอคงไม่ได้ ‘ท้อง’ ใช่มั้ย?” คำถามของชายหนุ่ม เล่นเอาอลิชาใจโหวงวูบ! เหตุการณ์เดิมๆ ย้อนกลับมาอีกครั้ง ครั้งนี้คงเป็นหายนะสำหรับตัวเธอเอง ทำไมเธอถึงได้ลืมเรื่องสำคัญ การป้องกันที่เคยทำมาแล้วครั้งหนึ่ง เหตุใดเล่า ครั้งนี้เธอจึงลืมเสียสนิทหญิงสาวกลั้นใจตอบ ดันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างโผเผ “อลิสคงไม่โชคร้ายหรอกมั้งคะ”“นั่นสินะ ผมลืมได้ยังไง เธอเคยมีประสบการณ์เรื่องแบบนี้มาก่อน คงไม่พลาดแบบโง่ๆ” น้ำเสียงที่ฟังไม่ออกกล่าวขึ้นอีกครั้ง มันฟังแปลกๆ เหมือนชายหนุ่มกำลังแดกดันเธอ แต่...เพื่ออะไรล่ะ เมื่อเขาเองก็ไม่ได้ต้องการให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นเช่นกันนี่“คุณอย่าห่วงไปเลยค่ะ...” น้ำตาเกือบทะลัก แต่ก็ยังสู้อุตส่าห์กลั้นไว้ จนเผลอตัวกัดกระพุ้งตนเอง มันเจ็บน้อยกว่าหัวใจที่กำลังร่ำไห้ขณะนี้เสียอีกแมทธิวเดินเข้ามาหา แววตาของเขาอ่านไม่ออก จนกระทั่งชายหนุ่ม