“หามาเถอะน่า...แล้วแม่จะอธิบายให้ฟัง...” ฉลวยบอกปัด เริ่มละอายใจเล็กน้อย
“อลินอยากรู้ค่ะ” อลินดากังขา เธออยากรู้วัตถุประสงค์ของคนเป็นแม่
ฉลวยมองสบนัยน์ตาบุตรสาว นางถอนใจเฮือก ก่อนจะเปิดปากเล่าความคิดในใจให้อลินดาฟัง
สาวรุ่นยิ้มกริ่ม “ได้ค่ะ อลินจะหาให้...ให้อลินช่วยนะคะแม่...” หล่อนออกตัว อยากช่วยมารดาจนเนื้อเต้น เมื่อได้กำจัดศัตรูทางอ้อม อยากเห็นวันที่อลิชาถูกย่ำยี...วันนั้นอลินดาคงมีความสุข เมื่อถีบส่งคนที่ตนเองเกลียดลงไปในขุมนรก
หญิงสาวผู้นั้นเป็นหนามแหลมๆ ตำใจตนเองมาตั้งแต่เด็ก อะไรก็ตามที่อลิชาทำ คนรอบตัวมักจะชื่นชม และนำมาเปรียบเทียบกับตนเองบ่อยครั้ง ผลการเรียนของอลิชานำโด่ง จนไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหนก็ไม่มีทางตามทัน ทั้งที่เจ้าหล่อนอัตคัดเหลือทน การเป็นอยู่อดๆ อยากๆ แต่มันสมองนั่นก้าวล้ำกว่าคนที่เพียบพร้อมอย่างเธอหลายขุม
อะไรก็ตามที่ทำให้หนามตำใจของตนเองตกต่ำลงได้
อลินดาไม่รอช้าที่จะทำ เธอไม่เคยคิดสักนิดว่าอลิชาเป็นพี่ น้อง...เธอเกลียดหญิงสาวผู้นั้น และพร้อมที่จะเหยียบซ้ำ หากอลิชาก้าวพลาด
“อย่าให้คุณพ่อแกรู้เชียวนะอลิน...เพราะพ่อแก เขาไม่ชอบเรื่องพรรค์นี้”
ฉลวยกำชับบุตรสาว
“ค่ะ อลินจะรูดสิป ปิดปากให้สนิทเลยค่ะ”
อลินดารับคำเสียงใส หล่อนออกจากบ้านไปพร้อมกับความปรีดิ์เปรม...เมื่อมีหนทางทำลายคนที่ตนเองเกลียดจับจิต
“วันนี้อารมณ์ดีจังคนสวย” เพื่อนหนุ่มขี้ยาร้องทัก เมื่ออลินดาโทร. นัดให้เขาออกมาหา
หล่อนนั่งละเลียดกาแฟแก้วโปรดในร้านกาแฟชื่อดังบนห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ แทนที่จะหน้าดำคร่ำเคร่งอยู่ในห้องเรียน
“นั่งเลยๆ อลินมีเรื่องขอให้โจช่วยหน่อยน่ะจ้ะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงหวาน
“จะใช้ไหว้วานอะไรโจ เต็มใจทำให้อลินทุกอย่างเลยจ้า” ไอ้หนุ่มขี้ยาตอบกลับเสียงหวานไม่แพ้กัน ดวงตากลิ้งกลอก มองสำรวจร่างกลมกลึงตาเป็นมัน
“เรื่องนี้ไม่เกินความสามารถโจหรอก อลินรู้” หล่อนรีบยกยอปอปั้น เพื่อให้เพื่อนหนุ่มเกิดความลำพอง เขาจะได้จัดหาสิ่งที่ตนเองต้องการให้
“ให้บุกน้ำ ลุยไฟโจก็เต็มใจนะ หากอลินต้องการ” มือผอมบางเอื้อมมือกุมมือนุ่มนิ่มของอลินดาไว้ พลางส่งสายตามีความนัยให้หญิงสาว
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เรื่องขี้ปะติ๋วเอง” เธอชักมือกลับแบบนุ่มนวล ก่อนจะใช้มือข้างเดียวกันแตะแก้มตอบของเพื่อนหนุ่ม “อลินอยากได้ ‘ยา’ หาให้หน่อยสิ”
“ยาอะไร เดี๋ยวนี้อลินใช้ยาเหรอ?” โจถามกลับเสียงแข็ง ถึงตนเองจะตกเป็นทาสยานรกนั่น เขาก็ไม่ต้องการให้เพื่อนคนไหน เห็นดีเห็นงามไปด้วย
“ไม่ใช่ยาแบบนั้น ยาเลิฟน่ะ” อลินดารีบแก้ความเข้าใจผิด หล่อนลดเสียงลงอีกนิดเมื่อเอ่ยปากบอกความต้องการ
“โธ่! แล้วไป...อลินจะเอาเมื่อไหร่ล่ะ โจมี ‘ของ’ ตลอดแหละ” ในเมื่อต้องใช้จ่ายจำนวนมาก เมื่อ ‘ยา’ ที่ชายหนุ่มจำเป็นต้องใช้มีราคาแพง โจเลยจำต้องมีอาชีพเสริม เขาเข็ดขยาดกับความทรมาน ตอนที่ขาดยานรกนั่น
“ตอนนี้มีมั้ย ขออลินสักเม็ด มียานอนหลับด้วยหรือเปล่า?”
หญิงสาวตอบเสียงกระตือรือร้น ดวงตาวาวโลด เมื่อสิ่งที่ปรารถนา จวนเจียนจะสมหวัง
“เอาไปทำอะไรหรืออลิน...”
หญิงสาวโบกมือ “โจอย่ารู้เลย ไม่ได้ทำร้ายใครหรอก เล่นอะไรสนุกๆ แค่นั้นเอง”
“ตามใจ...โจคิดราคากันเองเลย...เอานี่จ้ะ สีชมพูคือ ‘ยาเลิฟ’ ส่วนสีขาวนี่ยานอนหลับธรรมดา” ชายหนุ่มหยิบเม็ดยาในกล่องพับขนาดเล็กเขายัดยาเม็ดเล็กๆ ใส่ซองใส ก่อนจะอธิบายวิธีใช้ให้อลินดาเข้าใจอย่างละเอียด
หญิงสาวจดจำความแตกต่าง ล้วงกระเป๋าสตางค์ หยิบเงินสดส่งให้เพื่อนหนุ่ม ก่อนจะยิ้มหวานให้
อันตรายใกล้ตัว มีอยู่ทั่วหัวระแหง...ใครจะคิดว่าท่ามกลางปัญญาชน...ผู้คนพลุกพล่าน มีคนร้ายแอบซ่อนตัว และปะปนอยู่ด้วย ดังนั้นไม่ว่าคน คนนั้นจะสนิทชิดเชื้อเพียงใด ขอให้หวาดระแวงไว้ก่อน ไม่อย่างนั้น อนาคตที่ฝันหวานไว้ อาจจะพังทลายลงง่ายๆ
เหตุการณ์ปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ฉลวยเฝ้ารอ... รอให้แม่เล้าอย่างสายหยุดติดต่อมา เธอมี ‘ของ’ อยู่ในมือแล้ว ที่เหลือก็แค่เวลาลงมือ การแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าที่สุด เมื่อเธอไม่ได้สูญเสียอะไรเลย มีแต่ได้กับได้
“ค่ำๆ นะแม่หลวย พา ‘เด็ก’ ของหล่อนมาที่...” เสียงกริ๊งกร๊างก่อนพระอาทิตย์ตก การส่งสัญญาณจากสายหยุดก็มาถึง
“จ้า ตามนั้น” ฉลวยรับคำ เดินไปชะโงกหน้ามองด้านหลังบ้าน ไฟฟ้าในห้องพักของหลานสาวยังมืดสนิท
“คุณแม่มองอะไรคะ?” อลินดาวางกระเป๋าสะพายไว้บนโต๊ะ หล่อนเดินไปรินน้ำเย็นใส่แก้วเพื่อดื่มแก้กระหาย
“มองห้องนังอลิส มันยังไม่กลับใช่มั้ย?” นางตอบเสียงแข็ง
“ยังหรอกค่ะ มืดๆ นู้น อลินเห็นแม่นั่นกลับเวลานี้ทุกวัน ว่าแต่... ทำไมบ้านเงียบจัง คุณพ่อไม่อยู่เหรอคะ?” หลังดื่มน้ำเย็นจนชื่นใจ อลินดาตอบมารดาเสียงใส ก่อนจะทิ้งตัวนั่ง มือควานหารีโหมตทีวี
“พ่อเรา เขาไปสัมมนาต่างจังหวัด”
“ค่ะ”
“คอยดูนั่งอลิสให้แม่ด้วยนะ มันมาเมื่อไหร่ บอกแม่ด้วย”
วันนี้มีภารกิจสำคัญ หากเรียบร้อย นางจะได้ปลดหนี้ที่แบกไว้จนหนักอึ้งลงสักที
“คุณนายนั่นติดต่อมาแล้วเหรอคะแม่” เสียงถามใสวิ้ง
“อืม” ฉลวยพยักหน้ารับ นางต้องรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ทะมัดทะแมงกว่านี้
“หึ! สาใจฉันจริงๆ ฉันจะรอดูว่าแกจะหยิ่งผยองได้อีกแค่ไหน! ” อลินดาพึมพำ รอยยิ้มชั่วร้ายพอๆ กับความคิด เมื่อสิ่งที่กำลังจะทำต่อไปนี้ คือการทำลายคน คนหนึ่ง โยนเขาผู้นั้นลงไปในขุมนรก...
วันนี้เพลินพิศปิดร้านเร็วกว่าปกติ เพราะนางต้องเดินทางเข้าไปทำธุระในเมือง อลิชาเลยได้กลับบ้านไวขึ้น หลังอาบน้ำเสร็จ จึงมานั่งอ่านนั่งสือทบทวนอยู่บนเตียง
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูห้องดังเบาๆ
“ป้าเองอลิส...เปิดประตูหน่อย” เสียงฉลวยนั่นเอง อลิชาวางหนังสือไปบนหมอน เธอเดินไปเปิดประตูให้ฉลวย
“ป้ามีอะไรจะใช้อลิสเหรอคะ?” หญิงสาวเอ่ยถาม ยามวิกาลเช่นนี้ ฉลวยต้องการไว้วานให้เธอทำอะไร
“เปล่า ฉันเอานมมาให้แก...หิวหรือเปล่าล่ะ” เสียงตอบราบเรียบ
อลิชามองแก้วที่บรรจุนมอุ่นๆ ในมือฉลวยแบบอึ้งๆ ร้อยวันพันปี คนที่มีศักดิ์เป็นป้าตนเองไม่เคยเมตตาขนาดนี้ อะไรดลใจทำให้คนใจจืดใจดำอย่างฉลวยเกิดใจดีขึ้นมา
“มองอะไร ก็แค่นม...ฉันเวทนาหล่อนหรอก ผอมบางแบบนี้ ได้กินอะไรดีๆ กับเขาบ้างหรือเปล่า” สาวใหญ่ใจยักษ์รีบหาข้ออ้าง นางยื่นแก้วนมให้หลานสาวอีกครั้ง
มือเรียวบางยื่นออกมารับแก้มนมแก้วนั้นแบบงงๆ
“กินเสียสิ ฉันจะได้สบายใจ...” ฉลวยคะยั้นคะยอซ้ำ
อลิชายกแก้วนมขึ้นจ่อปาก กระดกแก้มดื่มน้ำนมอุ่นๆ ด้วยความรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจ กับความเมตตาเล็กๆ ของคนที่มีศักดิ์เป็นป้ามอบให้เป็นครั้งแรก
“ส่งแก้วมา ฉันเอาไปล้างเอง...ไปนอนเถอะดึกแล้ว” ฉลวยยิ้มอ่อน รับแก้วเปล่าจากหลานสาว โบกมือไล่อลิชาก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าบ้านไป
รอยยิ้มสาแก่ใจแต้มมุมปาก...
อลิชาปิดประตูห้องนอน เธอทิ้งตัวนั่งบนเตียงเก่าๆ รอยยิ้มอิ่มสุขนั่น ยังค้างอยู่บนมุมปาก โดยไม่รู้ว่า ความเลวร้ายกำลังคืบคลานเข้ามาในชีวิต
“ค่ะ” อลิชายิ้มรับ เธอเงยหน้าขึ้น รับจูบหวานๆ จากแมทธิวโดยไม่ขัดขืนเป็นการยินยอมพร้อมใจ หลังจากไตร่ตรองจนแน่ใจ ไม่มีอะไรดีขึ้น หากตนเองยังหลบอยู่หลังเกราะที่สร้างไว้ป้องกันตัวเอง...ในเมื่อแมทธิวยอมถอยให้หนึ่งก้าว เธอก็ควรเปิดใจกว้างๆ ยอมรับสิ่งที่เขามอบให้ เพราะมัวแต่วิ่งหนี ชั่วชีวิตนี้ เธอคงต้องหนีไปตลอด ไม่มีใครไม่เคยทำผิด มนุษย์ทุกคนบนโลกล้วนแล้วแต่เคยผ่านความผิดพลาดมาแล้วทั้งนั้นมันขึ้นอยู่ว่าคนเหล่านั้น จะแก้ปัญหา หรือฝังกลบไว้ แสร้งทำเป็นลืม แต่...ความลับไม่มีในโลก สักวันสิ่งที่ขุดหลุมกลบเอาไว้ก็จะโผล่ขึ้นมาเตือนความจำอยู่ดี ปัญหามีไว้ให้แก้ ใช้สติตรึกตรอง และก้าวผ่านมันไปให้ได้ ใช้อดีตเป็นบทเรียน เพื่ออนาคตจะไม่เดินซ้ำรอยเดิม...ถนนชีวิต ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต่อให้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด หนทางเดินก็มักจะมีขวางหนาม เป็นอุปสรรค เพื่อวัดความอดทนของคนเมื่อก้าวผ่านสิ่งเหล่านั้นไปได้ ไม่ว่าปัญหาจะเล็กหรือใหญ่ ทุกปัญหาที่ผ่านเข้ามาคือบทเรียนเช้าวันใหม่...แอนเดอสันยิ้มตาม เมื่อสายตาของท่านมอง
อลิชาเสก้มหน้าหลบสายตาวาววามคู่นั้น หัวใจเธอเต้นถี่ยิบ และหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ หัวใจดวงน้อยของตนเองอาจจะหยุดเต้น เพราะความตื่นเต้นก็เป็นได้“จะถือกระดาษนั่นอีกนานแค่ไหน...เซ็นๆ มาเถอะ”ชายหนุ่มปรายตามองกระดาษสีขาวแผ่นเดียวที่อลิชาถือไว้ในมือ“คุณจะเอาไปทำอะไรคะ?” หญิงสาวถามแบบไม่ใคร่เข้าใจ กระดาษเปล่าไร้ข้อความ หากชายหนุ่มคิดร้าย คนที่ซวยคงเป็นเธอ“เอาไปยื่นคำร้องเป็นพ่อให้หนูนั่นไง ลูกผม ก็ต้องใช้นามสกุลผมสิ ใช้นามสกุลบ้านนั้นทำไม...”แมทธิวเฉลย...มันคันยิบๆ ในใจ ทุกครั้งที่เห็นชื่อ นามสกุลของบุตรชายที่ตนเองไม่มีส่วนร่วมอลิชาหัวเราะคิก เมฆสีดำทะมึน เคลื่อนผ่านไปจากชีวิตตนเอง นับจากนี้ไป อนาคตของเธอและบุตรชายคงมั่นคงขึ้น เธอจรดปลายปากกาเซ็นชื่อตนเองโดยไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะยื่นส่งให้แมทธิว พร้อมกับยิ้มน้อยๆแมทธิวเดินไปเก็บที่โต๊ะตัวใหญ่ เขาเดินโทงๆ จนอลิชาอายจนแก้มแดง เมื่อมองเห็นสรีระชายหนุ่มหมดทุกซอกทุกมุมดังนั้น...เมื่อแมทธิวเดินกลับมา เขาจึงได้เห็นสายตาเป็นประกายของหญิงสาว ชายหน
ชายหนุ่มกระเด้งตัวลุกขึ้น เขาเดินอาดๆ ไปที่โต๊ะตัวใหญ่กลางห้อง ชายหนุ่มฉวยกระดาษขนาด A4 เดินกลับมายื่นส่งให้อลิชา หญิงสาวผุดลุกขึ้นนั่ง มองกระดาษแผ่นนั้นงงๆ“เซ็นชื่อซะ...” ปากกาสีทอง แมทธิวยื่นใส่หน้าอลิชา เกือบจะทิ่มตาหญิงสาวผวา เธอส่ายหน้าแรงๆ เก็บมือไว้ ไม่ยอมยื่นออกไปรับกระดาษเปล่าแผ่นนั้นเด็ดขาด...“อย่าคิดมากน่า ผมไม่ได้ทำเรื่องร้ายหรอก ...แค่อยากให้สิทธิพิเศษบางอย่างกับเธอ...อย่ากลัวล่วงหน้าสิ...ยิ่งกว่านี้เธอก็เคยผ่านมาแล้ว จะกลัวอะไรอีก” ชายหนุ่มติง เขาขยายความเข้าใจของอลิชาเสียใหม่ ถึงเขาจะเป็นคนเอาแต่ใจ แต่ก็ไม่ชั่วช้า จนต้องทำอะไรเลวทราม“เธอต้องการอะไรล่ะ บอกมาได้เลย...” ชายหนุ่มเอ่ยปาก เขามองสบนัยน์ตากลมโตแบบคนอารมณ์ดี หลังขจัดความหวาดระแวงในใจจนหมดสิ้น“อลิสไม่เคยอยากได้อะไรจากคุณเลยค่ะ” อลิชาตอบตามตรง รับกระดาษแผ่นนั้น กับปากกามาถือไว้ โดยยังไม่ได้ขยับทำอะไรอย่างที่แมทธิวต้องการ เธอไม่เคยอยากได้อะไรจากแมทธิว เธอปรารถนาอยากมีชีวิตสุขสงบ อยู่กันตามประสาแม่ลูก มีบ้านคุ้มหัว มีที่นอนอุ่น
บทที่19.สุดสวาทนางบำเรอที่รัก!น้ำตาไหลรินเป็นสาย เรียวปากอิ่มเม้มแน่น อลิชากำลังชั่งใจ หากเธอพูดความจริง...อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป หลังจากนี้!!“บอกมา!” น้ำเสียงทุ้มต่ำ แมทธิวพยายามข่มความโกรธ“มันผ่านไปนานแล้ว... คุณลืมไปเถอะค่ะ” หญิงสาวกลั้นใจตอบ เธอกลัว...กลัวที่จะถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง“อลิชา! ที่เธอพยายามเลี่ยงนี่ เพราะไอ้หนูนั่นเกี่ยวพันกับผมใช่มั้ย?”แมทธิวตะคอก มือจับบ่าบอบบาง เขย่าหล่อนจนตัวสั่น“มะ ไม่ค่ะ ไม่ใช่!” หญิงสาวตอบเสียงสั่น น้ำตากลบดวงตากลมโต“ผมไม่ได้โง่นะอลิส...ผมรู้ แค่ผมไม่แน่ใจ...” น้ำเสียงที่ใช้อ่อนลง แมทธิวรู้สึกเวทนาผู้หญิงตรงหน้า หล่อนถูกคนชั่วหลอกลวง แถมยังต้องแบกรับความทุกข์ไว้คนเดียว เวลาเกือบสามปี อลิชาต้องผ่านความลำบากมามากขนาดไหน? หล่อนแกร่งมาก ถึงผ่านความทุกข์ระทมนั่นมาได้ ผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่หัวใจหล่อนประเสริฐยิ่งนักดวงตากลมโตเบิกกว้าง มือเรียวยกปาดคราบน้ำต
“อ้ายยยย” หญิงสาวผวาเฮือก เรือนกายเกร็งกระตุก ร่างกายอ่อนยวบหลังตะเกียงตะกายคว้าดวงดาวมาไว้ในอุ้งมือสำเร็จแมทธิวทิ้งตัวนอนแผ่ สูดลมหายใจแรงๆ จนซี่โครงยุบวาบ ชายหนุ่มควานมือด้านข้าง ก่อนจะรั้งเรือนกายชื้นเหงื่อของอลิชามาแนบอกอุ่น พึมพำเบาๆ พอให้ได้ยินกันสองคน “เธอยอมแพ้ผมมั่งก็ได้นะอลิส...ถ้าเธอไม่พูด ผมคงได้ขาดใจตายก่อนแน่”รอยยิ้มอ่อนแต้มมุมปาก มือไล้ผิวกายเรียบลื่นเล่นอลิชาแอบมอง เธอไม่เข้าใจความคิดของแมทธิวสักนิด ชายหนุ่มต้องการอะไรกันแน่ เขาดูยาก อ่านไม่ออก ภายในหัวเขา กำลังคิดอะไรอยู่?“ผมต้องการเธอ ทั้งตัว แล้วก็หัวใจ ไม่ต้องเก็บไว้หรอก ผมจะดูแลให้เอง”เสียงชายหนุ่มเปรยเบาๆ หญิงสาวเม้มปากแน่น สิ่งที่เขาต้องการนั้น หากไม่มอบให้ก่อน มีหรือจะได้อย่างที่เขาต้องการ“ไม่เอาเปรียบไปหน่อยหรือคะ คุณเอาแต่ได้...แล้วอลิสได้อะไรตอบแทนล่ะคะ”ความอยากรู้ทำให้อลิชาลืมตัว เธอโพล่งถาม ก่อนจะรีบกัดปากตัวเอง...แมทธิวพลิกตัวกลับอย่างรวดเร็ว เขากางแขนคร่อมเรื
“เห็นจะไม่ได้” เสียงเย็นชาตอบกลับมา จนอลิชาต้องลืมตามอง แววตาตัดพ้อของเธอทำให้แมทธิวสะดุด เขาหรี่เปลือกตาลง ก่อนจะพูดเสียงเนิบนาบ “เธอคงไม่ได้ ‘ท้อง’ ใช่มั้ย?” คำถามของชายหนุ่ม เล่นเอาอลิชาใจโหวงวูบ! เหตุการณ์เดิมๆ ย้อนกลับมาอีกครั้ง ครั้งนี้คงเป็นหายนะสำหรับตัวเธอเอง ทำไมเธอถึงได้ลืมเรื่องสำคัญ การป้องกันที่เคยทำมาแล้วครั้งหนึ่ง เหตุใดเล่า ครั้งนี้เธอจึงลืมเสียสนิทหญิงสาวกลั้นใจตอบ ดันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างโผเผ “อลิสคงไม่โชคร้ายหรอกมั้งคะ”“นั่นสินะ ผมลืมได้ยังไง เธอเคยมีประสบการณ์เรื่องแบบนี้มาก่อน คงไม่พลาดแบบโง่ๆ” น้ำเสียงที่ฟังไม่ออกกล่าวขึ้นอีกครั้ง มันฟังแปลกๆ เหมือนชายหนุ่มกำลังแดกดันเธอ แต่...เพื่ออะไรล่ะ เมื่อเขาเองก็ไม่ได้ต้องการให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นเช่นกันนี่“คุณอย่าห่วงไปเลยค่ะ...” น้ำตาเกือบทะลัก แต่ก็ยังสู้อุตส่าห์กลั้นไว้ จนเผลอตัวกัดกระพุ้งตนเอง มันเจ็บน้อยกว่าหัวใจที่กำลังร่ำไห้ขณะนี้เสียอีกแมทธิวเดินเข้ามาหา แววตาของเขาอ่านไม่ออก จนกระทั่งชายหนุ่ม