“แม่ตาลจะออกไปเรียนเหรอ”
เสียงของอมลวรรณ คุณผู้หญิงของบ้านดังขึ้น ทำให้คนที่เดินก้มหน้าก้มตาจะออกไปนอกตัวตึกใหญ่ชะงัก
“เอ่อ... ค่ะ...”
หล่อนเดินเข้าไปหาเจ้าของเสียงและเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ
อมลวรรณมองลูกสาวของแม่สายแม่บ้านของตัวเองด้วยความเอ็นดู
น้ำตาลเป็นเด็กน่ารัก นิสัยดี ขยันขันแข็ง และก็ตั้งใจเรียนมาก
“งั้นไปกับพ่อกลางสิ จะได้ไม่ต้องไปโหนรถเมล์”
“เอ่อ... ตาลไปเองดีกว่าค่ะ”
หล่อนก้มหน้าหลบสายตาอ่อนโยนของอมลวรรณ หัวใจเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด หล่อนรู้ดีว่าอมลวรรณเมตตาแค่ไหน แต่หากท่านรู้ว่าหล่อนกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา สายตาอ่อนโยนนี้ก็คงจะหายไป
“ฉันรู้ว่าแม่ตาลเกรงใจ แต่ไม่ต้องเกรงใจหรอก พ่อกลางต้องผ่านหน้ามหา’ลัยของแม่ตาลอยู่แล้วนี่”
ใช่แล้วล่ะ บริษัทของอัคเรศอยู่ทางเดียวกันกับมหาวิทยาลัยของหล่อน แต่เขาก็ไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยปากให้หล่อนติดรถไปด้วยเลย
เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น แม้แต่หางตาของเขาก็ไม่เคยมองแลมาหา เขาจะใกล้ชิดกันก็ตอนที่กำลังมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น
อัคเรศเย็นชา ไร้ความรู้สึก คล้ายกับว่าในอกของเขาไม่มีหัวใจซ่อนอยู่ แต่ถึงเขาจะเลือดเย็นแค่ไหน แต่เขาก็คือผู้มีพระคุณของหล่อน
หากไม่ได้เงินจากอัคเรศ ป่านนี้พ่อของหล่อนก็คงจะไม่มีลมหายใจอยู่จนถึงทุกวันนี้แล้วล่ะ
เขาคือผู้มีพระคุณ ดังนั้นหล่อนจึงยอมทำหน้าที่เป็นนางบำเรอให้กับอัคเรศเรื่อยมาจนกระทั่งถึงตอนนี้
“เอ่อ... ตาลไปเองได้จริงๆ ค่ะคุณผู้หญิง”
“ไม่เอาน่าแม่ตาล อย่าคิดเยอะสิ ยังไงแม่ตาลก็คือคนของฉัน อย่าไปโหนรถเมล์ให้มันเหนื่อยเลย”
“ตาล...”
“ไม่เอาน่ะ อย่าดื้อกับฉันสิ”
น้ำเสียงของอมลวรรณเข้มขึ้นทำให้น้ำตาลไม่กล้าที่จะปฏิเสธอีก
“ค่ะคุณผู้หญิง”
หล่อนก้มหน้ายอมรับคำสั่งของคุณผู้หญิงของบ้านอย่างยอมแพ้
“ดีมาก นั่น... พ่อกลางมาพอดีเลย”
น้ำตาลรีบถอยห่างออกไปยืนด้านข้าง เมื่ออัคเรศปรากฏตัวขึ้น
เขาเดินผูกเนคไทลงมาจากบันได เดินตรงเข้ามาหาอมลวรรณ และเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“มีอะไรหรือครับคุณแม่”
อมลวรรณยิ้มกว้าง ก่อนจะเอ่ยความต้องการของตัวเองขึ้น
“ให้แม่ตาลติดรถไปมหา’ลัยด้วยสิพ่อกลาง”
อัคเรศยังไม่ได้ตอบมารดาของตัวเอง เขาปรายตามองคนตัวเล็กที่อยู่ในชุดนักศึกษาด้วยสายตามืดลึก
“ได้ครับ”
น้ำตาลช้อนตาขึ้นมองเจ้าของคำตอบ เพราะไม่คิดว่าเขาจะตกลงง่ายดายแบบนี้
“แต่คงให้ไปด้วยทุกวันไม่ได้นะครับ เพราะบางวันผมต้องไปรับผิง”
ผิง หรือ ผกามาศ ผู้หญิงหน้าตาสะสวยที่อัคเรศสนิทสนมด้วย
“ก็เอาเฉพาะวันที่พ่อกลางสะดวกก็แล้วกัน”
“ครับคุณแม่”
อัคเรศปรายตามองคนตัวเล็กที่ยืนตัวลีบอยู่ด้านหลังของมารดา
“ไปกันได้แล้วน้ำตาล วันนี้ฉันมีประชุมแต่เช้า”
น้ำตาลสะดุ้งน้อยๆ แต่หล่อนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา นอกจากกล่าวลาอมลวรรณ และเดินตามร่างสูงใหญ่ของอัคเรศออกไปจากบ้านเงียบๆ
เมื่อมาถึงรถ อัคเรศก็หยุดเดินและหันมามองหน้าหล่อน
“นี่ไม่ใช่ความคิดของเธอใช่ไหม น้ำตาล”
“คะ?”
น้ำตาลจำต้องช้อนตาขึ้นมองผู้ชายที่เมื่อคืนทั้งโยกทั้งกระแทกอยู่ในร่างสาวแทบทั้งคืนด้วยความไม่เข้าใจ
“ก็เรื่องที่จะติดรถฉันไปมหา’ลัยไงล่ะ”
“เอ่อ... ไม่ใช่ความคิดของตาลหรอกค่ะ ตาลสาบานได้”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี เพราะเธอก็รู้นี่ว่าฉันไม่ชอบมีตุ๊กตาหน้ารถ”
“ค่ะ”
หล่อนก้มหน้าลงมอง น้ำตาหยดแหมะลงเปื้อนพื้นดิน
อัคเรศเย็นชากับหล่อนเสมอ แต่กระนั้นเขาก็มีพระคุณกับหล่อนที่สุด
“งั้นคุณกลางปล่อยตาลลงหน้าปากซอยก็ได้ค่ะ ตาลจะไปรอรถเมล์”
คนตัวโตที่กำลังจะเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับชะงักเล็กน้อย แววตาคมกริบที่มองมามีความไม่พอใจ
“ฉันไม่อยากขัดใจคุณแม่ ขึ้นรถได้แล้ว ฉันไม่อยากเข้าประชุมสาย”
“เอ่อ...”
“อย่าอืดอาด ขึ้นรถ”
เขาดุหล่อนเสียงเข้ม ก่อนจะก้าวขึ้นไปบนรถ ส่วนหล่อนก็จำต้องก้าวตามขึ้นไป
น้ำตาพาลจะไหลออกมาอีกครั้ง จนต้องกะพริบตาถี่ๆ เพื่อขับไล่มันเอาไว้
หล่อนนั่งนิ่ง ลืมไปเลยว่าต้องคาดเข็มขัดนิรภัย
“ทำไมไม่คาดเบลล์”
“เอ่อ... ขอ... ขอโทษค่ะ”
หล่อนละล่ำละลักตอบเขาออกไป ก่อนจะดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดทับร่างกายด้วยความรีบร้อน
รถคันงามสีบลอนด์เงาเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเร็ว และหล่อนก็เลือกที่จะนั่งนิ่งเงียบไปตลอดทาง
ไม่มีอะไรต้องพูด...
ไม่มีอะไรที่ต้องคุยกัน เมื่อคนข้างกายคืออัคเรศ
สี่สิบนาทีต่อมา รถคันงามของอัคเรศก็แล่นมาถึงหน้ามหาวิทยาลัย
“จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะคุณกลาง”
ไม่ได้จอดที่บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัย แต่กลับเลี้ยวรถเข้าไปข้างใน
“เรียนตึกไหน”
“เอ่อ...”
“บอกมาสิ ฉันจะได้เลี้ยวถูก”
เมื่อถูกอัคเรศทำเสียงดุๆ ใส่ น้ำตาลจึงต้องรีบบอกออกไป
“เลี้ยวซ้ายค่ะ แล้วก็ซ้ายอีกที...”
อัคเรศขับรถไปตามที่หล่อนบอก ก่อนจะมาจอดที่หน้าตึกประจำคณะของหล่อน
น้ำตาลปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว ก่อนจะยกมือไหว้อัคเรศ
“ขอบคุณมากค่ะคุณกลาง”
“ไม่เป็นไร”
อัคเรศตอบเสียงเฉยเมย ซึ่งก็ทำให้น้ำตาลรู้สึกนอยด์ไม่น้อย แต่ก็เก็บอาการเอาไว้
“งั้น... ตาลขอตัวค่ะ”
มือขาวสะอาดเปิดประตูรถ และกำลังจะก้าวลงไป แต่แล้วมือใหญ่อบอุ่นก็คว้าหมับที่แขนเสียก่อน
ตอนที่ 21. ตอนอวสานหล่อนมองเจ้าของคำพูดอ่อนโยนผ่านม่านน้ำตา ไม่น่าเชื่อเลยว่าผู้ชายคนนี้จะคือคนเดียวกันกับอัคเรศ“ก็... คิดถึงนิดหน่อยค่ะ”“ใจร้าย... ทำไมคิดถึงแค่หน่อยเดียวเองล่ะ ฉันอุตส่าห์คิดถึงเธอแทบตาย...”อัคเรศตัดพ้อ แต่ก็ยังไม่หยุดเอามือลูบไล้ซุกซนไปทั่วกายสาว จนหล่อนรู้สึกร้อนผะผ่าวไปทั้งเนื้อทั้งตัว“อื้อ... คุณกลาง... อย่าค่ะ... อา...”เขารวบมือเล็กไปไว้เหนือศีรษะ ก่อนจะเอาปากบดคลึงลงมาหา“ฉันจะพิสูจน์ว่าเธอคิดถึงฉันนิดเดียวจริงหรือเปล่า...”“อา... อ๊า...”คนตัวโตสอดมือเข้าไปใต้เสื้อตัวสวย และล้วงเข้าไปบี้หัวนม“แต่เท่าที่สัมผัส... เธอคิดถึงฉันมากอยู่เหมือนกันนะ น้ำตาล... อืมมม...”เขาครางเบาๆ และก็จัดการดึงทึ้งเสื้อของหล่อนออกไปจากตัว“คิดถึงจัง...”เขาซบหน้าลงไปที่กลางหว่างอก ซุกไซ้ด้วยความลุ่มหลงหิวกระหาย บราเซียร์ตัวน้อยถูกดึงออกไปจากร่างสาว และก้อนเนื้อนุ่มก็ถูกขยำอย่างรุนแรง“อ๊า... อา... คุณกลาง... ซี๊ดดดด...”“อืมมม... ฉันคิดถึงนมใหญ่ๆ ของเธอที่สุด... พระเจ้า... หัวนมเธอสู้นิ้วฉันดีเหลือเกิน...”คนที่กำลังถูกความหื่นกระหายเข้าครอบงำแลบลิ้นออกมาเลียไปทั่วทั้งก้อนเนื
ตอนที่ 20. “นี่มันอะไรกัน...?” ภายในห้องนอนของอัคเรศเต็มไปด้วยลูกโป่งสีสวย และแน่นเอี้ยดไปด้วยดอกกุหลาบสีแดงทุกตารางนิ้วของห้องกว้าง แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ยังไม่น่าตกใจเท่ากับข้อความที่อยู่ติดกับลูกโป่งสีหวาน อัคเรศในชุดลำลองสีขาวสะอาดตัดกับสีสันของดอกกุหลาบได้อย่างน่ามอง เขาก้าวเข้ามาหา ในขณะที่หล่อนขาตาย ยืนนิ่งหนีไปไหนไม่รอด มือเล็กถูกดึงไปกุมเอาไว้ ก่อนที่เขาจะยกขึ้นไปพรมจูบทีละนิว “คุณกลาง...”หล่อนกำลังจะถามว่านี่มันคืออะไรกัน เขากำลังทำอะไร แต่อัคเรศก็ไม่ยอมเปิดโอกาสให้ได้ถามเลย“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น... ฟังฉันอย่างเดียวก็พอน้ำตาล...”แล้วเขาก็ประกบปากลงมาหา บดคลึงอย่างอ่อนหวานและหิวกระหาย ลิ้นร้อนของเขาปลุกปั่นให้ไฟในกายลุกโชนได้อย่างง่ายดาย“อา...”หล่อนครางอย่างเสียดาย เมื่อเขาถอนปากออกไป และค่อยๆ หย่อนกายลงคุกเข่ากับพื้นห้อง“คุณ... คุณกลางจะทำอะไรคะ”หล่อนพยายามดึงเขาให้ลุกขึ้น แต่เขากลับส่ายหน้า แววตาของเขาเด็ดเดี่ยวและจริงจัง“ฉันร้ายกับเธอมาตลอด... ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว ฉันไม่ได้อยากทำให้เธอร้องไห้เลย...”นี่เขาก
ตอนที่ 19. “คงไม่ได้เกี่ยวกับแม่ตาลหรอกนะ” อมลวรรณดักคอลูกชาย “เกี่ยวครับ” อมลวรรณยกมือขึ้นทาบอก และยังไม่ทันได้ถามอะไรออกไป อัคเรศก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ผมต้องการมีครอบครัวครับ” “พ่อกลางอยากมีครอบครัว? นี่แม่หูฝาดไปหรือเปล่าเนี้ย” อมลวรรณครางออกมาอย่างเหลือเชื่อ “ผมพูดจริงๆ ครับ ผมต้องการมีครอบครัว” เมื่อลูกชายย้ำชัดออกมาอีกครั้ง คราวนี้ผู้เป็นแม่จึงรู้ว่าเป็นเรื่องจริง “หนูผิงใช่ไหม” ศรีษะทุยได้รูปของอัคเรศส่ายไปมา “อ้าว ถ้าไม่ใช่หนูผิง แล้วใครล่ะ แม่ไม่เคยเห็นพ่อกลางคบหาใครเป็นตัวเป็นตนเสียที จะมีก็แค่หนูผิงนั่นแหละที่เคยพามาบ้าน” “น้ำตาลครับ” บรรยากาศรอบตัวเงียบกริบ ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากปากของทั้งคนพูดและคนฟัง จนกระทั่งอมลวรรณตั้งสติได้จึงถามซ้ำออกมา “แม่ตาล...? นี่พ่อกลางล้อแม่เล่นใช่ไหมเนี้ย” “ผมไม่ได้ล้อเล่นครับ ผมต้องการแต่งงานกับน้ำตาลทันทีที่เธอเรียนจบ” “โอ้... แม่ไม่อยากเชื่อเลย ทำไมถึงต้องเป็นแม่ตาลล่ะ ในเมื่อพ่อกลางสามารถเ
ตอนที่ 18. หล่อนผลักไส และก็ดิ้นรน แต่จูบร้อนแรงของอัคเรศทรงอานุภาพมากเหลือเกิน เพราะไม่ช้ากายสาวก็อ่อนระทวย และยอมเปิดปากให้ลิ้นร้อนๆ บุกรุกเข้ามา หนึ่งจูบกลายเป็นหลายสิบจูบ จนกระทั่งเขาถอนจุมพิตออกไป “ฉันไม่ได้รักผิง” เขากระซิบชิดปากอิ่มที่กำลังเห่อบวม “ขึ้นรถได้แล้ว ถ้าไม่อยากให้ฉันจูบปากเธอตรงนี้อีก” แล้วเขาก็ผลักหล่อนให้ขึ้นไปบนรถ ประตูรถถูกปิดตามมาแรงๆ อัคเรศเดินอ้อมรถขึ้นมานั่งหน้าพวงมาลัยรถ และมองหล่อน “เลิกหึงหวงฉันกับผิงได้แล้ว เพราะผิงก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งในสายตาของฉันเท่านั้น” “ตาล... ไม่ได้หึงค่ะ” “ไม่ต้องปฏิเสธ เพราะฉันชอบความหึงหวงของเธอ น้ำตาล” แล้วรถคันงามก็แล่นออกจากลานจอดรถหน้าหอพัก และเคลื่อนขึ้นไปบนถนนด้วยความเร็วจนน่ากลัว บรรยากาศในรถเงียบกริบ จนกระทั่งรถคันงามแล่นมาจอดที่หน้าร้านดอกไม้แห่งหนึ่ง อัคเรศหันมามองหล่อน และพูดขึ้น “รออยู่ในนี้ล่ะ เดี๋ยวฉันมา” คนตัวโตพูดจบก็ก้าวลงไปจากรถ และเดินหายเข้าไปในร้านดอกไม้ หล่อนนั
ตอนที่ 17. กระบอกตาของน้ำตาลร้อนจัด และก็พยายามที่จะไม่ร้องไห้ออกมาอีก “ตาลจะคุยกับแม่เองค่ะ” “ไม่ต้องคุยอะไรทั้งนั้นแหละ เก็บของ และตามฉันกลับไปเดี๋ยวนี้” “แต่ว่า...” “ไม่ต้องพูดมาก พาฉันขึ้นไปห้องเธอเลย ฉันจะช่วยเก็บของ” หล่อนไม่เคยสู้รบตบมือกับอัคเรศ แล้วชนะเลยสักครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกัน... หล่อนจำต้องพาคนใจร้ายมุ่งหน้าตรงไปยังห้องพักของตัวเองอย่างไม่มีทางเลือก “ห้องเล็กไปหน่อยนะ”เขาพูดขึ้น หลังจากก้าวเข้ามาในห้องพักของหล่อนแล้ว “ปิดประตูห้องด้วยสิ หรือเธอเป็นพวกชอบโชว์”อัคเรศหันมามองน้ำตาลก็พบว่าหล่อนยังคงยืนอยู่ชิดประตูทางออก และไม่ยอมปิดมันลง “เอ่อ... ตาล...” “กลัวอะไรฉัน... หรือคิดว่าฉันจะปล้ำเธอ” หน้านวลแดงระเรื่อขึ้นทันที แต่หล่อนก็ส่ายหน้าไปมา “ปะ... เปล่าหรอกค่ะ” “งั้นก็ปิดประตูสิ ฉันไม่ชอบให้คนไม่รู้จักมาจ้องมอง” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังคงลังเล อัคเรศจึงเป็นคนเดินไปดึงประตูห้องให้ปิดลงด้วยตัวเอง พร้อมกับล็อกอย่างแน่น
ตอนที่ 16. แม้จะพยายามทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการที่นางบำเรออย่างน้ำตาลหายหน้าไป แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น เขาพยายามที่จะไม่คิดถึงหล่อน แต่สามวันที่ผ่านไป มันไม่ต่างจากสามสิบปีเลยให้ตายสิ ในหัวของเขามีแต่เรื่องราวของน้ำตาล “ทำไมหมู่นี้ผมไม่เห็นลูกสาวของป้าสายมาช่วยทำงานเลยนะครับ”เขาเอ่ยขึ้นกับป้าสายซึ่งเป็นมารดาของน้ำตาล “อ้อ ตาลมันย้ายไปอยู่หอพักได้เกือบสามวันแล้วล่ะค่ะคุณกลาง” คำตอบของป้าสายทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกไม้แข็งๆ ฟาดลงมาบนกลางกบาล “อะไรนะครับ” “น้ำตาลมันย้ายไปอยู่หอพักใกล้มอหลายวันแล้วค่ะคุณกลาง” คราวนี้ชัดเจนเต็มสองหูเลยทีเดียว อัคเรศบอกไม่ได้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังรู้สึกอะไรมากกว่ากัน ระหว่างโกรธและตกใจ “แล้วทำไมป้าสายยอมให้ลูกสาวออกไปอยู่คนเดียวล่ะครับ ผู้หญิงอยู่ตามลำพังมันดีที่ไหน แล้วถ้าเกิดมีอันตรายอะไรขึ้น ป้าสายจะทำยังไงครับ”อัคเรศก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมจะต้องรู้สึกไม่พอใจรุนแรงแบบนี้ “เอ่อ... ป้าก็บอกตาลมันแล้วค่ะคุณกลาง แต่ตาลมันบอกว่าจะ