คนที่นิ่งที่สุดคราวนี้อาจไม่ใช่เรกาโด ผู้ที่มีฉายาว่าสุขุมขรึมลึก แต่เป็นซันดรูที่ยืนค้างชะงันราวกับหุ่นปูนปั้น
ใช่ เขากำลังอึ้งกับภาพเคลื่อนไหวตรงหน้า ซึ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดสนิทตรงข้ามกับเขา ระยะห่างกับโต๊ะประชุมประมาณสองวา
" ทำไมมาเอาป่านนี้วะ "
แต่แล้ว..
กลับต้องหลุดจากภวังค์ด้วยคำถามนี้ ที่โพล่งขึ้นไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยโดยแมททริก ขณะสายตายามพูดไม่ได้มองไปยังคนที่ต้องตอบ ทว่ากลับทอดมองไปยังคนที่ยืนอยู่ข้างๆกัน
" มีคนช้าที่ไม่ใช่กูต่างหากเล่า "
เวเดนยักไหล่ พลางดึงเก้าอี้เตรียมนั่ง โดยตัวที่หนึ่งยกให้ไศลาก่อน ส่วนเขาค่อยนั่งเอาทีหลัง
กระทั่งบรรยากาศรอบๆเริ่มอึมครึม เมื่อเสียงกดแป้นเกมที่เคยดังรำคาญหูได้ดับไป พร้อมกับใครบางคน ที่เคยกวนประสาทเสียจนปวดหัว
" แฮ่มมม" เรกาโดแสร้งกระแอมกระไอ ก่อนจะผายมือออก " ว่าแต่แม่สาวน้อยคนนี้ มาได้ไงเนี่ย "
พร้อมคำถามของเขา และมีคูดัสเคยสมทบ พลางหันไปทางคนทั้งคู่
" นั่นน่ะสิ เวเดน มึงไม่ได้บอกเธอหรือ ว่าที่นี่ไม่ใช่สวนหย่อมปลูกไม้ดอกตระการตา นึกจะวิ่งเล่นก็วิ่งได้ "
" ไม่เอาน่าคราส " ก่อนจะถูกห้ามโดยแมททริก ท่ามกลางการไม่ชอบใจของเวเดน และประหม่าของไศลา
หญิงสาวถึงกับก้มหน้างุน เม้มปากแน่น ซึ่งนั่นอยู่ในสายตาของเรกาโด กับซันดรูตลอด พวกเขาพากันส่ายหน้า พร้อมใจกันไม่เห็นด้วย
" ไศลา ไม่คิดว่าเธอจะคิดสั้นแบบนี้ "
" ซันดรู มึงก็อีกคน "
จนกระทั่งน้องเล็กในกลุ่ม ที่ทำตัวราวกับเรือขวางคลองเอ่ยขึ้น ก่อนจะถูกเรกาโดเอ็ดทางสายตา ทำไศลาถึงกับอึ้ง
" ไม่ใช่แต่กูหรอก กูรู้ทุกคนก็คิด แต่ไม่รู้ยังไงคนที่ควรมีหัวคิด ถึงคิดไม่ได้ "
เธอเผลอหันไปมองเวเดน เกรงว่าเขาจะเคืองโกรธ แต่เปล่าเลย...กลับยืนนิ่งไร้การเคลื่อนไหวใดๆ แม้กระทั่งเสียงลมหายใจ
หญิงสาวเริ่มประหม่า ดวงตากลมโตเลิกลั่ก เมื่อบรรยากาศตอนนี้ช่างไม่สดชื่นเอาเสียเลย
เธอมองหน้าพวกเขาสลับกันไปมา ก่อนจะก้มหน้าสลดอีกครั้ง หลังเห็นพวกเขาต่างพากันตึงเครียด
และมากไปกว่านั้นคือ เสียงลมหายใจของทุกคนที่ถูกพ่นออกมา หลังจากนั้น เพราะเสียงนี้...
บานประตูถูกเปิด กับเสียงรองเท้าส้นสูงเคาะบนพื้นกระเบื้อง
ฟังดูก็พอจะเดาจะท่าเดินออก ว่ามันช่างเนิบนาบเพียงใด และไม่ต้องทายซะให้เสียเวลา ว่าใครเป็นเจ้าของ...
" ว้าว นี่ใครเนี่ย แม่บ้านคนใหม่น่ะเหรอ? "
ภาษาแตกต่าง ที่ไม่ต้องรอใครมาคอยแปล หญิงสาวชาวไทยอย่างไศลาฟังออก รวดเร็วจนน่าทึ่ง แม้บางครั้งจะเป็นศัพท์แสลง หลังเจ้าของเสียงเดินเนิบนาบเข้ามาพร้อมน้ำเสียงแดกดันนี้
เธอรับรู้ทันทีถึงความไม่พอใจและไม่สบอารมณ์ของเวเดน คนที่ยืนตระหง่านอยู่ข้างๆ กุมมือเธอไม่ยอมปล่อย ทว่าความอดทนในหมู่ชายที่มากกว่าผู้หญิงนี้ย่อมชนะขาดลอย และไกลลิบเป็นไหนๆ
ซันดรูเปลี่ยนท่าทางยืนนิ่งในทีแรก เบี่ยงไปมองตามทันที ก่อนจะส่ายหน้าเอือมระอาแค่นหัวเราะเบาๆกับวาจานั้น พร้อมเรกาโด ราวกับนัดหมายกันไว้ในใจแล้ว ซึ่งต้องเก็บความรู้สึกไม่ต่าง เหมือนปุ่มสั่งการถูกล็อคไว้ยังไงยังงั้นกับอีกสามคน
“ หึ ทีนี้ใครหรือจะเคลียร์ “
เขาหมายถึง สิ่งที่กำลังจะเกิด พลางทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ล้อเลื่อนจนเบาะยวบ พูดลอยๆ หวังไปสะกิดใครบางคน และเหมือนจะใจตรงกัน เมื่อคนๆนั้นได้ยินเต็มสองหู
ทว่าทำได้เพียงชำเลืองมอง นัยย์ตาแอบแฝงความรู้สึกขุ่นมัวไว้แค่นั้น เลือกที่จะนิ่งสงบ ไร้อารมณ์ร่วมใดๆภายนอก ต่างสิ้นเชิงต่อภายใน ที่กำลังร้อนระอุ
วินาทีนี้คงไม่มีใครกล้าเสี่ยงหรือพลั้งปากพูด เนื่องจากต่างคนต่างห่วงความปลอดภัยของไศลาพอๆกับงานที่ทำ ในขณะสาวเจ้าหารู้ต่อการกระทำครั้งนี้สักเท่าไหร่ไม่ หลังเธอหันขวับไปหาเจ้าของเสียง แล้วขมวดคิ้วนิ่วหน้า จ้องหล่อนตาเป็นมัน อย่างเอาเรื่อง
แต่แล้วกลับต้องกระพริบตา เมื่อร่างสูงเปลี่ยนตำแหน่งจงใจเดินมาย้อนบัง
เขาสลับข้าง ก่อนทำในสิ่งที่ไศลาถึงกับเสียหน้า
" ผมมาสาย ต้องขออภัยด้วยครับ " กับถ้อยวาจาหวานหยด พร้อมโค้งคำนับ
อรัลเบลเหยียดยิ้ม เผยอปากราวกับนางมารในละคร หล่อนปรายตามองมายังเธอ ก่อนจะยกมือบางทาบหน้าเขา
“ ฉันเอง...ก็สายไม่ต่าง ต้องขอโทษเช่นกัน "
พลางเดินช้าๆ ไปนั่งที่ เก้าอี้หรูซึ่งบ่งบอกสถานะตำแหน่ง พร้อมกับประโยคนี้ และดวงตากดจิก
" แต่กับคนที่มาด้วย ฉันคงจะไม่.. หล่อนมองฉันตาเขียว จงใจไม่ให้เกียรติเมื่อกี้นี้ ฝากเว้ดช่วยตักเตือนด้วยละกัน "
ไศลาขมวดคิ้ว มองท้ายทอยข้างหลังของหล่อน ที่มีผมสลวยสีน้ำตาลอ่อนปกปิด เตรียมอ้าปากจะเถียง ทว่า..กลับถูกเวเดนขวางไว้เสียก่อน เขาตะปบต้นแขนเธอ ส่ายหน้าเน้นๆ เป็นการตักเตือน
ท่ามกลางความตกใจของคนทั้งสี่ ที่ต่างพากันชะงักกับสิ่งที่เกิดขึ้น
และเลือกที่จะนิ่งเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
เหตุผลเพียงแค่ต้องการให้สงครามขนาดย่อมนี้จบลงแบบสวยๆ ไม่กระทบกระเทือนต่องานของพวกเขา
ไม่รู้หรอกว่าใจของเธอจะเป็นอย่างไรต่อไป หากวันนี้เวเดนจะต้องขัดใจทำสิ่งตรงกันข้าม ที่เธออาจไม่ชอบพอนัก
แต่สำหรับพวกเขา ความคิดของผู้ใหญ่ วินาทีสุ่มเสี่ยงที่แย่ที่สุดยามนี้ หากจะเอาชนะกัน ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะใช้อารมณ์หรือใจดั่งเปลวเพลิงกับปัญหาทั้งหมด เพราะผลที่ได้รับก็คือมีแต่พังกับพัง!
แน่นอนสิ่งที่จะทำให้พวกเขาไว้วางใจ ยืนเฉยๆ ไม่คิดจะถกเถียงหรือตอบโต้ เพราะเชื่อว่า เพียงแค่เวเดนคนเดียวก็สามารถจัดการทุกอย่างได้
และการกระทำของเขา กับผลที่ได้รับ เขามักคิดดีแล้ว...จึงจะทำ
วาระการประชุมเปรียบเสมือนสงครามระดับต้นๆก็ว่าได้ ที่เหล่าอัลฟามักจะรู้ดีต่อการวางตัว และสามารถแยกแยะออกระหว่างอารมณ์ส่วนตัวกับหน้าที่ส่วนรวม แม้นยามนี้คนรักใหม่ของเวเดโน่อย่างไศลา จะก้าวกระโดดโลดแล่นอยู่บนเปลวไฟ อย่างแมลงปอปีกหัก พยายามถีบตัวเองเพื่อให้หนีรอด ในขณะที่เธอมองแสงสว่างตรงหน้านั้นเป็นเพียงภาพลวงตา เพราะมีเขาเป็นเสมือนพลังงานสามารถคุมความร้อนได้
ทว่า สำหรับเวเดโน่ ยังคงมองเหตุการณ์ตรงหน้า เป็นบททดสอบและสุ่มเสี่ยงอยู่ดี
ไศลาคงไม่รู้ว่ามาดามตรงหน้า แท้จริงไม่ใช่คนมีเหตุผลอะไรมากมาย หล่อนเองก็ยังเป็นเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอ เปลือกนอกอาจจะดูขรึม แกร่ง และทรงอำนาจ โดยแววตาส่อประกายเฉี่ยว ทว่า กลุ่มคนภายในต่างรู้ดี มันไม่ได้มีศักยภาพของคำว่าผู้นำหรือความน่ากลัวอะไรเลย
นอกจากเป็นรอยวาดของอายไลเนอร์สีดำกันน้ำเท่านั้น!
หากไม่นับความอำมหิตที่สามารถทำลายล้างได้ เพียงเพราะถูกใครบางคนบีบให้ต้องรู้สึกว่าตัวเองนั้นต่ำต้อย พวกเขาคงไม่ทนก้มหัวและทำงานตามคำสั่งให้อยู่แบบนี้
ศึกสงครามเย็นคราวนี้จึงต้องขัดใจหญิงสาวสักหน่อย หากวินาทีนี้เวเดนจะเอ่ยวาจาอะไรที่ไม่เข้าหู บวกกระทบหัวใจเธอไปบ้างเล่าก็ นั่นหมายความว่า ...เขาจำเป็นต้องทำ...
ภาวนาเพียงแค่ให้ไศลานั้นเข้าใจมัน ด้วยสัญชาตญาณของเธอเอง หากอยากจะเป็นผู้นำดั่งเช่นแม่เสือ เธอก็ต้องนิ่งสงบให้สมกับการเป็นภรรยาของเขา และให้คุ้มกับมารยาที่อุตส่าห์สร้างขึ้นมาเพื่อให้ได้มาตามติด อย่าได้พังกำแพงแข็งแกร่งที่คนทั้งห้าอุตส่าห์สามัคคีกันสร้างขึ้น เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบเลย!
เรกาโดกระแอมกระไอสั้นๆพอเป็นพิธี ก่อนจะลากเก้าอี้ตัวเดิมทรุดลงนั่ง ขัดจังหวะสายตามีความนัยย์ของคนทั้งคู่ ระหว่างหล่อนและเธอ ที่ต่างฝ่ายต่างไปคนละทิศทาง ในขณะไศลาแพ่งสายตามายังข้างหลังอรัลเบล หล่อนเองก็ยิงสายตามองมายังกระจกดำติดผนังตรงข้าม เพื่อสะท้อนไปยังเธอ
“ เราจะเริ่มประชุมกันได้หรือยัง “
แมททริกเปิดประเด็น ประสานมือเข้าหากันยันปลายคางตัวเองไว้ ทอดมองยาวไกลอย่างไร้จุดหมาย บ่งบอกถึงความเอือมระอาเต็มที หากจะเก็บไว้ไม่ให้ใครรู้คงมีแต่เสียงถอนหายใจแรงๆ ที่เขายังข่มไว้ได้ พลางขยิบตาให้เวเดน
เขาแค่นหัวเราะไร้เสียง ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งข้างหล่อน แสร้งทำเป็นเอาใจ ส่วนไศลา ถูกลูกน้องคนสนิทจับต้นแขน ลากเบาให้ไปนั่งลงตรงโซฟาห่างไปหลายเมตร
แต่แล้ว...กลับไม่วายถูกเหน็บแนมไม่จบไม่สิ้น
“ คิดดีแล้วเหรอ ที่จะคุยกันตอนนี้ ยัยนั่นไว้ใจได้แน่หรือ ไม่ใช่พอพี่ชายตาย ไปสมคบคิดกับศัตรูแล้วหรอกหรือ ฉันไม่ค่อยไว้ใจสักเท่าไหร่ด้วยสิ เขาว่ากันว่า คนจำพวกนี้ กระหายเงิน ใครใช้ทำอะไร มักจะทำได้ทุกอย่าง “
“ เฮ้! อะไรของคุณน่ะ...” ที่ทำให้เธอถึงกับปรี๊ดแตก เผลอลุกขึ้นยืนโวยวายใส่เสียงแหว ทว่า ..กลับถูกบอดี้การ์ดคนขวาของเวเดนปรามไว้เสียก่อน
และหลายระลอกมากจนเกรงว่าจะเหนื่อยเปล่า
“ ชู่วววว”
เขาจรดนิ้วบนริมฝีปาก มองสลับกันกับนายซึ่งนั่งในตำแหน่งหันหลังให้แก่เขา เพื่อจะฟังภาษามือ ที่ชูขึ้นมาหลังจากนั้น เป็นสัญญาณให้พาเธอออกไป เนื่องจากไม่สามารถคุมอารมณ์ของตัวเองไว้ได้ ก็ไม่สามารถอยู่ต่อได้
ท่ามกลางการมองไศลาพอดิบพอดี ที่ตอนนี้ถึงกับอึ้ง เธอมองแผ่นหลังเขาสลับกับเสี้ยวหน้าของอรัลเบล แล้วขมวดคิ้ว
ความรู้สึกน้อยใจไม่รู้สึกเอาตอนนี้ ก็คงไม่รู้จะไปรู้สึกเอาตอนไหน!
ก่อนจะเม้มปากแน่น เมื่อมองพวกเขารวมกันทั้งหมด แล้วพบว่าไม่มีใครสนใจเธอเลยสักคน พวกเขาเอาแต่นั่งเฉย ทำราวกับว่าไม่มีเธอยืนอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ
“ นายหญิงครับ ผมว่า..”
เธอเบ้ปากเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวเดินเร็วออกไป ไม่รอให้บอดี้การ์ดข้างกายได้พูดจบ
ท่ามกลางความกดดันของทุกคน โดยเฉพาะเวเดน ที่เมื่อไล่หลังของเธอไปแล้ว เพียงแค่เสี้ยวนาที กลับค้นพบว่าหัวใจตัวเองถูกบีบ พร้อมหน้าท้องภายในชาวาบ ราวกับรู้ล่วงหน้าว่าหลังจากนี้คงต้องเหนื่อยอีกเท่าทวีคูณ กับการเจ็บคออธิบาย
“ ฟู่ววว...”
หากจะเว้นไว้ ก็คงเป็นอรัลเบลที่คิดต่าง หล่อนเหยียดยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะยืดหลังตรง นั่งในท่ามีจริต พลางจีบปากพูด
“ โอเค ฉันพร้อมประชุมแล้ว เริ่มได้ “
มากกว่าความหวาดเสียวในสมรภูมิรบก็คงเป็นคำพูดของเวเดโน่นี่แหละ ที่ดูจริงจังเกินเหตุสำหรับแมททริกในตอนนี้ ซึ่งหลังได้ฟังชัดเต็มสองรูหูเหมือนจะค้างไปแล้ว เขาอึ้ง และพูดอะไรไม่ออก “ อะไรของมึงวะ “ได้แต่เอ่ยเสียงแผ่ว กับคำถามที่ใคร่รู้เพียง เพื่อนกำลังคิดอะไรอยู่ ความหมายของเขาที่มีในหัวประมาณว่า ...“ เพราะผู้หญิงคนนั้นเนี่ยนะ ซึ่งคำตอบที่ได้คือร่างสูงพยักหน้ายอมรับโดยไม่คิดสักนิด“ เฮ้ยยย พวกเราสั่งให้แกเข้าไปพัวพันในชีวิตเธอ เพราะหวังให้ชดเชยสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าวันนึงจะกลายเป็นเมียก็ไม่มีใครว่า แต่ไม่ใช่ให้ทำแบบนี้ ““ แบบนี้มันแบบไหนวะ! “กลายเป็นประเด็นใหญ่ให้เขาทั้งคู่ได้ถกเถียง และมองหน้ากัน ในขณะต่างฝ่ายต่างไม่ละสายตาและไม่มีใครยอมใคร แมททริกอมลมกลั้วปาก รู้สึกขัดใจขึ้นมาทันทีกับความคิดของเขา หนึ่งในแก็งค์อัลฟา ผู้ที่เคยเป็นตัวเต็งแนวหน้า ไม่เคยกลัวสิ่งใด แต่วันนี้กลับมากลัวความรักของตัวเองจะพังลง “ ก็แบบ...”เขาเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น พ่นลมหายใจเฮือกใหญ่“ จะแบบไหนก็ช่างเถอะ แต่มึงจะทำแบบนั้นไม่ได้ มันเสี่ยงมากเกินไป ถ้าฝั่งศัตรูรู้ว่าเราแตกคอกันเอง จะทำยัง
ไศลานั่งคอตก เมื่อเห็นสีหน้าของน้องชาย หลังพูดประโยคนั้นออกไป เธอเม้มปากแน่น ข่มเปลือกตาลงจนมันสั่นระริก ก่อนจะค่อยๆคลี่คลายออก มองไปยังที่เก่า ในขณะรอบนี้เผยความหม่องหม่นนัยย์ตาออกมาด้วย ที่ดูก็รู้เธอกำลังจะร้องไห้ และคนข้างกายเธอเองก็เช่นกัน " พี่พูดว่าอะไรนะ? " เขาถามย้ำก่อนน้ำตาก้อนใหญ่เหล่านั้นจะไหลลงมา ไศลาไม่ตอบ แต่เลือกที่จะก้มหน้านิ่งแทน มองผ่านม่านน้ำตาไปยังมือตัวเอง ซึ่งบีบจิกเข้าหากันราวกับกำลังระบาย" ฮึก..."ความอึดอัดเคยเก็บไว้ในใจสุดลึก เสแสร้งทำเป็นเข้มแข็งมาตลอด ทั้งต่อหน้าและลับหลังครอบครัว วันนี้ถล่มทลายลงมาไม่เหลือชิ้นดี เพียงแค่อยากให้คนที่เธอรักหมดปัญหาเรื่องนี้ไม่ว่าผลจะออกมาดีหรือร้าย เธอก็สบายใจทั้งนั้น ริมฝีปากแดงระเรื่อปริเบ้ออก ยิ่งสะอื้นไห้หนัก หลังร่างสูงถลาเข้ามาเขย่าตัว พยายามกดดันเค้นหาคำตอบ" มองหน้าผมเซ่! ผมถามตั้งนานแล้วนะ พี่ใหญ่เป็นอะไรถึงตาย"ทว่า สิ่งที่เธอเห็น กลับเป็นเพียงภาพที่ไร้เสียง มีเพียงปากพูดเขาที่ขยับ และร้องไห้อยู่ พร้อมบริเวณรอบๆ ที่เปลี่ยนไป' รู้ไหมว่าพี่สอนให้ฉันชิน ชินต่อการคิดถึงพี่ ในวันที่พี่ไม่อยู่ ..ชินกับการเห็นพี่โบ
ร่างบางยืนตระหง่านอยู่บนถนนคอนกรีต เบื้องหน้าของเธอคือกึ่งบ้านกึ่งคฤหาสน์ที่จัดไปทางค่อนข้างจะทรุดโทรมทว่าดูหรูหราจนน่าแปลกใจ อุ้งมือน้อยๆกำสายกระเป๋าสะพายไว้แน่น พร้อมดวงตากลมโตเคลือบอมไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยง สลดปนละห้อย เธอใช้สายตาคู่นั้น จรดตั้งแต่ระดับเดียวกันช้อนขึ้นไปมอง พลันถอนหายใจเฮือก เมื่อไปหยุดอยู่ตรงระเบียงชั้นสอง ที่มีใครคนนึงซึ่งคุ้นเคยและจำได้แม่น" แม่คะ..." เธอขยับปากเรียก หล่อนยืนมองอยู่ก่อนแล้ว นับตั้งแต่รถแล่นเข้ามาไกลๆแม้เสียงนั้นดังไปไม่ถึง เพราะระยะทางที่ห่างกัน แต่น้ำตาแห่งความคิดถึง กับสีหน้าเลือนลาง ยังทำให้ทั้งคู่นั้นมองเห็นชัดใช่ เพราะต่างฝ่ายต่างโหยหาไม่มีใครยอมแพ้ ในขณะหัวไหล่เธอกำลังจะตก เผลอคิดไปถึงเหตุการณ์หลังจากนี้ ระหว่างที่อยู่ จะสรรหาประโยคไหนที่ดีพอ ที่ไม่ทำให้แม่ต้องเสียใจ หากจะกล่าวถึงเรื่องของพี่ชายคนโต และการตายของเขาแต่แล้ว.. มือใหญ่ข้างหนึ่งของคนที่มาด้วย กลับทำเธอหลุดภวังค์เสียก่อน ไศลาค่อยๆหันกลับไปมอง “ ฉันต้องการฟังความรู้สึกของเธอตอนนี้ที่มีต่อฉัน “ก่อนจะก้มหน้าลอบถอนหายใจ“ ฉันไม่มีอะไรจะพูด...” เธอส่ายหน้าเชื่องช้า“ พูดให้กำลังใ
" ก็ถ้าสมมุติว่าฉันท้อง"หญิงสาวช้อนตาหน้าสลด หลังคนสูงกว่าเอาแต่ยืนมอง คิ้วผูกติดฉงนงุนงง เธอจึงเริ่มพูดต่อ กับประโยคใส่อารมณ์ ที่บ่งบอกถึงความไม่แน่ใจ แต่แล้ว...กลับถูกมือใหญ่จับหมับตรงต้นแขน" สรุป ท้องหรือไม่ท้อง "เขาเค้นหาคำตอบไศลาเม้มปากแน่น คิดทบทวนตัวเองใหม่ ถ้านี่เป็นเรื่องที่กุขึ้นมา เพื่อความสะใจ และเอาชนะเล่าก็ อีกไม่นาน ร่างทั้งร่างของตัวเอง อาจจะระบมไปหมด เพราะถูกคนตรงหน้านั้นกระทืบเธอกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนพยักหน้าเชื่องช้า ดวงตากลมโตไม่กระพริบ จับจ้องมั่นอยู่ตรงหน้าหล่อเหลา ซึ่งหลังจากจบประโยคนี้ มันค้างชะงันไปกลางคัน และเธอนั้นเห็นพอดีเขาอึ้ง... " แน่ใจ? "" ค่ะ..."" ตรวจดีแล้ว... "" ยังค่ะ เราจะตรวจพร้อมกันวันนี้ ซึ่งฉันมั่นใจไปเกินครึ่ง ว่าในท้องฉัน มีเลือดเนื้อของคุณอยู่ "เธอตอบคำถามอย่างฉะฉาน เวเดโน่เงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะกระโชกโฮกฮาก" ให้ตาย ฉันควรดีใจไหมไศลา..."" เอ๋..."ซึ่งนั่นทำเธอแปลกใจไม่น้อย " ในสถานการณ์ขับขัน ไม่รู้จะเป็นหมู่หรือจ่า อยู่ๆ ก็มีเด็กขึ้นมาให้ฉันต้องรับผิดชอบ.. "เปลี่ยนความคิดในหัวของเธอเป็นฝั่งตรงข้าม ความแรงของมันราวกับตบให้มึน
' แต่ถ้าไม่ได้ ก็ช่วยฆ่ากันให้ตายซะเถอะ 'เวเดโน่ยืนอึ้ง ไม่คิดว่าประโยคนี้ของเธอจะทำเขาชะงัก เมื่อได้ยินมัน ยอมรับว่าเขาใจหาย กระนั้นก็เป็นเพียงเสี้ยววินาทีแรกเท่านั้น ก่อนจะดึงสติ " เธอว่าไงนะ.. " เขาขมวดคิ้ว ถามย้ำ ใช้นิ้วทั้งห้าได้เป็นประโยชน์สูงสุดหลังถลาเข้ามาบีบหัวไหล่เธอ" อึก..." ไศลานิ่วหน้า น้ำตาแทบทะลัก ทว่าทำได้เพียงช้อนตาขึ้นมองและฟังเขากัดฟันพูดด้วยความโมโห เขาเกลียดที่สุด คำประชดประชัน" พูดใหม่อีกทีสิ "" อะ โอ้ย! " " หยุดทำตัวงี่เง่า เพ้อเจ้อเถอะไศลา ต่อให้เธอนอนหายใจพะงาบๆ เธอก็ไม่มีวันได้ตาย หรือไปจากฉัน เรื่องของไอ้ซันก็เหมือนกัน ไหน ...ตรงไหนที่มันทำเธอ" " นี่หยุดนะ! " กับคำตอกกลับมาอย่างเจ็บแสบ ราวกับแผลสดโดนป้ายพริก แหวกคอเสื้อเธอ กระชากหารอยอะไรบ้างอย่าง พร้อมมือใหญ่อีกข้างหนึ่ง สอดเข้ามาใต้กระโปรง จับหยาบลูบคลำตรงเนินเนื้อนั่น ทำไศลาตกใจ ถึงกับต้องรีบหุบ เบียดต้นขาเข้าหากัน ไม่สนว่าจะหนีบมือเขาด้วย นี่เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ ถึงไม่สนใจความรู้สึกของเธอเลย...เธอเจ็บปวดจริงๆนะ! หัวใจจะแหลกเหลว อย่างไม่มีชิ้นดีอยู่แล้ว! ใจคอจะไม่รับรู้ถึงความทรมานของเธอ
ดวงตากลมโตที่เคยเคลือบน้ำใสๆก่อนหน้า ช้อนขึ้นมองคนสูงกว่า เธอกำลังจะบอกให้รู้ว่า สิ่งที่เธอพูดออกมา ความหมายของมันนั้นทำให้เธออึดอัดมานาน" ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่าคุณทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร อาจจะชอบฉันจริงๆ หรือเอาชนะเขา แต่เชื่อเถอะว่า ทั้งสองอย่างมันทำให้ฉันรู้สึกไม่โอเค " ก่อนจะหลุบตาลง ในจังหวะที่เขานั้นเงียบไป " และเหมือนว่า คุณจะทำมันสำเร็จ ถ้าวันนี้คิดจะแยกระหว่างฉันกับคุณโครทิส ...มันสำเร็จแล้วล่ะ "ประโยคทิ้งท้ายเธอช้อนตาขึ้นอีกรอบ มองลึกเข้าไปข้างใน ก่อนจะเหยียดยิ้มราวกับขบขำกับสิ่งที่เจอ " เธอพูดจริงหรือ? " เขาย้ำ หญิงสาวพยักหน้า ทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากกรอบหน้าเขา" ค่ะ..แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะสมหวังหรอกนะคะ กับผลที่ต้องการและทำอยู่ "" หมายความว่าไง.."" ฉันชอบคุณไม่ลง"จนกระทั่งอีกประโยคหลุดออกมาจากปากเธอนั่นแหละ ซันดรูจึงจะเงียบกริบแบบไร้ปี่ไร้ขลุ่ย" ทำไม..." พลางถามเสียงแหบ ไศลายิ้มบางๆให้กับเขา " เพราะว่า..คนที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ครอบครอง ใช้วิธีแย่ง เป่าหู และทำลาย ไม่สนใจความรู้สึกของเพื่อน ไม่สนแม้กระทั่งมิตรภาพที่เคยผูกพันกันมาก่อน เพื่อผู้หญิงคนเดียวก็คือฉัน บ