ในห้องมืดเย็นเฉียบ อุณภูมิตั้งค่ามาตรฐาน ทว่าบรรยากาศราวกับติดลบ ชายหนุ่มร่างสูงกำยำเปลื้องผ้าท่อนบนยืนตระหง่านอยู่ตรงระเบียงบริเวณนั้น นิ้วมือขวาคีบแท่งบุหรี่เข้าปากสูดเข้าปอดลึกสุด บ้างก็คาบคาไว้แหงนหน้าพ่นควันสลับกัน ดูเผินๆ เหมือนกำลังสดชื่น ยามที่ลมสีเทานั้นออกจากปากและโพรงจมูก
แต่แล้ว มันไม่ใช่เลย หากเพ่งเล็งเข้าไปนัยย์ตานั้นดีๆ จะเห็นความทุกข์ระทมในใจของเขา
เวเดนทิ้งก้นบุหรี่ที่ยังมีไฟส้มแจ๋ยังไม่มอดติดอยู่ ไม่ทันได้หมดมวนดีลงกลางที่เขี่ยหนาสีใสพื้นกระเบื้อง ก่อนจะละสายตาจากวิวมืดมิดตรงหน้า ซึ่งแม้แต่ดาวที่เคยส่องแสงระยิบระยับแทบไม่มี บ่งบอกให้รู้ว่าฝนกำลังจะตกลงมาในอีกไม่ช้า ไปทางเตียงใหญ่กลางห้อง เพื่อมองร่างบางที่เปลื้องผ้าทั้งตัว ซึ่งอยู่ในท่านอนคว่ำ มีเพียงผ้านวมหนาปิดท่อนล่างเท่านั้น เผยให้เห็นแผ่นหลังขาวเนียนใส ที่ขนาดมีแค่แสงสว่างจากข้างนอกสอดส่องเข้ามายังเห็นได้ชัด ก่อนจะหลับตานิ่ง ใช้ความเงียบสงัดหล่อหลอมหาความสงบ
“ ฟู่ววว”
จากนั้นจึงจะพ่นลมหายใจตึงเครียดออกมา
ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในสมองเขายามนี้ คือหลังจากที่ยื่นคำมั่นสัญญา และรับปากว่าจะให้ความสำคัญต่อเธอที่สุดแล้ว ทว่ากลับเพิ่งมานึกได้เอาทีหลัง ว่ามันมีเหตุผลอื่นที่จะต้องจำแนกออกเป็นข้อๆ ราวกับค้นพบภัยอันตรายตามมา เสมือนส่องอนาคตได้ด้วย
จนกระทั่งเขาต้องเป็นฝ่ายส่ายหัว สลัดมันทิ้งไปกะทันหันนั้นแหละ ความกังวลเหล่านั้นถึงจะหายไป และใช้สายตาคมกริบ ที่เคยทอดมองการไกลของยุทธศาสตร์ วางแผนมองศัตรูอย่างปราดเปรียว ไม่มีพลาดแม้แต่นิดมามองเธอ ก่อนจะคลี่ยิ้มหลังเดินเข้าไปใกล้แล้วเห็นใบหน้าตอนหลับของเธออย่างชัดเจน
เปลือกตาคมกริบนั่น ตอนปิดสนิทมันช่างหวานละมุนชวนหลงใหลเหลือเกิน
เวเดนเริ่มรับรู้ถึงความเปลี่ยนไปของหัวใจตัวเองก็ตอนนี้ ที่มันทั้งพองโตและบีบคั้นให้เจ็บในเวลาเดียวกัน ไม่ต่างกันเลยกับตอนที่เขามีความสัมพันธ์กับทาน่า อดีตคนรักของเก่า ...
แต่แล้ว...
กลับต้องมานั่งโทษตัวเอง ที่ตัดสินใจรักคนผิด
ใช่.. กว่าจะรู้ แท้จริงแล้วผู้หญิงคนนั้น เปลือกนอกดูใสซื่อ ต่างจากภายใน ก็ตอนที่มันสาย
“ ฟู่ววว ให้ตายเถอะ “
ความคิดมากกระหน่ำกดดันเขาถึงขนาดต้องยกมือขึ้นปิดบังใบหน้า ลูบลากลงมายังสากเคราเทียมคางแล้วปล่อยวาง ราวกับปกปิดความเครียดบางอย่างที่ฉุกเกิดขึ้นได้ โดยไม่ได้รับอนุญาต พลางปีนขึ้นไปยังเตียง เพื่อล้มตัวลงนอนข้างๆเธอ
“ ไศลา...” เอ่ยเรียกเสียงแผ่ว ดึงร่างบางมาโอบกอด ก่อนกระซิบกกหู “ ฉันรักเธอ...”
แล้วจึงจะซุกไซ้ ใช้ทั้งจมูกและปากสัมผัส ถูลากไปตามซอกคอ เขาเริ่มบรรเลงเพลงรักใหม่อีกครั้ง ทั้งที่เพิ่งจบลงไปได้ไม่นาน
ท่ามกลางการนอนหลับสบายของไศลา กลับต้องหมดไปเพราะถูกร่างหนาถึกรบกวน
" อืมมมม..."
ในความเมารักของเวเดน ที่ไม่ได้เกิดเพียงอารมณ์ชั่ววูบ คลับคล้ายค่อยๆมาบรรจบนั้น มีบางอย่างซ่อนงำอยู่
บางครั้งที่เกิดความสับสน ก่อให้เกิดความหงุดหงิด ในใจยามฉุกคิดตลอด แม้จะบั่นทอนใจเขาอยู่บ้าง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา
สิ่งที่ทำให้ผู้ชายแข็งแกร่งคนนึงถึงกับหมดความมั่นใจ ใร้การเป็นตัวของตัวเอง
คือการที่เธอคนนั้นกำลังมีภัย และตกอยู่ในบ่วงของอันตรายนับแต่นี้
ร่างสูงมีความตึงเครียดอยู่เป็นนิจ หลังทำเขาสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก ทั้งที่ควรจะนอนหลับสบายยันเช้า เพราะได้หลั่งสารความสุขออกมาก่อนหน้าแล้ว
เขาคลายสิ่งนั้นโดยการซ้ำรอยเดิม ปลุกเธอขึ้นมาเป็นเหยื่อ ทำตามอำเภอใจ ไม่สนคนที่หลับสนิทจะรำคาญหรือไม่
ร่างหนาเบียดเสียดร่างบางในท่าตะแคง ใช้มือหนึ่งโอบกอดถูไถไปตามเนื้อแน่นบริเวณหน้าท้อง ส่วนอีกมือสอดเข้าไปใต้ตัวเธอ พร้อมปลายจมูกโด่งและปากหยักซุกไซ้ซอกคอโน่นนี่ไปเรื่อย
" อืม..."
กระทั่งหญิงสาวครางก็ยังไม่หยุด
ยังจะหยอกเย้าเรือนร่างเธอ จนเนื้อบางถลอกแดงเถือกเป็นรอยเพราะถูกไรหนวดขูดขีด
ก่อนจะจับร่างพลิก ให้หันมาเผชิญหน้า เป็นจังหวะเดียวกันที่เธอลืมตาตื่นพอดี
" คุณ..."
คิดจะโวยวาย กลับถูกปิดเสียงหายไปด้วยริมปากหนานี้
ไศลาดิ้นขลุกขลัก หวังต้านให้เขานั้นหยุด ทว่ามือบางก่อนหน้าคือกำปั้นเตรียมใช้ทุบ กลับคลี่คลายออก แปรเปลี่ยนเป็นการทาบ แล้วลูบแผงอกอย่างหลงใหลแทน
ริมฝีปากลากลงมาจากปาก วกวนอยู่ตรงหัวไหล่ ไหปลาร้าชั่วคราว ก่อนจะหยุดอยู่ตรงเนินนม หน้าอกอวบหยุ่น ที่ใหญ่เกินตัว ชายหนุ่มเห็นช่างยากที่จะเมินเฉย
เขามองมันตาไม่กระพริบ เพ่งเล็งฝ่าความมืดไปยังจุกชมพูชูชันนั่น ราวกับต้องการจะหลอมกิเลสให้ก่อตัวมากยิ่งขึ้นเสียก่อน จนกระทั่งเอาไม่อยู่
จากนั้นค่อยสนองมันให้สาแก่ใจ โดยการขย้ำอย่างมูมมาม ไม่ต่างกับเด็กทารก หรือ ประมาณปอบกำลังทลวงตับไตใส้พุงเหยื่อ
" อ๊ายยยย.."
ถึงขั้นทำไศลาต้องแหงนหน้าขึ้น ร้องโหยหวน ระบายมันด้วยเล็บจิกข่วนแผ่นหลังเขา กับปลายเท้าจิกฟูก
แต่กระนั้นก็ยังถ่างขารอรับสิ่งนั้น ที่ร่างสูงจะต้องหยิบยื่นให้ หลังเกิดอารมณ์ จนทนไม่ไหว ซึ่งมีอยู่ในตัวคนทั้งคู่
...ทั้งเธอและเขาอยู่ดี
ห้องประชุมใหญ่ ในเครืออัลฟาของเช้าวันถัดไป บุรุษมากกว่าสิบในคราบชุดดำทั้งชุด นั่งเรียงรายสลับยืนล้อมรอบโต๊ะกึ่งกลางเป็นตับ แต่ละคนมีสีหน้าช่างคล้ายคลึง เว้นท่าทางการนั่งที่บ่งบอกให้รู้ถึงการนับหนึ่งถึงสิบในใจเท่านั้น ซึ่งต่างคนต่างมีเป็นของตัวเอง
บ้างก็ยกดูนาฬิกา บ้างก็หัวเสีย ที่ปลายสายไม่ยอมรับโทรศัพท์
ประเด็นที่ทำให้เกิดเรื่องก็คือว่า วันนี้เป็นนัดที่สองของการประชุมรวม เรื่องการค้าอาวุธสงครามล็อตใหม่ ที่ประกาศล่วงหน้ามาตั้งแต่รอบที่แล้ว ซึ่งมันควรจะพร้อม ทว่า รองหัวหน้าอัลฟาอย่างโครทิส เวเดโน่ หายไปไหน??
" มันเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ "
แมททริกเปิดประเด็นหน้าตาย ต่างกับข้างในที่ตอนนี้เดือดปุดๆราวกับไฟลาวา
" นั่นดิ "
ตามมาด้วยคูดัส ที่เปลี่ยนท่านั่งครั้งนึงต่อสิบนาทีด้วยความร้อนใจราวกับก้นไม่ติดเบาะ หากให้นับ คงนับไม่หวั่นไม่ไหว พร้อมยกข้อมือดูนาฬิกาอีกรอบ
นั่นทำให้เรกาโด ผู้ที่จัดว่าสุขุมที่สุดในทีมต้องร้อนรนตาม
" สายจวนจะชั่วโมง คงไม่ใช่ไอ้เว้ดแล้ว "
เขายกมือนวดขมับ ภาวนาอย่าทันให้อรัลเบลมาถึงก่อน ไม่เช่นนั้นคำถามร้อยแปดประการ ต้องตกมาอยู่ที่เขาเป็นแน่ เผลอๆ ยุติการประชุมไปโดยปริยาย
ต่างกับซันดรู ที่เอาแต่นั่งกดแป้นเกมไม่ทุกข์ร้อนอะไร มิหนำซ้ำยังจะยกเท้าวางขอบโต๊ะกระดิกไปมาอีก
เรกาโดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินอาดๆ ถือวิสาสะไปแย่งมันมา
" เฮ้ย อะไรวะ " ซึ่งนั่นทำเขาโวยวาย ลุกพรวดมาแย่งคืน
" อย่าทำตัวเป็นเด็กๆน่าไอ้ซัน โทรหาพี่มึงเดี๋ยวนี้ "
" ทำไมต้องเป็นกูด้วยวะ " ก่อนจะยักไหล่ กวนประสาท " ทำอย่างกับมันจะรับสายกูนั่นล่ะ "
ครูซัสปิดเปลือกตา พลางถอนหายใจ หากไม่ติดว่ามือนั้นล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ คงยกขึ้นมากุมขมับด้วย
ไม่เคยรู้สึกเหนื่อยกับอะไรเท่ากับการถกเถียงกับซันดรู น้องเล็กสุดในทีมมาก่อน
" กูหมายถึง โทรทางอื่น "
" โทรทางโทรศัพท์มันยังไม่รับ แล้วโทรทางอื่นจะรับได้ยังไง"
" ไอ้ซัน"
" เออๆ โทรก็ได้วะ อะไรหนักหนา โตๆ กันแล้วน่าจะรู้เวลา "
ซันดรูบ่นอุบพอเป็นพิธี เตรียมลุกไปยังเครื่องเทคโนโลยีล้ำสมัยของเขา ที่พกติดตัวมาไม่เคยขาด
แต่แล้ว...
กลับต้องล้มเลิก เมื่อคนที่เขาพูดถึงกำลังเดินเข้ามา
พร้อมร่างบางอรชรปราดเปรียวขนาบข้าง ที่ทำพวกเขาเซอร์ไพรส์ยิ่งกว่าเซอร์ไพรส์
" หืม นั่นไอ้เว้ด มันพาไศลามาทำไมน่ะ "
ความสวยที่ดูแกร่งไปด้วยชุดดำรัดรูปทั้งชุด ลับกับผมดำสลวยและคิ้วดกดูคมคาย บ่งบอกว่าพวกเขามากับมอเตอร์ไซค์ระดับความเร็วเทียบเท่ารถใหญ่มากกว่าจะมากับรถยนต์
ใช่...เธอช่างสวยสะดุดตา
แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้คนทั้งสี่ไม่รวมลูกน้องซึ่งมองอยู่ถึงกับต้องอึ้ง เท่ากับการปรากฏตัวของเธอ
" อย่าบอกนะว่า..."
ใช่ สัญชาตญาณของเรกาโดมักจะมองไม่ผิด
หญิงสาวคนนี้ คงจะกล่อมเพื่อนเขา จนกลายเป็นแมวไปแล้ว!
" พระเจ้า... เอาปืนมายิงกูทีเถอะ "
ในสมรภูมิรบ ที่มีความเชื่อประหนึ่งความตายเท่านั้นถึงจะยุติ คนรอดคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด โครทิส เวเดโน่ จึงไม่คิดจะยอมแพ้ การก้าวหาความเสี่ยง ทั้งที่รู้ห้าสิบห้าสิบกว่าจะชนะ ไม่ได้มาซึ่งความสำเร็จ ก็ยังไม่คิดจะผันตัวออกมา ราวกับว่าร่างกายตัวเองคงกะพันหนังไม่ระแคะระคายยังไงยังงั้นสองมือโอบอุ้มความกล้าไว้จนมั่น ตระหนักสิ่งสำคัญให้เป็นที่สุดของกำลังใจคือไศลา นั่นทำให้เขาไม่ยอมหยุดที่จะเดินต่อ ยังเดินเกมต่อแม้ทางข้างหน้าจะไร้แสงปลายอุโมงค์ หรือลิบหรี่เต็มทีในความคิดมาเฟียร้ายอย่างเขา คนขึ้นชื่อว่าเป็นหัวโจ็ก กว่าจะได้ฉายาคำว่าผู้นำมาอย่างยากลำบาก ...จึงมีแต่คำว่าลองดูเท่านั้น!ใช่! เขาวางแผนฆ่านายตัวเองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ลำกล้องปืนถูกดวงตาคมกริบใช้เป็นช่องทางผ่านระหว่างการเล็งจากตึกระฟ้าไปยังชั้นที่แปดสิบของอีกตึก ผู้มีหญิงสาวร่างบางปราดเปรียวยืนเชิ่ดคอทรนงอยู่ นิ้วชี้ขวาประทับแผ่วเบาเตรียมตัว ราวกับรอสัญญาณบางอย่าง บวกกับโอกาสคิดว่าคงสำเร็จไปครึ่ง หากวันนี้เหล่าอัลฟาพ้องพวก สามารถจี้จุดให้หล่อนมีโทสะมายืนตรงนั้นได้ ตำแหน่งที่นานครั้งจะมายืนได้สักครั้ง ทว่าเป็นจุดตายจุดเดียวที่ไม่ต้องพ
ร่างบางนั่งพับเพียบอยู่กลางเตียง ดวงตาเหม่อลอยบวมปูดและแดงก่ำจนมองไม่เห็นเคล้าโครงเดิม บ่งบอกให้รู้ว่าเธอนั้นผ่านการร้องไห้มานานหลายชั่วโมงแล้ว ท่ามกลางความมืดมิด ภายในห้องสี่เหลี่ยม ที่มีเพียงข้าวของเครื่องใช้วางเรียงรายอยู่รอบๆ หากนับสิ่งมีชีวิต คงมีแค่เธอคนเดียว ไศลานั่งกอดเข่าเพียงลำพังนับแต่นั้น และไม่สามารถกะเกณฑ์เวลาได้ พอๆกับหยดน้ำตาที่ไหลลงมาได้ความลับที่พยายามปกปิด ทว่ากลับมาเปิดเผยด้วยปากของตัวเอง กลับกลายเป็นความเสียใจมาสนองเธอ หลังจากคนที่เพิ่งจะมารู้ทีหลังอย่างแม่และน้องชายฟังจบ พวกเขาพากันเงียบ ไร้เสียงพูดคุยสนุกสนานเหมือนเดิม เอาแต่นั่งอยู่ในมุมของตัวเอง ราวกับนั้นคือโลกส่วนตัว ที่ไม่อยากจะให้ใครเข้ามาก้าวก่ายกันอีกหยดน้ำตาที่สอง คือหยดน้ำตาที่แลกมาด้วยความเป็นห่วง เธอร้อนใจนับตั้งแต่เวเดโน่ก้าวออกเดิน ทิ้งเพียงแผ่นหลังกว้างกับภาพปิดประตูรถเอาไว้ ก่อนหายไปท่ามกลางถนนสายเปลี่ยว ไกลสุดลูกหูลูกตา เห็นเพียงใบไม้แห้งเกรียมปกคลุม สาเหตุอะไรที่เขานำแม่และน้องของเธอมาอยู่ที่นี่ สาเหตุอะไรที่เธอต้องมานั่งรอคอยการกลับมาของเขา อยู่กลางป่าถ้านี่ไม่ใช่ความปลอดภัยที่ถูกหยิบยื
มากกว่าความหวาดเสียวในสมรภูมิรบก็คงเป็นคำพูดของเวเดโน่นี่แหละ ที่ดูจริงจังเกินเหตุสำหรับแมททริกในตอนนี้ ซึ่งหลังได้ฟังชัดเต็มสองรูหูเหมือนจะค้างไปแล้ว เขาอึ้ง และพูดอะไรไม่ออก “ อะไรของมึงวะ “ได้แต่เอ่ยเสียงแผ่ว กับคำถามที่ใคร่รู้เพียง เพื่อนกำลังคิดอะไรอยู่ ความหมายของเขาที่มีในหัวประมาณว่า ...“ เพราะผู้หญิงคนนั้นเนี่ยนะ ซึ่งคำตอบที่ได้คือร่างสูงพยักหน้ายอมรับโดยไม่คิดสักนิด“ เฮ้ยยย พวกเราสั่งให้แกเข้าไปพัวพันในชีวิตเธอ เพราะหวังให้ชดเชยสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าวันนึงจะกลายเป็นเมียก็ไม่มีใครว่า แต่ไม่ใช่ให้ทำแบบนี้ ““ แบบนี้มันแบบไหนวะ! “กลายเป็นประเด็นใหญ่ให้เขาทั้งคู่ได้ถกเถียง และมองหน้ากัน ในขณะต่างฝ่ายต่างไม่ละสายตาและไม่มีใครยอมใคร แมททริกอมลมกลั้วปาก รู้สึกขัดใจขึ้นมาทันทีกับความคิดของเขา หนึ่งในแก็งค์อัลฟา ผู้ที่เคยเป็นตัวเต็งแนวหน้า ไม่เคยกลัวสิ่งใด แต่วันนี้กลับมากลัวความรักของตัวเองจะพังลง “ ก็แบบ...”เขาเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น พ่นลมหายใจเฮือกใหญ่“ จะแบบไหนก็ช่างเถอะ แต่มึงจะทำแบบนั้นไม่ได้ มันเสี่ยงมากเกินไป ถ้าฝั่งศัตรูรู้ว่าเราแตกคอกันเอง จะทำยัง
ไศลานั่งคอตก เมื่อเห็นสีหน้าของน้องชาย หลังพูดประโยคนั้นออกไป เธอเม้มปากแน่น ข่มเปลือกตาลงจนมันสั่นระริก ก่อนจะค่อยๆคลี่คลายออก มองไปยังที่เก่า ในขณะรอบนี้เผยความหม่องหม่นนัยย์ตาออกมาด้วย ที่ดูก็รู้เธอกำลังจะร้องไห้ และคนข้างกายเธอเองก็เช่นกัน " พี่พูดว่าอะไรนะ? " เขาถามย้ำก่อนน้ำตาก้อนใหญ่เหล่านั้นจะไหลลงมา ไศลาไม่ตอบ แต่เลือกที่จะก้มหน้านิ่งแทน มองผ่านม่านน้ำตาไปยังมือตัวเอง ซึ่งบีบจิกเข้าหากันราวกับกำลังระบาย" ฮึก..."ความอึดอัดเคยเก็บไว้ในใจสุดลึก เสแสร้งทำเป็นเข้มแข็งมาตลอด ทั้งต่อหน้าและลับหลังครอบครัว วันนี้ถล่มทลายลงมาไม่เหลือชิ้นดี เพียงแค่อยากให้คนที่เธอรักหมดปัญหาเรื่องนี้ไม่ว่าผลจะออกมาดีหรือร้าย เธอก็สบายใจทั้งนั้น ริมฝีปากแดงระเรื่อปริเบ้ออก ยิ่งสะอื้นไห้หนัก หลังร่างสูงถลาเข้ามาเขย่าตัว พยายามกดดันเค้นหาคำตอบ" มองหน้าผมเซ่! ผมถามตั้งนานแล้วนะ พี่ใหญ่เป็นอะไรถึงตาย"ทว่า สิ่งที่เธอเห็น กลับเป็นเพียงภาพที่ไร้เสียง มีเพียงปากพูดเขาที่ขยับ และร้องไห้อยู่ พร้อมบริเวณรอบๆ ที่เปลี่ยนไป' รู้ไหมว่าพี่สอนให้ฉันชิน ชินต่อการคิดถึงพี่ ในวันที่พี่ไม่อยู่ ..ชินกับการเห็นพี่โบ
ร่างบางยืนตระหง่านอยู่บนถนนคอนกรีต เบื้องหน้าของเธอคือกึ่งบ้านกึ่งคฤหาสน์ที่จัดไปทางค่อนข้างจะทรุดโทรมทว่าดูหรูหราจนน่าแปลกใจ อุ้งมือน้อยๆกำสายกระเป๋าสะพายไว้แน่น พร้อมดวงตากลมโตเคลือบอมไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยง สลดปนละห้อย เธอใช้สายตาคู่นั้น จรดตั้งแต่ระดับเดียวกันช้อนขึ้นไปมอง พลันถอนหายใจเฮือก เมื่อไปหยุดอยู่ตรงระเบียงชั้นสอง ที่มีใครคนนึงซึ่งคุ้นเคยและจำได้แม่น" แม่คะ..." เธอขยับปากเรียก หล่อนยืนมองอยู่ก่อนแล้ว นับตั้งแต่รถแล่นเข้ามาไกลๆแม้เสียงนั้นดังไปไม่ถึง เพราะระยะทางที่ห่างกัน แต่น้ำตาแห่งความคิดถึง กับสีหน้าเลือนลาง ยังทำให้ทั้งคู่นั้นมองเห็นชัดใช่ เพราะต่างฝ่ายต่างโหยหาไม่มีใครยอมแพ้ ในขณะหัวไหล่เธอกำลังจะตก เผลอคิดไปถึงเหตุการณ์หลังจากนี้ ระหว่างที่อยู่ จะสรรหาประโยคไหนที่ดีพอ ที่ไม่ทำให้แม่ต้องเสียใจ หากจะกล่าวถึงเรื่องของพี่ชายคนโต และการตายของเขาแต่แล้ว.. มือใหญ่ข้างหนึ่งของคนที่มาด้วย กลับทำเธอหลุดภวังค์เสียก่อน ไศลาค่อยๆหันกลับไปมอง “ ฉันต้องการฟังความรู้สึกของเธอตอนนี้ที่มีต่อฉัน “ก่อนจะก้มหน้าลอบถอนหายใจ“ ฉันไม่มีอะไรจะพูด...” เธอส่ายหน้าเชื่องช้า“ พูดให้กำลังใ
" ก็ถ้าสมมุติว่าฉันท้อง"หญิงสาวช้อนตาหน้าสลด หลังคนสูงกว่าเอาแต่ยืนมอง คิ้วผูกติดฉงนงุนงง เธอจึงเริ่มพูดต่อ กับประโยคใส่อารมณ์ ที่บ่งบอกถึงความไม่แน่ใจ แต่แล้ว...กลับถูกมือใหญ่จับหมับตรงต้นแขน" สรุป ท้องหรือไม่ท้อง "เขาเค้นหาคำตอบไศลาเม้มปากแน่น คิดทบทวนตัวเองใหม่ ถ้านี่เป็นเรื่องที่กุขึ้นมา เพื่อความสะใจ และเอาชนะเล่าก็ อีกไม่นาน ร่างทั้งร่างของตัวเอง อาจจะระบมไปหมด เพราะถูกคนตรงหน้านั้นกระทืบเธอกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนพยักหน้าเชื่องช้า ดวงตากลมโตไม่กระพริบ จับจ้องมั่นอยู่ตรงหน้าหล่อเหลา ซึ่งหลังจากจบประโยคนี้ มันค้างชะงันไปกลางคัน และเธอนั้นเห็นพอดีเขาอึ้ง... " แน่ใจ? "" ค่ะ..."" ตรวจดีแล้ว... "" ยังค่ะ เราจะตรวจพร้อมกันวันนี้ ซึ่งฉันมั่นใจไปเกินครึ่ง ว่าในท้องฉัน มีเลือดเนื้อของคุณอยู่ "เธอตอบคำถามอย่างฉะฉาน เวเดโน่เงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะกระโชกโฮกฮาก" ให้ตาย ฉันควรดีใจไหมไศลา..."" เอ๋..."ซึ่งนั่นทำเธอแปลกใจไม่น้อย " ในสถานการณ์ขับขัน ไม่รู้จะเป็นหมู่หรือจ่า อยู่ๆ ก็มีเด็กขึ้นมาให้ฉันต้องรับผิดชอบ.. "เปลี่ยนความคิดในหัวของเธอเป็นฝั่งตรงข้าม ความแรงของมันราวกับตบให้มึน