ความกดดันท่ามกลางความอดทน ที่คนผ่านมันมาด้วยดีคือเวเดน ทว่า ปัญหาต้องเจอหลังจากนั้น ก็มีอิทธิพลต่อเขาไม่แพ้กัน ประสิทธิภาพของมันสามารถทำลายล้างความแข็งแกร่งภายในใจชายหนุ่มได้ ผู้ชายที่จัดอยู่ในดงมาเฟียมาช้านานคนนึงจนอ่อนยวบ เพียงแค่เขานั้นปล่อยสมองซีกใดซีกหนึ่งนึกคิด ในขณะหูก็ต้องฟังข่าวสาร ซึ่งนับว่าอัจฉริยะที่สุดเลยทีเดียว
ใช่ เขาแทบจะไม่มีสมาธิไปกับการประชุมเลย บางคราไม่ได้ออกความเห็นประเด็นสำคัญ หรือข้อสรุปเท็จจริงด้วยซ้ำ เพราะใช้หัวสมองคิดไปยังเรื่องอื่น ช่างน่าเสียดายที่เธอไม่รับรู้สิ่งนี้ เรื่องซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน
" สรุปการค้าอาวุธครั้งนี้ เราจะใช้เส้นทางใหม่แทนเส้นทางเก่า กันถูกระแคะระคายจากตำรวจถูกต้องไหม "
เรกาโดนั่งเล่นปากกาแท่งโปรด เอ่ยถามพร้อมช้อนตามองอรัลเบลสลับกับเวเดน เพื่อนรักที่ดูเหมือนจะเครียดที่สุดในตอนนี้ ก่อนจะร่างแผนการลงในกระดาษ เพื่อให้ทุกฝ่ายได้เข้าใจตรงกันอย่างชัดเจน
จนกระทั่งเวลาข้ามผ่าน หลายคนเริ่มเมื่อยล้ากับท่านั่งเดิมๆ
ซันดรูเป็นผู้เริ่มบิดขี้เกียจ หลังยุติวาระการประชุม ด้วยบทสรุปจากเรกาโด และเวเดน ก่อนอรัลเบลจะผ่อนคลายตาม หล่อนลุกขึ้นยืนเดินไปยังประตูทางออก โดยไม่บอกอะไรกับใครสักคำ
สร้างความตะหงิดใจให้กับเวเดนไม่น้อย
พลางลุกขึ้นยืนบ้าง เมื่อเขามองตาม เกรงว่าหล่อนจะไประรานคนรักของเขา
" เฮ้ยจะไปไหนวะ ยังไม่เสร็จเลย "
แต่แล้ว...แมททริกกลับปรามไว้ซะก่อน ราวกับเขารู้ ว่าใจเวเดนเริ่มจะต้านกรอบไม่ได้
" ไม่เอาน่า ตอนนี้มึงควรอยู่ที่นี่ "
คูดัสสมทบ ในขณะเรกาโด เอาแต่ขมวดคิ้วควงปากกา ส่วนซันดรู นอนบนเก้าทอดตัวยาวราวกับเตียงนอน
ดูก็รู้ทุกคนต่างตึงเครียดไปกับเขา แต่เลือกที่จะอยู่นิ่ง เตรียมรับมือดีกว่ามุทะลุซะจนงานพัง
" มึงก็รู้ หล่อนไว้ใจไม่ได้ "
เวเดนชี้ไปทางประตูที่อรัลเบลเดินออกไปเมื่อกี้
"เอาน่า อย่างน้อยตอนนี้คงแค่เยาะเย้ย เพราะคิดคนเดียวว่าตัวเองนั้นถูกเลือก ถ้ามึงไม่ไปทำให้หล่อนเปลี่ยนความคิดน่ะนะ คงไม่มีการสังหารเกิดขึ้น "
แมททริกออกความเห็น ทำเวเดนถึงกับเงียบ ทว่าไม่วายขมวดคิ้วมองไปทางเดิมนั้น
หวังว่าไศลาจะมีไหวพริบ เอาตัวร้อนได้ ไม่ใช่ใช้อารมณ์ในการเจรจานะ
ร่างบางนั่งโค้งตัว มือคู่ประสานเข้าหากันช้อนปลายค้าง ดวงตากลมโตหรี่ต่ำจัดไปทางสลด สีหน้าละห้อยบ่งบอกถึงความน้อยใจสูงสุด
เธอใช้เวลานั่งคิดทบทวนซ้ำไปซ้ำมาท่ามกลางบรรยากาศเงียบเชียบ เพิ่งจะรู้การอยู่ตามลำพัง มันดีอย่างนี้
ทว่า... คำตอบนั้นได้มาด้วยความว่างเปล่าและเศร้ากว่า เมื่อหวนกลับไปนึกถึงพี่ชายตัวเองที่ลาลับไปแล้ว
ค้นพบความทรงจำแห่งวันวาน ซึ่งไม่สามารถเอากลับมาและทดเวลาได้
วันนี้เธอต้องเดินทางไหนต่อ ไฉนถึงไร้คำตอบให้ตัวเอง!
ทุกอย่างมันดูซับซ้อนไปหมด จนเธอตามไม่ทันแล้ว
ถึงไม่ใช่คนโง่ที่ซื่อ แต่เธอก็ไม่ใช่คนเห็นแก่ได้ มีความทะเยอทะยานอยู่ในใจ เหมือนใครคนนึงที่กำลังเดินเข้ามา
คนที่เธอแสนจะเกลียดชัง ทว่า..กลับแสดงออกมาไม่ได้ทั้งหมด
" นั่งอยู่นี่เอง ฉันนึกว่าเธอจะกลับไปแล้วซะอีก "
ไศลาลอบถอนหายใจ พลางยืดอกขึ้นหันไปมอง แววตาหมองหม่นในทีแรก เปลี่ยนแปลงไปในพริบตา
สาวหุ่นปราดเปรียวในชุดดำ เสื้อคอเต่ากับกางเกงทรงกระบอกที่โชว์สะดือเล็กน้อย ซึ่งดูเหมือนจะราบเรียบ ต่างกันโดยสิ้นเชิง หากได้มาเห็น มันช่างเข้ากับร่างของหล่อนชะมัด แถมขับผิวให้ดูไฮโซจนเธอยังอายอีกด้วย
ไม่แปลก ที่หล่อนจะรักความสบาย ถ้าความสวยของหล่อน สร้างบารมีทำให้คนเคารพนับถือได้ เป็นใครส่วนใหญ่ก็คงจะทำ
ทว่า เว้นแต่เธอคนนึง!
" กลับ? ทำไมต้องกลับคะ"
ไศลาเลิกคิ้วยียวน แสร้งทำหน้าใสซื่อ ก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูง บิดขี้เกียจ ทำราวกับเมื่อยเสียเต็มประดา
" แล้วจะเสล่ออยู่ต่อไปแบบนี้น่ะหรือ "
" ทำไมจะเสล่อไม่ได้คะ ทีคุณยังทำได้"
" นี่เธอ! "
" คุณเวเดนพาฉันมาน่ะค่ะ ขากลับมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่เขาจะต้องพากลับ "
เธอยักไหล่ ดึงแว่นกันแดดจากกระหม่อมลงมาบังตา เลียนแบบอรัลเบล ด้วยท่าทางดัดจริต เหมือนสุดแม้กระทั่งท่ายืน ทำเจ้าตัวขุ่นมัวใจไม่น้อย ทว่า ได้แต่กัดฟันเก็บอารมณ์นิ่งเอาไว้ เนื่องจากในที่ที่เป็นองค์กร เต็มไปด้วยกล้องวงจรปิด ไม่ได้มีแค่หล่อนที่เป็นใหญ่ แต่ยังมีอีกหลายคน ซึ่งถืออำนาจเท่าเทียบกับหล่อน
กระนั้นหากจะคิดโค่นลงมาได้ ด้วยวิธีไก่กา มีหลักฐานไม่เพียงพอ บอกเลยไม่สามารถทำง่ายตามความคิด
ดังนั้น งานใหญ่ที่กำลังจะเกิด ไล่เรี่ยควบคู่กับการเลือกประมุขใหม่ คนที่เป็นหนึ่งในรายชื่อสมาชิกอย่างหล่อน จะต้องไม่มาเสื่อมเสียด้วยเรื่องแบบนี้ ให้เขากล่าวหา...
ทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นเพราะอารมณ์ส่วนตัว ถึงการนำเอามาเป็นเกณฑ์จริง จะต้องไม่มีใครรู้
ฉะนั้นการที่หล่อนจะสั่งสอนเด็กตรงหน้าได้ คงต้องใช้มารยาขั้นสูงกันเลยทีเดียว และนั่นประจวบเหมาะกับใครคนนึงเดินเข้ามา
ใช่ หล่อนจงใจให้เขาเห็น
กับการถลาเขาไปหาไศลา แสร้งทำท่าจะทำร้าย เจตนาทำให้เธอตกใจ ใช้สัญชาตญาณที่มี ผลักอรัลเบลออก
ไม่ได้แรงมาก แต่ทำไมถึงล้มลงไม่เป็นท่า
" โอ้ย!!! "
แถมมีเลือดออกจากข้อศอกด้วย
ไศลาอึ้ง มองสลับระหว่างคนที่นั่งอยู่กับคนที่มาใหม่ ก่อนจะขมวดคิ้วยุ่งเหยิง เธอไม่ได้ตกใจที่เขาเข้ามาเห็น แต่ที่งง คงจะเป็นการกระทำของอรัลเบลมากกว่า
คืออะไร??
หญิงสาวตั้งคำถาม ถอยหลังเชื่องช้าไปสองก้าว สัญชาตญาณบ่งบอกถึงความเย็นชา และเพิกเฉยกับสิ่งที่ไม่ได้ก่อ
ก่อนจะช้อนตาไปยังคนที่มาใหม่อีกสี่คน กับเจตนาเงียบไร้คำอธิบาย
ทอดมองร่างสูงเดินเร็วเข้ามาพยุงหล่อน พร้อมละครฉากใหญ่ที่เธอเองก็ยังไม่รู้เรื่อง
" ฉันไม่คิดว่าเธอจะกล้าขนาดนี้นะไศลา "
ตั้งหลักไม่ทันเพราะยังมึนงงอยู่
ไศลาขมวดคิ้ว เอียงคอเตรียมจะอ้าปากเถียง ทว่า กลับเปลี่ยนเป็นแค่นหัวเราะแทน
" คนอย่างคุณเนี่ยนะ ยืนเฉยๆให้ฉันผลัก "
ท่ามกลางความเงียบ ไม่มีวาจาใดจากผู้ชายฝั่งตรงข้ามหลังพากันมาถึง เว้นแต่ซันดรูที่เดินเลยมาทางเธอ พร้อมมือขวาเกาสันจมูก
เวเดนขมวดคิ้ว นึกไม่ถึงกับการกระทำของเขาครานี้
ในขณะไศลาถึงกับเม้มปากแน่น หรี่ดวงตากลมโตมองเวเดนอย่างไม่กระพริบ ยากจะคาดเดาความคิดของเธอ
ถึงเขาไม่ได้ปลอบใจ หรือทำทีเป็นห่วงเป็นใยหล่อนพาลให้เธอต้องเสียหน้า ทว่า การยืนอยู่ฝั่งนั้นแบบนั้น มันก็ไม่ต่าง
จนกระทั่งความเงียบเริ่มปกคลุม ซันดรูเป็นฝ่ายทำลายมันเอง
เขาเลิกคิ้วราวกับตลกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมคำตอกกลับของไศลา
แต่กลับผายมือ ใช้วาจาตรงข้ามใจ
" ไปทำแผลเถอะครับมาดาม เว้ดพาไปสิ "
ท่ามกลางความอึดอัดของเวเดโน่ บวกกับความเคืองแคลงใจ และกลุ่มเพื่อนที่งงกับการกระทำเขาไม่ต่างกัน
ก่อนจะหันมาสบตากับไศลา ราวกับแคร์ความรู้สึก ประจวบเหมาะกับการถูกมองอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งนั่นเขาจะไม่ใจหวิวเลย ถ้าดวงตาหวานหยดนั้นไม่เปลี่ยนสีเป็นแดงก่ำ บวกน้ำหล่อเลี้ยงที่เอ่อล้นออกมามากกว่าปกติ
เธอร้องไห้หรือนี่....
แต่แล้ว..
กลับต้องหลุดจากภวังค์ด้วยคำสั่งของคนข้างกาย
" ฉันจะไม่เอาเรื่องเด็กนั่น ถ้าคุณพาฉันไปทำแผล"
ซึ่งสร้างความลังเลให้เขาไม่น้อย เวเดโน่ขมวดคิ้วพัน หรี่ตาลงต่ำราวกับครุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้าเชื่องช้า แล้วประคองร่างบางออกเดิน โดยไม่วายจะใช้หางตามองไศลา
ชายหนุ่มหารู้ไม่ ว่าไล่หลังเขานั้น น้ำหล่อเลี้ยงที่เคยเห็น มันเอ่อล้นออกมามากกว่าเดิม
ใช่...ไศลายืนนิ่ง กำมือตัวเองแน่น มองเขาเดินห่างไป โดยผ่านม่านน้ำตาที่มันเริ่มเลือนลางเต็มที
จากนั้นจึงจะพร่ำบอกตัวเองให้เข้มแข็ง
บางทีหมอนั่น อาจจะแค่ต้องการจะตัดปัญหา...
เท่านั้น...ล่ะมั้ง
มากกว่าความหวาดเสียวในสมรภูมิรบก็คงเป็นคำพูดของเวเดโน่นี่แหละ ที่ดูจริงจังเกินเหตุสำหรับแมททริกในตอนนี้ ซึ่งหลังได้ฟังชัดเต็มสองรูหูเหมือนจะค้างไปแล้ว เขาอึ้ง และพูดอะไรไม่ออก “ อะไรของมึงวะ “ได้แต่เอ่ยเสียงแผ่ว กับคำถามที่ใคร่รู้เพียง เพื่อนกำลังคิดอะไรอยู่ ความหมายของเขาที่มีในหัวประมาณว่า ...“ เพราะผู้หญิงคนนั้นเนี่ยนะ ซึ่งคำตอบที่ได้คือร่างสูงพยักหน้ายอมรับโดยไม่คิดสักนิด“ เฮ้ยยย พวกเราสั่งให้แกเข้าไปพัวพันในชีวิตเธอ เพราะหวังให้ชดเชยสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าวันนึงจะกลายเป็นเมียก็ไม่มีใครว่า แต่ไม่ใช่ให้ทำแบบนี้ ““ แบบนี้มันแบบไหนวะ! “กลายเป็นประเด็นใหญ่ให้เขาทั้งคู่ได้ถกเถียง และมองหน้ากัน ในขณะต่างฝ่ายต่างไม่ละสายตาและไม่มีใครยอมใคร แมททริกอมลมกลั้วปาก รู้สึกขัดใจขึ้นมาทันทีกับความคิดของเขา หนึ่งในแก็งค์อัลฟา ผู้ที่เคยเป็นตัวเต็งแนวหน้า ไม่เคยกลัวสิ่งใด แต่วันนี้กลับมากลัวความรักของตัวเองจะพังลง “ ก็แบบ...”เขาเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น พ่นลมหายใจเฮือกใหญ่“ จะแบบไหนก็ช่างเถอะ แต่มึงจะทำแบบนั้นไม่ได้ มันเสี่ยงมากเกินไป ถ้าฝั่งศัตรูรู้ว่าเราแตกคอกันเอง จะทำยัง
ไศลานั่งคอตก เมื่อเห็นสีหน้าของน้องชาย หลังพูดประโยคนั้นออกไป เธอเม้มปากแน่น ข่มเปลือกตาลงจนมันสั่นระริก ก่อนจะค่อยๆคลี่คลายออก มองไปยังที่เก่า ในขณะรอบนี้เผยความหม่องหม่นนัยย์ตาออกมาด้วย ที่ดูก็รู้เธอกำลังจะร้องไห้ และคนข้างกายเธอเองก็เช่นกัน " พี่พูดว่าอะไรนะ? " เขาถามย้ำก่อนน้ำตาก้อนใหญ่เหล่านั้นจะไหลลงมา ไศลาไม่ตอบ แต่เลือกที่จะก้มหน้านิ่งแทน มองผ่านม่านน้ำตาไปยังมือตัวเอง ซึ่งบีบจิกเข้าหากันราวกับกำลังระบาย" ฮึก..."ความอึดอัดเคยเก็บไว้ในใจสุดลึก เสแสร้งทำเป็นเข้มแข็งมาตลอด ทั้งต่อหน้าและลับหลังครอบครัว วันนี้ถล่มทลายลงมาไม่เหลือชิ้นดี เพียงแค่อยากให้คนที่เธอรักหมดปัญหาเรื่องนี้ไม่ว่าผลจะออกมาดีหรือร้าย เธอก็สบายใจทั้งนั้น ริมฝีปากแดงระเรื่อปริเบ้ออก ยิ่งสะอื้นไห้หนัก หลังร่างสูงถลาเข้ามาเขย่าตัว พยายามกดดันเค้นหาคำตอบ" มองหน้าผมเซ่! ผมถามตั้งนานแล้วนะ พี่ใหญ่เป็นอะไรถึงตาย"ทว่า สิ่งที่เธอเห็น กลับเป็นเพียงภาพที่ไร้เสียง มีเพียงปากพูดเขาที่ขยับ และร้องไห้อยู่ พร้อมบริเวณรอบๆ ที่เปลี่ยนไป' รู้ไหมว่าพี่สอนให้ฉันชิน ชินต่อการคิดถึงพี่ ในวันที่พี่ไม่อยู่ ..ชินกับการเห็นพี่โบ
ร่างบางยืนตระหง่านอยู่บนถนนคอนกรีต เบื้องหน้าของเธอคือกึ่งบ้านกึ่งคฤหาสน์ที่จัดไปทางค่อนข้างจะทรุดโทรมทว่าดูหรูหราจนน่าแปลกใจ อุ้งมือน้อยๆกำสายกระเป๋าสะพายไว้แน่น พร้อมดวงตากลมโตเคลือบอมไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยง สลดปนละห้อย เธอใช้สายตาคู่นั้น จรดตั้งแต่ระดับเดียวกันช้อนขึ้นไปมอง พลันถอนหายใจเฮือก เมื่อไปหยุดอยู่ตรงระเบียงชั้นสอง ที่มีใครคนนึงซึ่งคุ้นเคยและจำได้แม่น" แม่คะ..." เธอขยับปากเรียก หล่อนยืนมองอยู่ก่อนแล้ว นับตั้งแต่รถแล่นเข้ามาไกลๆแม้เสียงนั้นดังไปไม่ถึง เพราะระยะทางที่ห่างกัน แต่น้ำตาแห่งความคิดถึง กับสีหน้าเลือนลาง ยังทำให้ทั้งคู่นั้นมองเห็นชัดใช่ เพราะต่างฝ่ายต่างโหยหาไม่มีใครยอมแพ้ ในขณะหัวไหล่เธอกำลังจะตก เผลอคิดไปถึงเหตุการณ์หลังจากนี้ ระหว่างที่อยู่ จะสรรหาประโยคไหนที่ดีพอ ที่ไม่ทำให้แม่ต้องเสียใจ หากจะกล่าวถึงเรื่องของพี่ชายคนโต และการตายของเขาแต่แล้ว.. มือใหญ่ข้างหนึ่งของคนที่มาด้วย กลับทำเธอหลุดภวังค์เสียก่อน ไศลาค่อยๆหันกลับไปมอง “ ฉันต้องการฟังความรู้สึกของเธอตอนนี้ที่มีต่อฉัน “ก่อนจะก้มหน้าลอบถอนหายใจ“ ฉันไม่มีอะไรจะพูด...” เธอส่ายหน้าเชื่องช้า“ พูดให้กำลังใ
" ก็ถ้าสมมุติว่าฉันท้อง"หญิงสาวช้อนตาหน้าสลด หลังคนสูงกว่าเอาแต่ยืนมอง คิ้วผูกติดฉงนงุนงง เธอจึงเริ่มพูดต่อ กับประโยคใส่อารมณ์ ที่บ่งบอกถึงความไม่แน่ใจ แต่แล้ว...กลับถูกมือใหญ่จับหมับตรงต้นแขน" สรุป ท้องหรือไม่ท้อง "เขาเค้นหาคำตอบไศลาเม้มปากแน่น คิดทบทวนตัวเองใหม่ ถ้านี่เป็นเรื่องที่กุขึ้นมา เพื่อความสะใจ และเอาชนะเล่าก็ อีกไม่นาน ร่างทั้งร่างของตัวเอง อาจจะระบมไปหมด เพราะถูกคนตรงหน้านั้นกระทืบเธอกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนพยักหน้าเชื่องช้า ดวงตากลมโตไม่กระพริบ จับจ้องมั่นอยู่ตรงหน้าหล่อเหลา ซึ่งหลังจากจบประโยคนี้ มันค้างชะงันไปกลางคัน และเธอนั้นเห็นพอดีเขาอึ้ง... " แน่ใจ? "" ค่ะ..."" ตรวจดีแล้ว... "" ยังค่ะ เราจะตรวจพร้อมกันวันนี้ ซึ่งฉันมั่นใจไปเกินครึ่ง ว่าในท้องฉัน มีเลือดเนื้อของคุณอยู่ "เธอตอบคำถามอย่างฉะฉาน เวเดโน่เงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะกระโชกโฮกฮาก" ให้ตาย ฉันควรดีใจไหมไศลา..."" เอ๋..."ซึ่งนั่นทำเธอแปลกใจไม่น้อย " ในสถานการณ์ขับขัน ไม่รู้จะเป็นหมู่หรือจ่า อยู่ๆ ก็มีเด็กขึ้นมาให้ฉันต้องรับผิดชอบ.. "เปลี่ยนความคิดในหัวของเธอเป็นฝั่งตรงข้าม ความแรงของมันราวกับตบให้มึน
' แต่ถ้าไม่ได้ ก็ช่วยฆ่ากันให้ตายซะเถอะ 'เวเดโน่ยืนอึ้ง ไม่คิดว่าประโยคนี้ของเธอจะทำเขาชะงัก เมื่อได้ยินมัน ยอมรับว่าเขาใจหาย กระนั้นก็เป็นเพียงเสี้ยววินาทีแรกเท่านั้น ก่อนจะดึงสติ " เธอว่าไงนะ.. " เขาขมวดคิ้ว ถามย้ำ ใช้นิ้วทั้งห้าได้เป็นประโยชน์สูงสุดหลังถลาเข้ามาบีบหัวไหล่เธอ" อึก..." ไศลานิ่วหน้า น้ำตาแทบทะลัก ทว่าทำได้เพียงช้อนตาขึ้นมองและฟังเขากัดฟันพูดด้วยความโมโห เขาเกลียดที่สุด คำประชดประชัน" พูดใหม่อีกทีสิ "" อะ โอ้ย! " " หยุดทำตัวงี่เง่า เพ้อเจ้อเถอะไศลา ต่อให้เธอนอนหายใจพะงาบๆ เธอก็ไม่มีวันได้ตาย หรือไปจากฉัน เรื่องของไอ้ซันก็เหมือนกัน ไหน ...ตรงไหนที่มันทำเธอ" " นี่หยุดนะ! " กับคำตอกกลับมาอย่างเจ็บแสบ ราวกับแผลสดโดนป้ายพริก แหวกคอเสื้อเธอ กระชากหารอยอะไรบ้างอย่าง พร้อมมือใหญ่อีกข้างหนึ่ง สอดเข้ามาใต้กระโปรง จับหยาบลูบคลำตรงเนินเนื้อนั่น ทำไศลาตกใจ ถึงกับต้องรีบหุบ เบียดต้นขาเข้าหากัน ไม่สนว่าจะหนีบมือเขาด้วย นี่เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ ถึงไม่สนใจความรู้สึกของเธอเลย...เธอเจ็บปวดจริงๆนะ! หัวใจจะแหลกเหลว อย่างไม่มีชิ้นดีอยู่แล้ว! ใจคอจะไม่รับรู้ถึงความทรมานของเธอ
ดวงตากลมโตที่เคยเคลือบน้ำใสๆก่อนหน้า ช้อนขึ้นมองคนสูงกว่า เธอกำลังจะบอกให้รู้ว่า สิ่งที่เธอพูดออกมา ความหมายของมันนั้นทำให้เธออึดอัดมานาน" ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่าคุณทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร อาจจะชอบฉันจริงๆ หรือเอาชนะเขา แต่เชื่อเถอะว่า ทั้งสองอย่างมันทำให้ฉันรู้สึกไม่โอเค " ก่อนจะหลุบตาลง ในจังหวะที่เขานั้นเงียบไป " และเหมือนว่า คุณจะทำมันสำเร็จ ถ้าวันนี้คิดจะแยกระหว่างฉันกับคุณโครทิส ...มันสำเร็จแล้วล่ะ "ประโยคทิ้งท้ายเธอช้อนตาขึ้นอีกรอบ มองลึกเข้าไปข้างใน ก่อนจะเหยียดยิ้มราวกับขบขำกับสิ่งที่เจอ " เธอพูดจริงหรือ? " เขาย้ำ หญิงสาวพยักหน้า ทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากกรอบหน้าเขา" ค่ะ..แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะสมหวังหรอกนะคะ กับผลที่ต้องการและทำอยู่ "" หมายความว่าไง.."" ฉันชอบคุณไม่ลง"จนกระทั่งอีกประโยคหลุดออกมาจากปากเธอนั่นแหละ ซันดรูจึงจะเงียบกริบแบบไร้ปี่ไร้ขลุ่ย" ทำไม..." พลางถามเสียงแหบ ไศลายิ้มบางๆให้กับเขา " เพราะว่า..คนที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ครอบครอง ใช้วิธีแย่ง เป่าหู และทำลาย ไม่สนใจความรู้สึกของเพื่อน ไม่สนแม้กระทั่งมิตรภาพที่เคยผูกพันกันมาก่อน เพื่อผู้หญิงคนเดียวก็คือฉัน บ