เสียงไก่โห่ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ชาวบ้านก็เริ่มไล่วัวควายออกไปเลี้ยงตามวิถีชีวิตชนบท บางคนก็ออกไปไร่ไปนาเพราะใกล้ฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว
"พี่เร...รอด้วยฉันเสร็จแล้ว" ลำดวนรีบแต่งตัวตามพี่สาวออกมาหมายจะออกไปช่วยขายผักที่ตลาด
"อยู่นี่แหละรอทำกับข้าวให้พ่อกับแม่"
"บ่ ๆ พ่อกับแม่บ่อยากดอก พากันออกไปส่อยกันโลด"(ไม่ต้อง ๆ พ่อกับแม่อยู่กันได้ เอ็งสองคนพสกันออกไปช่วยกันเถอะ)
คนเป็นแม่ว่าขึ้นเพราะลำพังอยู่สองตายายกินอะไรก็ได้อยากให้ลูกออกไปช่วยกันมากกว่า
"งั้นเดี๋ยวฉันรีบกลับมานะ"
สองสาวพี่น้องซ้อนท้ายกับออกมาตั้งแต่เช้ามืดเพื่อไปให้ทันตลาดเช้า ผักช่วงนี้ออกเยอะจนล้นตลาดทำให้ต้องไปนั่งขายเอง หมดล็อตนี้ก็ว่าจะกลับไปปลูกพริกกับมะเขือเหมือนเดิมดีกว่า
"ลำดวน ไม่ต้องช่วยพี่หรอก เอาผักกาดกับกะหล่ำอย่างละร้อยไปส่งร้านขนมจีนเจ้น้อยให้พี่ไป"
"จ้ะ" ว่าแล้วลำดวนก็หยิบผักกาดขาวและกะหล่ำใส่ตะกร้าเท่าจำนวนที่สาวบอกและขับมอไซด์ออกไปที่ร้านขนมจีนหน้าโรงพยาบาลเหลือเพียงเรไรที่กำลังตั้งแผงขายผักที่เหลืออยู่
"ผักจ้าผัก สด ๆ จากสวน ปลอดสารพิษนะจ๊ะ" เสียงหวานเจื้อยแจ้วเสนอการขายเมื่อผู้คนเริ่มมาในตอนเช้า
"ต้นหอมขายยังไงจ๊ะ"
"กำละห้าบาทจ้ะ"
"ถ้าฉันเหมาทั้งต้นหอมกับผักกาด เท่าไหร่จ้ะ"
"ถ้าเหมาหมดคิดราคาส่งให้จ้ะเป็นกิโล สนใจไหม" เรไรตอบลูกค้าตรงหน้าด้วยน้ำเสียงไพเราะมองดูแล้วก็น่าจะอายุน้อยกว่าเรไรอยู่พอสมควร ต้นหอมและผักกาดขาวถูกแพ็กใส่ถุงมัดปากเรียบร้อยเพื่อรอนำส่ง ลูกค้าสาวก็จ่ายเงินเสร็จสับเรไรจึงตั้งใจยกถุงผักมาส่งเธอที่รถ ทว่า...
"หน้าคุ้น ๆ นะ เหมือน หมา หัว เน่าเลยอะ" คนที่เคยเป็นเพื่อนสนิทบัดนี้ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นศัตรูเพียงเพราะ...ผู้ชายคนเดียว ทำเอาลูกค้าที่ถือถุงผักมาคู่กับเรไรถึงกับชะงักมองหน้า
"ไปเถอะจ้ะ หมามันก็เห่าไปตามนิสัยของมันนั่นแหละ" เรไรก้าวฉับ ๆ ไปตามหญิงสาวก่อนจะวางถุงผักลงที่กระบะรถ และไม่ลืมกล่าวขอบคุณก่อนที่จะกลับ
"ขอบใจนะจ๊ะที่มาอุดหนุน"
"พี่จ๊ะ ผักที่สวนพี่มีอีกเยอะไหมจ้ะ เผื่อว่าฉันอยากได้อีกให้พี่ไปส่งให้หน่อยได้หรือเปล่า"
"ได้จ๊ะ นี่เบอร์โทรนะ ถ้าโทรมาสั่งก่อนสักสองวันจะดีมากเลยล่ะจ้ะ"
พอเดินกลับมาที่แผงก็เห็นลำดวนยืนอยู่ก่อนแล้วทำท่าชะเง้อมองหาคงสงสัยว่าเรไรพี่สาวนั้นหายไปไหน แต่พอเห็นก็รีบถามขึ้นทันที
"ไปไหนมา แล้วนี่ผักหายไป ขายหรือถูกขโมยตอนนี้พี่ไม่อยู่"
"ลูกค้าเหมาต้นหอมกับผักกาดขาวไปหมดแล้ว เหลือแค่นี่แหละ" สองพี่น้องยืนคุยว่าจะเอายังไงกันต่อเพราะนี่ก็เริ่มสายเข้าแล้ว อีกหน่อยตลาดคงวาย
"พี่ห้อยจ้ะ สีอยากกินกะหล่ำผัดใส่หมูทำให้กินหน่อยได้ไหมจ๊ะ" เสียงแว่วมาเข้าหูทำให้เรไรหันไปมองที่หน้าร้าน ก็พบกับคนที่ไม่อยากพบ ชายที่เธอเคยรักจนสุดหัวใจกับเพื่อนที่สุดแสนจะไว้ใจยืนกอดแขนแนบชิดจนแทบจะสิงร่างกันอยู่แล้ว
"เร ไม่เจอกันนาน สบายดีนะ"
"พี่เรสบายดี สบายมากแถมมีคนเข้ามาจีบเยอะเลยล่ะ" ลำดวนรีบเข้ามายืนขวางหน้าพี่สาวไว้และเป็นฝ่ายตอบออกไปแทน
"ลำดวน ไม่ต้องพูด" เรไรรีบสะกิดน้องสาวทันทีเพราะไม่อยากให้ต่อปากต่อคำรู้ว่าน้องสาวนิสัยเป็นแบบไหน จะพานให้โมโหจนลงไม้ลงมือกันได้
"จะซื้อไม่ซื้อ ไม่ซื้อก็ถอยออกไปเกะกะหน้าร้าน" เรไรหันมาพูดกับสองคนตรงหน้า พร้อมกับจ้องกลับอย่างไม่กลัว
มันไม่หลงเหลือความเสียใจอยู่ในใจเธอเลยสักเสี้ยวกลับกันยิ่งพอได้เห็นสองคนอยู่ด้วยกันแล้ว...เหมาะสมกันจริง ๆ ผีพอโลงจริง ๆ
"พี่ห้อยทำให้ฉันกินหน่อยได้ไหมจ๊ะ"
"จ้ะ"
"งั้นเอา..." ขณะที่สีกำลังมองหัวกะหล่ำทำท่าจะเลือกอยู่นั้นก็มีเสียงทุ้มจากใครบางคนดังขึ้นเสียก่อน
"อ้ายเหมา"(พี่เหมา)
ทุกคนหันไปที่ต้นเสียงเป็นตาเดียว ลำดวนยิ้มร่าออกมาทันที แคนเดินมาประชิดตัวเรไรพร้อมกับมองสายตาหวาน มือหนายกขึ้นมาเกลี่ยไรผมที่ปิดหน้าออกและจ้องเข้าไปในดวงตาคู่สวยนั้นที่ตอนนี้มันมองเขาต่างไปจากเดิม
"อ้ายเหมา อิหล่าสิได้กลับบ้านเร็ว ๆ"(พี่เหมานะ หนูจะได้กลับบ้านเร็ว ๆ)
"สิเหมาไปเฮ็ดหยังหลายปานนี้"(จะเหมาไปทำอะไรเยอะแยะขนาดนี้)
"เหมาไปให้แม่ออกอยู่วัดไว้เฮ็ดแนวกินเด บ้านเฮาเขาจัดปฏิบัติธรรมเจ็ดมื้อ"(เอาไปให้แม่ครัวอยู่ที่วัดไง บ้านเรากำลังจะจัดกิจกรรมปฏิบัติธรรมเจ็ดวัน)
เรไรพยักหน้าหงึกหงักรับรู้ก่อนจะหันไปมองที่สองคนด้านหน้า ที่มีสายตาสงสัยส่งมาให้เธอ
"ฉันคงขายให้ไม่ได้แล้วนะ พอดีมีคนใจบุญเหมา"
"เรกับอ้ายแคน?"(นี่เรกับพี่แคน)
ห้อยมองสองคนสลับไปมาด้วยความสงสัย แต่ความสงสัยนั้นก็หายสิ้นเมื่อแคนวาดแขนโอบไหล่ของเรไรเอาไว้เป็นคำตอบ
"อ้ายแคนมาจีบอีเรสั้นเบาะ"(พี่แคนจีบอีเรเหรอจ๊ะ)
ฟอด~~~~ การกระทำของแคนนั้นก็ทำให้เรไรตกใจรีบหันมองยกมือขึ้นมาจับแก้มตัวเองเอาไว้พร้อมกันนั้นสองพวงแก้มก็เปล่งสีชมพูระเรื่อขึ้นมา
"บ่แม่นแค่จีบ...อ้ายกับเรกำลังสิแต่งงานกัน"(ไม่ใช่แค่จีบ...แต่พี่กับเรกำลังจะแต่งงานกัน)
"ห๊า!" ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ดวงตาหวานจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความสั่นระริก แต่เมื่อรู้ตัวหันกลับมาที่หน้าร้านก็เห็นสองคนนั้นแล้ว
"บ่จำเป็นต้องเล่นใหญ่ปานนี้เลย"(ไม่เห็นต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้เลย)
"บ่ได้เล่นครับ อ้ายเว้าอิหลี อ้ายสิให้พ่อกับแม่ไปขออิหล่า"(ใครบอกว่าพี่เล่น พี่พูดจริง ๆ เดี๋ยวจะให้พ่อกับแม่ไปขอนะ)
แววตาจริงจังส่งมาเป็นการบอกให้อีกคนได้รู่ว่าเขาไม่ได้พูดเล่น ก้อนเนื้อด้านในมันเต้นระส่ำขึ้นมาอีกครั้ง แต่จะมัวซึ้งอยู่ก็คงไม่ได้ทำอะไรกันพอดี
"ลำดวนเก็บของกลับบ้าน" กลบเกลื่อนความเขินด้วยการทำตัวให้ยุ่ง แต่มันปกปิดจากสายตาเขาไม่ได้เลยเธอจะรู้ตัวไหม...
#บักห้อยมันเสียดายเด้นิ่ เกียมเงินผู้แขนด้วยเด้อ
กดหัวใจให้หน่อยได้ไหมจ๊ะ
"ไม่ได้ อุ้บ!!" เขาจัดการปิดปากเธอด้วยปากหยัก กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเรือนร่างอรชรทำให้กำหนัดในตัวของเขาเพิ่มพูนตั้งแต่เข้าใกล้ ขมเม้มปากกระจับด้วยความละมุน เมื่อเธอเผยอปากเขาก็จัดการสอดแทรกลิ้นร้อนเข้าไปกวาดชิมความหวานในโพรงนุ่ม ๆ นั้นทันที ร่างหนาขยับคร่อมพร้อมกับบดจูบอยู่นาน ความคิดถึงและความเสน่หาแสดงออกมาเป็นการกระทำที่เร่าร้อน เสียงหายใจติดขัดจากคนด้านล่างทำให้เขาถอนจูบนั้นออกมาซุกไซ้ใบหน้าเข้าที่ลำคอขาว"อื้อ อ้ายแคน" เธอประคองใบหน้าเขาขึ้นมาก่อนจะจ้องมองเข้าไปในม่านตาดำสนิทด้วยหัวใจที่เต้นแรงกว่าทุกครั้ง"เรว่ามันเร็วเกินไป""อ้ายเฝ้าเรมาตั้งสิบปี ตั้งแต่ที่เรดึงอ้ายออกมาจากป่ากล้วย""แต่ว่า...""อ้ายขอได้บ่ครับ..." ลมหายใจอุ่นร้อนขณะที่ปากพูดจรดลงตามข้างแก้มใบหน้าหล่อคลอเคลียร์ไม่ห่างชวนให้อารมณ์เคลิ้มไปได้อย่างง่าย ปากหยักได้รูปพรมจูบลงมาตามซอกคอ ใบหน้าหวานเอียงเอียงรับสัมผัสและไม่ปฏิเสธยิ่งทำให้คนตัวโตได้ใจ ทุกครั้งที่ปากหยักกดจูบขนบางก็ชูชันจนทั่วร่าง ความรู้สึกตื่นเต้นแปลกใหม่เกิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมือใหญ่กอบกุมเต้าอวบทำเอา
พระอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า ฝูงวัวควายถูกต้อนกลับจากนาเดินเต็มถนนบรรยากาศที่คุ้นเคยในหมู่บ้านเหมือนทุก ๆ วันเป็นสิ่งที่คนเมืองกรุงไม่มีโอกาสได้สัมผัส สองสาวขับรถมอเตอร์ไซด์ลากพ่วงรถเข็นด้านหลังบรรทุกผักกลับเข้ามาเฉกเช่นทุกวัน มีทั้งออเดอร์จากตลาดและที่วัด สองคนต้องเก็บมากกว่าปกติ"ลำดวนไปอาบน้ำก่อนจะได้ออกไปวัด""แล้วพี่เรไม่ไปเหรอ""ไปแต่เอ็งอาบก่อนพี่จะแบ่งผักรอ อาบเสร็จพี่จะได้ไปอาบต่อ" คนพี่ว่าพร้อมกับยกตะกร้าผักลงจากรถเข็นและแบ่งแยกออกว่าตัวไหนเอาไปส่งตลาดตัวไหนเอาไปส่งวัด ไม่นานคนเป็นน้องก็อาบเสร็จพอดี เธอจึงเดินไปหยิบผ้าถุงที่ตากอยู่ข้างบ้านเข้าห้องน้ำไปไฟที่เปิดให้แสงสว่างจนทั่วบริเวณวัดมันเลยไม่ค่อยน่ากลัวเหมือนกับทุกวัน แถมผู้คนก็ยังเดินพลุกพล่านทั้งคนที่คุ้นหน้าและคนที่ไม่คุ้นหน้า คณะของนักเรียนและครูที่มาถึงเมื่อตอนบ่ายก็เปลี่ยนชุดนุ่งขาวห่มขาวกันจนละลานตาไปหมดและกำลังทยอยเข้าไปทำวัดเย็นในศาลา"เอาผักมาส่งจ้า""เออ ๆ วางไว้นั่นแหละจักบาทล่ะ"(เอาวางไว้ตรงนั้นแหละ ทั้งหมดเท่าไหร่)"สองร้อยจ้ะ" ผักสามตะกร้าราคาแค่นี้ถือว่าถูกมาก
เสียงไก่โห่ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างปลุกฉันให้รีบตื่นมาทำกับข้าวเพื่อเตรียมไปวัดในวันพระใหญ่ ในฤดูหนาวแบบนี้ทำเอาไม่อยากจะออกจากผ้าห่มเลย"พี่เร ตื่นหรือยัง""อือ" ฉันตอบน้องสาวพลางหยิบเสื้อแขนยาวไหมพรมออกมาสวมใส่ เราสองคนเดินลงมาจากบนบ้านและช่วยกันทำกับข้าวมือเป็นระวิง กว่าจะเสร็จฟ้าก็ทอแสงรำไรแล้ว ม่านหมอกหนาบดบังทิวทัศน์ของทุ่งนาที่เหลืองอร่ามให้เห็นเป็นเลือนราง"เสร็จแล้วฉันไปอาบน้ำก่อนนะจ๊ะ" ฉันพยักหน้าตอบก่อนจะขึ้นไปเอาเสื้อผ้าเพื่อรอคิวอาบต่อ ดีที่พี่แคนมาทำห้องน้ำและติดเครื่องทำน้ำอุ่นให้ใหม่เลยทำให้การอาบน้ำสะดวกขึ้นฉันยังไม่ได้ขอบคุณเขาเลย พอคิดถึงชายคนที่ครอบครองดวงใจรอยยิ้มหวานก็ปรากฏบนใบหน้าทันที ฉันหยิบเสื้อพื้นเมืองสีชมพูกับผ้าถุงลายหยาดฝนที่แม่ทอให้ออกมาสวมและสวมทับด้วยเสื้อกันหนาวไหมพรมอีกที ก่อนจะรีบออกมารอลำดวนที่ด้านล่าง ไม่นานนางก็เดินลงมาด้วยชุดที่คล้ายกันกับของฉันเราสองคนพี่น้องขับรถออกมาตามทางตรงไปที่วัดโดยใช้ทางลัดตามคันนา แสงรุ่งอรุณตกกระทบน้ำค้างบนยอดหญ้าจนเป็นแสงระยิบระยับชวนมองกลิ่นอายของต้นข้าวยามถูกหมอกโชยเข้าจมูกช่างเป็น
แสงแดดยามเช้าทำให้รู้สึกรื่นรมณ์ใจสงบผ่อนคลายไม่น้อย สองขาที่ผอมแห้งของตาสิทธิ์ก้าวเดินฉับ ๆ มาที่ร้านค้าเพื่อซื้อเครื่องปรุงตามที่คนเป็นเมียบอก แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าหากว่าไม่ได้ยินบทสนทนาจากคนที่อยู่ร้านค้า..."อิหลีตั้วะ มื้อวานนี้ยืนกอดกันอยู่ตลาด ทิศแคนหอมแก้มมันกะบ่ขัดบ่ขืนเลยเด้ จังแม่นบ่อยากอายคน คือสิอยากได้เขาคัก"(จริง ๆ นะเมื่อวานนี้เห็นยืนกอดกันอยู่ที่ตลาด ถูกทิศแคนหอมแก้มมันยังไม่ขัดขืนเลย ช่างไม่อายคนคงจะอยากได้เขาจนตัวสั่น)"เจ้าจำคนผิดบ่"(แกจำผิดคนหรือเปล่า)"บ่ ๆ อีเรไรนี่แหละ ข่อยเห็นมากับสองตา"(ไม่ ๆ ฉันมั่นใจเห็นมากับสองตา)"แต่พักหลัง ๆ มานี้กะเห็นทิศแคนเข้าออกบ้านพ่อใหญ่สิทธิ์ดุอยู่ สิมาวนอีเรอิหลีล่ะ"(แต่พักหลังมานี้ก็เห็นทิศแคนเข้าออกที่บ้านตาสิทธิ์บ่อยอยู่นะ คงจะมาติดพันเรไรจริง ๆ นั่นแหละ)แม่ค้าตอบกลับมาเป็นความคิดเห็นเท่านั้น เพราะเธอเองก็เห็นแต่ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจมากนักเพราะต่างคนต่างใช้ชีวิต"ไสว่ามันสิเอากับบักห้อย"(แต่ไหนว่ามันกับไอ้ห้อยจะเอากันเป็นมั่นเหมาะ)"โอ๊ย! ทุกปานนี้บักห้อยมันบ่เอาดอก คนขี้ค้านจั
เสียงไก่โห่ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ชาวบ้านก็เริ่มไล่วัวควายออกไปเลี้ยงตามวิถีชีวิตชนบท บางคนก็ออกไปไร่ไปนาเพราะใกล้ฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว"พี่เร...รอด้วยฉันเสร็จแล้ว" ลำดวนรีบแต่งตัวตามพี่สาวออกมาหมายจะออกไปช่วยขายผักที่ตลาด"อยู่นี่แหละรอทำกับข้าวให้พ่อกับแม่""บ่ ๆพ่อกับแม่บ่อยากดอก พากันออกไปส่อยกันโลด"(ไม่ต้อง ๆ พ่อกับแม่อยู่กันได้ เอ็งสองคนพสกันออกไปช่วยกันเถอะ)คนเป็นแม่ว่าขึ้นเพราะลำพังอยู่สองตายายกินอะไรก็ได้อยากให้ลูกออกไปช่วยกันมากกว่า"งั้นเดี๋ยวฉันรีบกลับมานะ"สองสาวพี่น้องซ้อนท้ายกับออกมาตั้งแต่เช้ามืดเพื่อไปให้ทันตลาดเช้า ผักช่วงนี้ออกเยอะจนล้นตลาดทำให้ต้องไปนั่งขายเอง หมดล็อตนี้ก็ว่าจะกลับไปปลูกพริกกับมะเขือเหมือนเดิมดีกว่า"ลำดวน ไม่ต้องช่วยพี่หรอก เอาผักกาดกับกะหล่ำอย่างละร้อยไปส่งร้านขนมจีนเจ้น้อยให้พี่ไป""จ้ะ" ว่าแล้วลำดวนก็หยิบผักกาดขาวและกะหล่ำใส่ตะกร้าเท่าจำนวนที่สาวบอกและขับมอไซด์ออกไปที่ร้านขนมจีนหน้าโรงพยาบาลเหลือเพียงเรไรที่กำลังตั้งแผงขายผักที่เหลืออยู่"ผักจ้าผัก สด ๆ จากสวน ปลอดสารพิษนะจ๊ะ" เสี
"เอ้าสูสองคนคือมานำกัน"(อ้าว ทำไมสองคนนี้มาด้วยกัน)"กูย่างเลาะมาพ้อผู้สาวกำลังยืนงง ๆ อยู่ข้างห้องน้ำกำลังว่าสิลักพาตัว"(กูเดินมาเจอสาวสวยคนนี้กำลังยืนงง ๆ อยู่ข้าง ๆ ห้องน้ำเลยว่าจะลักพาตัวสักหน่อย)"หือ!!!"ฉันเงยหน้ามองคนด้านข้างและพยายามจะดึงมือออกจากเนื้อมือของเขาที่จับรั้งฉันเอาไว้"อีลำดวนกลับบ้าน"(ลำดวนไป...กลับบ้าน)"ฮะ อือ ๆ" ลำดวนก็เมาไม่ต่างจากฉันสักเท่าไหร่ แต่ฉันตกใจสิ่งที่พี่แคนทำจนหายเมาแล้วล่ะ เหลือแค่มึนนิดหน่อย ทีแรกกะจะกลับมากินต่อแหละ แต่ไม่ดีกว่าเดี๋ยวเตลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่"ยกรถจักรยานขึ้นรถให้ด้วย" ฉันบอก...ไม่สิฉันสั่งเขา! และเดินมาขึ้นรถกระบะที่จอดอยู่ข้าง ๆ ร้านพี่วาสนาราวกับเป็นรถของตัวเอง ส่วนลำดวนขึ้นรถมาได้ก็นอนราบไปที่เบาะหลังและเหมือนจะหลับจนได้ยินเสียงกรนออกมาเบา ๆ"อีลำดวน ลุกฮอดบ้านแล้ว"(ลำดวนลุกถึงบ้านแล้ว)"อือ ฮะ อือ" น้องสาวคนเล็กลุกขึ้นงัวเงียก่อนจะเปิดประตูรถลงไปก่อน"ขอบคุณเด้อที่มาส่ง"(ขอบคุณนะที่มาส่ง)"เร...เป็นแฟนกับอ้ายเนาะ"(เร...เป็นแฟนกับพี่เถอะนะ)ตั้งแต่ฉันผิดหวังจากไอ้ห้อยนี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่พี่แคนของฉันเป็นแฟน ในคราแรก