Home / โรแมนติก / หลงเสียงเรไร / พ่อกลัวเขาจะมาหลอกเอง

Share

พ่อกลัวเขาจะมาหลอกเอง

last update Last Updated: 2025-05-14 08:07:00

แสงแดดยามเช้าทำให้รู้สึกรื่นรมณ์ใจสงบผ่อนคลายไม่น้อย สองขาที่ผอมแห้งของตาสิทธิ์ก้าวเดินฉับ ๆ มาที่ร้านค้าเพื่อซื้อเครื่องปรุงตามที่คนเป็นเมียบอก แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าหากว่าไม่ได้ยินบทสนทนาจากคนที่อยู่ร้านค้า...

"อิหลีตั้วะ มื้อวานนี้ยืนกอดกันอยู่ตลาด ทิศแคนหอมแก้มมันกะบ่ขัดบ่ขืนเลยเด้ จังแม่นบ่อยากอายคน คือสิอยากได้เขาคัก"(จริง ๆ นะเมื่อวานนี้เห็นยืนกอดกันอยู่ที่ตลาด ถูกทิศแคนหอมแก้มมันยังไม่ขัดขืนเลย ช่างไม่อายคนคงจะอยากได้เขาจนตัวสั่น)

"เจ้าจำคนผิดบ่"(แกจำผิดคนหรือเปล่า)

"บ่ ๆ อีเรไรนี่แหละ ข่อยเห็นมากับสองตา"(ไม่ ๆ ฉันมั่นใจเห็นมากับสองตา)

"แต่พักหลัง ๆ มานี้กะเห็นทิศแคนเข้าออกบ้านพ่อใหญ่สิทธิ์ดุอยู่ สิมาวนอีเรอิหลีล่ะ"(แต่พักหลังมานี้ก็เห็นทิศแคนเข้าออกที่บ้านตาสิทธิ์บ่อยอยู่นะ คงจะมาติดพันเรไรจริง ๆ นั่นแหละ)

แม่ค้าตอบกลับมาเป็นความคิดเห็นเท่านั้น เพราะเธอเองก็เห็นแต่ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจมากนักเพราะต่างคนต่างใช้ชีวิต

"ไสว่ามันสิเอากับบักห้อย"(แต่ไหนว่ามันกับไอ้ห้อยจะเอากันเป็นมั่นเหมาะ)

"โอ๊ย! ทุกปานนี้บักห้อยมันบ่เอาดอก คนขี้ค้านจังมันพุ่นไปเอาอีสีลูกพ่อใหญ่จ่อยคุ้มวัดพุ่น"(บ้านมันจนขนาดนั้นไอ้ห้อยมันไม่เอาหรอก คนขี้เกียจแบบมันโน่นไปเอาอีสีลูกตาจ่อยบ้านคุ้มวัดโน่น)

กลุ่มผู้หญิงวัยกลางคนหยิบเรื่องมาพูดอย่างสนุกปาก

ตาสิทธิ์ยืนฟังอยู่นานสุดท้ายก็ตัดสินใจหันหลังกลับ หัวใจเจ็บแปลบจากคำพูดพวกนั้น ได้แต่ขบกรามแน่นข่มอารมณ์ขุ่นมัวค่อยเดินกลับมายังบ้านของตัวเอง ดวงตาที่เริ่มฟ้าฟางมองบ้านหลังเก่าทรุดโทรมอย่างทรมานใจ

"อีเรเอ้ย พ่อขอโทษที่บ่มีปัญญา บ่มีมูลมังอิหยังให้มึง จังเฮ็ดให้คนเขาดูถูกครอบครัวเฮาแบบนี้"(เรไรเอ้ย พ่อขอโทษนะลูกที่ไม่มีปัญญา ไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรให้เอ็ง ถึงทำให้คนเขาดูถูกครอบครัวเราแบบนี้)

หยดน้ำตาไหลอาบลงช้า ๆ ทว่าไม่ได้อาบลงมาที่ใบหน้าแต่อาบลงที่หัวใจที่เจ็บปวด เสียงมอเตอร์ไซด์คันเก่าที่ใช้มาหลายสิบปีดังแว่วเข้ามาในหูเป็นสัญญาณบอกว่าลูกสาวทั้งสองได้กลับมาจากขายผักแล้ว ชายแก่เก็บสิ่งที่ได้ยินเอาไว้ ปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะหันไปมอง เรไรขับรถเลยเข้าไปจอดในบ้านก่อนที่จะเดินออกมาชะเง้อคอมองตามสายตาของพ่อตน

"มองอะไร"

"รังนก ลูกมันตกลงมา"

ว่าแล้วตาสิทธิ์ก็ยื่นลูกนกในกำมือให้ลูกสาวดู มันยังเป็นลูกป้อนอยู่เลย ขนก็ยังไม่ขึ้นส่งเสียงร้องจิ๊บ ๆ มองแล้วช่างน่าสงสาร

"เร ให้พ่อถามสูคำหนึ่ง"(เร...พ่อขอถามเอ็งหนึ่งคำ)

"ว่ามา"

หญิงสาวเอาลูกนกมือถือไว้มองมันอย่างเอ็นดู และคิดว่ากำลังจะเลี้ยงเอาไว้ หากจะเอาขึ้นไปไว้บนรังดังเดิมต้นไม้ก็สูงเกินกว่าที่จะปีนได้

"กับทิศแคน สูมักมันบ่"(เอ็งคิดชอบทิศแคนไหม"

หญิงสาวชะงักเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสนทนากับพ่อ สายตาของเธอยังอยู่ที่ลูกนกตัวนั้น

"ถ้ามันมักสูแท้ พ่อกะบ่ว่า แต่..."(ถ้ามันรักเอ็งจริงพ่อก็ไม่ว่า)

"ไปได้ยินอิหยังที่บ่สำบายใจมาอีกแล้วติ"(ไปได้ยินอะไรไม่สบายใจมาอีกแล้วใช่ไหม)

เธอมองหน้าพ่อพร้อมกับถามออกมาอย่างรู้ทัน ตาสิทธิ์มองหน้าลูกสาวอีกครั้งพลางถอนหายใจ

"พ่อย่านเขามาตั๋วมึง"(พ่อแค่กลัวว่าเขาจะมาหลอกเอ็ง)

ถ้าเขามาหลอกเธอจริงก็คงทำสำเร็จแล้วล่ะ เพราะตอนนี้เธอติดกับของเขาแล้วเต็ม ๆ

"มันไม่มีอะไรหรอกพ่อ ชาวบ้านก็ลืมไปอย่างนั้นแหละอย่าไปใส่ใจเลย"(มันไม่มีอะไรหรอกพ่อ อย่าไปใส่ใจคำชาวบ้านเลย)

ตาสิทธิ์มองตามหลังลูกสาวที่เดินเข้าบ้านไป และสัมผัสได้ทันทีว่าลูกสาวตนนั้นรู้สึกกับชายหนุ่มยังไง

พ่อย่านเขามาตั๋วมึง...

คำพูดของพ่อวนอยู่ในความคิดของฉันมาหลายวัน จนพานให้ฉันสร้างกำแพงในใจขึ้นมาอีกครั้ง ไม่รับสายหรือตอบข้อความของพี่แคนเลยและเขาก็หายหน้าไปหลายวันแล้ว

สายลมเอื่อย ๆ พัดกระทบร่างในยามบ่ายแก่ เถียงนาน้อยกลางผืนท้องนากว้างที่เงียบสงบ พอให้ใจได้พักจากสิ่งที่กลัดกลุ้ม ฉันวางทุกอย่างเอาไว้สูดเอากลิ่นหอมของต้นข้าวที่พัดโชยมาเข้าจมูกจนเต็มปอด นั่งพิงเสาร์ไม้หลับตาพริ้มให้สายลมกระทบใบหน้าหวังผ่อนคลาย ทว่า...

หมับ!

สัมผัสนี้ทำฉันเด้งตัวลุกด้วยความตกใจ รีบหันมองสิ่งที่เกิดขึ้น หัวใจก็เต้นตึกตักด้วยความกลัว

"ตกใจหมด มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง" ยกมือขึ้นทาบอกพลางว่าให้คนที่เป็นต้นเหตุ ฉันตกอยู่ในอ้อมแขนแกร่งและดูเหมือนอีกคนไม่มีท่าทีจะยอมปล่อยง่าย

"ปล่อย! เดี๋ยวมีคนมาเห็น"

"มาเห็นกะดี เขาสิได้รู้ว่าเฮาสองคนเป็นอิหยังกัน"(เห็นก็ดี เขาจะได้รู้ว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน)

"แค่แฟน"

แต่แค่นี้คนก็เอาไปโจทจรรจนทั่วหมู่บ้านแล้ว จนทำให้พ่อกับแม่ฉันไม่สบายใจตามไปด้วย

"เลื่อนสถานะมื้อนี้เลยได้บ่ครับ อ้ายบ่อยากรอแล้ว"(เลื่อนสถานะเลยได้ไหมครับ พี่ไม่อยากรอแล้ว

"หนูไม่น่าใจอ่อนให้พี่เลย"

สายตาอ้อน ๆ นี่ส่งมาให้ทีไร ก้อนเนื้อด้านในมันหวั่นไหวทุกทีผู้ชายอะไรตาสวยยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก

"อิหล่าใจอ่อนก็ดีแล้วครับ ปล่อยให้หน้าที่แข็งเป็นของอ้าย"(หนูอ่อนก็ดีแล้วครับ ปล่อยให้หน้าที่แข็งเป็นของพี่)

ฉันพยายามดันตัวออกห่างเพราะเขาเอาแต่พูดใกล้ แถมมือยังไม่อยู่นิ่งลูบไล้อยู่ที่บั้นท้ายของฉันแต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนยิ่งแน่น

"เป็นหยังคือบ่ตอบแชทบ่รับสาย ฮู้บ่ว่าอ้ายใจสิขาด"(ทำไมถึงไม่รับสาย  รู้ไหมว่าพี่ใจแทบขาด)

"ทนไม่ได้ก็ตายไปเลย"

ฟอด~~

"อื้อ"

"ปากดีแท้ฮึ จับจูบจักบาดสะเป็นหยัง"(ปากดี ๆ แบบนี้มันน่าจับจูบให้เข็ด)

"อย่านะ!"

ฉันยกมือขึ้นมาปิดปาดเอาไว้พร้อมกับหันหน้าหนี ได้ยินแต่เสียงหัวเราะต่ำ ๆ ในลำคอเหมือนกำลังขำฉันอยู่

"คิดฮอดแฮง"(คิดถึงมาก)

ว่าแล้วก็หอมลงที่ไหล่และต้นคอทำเอาขนลุกขนชันไปหมดทั้งร่าง

"พี่แคน มันจะมากเกินไปแล้วนะ เรแค่ตกลงเป็นแฟนไม่ใช่เมียพี่อย่ามาทำรุ่มร่าม อื้อ!!!"

แขนแกร่งกระชับกอดแน่นจนตัวฉันติดกับเขาแนบชิด ปากจมูกโด่งและปากหยักกดลงที่แก้มนวลแรง ๆ ราวกับกำลังมันเขี้ยวและฟัดขยี้จนเจ็บไปหมด

"คนอิหยังหอมไปหมด หอมคัก"(หอม หอมไปหมด หอมตรงไหนก็หอม)

เขายังไม่หยด ยังหอมอีกซ้ำ ๆ หลาย ๆ ทีจนฉันต้องหัวเราะออกมาเพราะรู้สึกจั้กจี้

"พอแล้ว อายคน"

"อายไผครับตอนนี้มีแค่อ้ายกับอิหล่าสองคน"(อายใครครับ ตอนนี้มีแค่พี่กับหนูสองคน)

"ปล่อยเลย คนฉวยโอกาส"

"ให้เฮ็ดคืนกะได้อะ"(ให้ทำคืนอะ)

เขาว่าแล้วก็ยื่นหน้าเอียงแก้มมาให้จนมันแทบจะชนกับปลายจมูกของฉันอยู่แล้ว

"เลิกแกล้งได้แล้ว มาหาถึงที่นี่มีอะไร" มือเล็กทุบลงที่หน้าอกเบา ๆ เป็นการปรามแต่อ้อมแขนนั้นก็ยังไม่ยอมผละออก

"มาหาอิหล่าครับ อยากกอดอยากจูบ อยาก..."(ตั้งใจมาหาหนูครับ อยากกอด อยากจูบ อยาก...)

เพียะ!!

ฝ่ามือเล็กฟาดลงที่ข้างแก้มอย่างไม่จริงจังนัก แต่ก็พอที่จะทำให้คนถูกตีรู้สึกแสบ ๆ

"จังไลไฟไหมคัก"(ทะลึ่งตึงตัง)

"ขอแนได้บ่ครับ อิหล่าใจอ่อนแล้วแต่อันนั้นอ้ายมันแข็ง"(ขอหน่อยได้ไหมครับ ถึงหนูใจอ่อนแต่ตรงนั้นของพี่มันแข็ง)

"หน้าไม่อาย เรพึ่งรู้ว่าพี่เป็นคนทะลึ่งขนาดนี้ จะมาขอนั้นขอนี่เรเป็นลูกมีพ่อมีแม่นะ แค่ให้พี่กอดอยู่แบบนี้มันก็มากพอแล้ว ยังจะมาขอ...กลางวันแสก ๆ ไม่อายฟ้าอายดิน อายนกกาบ้างหรือไง"

รอยยิ้มบนใบหน้าแสดงออกมาราวดีใจที่เห็นฉันบ่นยาว สายตาหวานจ้องมาทำเอาใบหน้าร้อนผ่าวและอดไม่ได้ที่จะมองริมฝีปากชมพูคล้ำเล็กน้อยของผู้ชายผิวแทน

"แนมแบบนี้อยากจูบบ่ครับ"(มองแบบนี้อยากจูบไหมครับ)

อึก!

ฉันดึงสติกลับมาอีกครั้งเมื่อถูกจับได้ว่ามองเขาและพยายามจะดันตัวให้หลุดจากอ้อมแขนอีกครั้ง และครั้งนี้เขาก็ยอมปล่อยให้ฉันได้เป็นอิสระ ฉันรีบถอยห่างเขาออกมาด้วยหัวใจที่เต้นระรัว

"เร"

ทันทีที่หันตามเสียงเรียกก็ถูกเขาฉกจูบลงมาแบบกระทันหันชนิดที่หลบเลี่ยงไม่ทัน ซึ่งทุกอย่างมันอยู่ในการคำนวณของเขาทั้งสิ้น...

ฝากไว้ก่อนเถอะอย่าให้ถึงทีฉันบ้างนะ...

#ไปไหนมากลับมารอบบนี้ทำไมดูหิว ๆ น้องจิแล่นหนีเด้ ย่าน

คอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้ได้นะคะ

!!อย่าลืมกดหัวใจหรือเพิ่มเข้าชั้นเพื่อที่จะไม่พลาดเวลาอัพเดทเด้อ!!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หลงเสียงเรไร   รู้ชัดถึงความรู้สึกที่มี

    เสียงไก่โห่ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างปลุกฉันให้รีบตื่นมาทำกับข้าวเพื่อเตรียมไปวัดในวันพระใหญ่ ในฤดูหนาวแบบนี้ทำเอาไม่อยากจะออกจากผ้าห่มเลย"พี่เร ตื่นหรือยัง""อือ" ฉันตอบน้องสาวพลางหยิบเสื้อแขนยาวไหมพรมออกมาสวมใส่ เราสองคนเดินลงมาจากบนบ้านและช่วยกันทำกับข้าวมือเป็นระวิง กว่าจะเสร็จฟ้าก็ทอแสงรำไรแล้ว ม่านหมอกหนาบดบังทิวทัศน์ของทุ่งนาที่เหลืองอร่ามให้เห็นเป็นเลือนราง"เสร็จแล้วฉันไปอาบน้ำก่อนนะจ๊ะ" ฉันพยักหน้าตอบก่อนจะขึ้นไปเอาเสื้อผ้าเพื่อรอคิวอาบต่อ ดีที่พี่แคนมาทำห้องน้ำและติดเครื่องทำน้ำอุ่นให้ใหม่เลยทำให้การอาบน้ำสะดวกขึ้นฉันยังไม่ได้ขอบคุณเขาเลย พอคิดถึงชายคนที่ครอบครองดวงใจรอยยิ้มหวานก็ปรากฏบนใบหน้าทันที ฉันหยิบเสื้อพื้นเมืองสีชมพูกับผ้าถุงลายหยาดฝนที่แม่ทอให้ออกมาสวมและสวมทับด้วยเสื้อกันหนาวไหมพรมอีกที ก่อนจะรีบออกมารอลำดวนที่ด้านล่าง ไม่นานนางก็เดินลงมาด้วยชุดที่คล้ายกันกับของฉันเราสองคนพี่น้องขับรถออกมาตามทางตรงไปที่วัดโดยใช้ทางลัดตามคันนา แสงรุ่งอรุณตกกระทบน้ำค้างบนยอดหญ้าจนเป็นแสงระยิบระยับชวนมองกลิ่นอายของต้นข้าวยามถูกหมอกโชยเข้าจมูกช่างเป็น

  • หลงเสียงเรไร   พ่อกลัวเขาจะมาหลอกเอง

    แสงแดดยามเช้าทำให้รู้สึกรื่นรมณ์ใจสงบผ่อนคลายไม่น้อย สองขาที่ผอมแห้งของตาสิทธิ์ก้าวเดินฉับ ๆ มาที่ร้านค้าเพื่อซื้อเครื่องปรุงตามที่คนเป็นเมียบอก แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าหากว่าไม่ได้ยินบทสนทนาจากคนที่อยู่ร้านค้า..."อิหลีตั้วะ มื้อวานนี้ยืนกอดกันอยู่ตลาด ทิศแคนหอมแก้มมันกะบ่ขัดบ่ขืนเลยเด้ จังแม่นบ่อยากอายคน คือสิอยากได้เขาคัก"(จริง ๆ นะเมื่อวานนี้เห็นยืนกอดกันอยู่ที่ตลาด ถูกทิศแคนหอมแก้มมันยังไม่ขัดขืนเลย ช่างไม่อายคนคงจะอยากได้เขาจนตัวสั่น)"เจ้าจำคนผิดบ่"(แกจำผิดคนหรือเปล่า)"บ่ ๆ อีเรไรนี่แหละ ข่อยเห็นมากับสองตา"(ไม่ ๆ ฉันมั่นใจเห็นมากับสองตา)"แต่พักหลัง ๆ มานี้กะเห็นทิศแคนเข้าออกบ้านพ่อใหญ่สิทธิ์ดุอยู่ สิมาวนอีเรอิหลีล่ะ"(แต่พักหลังมานี้ก็เห็นทิศแคนเข้าออกที่บ้านตาสิทธิ์บ่อยอยู่นะ คงจะมาติดพันเรไรจริง ๆ นั่นแหละ)แม่ค้าตอบกลับมาเป็นความคิดเห็นเท่านั้น เพราะเธอเองก็เห็นแต่ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจมากนักเพราะต่างคนต่างใช้ชีวิต"ไสว่ามันสิเอากับบักห้อย"(แต่ไหนว่ามันกับไอ้ห้อยจะเอากันเป็นมั่นเหมาะ)"โอ๊ย! ทุกปานนี้บักห้อยมันบ่เอาดอก คนขี้ค้านจั

  • หลงเสียงเรไร   คนที่ไม่อยากเจอ

    เสียงไก่โห่ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ชาวบ้านก็เริ่มไล่วัวควายออกไปเลี้ยงตามวิถีชีวิตชนบท บางคนก็ออกไปไร่ไปนาเพราะใกล้ฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว"พี่เร...รอด้วยฉันเสร็จแล้ว" ลำดวนรีบแต่งตัวตามพี่สาวออกมาหมายจะออกไปช่วยขายผักที่ตลาด"อยู่นี่แหละรอทำกับข้าวให้พ่อกับแม่""บ่ ๆพ่อกับแม่บ่อยากดอก พากันออกไปส่อยกันโลด"(ไม่ต้อง ๆ พ่อกับแม่อยู่กันได้ เอ็งสองคนพสกันออกไปช่วยกันเถอะ)คนเป็นแม่ว่าขึ้นเพราะลำพังอยู่สองตายายกินอะไรก็ได้อยากให้ลูกออกไปช่วยกันมากกว่า"งั้นเดี๋ยวฉันรีบกลับมานะ"สองสาวพี่น้องซ้อนท้ายกับออกมาตั้งแต่เช้ามืดเพื่อไปให้ทันตลาดเช้า ผักช่วงนี้ออกเยอะจนล้นตลาดทำให้ต้องไปนั่งขายเอง หมดล็อตนี้ก็ว่าจะกลับไปปลูกพริกกับมะเขือเหมือนเดิมดีกว่า"ลำดวน ไม่ต้องช่วยพี่หรอก เอาผักกาดกับกะหล่ำอย่างละร้อยไปส่งร้านขนมจีนเจ้น้อยให้พี่ไป""จ้ะ" ว่าแล้วลำดวนก็หยิบผักกาดขาวและกะหล่ำใส่ตะกร้าเท่าจำนวนที่สาวบอกและขับมอไซด์ออกไปที่ร้านขนมจีนหน้าโรงพยาบาลเหลือเพียงเรไรที่กำลังตั้งแผงขายผักที่เหลืออยู่"ผักจ้าผัก สด ๆ จากสวน ปลอดสารพิษนะจ๊ะ" เสี

  • หลงเสียงเรไร   แรกตั้งใจรัก

    "เอ้าสูสองคนคือมานำกัน"(อ้าว ทำไมสองคนนี้มาด้วยกัน)"กูย่างเลาะมาพ้อผู้สาวกำลังยืนงง ๆ อยู่ข้างห้องน้ำกำลังว่าสิลักพาตัว"(กูเดินมาเจอสาวสวยคนนี้กำลังยืนงง ๆ อยู่ข้าง ๆ ห้องน้ำเลยว่าจะลักพาตัวสักหน่อย)"หือ!!!"ฉันเงยหน้ามองคนด้านข้างและพยายามจะดึงมือออกจากเนื้อมือของเขาที่จับรั้งฉันเอาไว้"อีลำดวนกลับบ้าน"(ลำดวนไป...กลับบ้าน)"ฮะ อือ ๆ" ลำดวนก็เมาไม่ต่างจากฉันสักเท่าไหร่ แต่ฉันตกใจสิ่งที่พี่แคนทำจนหายเมาแล้วล่ะ เหลือแค่มึนนิดหน่อย ทีแรกกะจะกลับมากินต่อแหละ แต่ไม่ดีกว่าเดี๋ยวเตลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่"ยกรถจักรยานขึ้นรถให้ด้วย" ฉันบอก...ไม่สิฉันสั่งเขา! และเดินมาขึ้นรถกระบะที่จอดอยู่ข้าง ๆ ร้านพี่วาสนาราวกับเป็นรถของตัวเอง ส่วนลำดวนขึ้นรถมาได้ก็นอนราบไปที่เบาะหลังและเหมือนจะหลับจนได้ยินเสียงกรนออกมาเบา ๆ"อีลำดวน ลุกฮอดบ้านแล้ว"(ลำดวนลุกถึงบ้านแล้ว)"อือ ฮะ อือ" น้องสาวคนเล็กลุกขึ้นงัวเงียก่อนจะเปิดประตูรถลงไปก่อน"ขอบคุณเด้อที่มาส่ง"(ขอบคุณนะที่มาส่ง)"เร...เป็นแฟนกับอ้ายเนาะ"(เร...เป็นแฟนกับพี่เถอะนะ)ตั้งแต่ฉันผิดหวังจากไอ้ห้อยนี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่พี่แคนของฉันเป็นแฟน ในคราแรก

  • หลงเสียงเรไร   เมื่อไหร่จะยอมเป็นแฟนพี่สักที

    ร่างอรชรในชุดเสื้อกล้ามสีชมพูสวมทับด้วยเสื้อแขนยาวไหมพรมกางเกงวอมสีเทาเดินลงมาจากบนบ้านก็เห็นว่าพ่อแม่และน้องสาวกำลังจัดแต่งสำรับเย็น แต่ไร้ความหิวสำหรับเธอ"กินข้าวก่อนเลยเด้อ สิออกไปนั่งเล่นอยู่ร้านยายวาด"(กินกันได้เลยนะ จะออกไปนั่งเล่นที่ร้านองพี่วาด""ข่อยไปนำ"(หนูไปด้วย)ว่าแล้วลำดวนที่พึ่งจะอาบน้ำเสร็จและแต่งพาข้าวให้พ่อแม่เรียบร้อยก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหยิบเอาเสื้อแขนยาวมาสวมทับและขึ้นซ้อนท้ายจักรยานของพี่สาวทันที แต่ก็ไม่ลืมที่จะอุ้มเอาถุงต้นหอมติดไปส่งร้านค้าในหมู่บ้านด้วยเนื่องจากเป็นทางผ่านถนนคอนกรีตในหมู่บ้านทอดยาวไป บ้านเรือนแถบชนบทส่วนมากก็จะเป็นบ้านไม้ยกสูงใต้ถุนโล่งหลังไหนที่มีอันจะกินหน่อยก็จะเป็นครึ่งปูครึ่งไม้ วัวควายที่ไล่ต้อนเข้ามาในยามพลบค่ำก็เดินเต็มถนนร้านยาดองวาสนา แม่ค้าสาวคนสวยในชุดเสื้อยืดรัดรูปสีขาวกับผ้าถุงลายหงส์ที่เธอชอบใส่กำลังยืนตักเหล้าดองยาจากไหใส่กระบอกไม้ไผ่ก่อนจะเดินไปเสิร์ฟให้ลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาดื่ม โดยมี อบต. หนุ่มนั่งอยู่ไม่ห่าง ทันทีที่เห็นน้องสาวสองคนเธอก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับส่งยิ้

  • หลงเสียงเรไร   อยู่คนเดียวก็ไม่ตาย

    แสงแดดจ้าในตอนกลางวันช่วงหน้าหนาวไม่ได้ให้ความรู้สึกร้อนอย่างที่ควรจะเป็นแต่ยังเพิ่มความอบอุ่นให้จากอุณหภูมิที่ต่ำแบบนี้ด้วย สองพี่น้องที่ช่วยกันถอนหญ้าจากแปลงกะหล่ำและต้นหอม พลางเปิดเพลงจากลำโพงบลูธูทขนาดเล็กที่ลำดวนนั้นพกมาด้วยจนเสียงดังไปทั่วบริเวณ เข้าหน้าหนาวแบบนี้พริกปลูกยากเป็นโรคแล้วก็ไม่โตจึงต้องหันมาปลูกพืชตามฤดูแทน แต่ตอนนี้มีเพียงต้นหอมที่พอจะเก็บขายได้ส่วนกะหล่ำพึ่งจะได้สามสิบวันต้องรอให้ได้อายุก่อน"พี่เร...ลำดวนว่าพี่แคนก็ดีนะ เมื่อไหร่พี่จะเปิดใจให้แกสักที นี่เขาก็ตามจีบพี่มาเป็นเดือน ๆ แล้ว"ได้ยินเพียงเสียงถอนหายใจจากพี่สาวกลับมา แต่ลำดวนนั้นเชียร์ว่าที่พี่เขยคนนี้สุดใจ"ข่อยเห็นอิสร้อยลูกผู้ใหญ่วินัยเทียวไปเทียวมาบ้านเลาอยู่เด้อ ระวังเล่นตัวหลาย ๆ เขาสิหันไปหาคนอื่นก่อนยามนั้นอย่ามาคิดเสียดาย"(หนูเห็นสร้อยลูกผู้ใหญ่วินัยเทียวไปเทียวมาที่บ้านพี่แคนบ่อย ๆ ถ้าเขาหันกลับไปสนใจคนอื่นจะมาคิดเสียดายทีหลังไม่ได้นะ)"อีลำดวน มึงสิเว้าฮอดอ้ายแคนสุมื้อเลยบ่ มักปานนั้นมึงคือบ่เอาเองโลด"(ลำดวน..นี่จะพูดถึงพี่แคนทุกวันเลยหรือไง ถ้าชอบขนาดนั้นทำไมไม่เ

  • หลงเสียงเรไร   เรไม่ต้องการให้ใครมาสงสาร

    [แคน talk]หลังจากที่ผมเห็นเหตุการณ์ที่ตลาดวันนั้นก็รู้ได้แล้วว่าโอกาสของตัวเองมาถึงแล้ว อันที่จริงผมเห็นไอ้ห้อยกับสีทำอะไรลับหลังเรไรแบบนี้หลายครั้งแล้วแหละ บอกผ่านวาสนาไปแต่เรไรนั้น ปักใจเชื่อมาตลอดว่าห้อยรักเธอ ผมเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากทำให้เธอได้เห็นด้วยตาเนื้อของตัวเองเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่ผมเฝ้าตาเรไร จนชาวบ้านเอาไปลือต่างๆ นานา ตอนนี้เรไรเองก็เหมือนจะทำใจได้บ้างแล้ว ผมคิดว่าเธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าผมกำลังจีบและเร่งทำคะแนน บางครั้งที่ถูกหยอดมุกไปก็มีเขินจนหน้าแดง...เวลาย่ำค่ำพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้ารำไร สายลมเย็นๆในช่วงหน้าหนาวพัดผ่านกายจนเย็นสะท้านในบางครา บ้านไม้ยกสูงที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน มองจากไกล ๆ สองพี่น้องกำลังช่วยกันแต่งสำรับกับข้าว โดยที่พ่อแม่ที่แก่ชรากำลังนั่งรอ ไม่รอช้าผมขับรถเข้าไปจอดที่หน้าบ้านและเดินลงไปพร้อมกับของในมือที่ซื้อมาจากในเมือง"ทิศแคน มาตะไสละค่ำมืด"(แคนไปไหนมาค่ำมืด)พอเดินลงจากรถตาสิทธิ์ก็ทักทายทันที"หัวแต่กลับมาแต่ในเมืองไปซื้ออะไหล่รถ กะเลยซื้อแนวกินมาฝาก"(พึ่งจะกลับมาจากในเมืองครับเข้าไปซื้ออะไหล่รถ เลยซื้อของกินมาฝาก)ผมวางของกินที่ซื้อไว้บน

  • หลงเสียงเรไร   ตอนที่ 2 ยังฮักไปอีกได้บ่

    แคนตั้งใจจะโทรไปชวนเรไรมาเที่ยวงานเพราะไม่อยากให้เธออยู่คนเดียวและคิดถึงเรื่องที่ทำให้บั่นทอนจิตใจ คราแรกเธอก็มีท่าทีปฏิเสธทว่าเขาก็หาทางตะล่อมจนหญิงสาวนั้นตกลงชายหนุ่มลูกชายคนโตของบ้าน พ่อแม่ต่างเป็นข้าราชการครูเกษียณ น้องชาย 'คราม' ก็เป็นถึง ส.อบต. เรียกได้ว่าบ้านก็ค่อนข้างที่จะมีฐานะในหมู่บ้าน แต่เขาที่ไม่ชอบอยู่ใต้บังคับบัญชาใครเลยไม่เดินสายนี้เดิมทีเขาควรจะแต่งงานออกเรือนไปตั้งนานแล้วด้วยอายุที่ย่างเข้ามาถึงเลขสาม พ่อแม่เทียวติดต่อหาสาวๆที่เป็นลูกข้าราชการเหมือนกันมาให้แต่แคนเองก็ไม่เคยที่จะแลตามองผมจะรอเรไรคนเดียวเท่านั้นกี่ปีก็จะรอ...งานของดีอำเภอณ ที่ว่าการ ถนนทางเข้าสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าร้านขายของกินของที่ระลึก มีโซนเสื้อผ้าร้านขายผ้าไหมพื้นเมืองที่ทอโดยฝีมือของผู้เฒ่าผู้แก่ และโซนของเล่นมากมาย แต่สิ่งที่ดึงดูดผู้คนให้หลั่งไหลเข้ามาในงานได้มากมายขนาดนี้เห็นคงจะเป็นหมอลำคณะใหญ่ที่ตั้งเวทีเด่นตระหง่านเต็มไปด้วยแสงไฟละลานตา ไฟส่องฟ้าวิบวับและเสียงบรรเลงเพลงจากเครื่องเสียงจนดังอึกกระทึกไปทั่วบริเวณ"

  • หลงเสียงเรไร   ตอนที่1 อีหล่างาม

    กว่าฝนจะซาก็เกือบชั่วโมงต้องนั่งหนาวอยู่แบบนั้น พี่แคนตามมาส่งถึงบ้านเลย มาถึงฉันก็รีบอาบน้ำเข้านอนเพราะต้องลุกไปส่งพริกที่ตลาดแต่เช้า ร้านป้าน้อยแม่ค้าผักเจ้าใหญ่สั่งไว้ห้าสิบกิโลครืดครืด ครืดครืดพึ่งจะทิ้งหัวลงหมอนได้ยังไม่รู้สึกว่าหลับเลยเสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือก็ดังขึ้น นอนไปแค่สามชั่วโมงเองแต่ก็เหมือนไม่ได้นอน จะนอนต่อก็ไม่ได้ เกิดเป็นอีเรไรนี่มันต้องอึดและบึกบึนเว้ย!ฉันแบกร่างที่ล้าขับรถออกมาตามทางในยามเช้ามืดจุดหมายอยู่ที่แผงผักป้าน้อย มันคั่นเนื้อคั่นตัวเหมือนจะไม่สบายคงเพราะตากฝนเมื่อคืนแหละมั้งทั้งยังกินเหล้าอีกคิดดูว่าพริกห้าสิบกิโลที่แพคใส่ถุงสิบกิโลกับรถมอเตอร์ไซด์คันเก่าๆ ฉันต้องทุักทุเลมากขนาดไหน ใช้เวลาขับรถอยู่ราวๆสามสิบนาทีก็ถึงจุดหมายในตอนฟ้าสางพอดี หน้าร้านแกก็ยังมีรถกระบะคอกสูงกำลังมาส่งผักเช่นกัน"เพิ่มรับเรไรแนเร็ว"(เพิ่มมารับเรไรหน่อยเร็ว) ป้าน้อยทันทีที่เห็นฉันขับไปจอดแกก็รีบเรียกลูกน้องมารับเลยโชคดีที่วันนี้เป็นออเดอร์ส่งเลยไม่ต้องนั่งขายให้หลังขดหลังแข็ง ภาวนาให้มีออเดอร์ทุกวัน แต่ก่อนกลับก็ไม่ลืมแวะซื้อ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status