"จริงๆ แล้ว เมื่อครู่ผมแอบโทรศัพท์ไปหาพ่อคุณ ผมขู่ให้พ่อคุณร่วมมือแสดงละครกับผม""เป็นยังไงบ้าง? ตกใจไหม? เซอร์ไพรส์ไหม? คิดไม่ถึงใช่ไหม?"หลินเฟิงขยิบตาให้ไป๋ถงในขณะนั้นไป๋ถงอยากจะตายเมื่อได้ยินคำพูดหยอกล้อขำขันของหลินเฟิง เขาก็เข้าใจในที่สุดว่าทำไมเมื่อครู่หลินเฟิงถึงปรบมือและบอกว่าจะแสดงความยินดีกับเขาและเขาก็เข้าใจในที่สุดว่าเรื่องที่หลินเฟิงแสดงความยินดีคืออะไรหลินเฟิงกำลังจะแสดงความยินดีที่ครอบครัวของเขาจะได้ขึ้นสวรรค์ทั้งครอบครัว!ด้วยท่าทางที่เขาแสดงต่อเผิงกวงฉี่เมื่อครู่ คงไม่มีใครในครอบครัวเขารอดไปได้"อ๊า..."เมิ่งโหย่วฟางที่อยู่ห่างออกไปเป็นลมล้มลงกับพื้นเป็นคนแรกเมื่อไป๋ถงเห็นดังนั้น จึงรีบพุ่งเข้าไปประคองเมิ่งโหย่วฟางขึ้นมา บีบนวดตรงใต้จมูกอย่างแรง เมิ่งโหย่วฟางจึงค่อยๆ ฟื้นคืนสติไม่คาดคิดว่าสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นกับจางกุ้ยหลาน ก็เกิดขึ้นกับเมิ่งโหย่วฟางเช่นกันแต่ครั้งนี้อาการของเมิ่งโหย่วฟางรุนแรงกว่าของจางกุ้ยหลานมากไม่ต้องพูดถึงว่าคนในครอบครัวพวกแกทั้งหมดทำงานอยู่ในบริษัทในเผิงกวงกรุ๊ป แม้ว่าจะไม่ได้เป็นคนของเผิงกวงกรุ๊ป แต่กล้าที่จะแสดงความไม่เคารพต
"ขอร้องล่ะ กลอุบายหลอกลวงแบบนี้ของนายน่ะ แค่ลากคนที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์จากบนถนนมาสักคนก็ดูออกแล้ว""มีอะไรให้ต้องแสดงความยินดีด้วย?""เปล่า ฉันแสดงความยินดีกับอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก"หลินเฟิงยังคงรักษารอยยิ้มของตนเองไว้"อีกเรื่องหนึ่ง?"ยังไม่ทันที่ไป๋ถงจะได้ตอบสนอง โทรศัพท์ของเมิ่งโหย่วฟางที่อยู่ห่างออกไปที่มีสีหน้าเยาะเย้ยก็ดังขึ้นพอดีเธอรับโทรศัพท์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่แทบจะในทันที สีหน้าของเมิ่งโหย่วฟางก็เปลี่ยนไปราวกับตกจากสวรรค์ลงสู่นรกรอยยิ้มเยาะเย้ยเมื่อครู่ แปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าซีดเผือดซีดเผือดจนแทบไม่มีสีเลือด"นังตัวตี ฉันจะฆ่าพวกแก ฆ่าพวกแกให้หมด—!"โทรศัพท์ของเมิ่งโหย่วฟางร่วงลงพื้นดัง "ตุบ" และในโทรศัพท์ เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังแว่วออกมาแม้ว่าโทรศัพท์ของเมิ่งโหย่วฟางจะไม่ได้เปิดลำโพงแต่คนรอบข้างก็ได้ยินแว่วๆ"เกิดอะไรขึ้น?"คราวนี้ ไม่ใช่แค่คนรอบข้างเมิ่งโหย่วฟางเท่านั้นแม้แต่จางกุ้ยหลาน ไป๋ถง และคนอื่นๆ ก็สังเกตเห็นสีหน้าเหม่อลอยของเมิ่งโหย่วฟาง"อืม เร็วกว่าที่ฉันคิดไว้อีก ดูเหมือนว่าเขาจะโกรธจริงๆ แล้วสินะ"หลินเฟิงส่ายหัวพร้อม
เขากอดอก และมองหลินเฟิงด้วยสายตาที่ดูถูก ก่อนจะพูดว่า :“ไอ้หนุ่ม ฉันรู้ว่านายพยายามทำเท่ เพื่อที่จะรักษาหน้าตัวเอง แต่ครั้งนี้ที่นายทำเท่น่ะ มันดูถูกสติปัญญาของพวกเราเกินไปแล้ว”ไป๋ถงรับรู้ถึงสายตาของแขกทุกคนที่อยู่โดยรอบ ที่ต่างก็จ้องมองมาที่ตัวเอง เขาก็เลยพูดอย่างมั่นใจว่า :“ทุกคน พวกคุณก็ลองคิดดูดี ๆสิ คุณเผิงกวงฉี่คนนั้นเป็นคนระดับไหน?!”“เป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของหัวตงเลยนะ!”“เผิงกวงกรุ๊ปมีบริษัทและธุรกิจขนาดเล็กมากมาย ไม่ต้องพูดถึงห้างสรรพสินค้าเสื้อสูทระดับไฮเอนด์ที่พ่อของฉันบริหารอยู่เลย แม้แต่บริษัทของฉันอย่างเทียวฮ้าวกรุ๊ปก็ยังได้รับเงินลงทุนจากคุณเผิงกวงฉี่ด้วยเหมือนกัน”“ด้วยฐานะของเขา จะติดต่อด้วยการโทรศัพท์ในครั้งเดียวได้อย่างไรกัน?”“ไอ้หนุ่ม แกคิดว่าพวกเราจะโง่เหมือนกับนายหรือไง?!”หลินเฟิงเปิดลำโพงไว้ ดังนั้นเผิงกวงฉี่ที่อยู่อีกฝั่งก็เลยได้ยินคำพูดของไป๋ถงด้วยเช่นกัน น้ำเสียงจึงพลันเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที“น้องหลิน ทางนั้นใครกำลังพูดอยู่งั้นเหรอ?”“หึหึ ก็แค่ไอ้โง่ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคนหนึ่งเท่านั้นเอง”ไม่รอให้หลินเฟิงพูดจบ ไป่ถงที่มีสีหน้าเย้ยหยัน แ
“ครับ!”ขณะที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตระกูลชางกำลังจะลงมือกับหลี่ฮุ่ยหรานและจางกุ้ยหลานพร้อมกับคนอื่น ๆ แต่หลินเฟิงกลับหัวเราะออกมาเบา ๆเสียงหัวเราะของหลินเฟิง ทำให้คนทั้งหมดที่อยู่ที่นั่นถึงกับชะงักไปเล็กน้อย“เขาหัวเราะอะไรนะ? หรือว่ากดดันจนเป็นบ้าไปแล้ว?”“เหอะ ฉันว่าหมอนี่มันเป็นบ้ามาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพียงแค่เพิ่งจะถูกเปิดโปงก็เท่านั้น”“น่าสงสารจริง ๆ หลี่ฮุ่ยหรานสวยขนาดนั้น แต่กลับไปคบกับคนเสียสติซะได้”“เฮ้ คุณระวังคำพูดหน่อย อย่ามองหลี่ฮุ่ยหรานแค่ที่ภายนอกนะ คุณไม่ได้ยินเหรอว่าเธอมีจิตใจที่โหดร้ายน่ะ! มันไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นภายนอกหรอก!”“ก็ใช่ เฮ้อ คุณจะบอกว่าผู้หญิงที่สวยขนาดนี้มักจะเจ้าเล่ห์อย่างนั้นเหรอ?”เสียงวิพากษ์วิจารณ์โดยรอบ ไม่ได้ทำให้เสียงหัวเราะของหลินเฟิงหยุดลงเลยจนสุดท้าย ชางเทียนซุ่นก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ“ไอ้หนุ่ม แกกำลังหัวเราะอยู่?!”ชางเทียนซุ่นเคาะไม้เท้าในมือเบา ๆ ก่อนจะมองไปทางหลินเฟิงด้วยสีหน้าที่แสดงความโกรธ“ผมเหรอ.....”สุดท้ายหลินเฟิงก็หยุดหัวเราะ และค่อย ๆเงยหน้ามองชางเทียนซุ่น รวมไปถึงทุกคนที่อยู่ในที่นั้น ก่อนที่สีหน้
ภายใต้สายตาจับจ้องของแม่และพี่ชาย หญิงสาวอึกอักไม่รู้จะพูดอะไรในที่สุดเธอก็หลับตาลง ยอมเลือกทางเดินด้วยการโกหก"ใช่! พวกที่จับตัวฉันมา...พวกเขาบังคับให้ฉันพูดแบบนี้...""อะไรนะ?!"หลินเฟิงฟังแล้วพลันโกรธจัดผู้หญิงคนนี้ไม่มีความละอายบ้างเลยหรือ? ทั้งครอบครัวนี้ช่างไร้ซึ่งความอายสิ้นดี!"เห็นกันจะจะแล้วใช่ไหม!"ไป๋ถงก้าวกราวขึ้นมาพร้อมเสียงก้อง"น้องสาวฉันเป็นเพียงเหยื่อ! ทั้งหมดนี่เป็นแผนของมันที่สมคบคิดกับจางกุ้ยหลาน ศัตรูเก่าของแม่ฉัน เพื่อทำลายชื่อเสียงและธุรกิจของครอบครัวเรา!""ทำลายธุรกิจ?"คำพูดนี้ทำให้ผู้คนจำนวนมากในที่เกิดเหตุตาสว่าง"เป็นเช่นนี้เอง...""ฟังแล้วก็สมเหตุสมผล""พวกคุณ..."จางกุ้ยหลานในที่สุดก็ได้รู้ซึ้งถึงความหมายของ "ปากมากก็แก้ไม่ตก" เธอเหลือบมองหลี่ฮุ่ยหราน ลูกสาวด้วยสายตาอ้อนวอนขณะนี้หลี่ฮุ่ยหรานได้กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนแล้ว"จิ๊จิ๊...เห็นทีผู้อยู่เบื้องหลังคงไม่พ้นกลุ่มบริษัทหลี่ซื่อ ทำแบบนี้ก็เพื่อกดดันธุรกิจตระกูลไป๋ แถมยังทำลายชื่อเสียงพวกเขาซะยับเยิน""น่าขยะแขยงจริงๆ!""ใช่เลย นึกไม่ถึงว่าหลี่ฮุ่ยหรานที่หน้าตาสวยขนาดนี้ ใจร้ายเหมือน
เมื่อมองดูสีหน้าที่หยอกล้อของหลินเฟิง เมิ่งโหย่วฟางก็พูดอะไรไม่ออกเธอมองลูกสาวที่นอนอยู่บนพื้นด้วยความผิดหวัง แล้วกัดริมฝีปากแน่นวันนี้เธออับอายขายขี้หน้าไปหมดแล้วและตอนนี้ เมิ่งโหย่วฟางก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร เพื่อให้สถานการณ์มันดีขึ้น"นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"หญิงสาวที่ถูกมัดไว้ก็ถึงกับงงงัน เมื่อเห็นแม่ของตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากแบบนี้ เธอก็ตั้งตัวไม่ทัน"หึหึ...."จางกุ้ยหลานเดินเข้ามา แล้วแกล้งทำเป็นลูบศีรษะหญิงสาวเบา ๆ จากนั้นก็มองไปทางเมิ่งโหย่วฟางแล้วหัวเราะเย้ยหยันพร้อมกับพูดว่า :"ไม่ใช่พวกเดียวกัน คงไม่มาอยู่ร่วมชายคาเดียวกันได้หรอก!""แม่หนู เธอขายเสื้อสูทปลอมให้กับลูกเขยของฉัน แต่ดันถูกแม่ของเธอจับได้คาหนังคาเขานี่สิ""จิ๊จิ๊จิ๊ แม่ของเธอยังเอาเรื่องนี้มาพูดเยาะเย้ยพวกเราอยู่เลยนะ! บอกว่าลูกเขยของฉันน่ะแสร้งทำเป็นรวยทั้งที่ไม่มีปัญญาจะซื้อเสื้อสูทหรู ๆเลยต้องไปซื้อของปลอมมาใส่แทน!""โธ่ ๆ แม่ลูกคู่นี้ช่างน่าสนใจจริง ๆ"เมื่อได้ฟังจนถึงตรงนี้แล้ว หญิงสาวก็เริ่มที่จะเข้าสถานการณ์ขึ้นมาบ้างแล้วหลังจากความวุ่นวายทั้งหมด ที่แท้ไม่ใช่เพราะหลินเฟิ
แต่ก็มีความเป็นได้ที่ชายตรงหน้านี้จะเปลี่ยนสีหน้าและลงมือทันทีส่วนผลลัพธ์หากเขาเปลี่ยนใจขึ้นมานั้น...หญิงสาวที่มองเห็นเงาลาง ๆของศพไร้หัวที่อยู่ไกล ๆ เธอก็ถึงกับตัวสั่นสะท้านขึ้นมาทันทีนี่คือบทเรียนจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา!ทันใดนั้นหญิงสาวก็ไม่เก็บอาการอีกต่อไป ในเมื่อร้านของตระกูลจะสำคัญมาก แต่ก็ไม่สำคัญเท่ากับชีวิตของตัวเอง!เพราะอย่างนั้น เธอจึงตะโกนต่อหน้าคนทั้งหมดว่า :"คุณหลิน ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ เมื่อวานนี้ฉันเอาเสื้อสูทให้คุณผิดตัว...""หืม? เอาให้ผิดตัวงั้นเหรอ?"แววตาของหลินเฟิงยิ่งเย็นชามากกว่าเดิม"ผมเคยบอกแล้วใช่ไหม? ว่าต้องซื่อสัตย์"เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่ค่อย ๆคืบคลานเข้ามาของหลินเฟิง หญิงสาวก็ตกใจจนต้องรีบเปลี่ยนคำพูดว่า :"ไม่ ไม่ ไม่ คุณหลิน เป็นฉันเองที่อยากหารายได้พิเศษ ก็เลยจงใจเอาเสื้อสูทปลอมมาให้กับคุณ ฉัน...ฉันสมควรตาย ฉันเสียใจจริง ๆ"หญิงสาวพูดอ้อนวอนว่า :"ฉันตาถั่ว มองคนไม่ออก ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ ฉันจะรีบคืนเงินทั้งหมดให้คุณเดี๋ยวนี้เลย!""เงินที่ผมจ่ายให้คุณไปในตอนแรกคือเท่าไหร่?"หลังจากที่หลินเฟิงได้ยินประโยคนี้แล้ว สุดท้ายก็ถอนหาย
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”สายตาที่ดุดันของหลินเฟิงกวาดตามองไปที่เมิ่งโหย่วฟาง ทันใดนั้นก็ทำให้เมิ่งโหย่วฟางยืนนิ่งอยู่กับที่ทันที ด้วยสีหน้าที่ซีดเผือดเมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของหลินเฟิง ก็คงจะคิดทำร้ายลูกสาวของตัวเองแน่ ๆ! “จางกุ้ยหลาน ลูกเขยคนนี้ของคุณที่ไม่รู้ว่าไปหามาจากที่ไหน ถ้ากล้าลงมือกับลูกสาวของฉัน ฉัน..ฉัน....ฉันจะสู้ตายกับคุณเลย!”เมิ่งโหย่วฟางกัดฟันสู้กับจางกุ้ยหลานจางกุ้ยหลานในตอนนี้ก็สับสนเช่นกัน หลินเฟิงกำลังพยายามทำอะไรอยู่กันแน่? ต้องการให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเก่าของตัวเองเกลียดตัวเองทั้งหมดเลยงั้นเหรอ?“หลินเฟิง!”หลี่ฮุ่ยหรานก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงรีบมองไปทางหลินเฟิง ก่อนจะใช้สายตาห้ามปรามหลินเฟิงไม่ให้ลงมือแน่นอนว่าหลินเฟิงก็ไม่ได้เมินเฉยหลี่ฮุ่ยหรานหลังจากที่เขาแสดงท่าทางมั่นใจออกมาให้หลี่ฮุ่ยหรานได้เห็นแล้วหลินเฟิงก็ชี้ไปที่ใบหน้าของตัวเอง ก่อนจะมองไปที่ผู้หญิงที่ถูกมัดอยู่ในถุงเก็บศพ แล้วเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง“ เมื่อวาน คุณขายเสื่อสูทให้กับผม เรื่องนี้คุณยังจำได้หรือเปล่า?”สีหน้าของผู้หญิงที่ถูกห่ออยู่ในถุงเก็บศพเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก หลังจา
เมิ่งโหย่วฟางปิดปากหัวเราะ และพูดว่า :“เริ่มจากใส่สูทไม่รู้ไปเอามาจากไหน แถมยังฆ่าลูกชายของเพื่อนร่วมชั้นเก่าอีก จิ๊จิ๊จิ๊...”อย่างไรก็ตามตอนที่เมิ่งโหย่วฟางกำลังจะพูดอะไรบางอย่างต่อจู่ ๆที่ด้านนอกของหอประชุมก็มีลมพัดเข้ามาอย่างรุนแรง จนผู้หญิงหลาย ๆคนถึงกับล้มลงไปที่พื้นรวมถึงเก้าอี้ที่ล้มเอียงไปด้วย“เกิดอะไรขึ้น?!”ทุกคนพากันเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้าก็เห็นเพียงวัตถุสีดำ ที่ค่อย ๆตกลงจากท้องฟ้าในตอนนี้คนมากมายคงมองออกแล้วว่าเงาดำ ๆนั้นคืออะไร“เฮลิคอปเตอร์! ทำไมถึงมีเฮลิคอปเตอร์ได้ล่ะ?!”และตอนนั้นเอง ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งที่อุ้มเด็กไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะชี้ไปที่อักษรบนเฮลิคอปเตอร์ แล้วอ่านทีละตัวว่า :“เทียน...หัว....กรุ๊ป...”“เฮลิคอปเตอร์ของเทียนหัวกรุ๊ป? จ้าวเทียนหวา?”ผู้คนที่นี่ล้วนรู้จักกันทั้งหมด และแน่นอนว่าพวกเขาก็เคยได้ยินเกี่ยวกับบริษัทนี้มาแล้วเช่นกันในเมื่อธุรกิจการค้าระหว่างประเทศขนาดใหญ่ ได้ละทิ้งธุรกิจในต่างประเทศไปแล้ว แล้วหันมามุ่งเน้นตลาดในประเทศแทนที่มันเคยเป็นข่าวใหญ่มาก่อนหน้านี้ก็เหมือนกับการทิ้งจุดแข็งของตัวเองไป แล้วบังคับให้เข้าร่วมการแข่