บันไดของอาคารเรียนพังลงมา และไม่สามารถขึ้นไปจากตรงนี้ได้อีกหลินเฟิงปีนต่อไปตามราวบันได ร่างกายของเขาปราดเปรียวว่องไวราวกับลิง เพียงแค่ครึ่งนาที หลินเฟิงก็ปีนขึ้นไปบนเสาค้ำที่กำลังพังลงมา ก่อนจะปีนขึ้นไปที่บนชั้นห้า“เสี่ยวเยว่! เสวี่ยฮุ่ย!”หลินเฟิงใช้พลังชี่แท้ เพื่อกระจายควันให้ลอยอยู่รอบ ๆ“พี่หลินเฟิง พวกเราอยู่ตรงนี้!”ทันใดนั้น หลินเฟิงก็ได้ยินเสียงตะโกนเบา ๆจากห้องเรียนด้านหลังระเบียงทางเดินนี่คือเสียงของเสี่ยวเยว่หลินเฟิงไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะรีบเข้าไปในห้องเรียนตรงระเบียนทางเดินเมื่อเผชิญหน้ากับกำแพงไฟ หลินเฟิงก็ก้าวขึ้นไปบนกำแพง ก่อนจะกระโดดขึ้นไปในอากาศราวกับเสือชีตาร์ที่โผล่ออกมาจากเปลวไฟแล้วก็ช้อนเสี่ยวเยว่กับเสวี่ยฮุ่ยที่หมดสติให้อยู่ในอ้อมแขน“พี่หลินเฟิง บันไดไฟไหม้ไปหมดแล้ว พวกเราหนีออกไปไม่ได้แล้ว!”เสี่ยวเยว่เงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ด้วยสีหน้าตึงเครียด“จับฉันให้แน่น!”หลินเฟิงไม่ได้ลังเลมากนัก ลมปราณภายในของเขารวมตัวกันอยู่ในจุดตันเถียน จนกลายเป็นพายุพลังชี่แท้อยู่กลางฝ่ามือ ก่อนจะเปิดทางกำแพงไฟที่ขวางอยู่ข้างหน้าทันทีหลังจากที่กำแพงถูกเผาจนดำสนิททั
เมื่อได้ยินคำพูดของโอวหยางหมิง ในใจของหลินเฟิงก็เกิดความสงสัย“โอวหยางหมิงกับโอวหยางชิ่งถูกฆ่าแล้วเหรอ?”“เอ๊ะ? คุณไม่รู้งั้นเหรอ?”โอวหยางหมิงตกตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นก็หัวเราะและพูดว่า: “หลินเฟิง ถึงเวลานี้แล้วคุณยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกงั้นเหรอ? มันจะไม่สายเกินไปหน่อยเหรอ?”“ผมไม่ได้ฆ่าพวกเขา”หลินเฟิงขมวดคิ้ว“อ่อ...งั้นความหมายของคุณคือ โอวหยางป๋อกับโอวหยางชิ่งไม่ได้ถูกคุณฆ่า? แต่พวกเขาไม่ได้ระวังระหว่างเดินทาง ก็.....แอ่ก”โอวหยางหมิงใช้นิ้วทำท่าทางปาดคอ และพูดด้วยรอยยิ้มที่ดูล้อเลียน ก่อนจะพูดว่า “ก็ตายอย่างแปลกประหลาดแบบนี้งั้นเหรอ?”“ผมไม่รู้ว่าสำนักเสินฉือของพวกคุณกำลังทำอะไรอยู่ แต่ผมไม่ได้ฆ่าโอวหยางป๋อกับโอวหยางชิ่ง มีคนเป็นพยานได้”หลินเฟิงมองไปทางฟ่านหลิงเยว่ฟ่านหลิงเยว่ก็เป็นพยานในตอนนั้นเช่นกัน เธอพยักหน้า ก่อนจะพูดว่า: “พี่หลินเฟิงไม่ได้ฆ่าโอวหยางป๋อกับโอวหยางชิ่ง ตอนนั้นปล่อยพวกเขาไปแล้ว”“ฉันเห็นด้วยตาของฉันเอง”“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ดูเหมือนว่าผมจะเข้าใจผิด....”โอวหยางหมิงพยักหน้าอย่างจริงจัง จากนั้นก็มองไปทางหลินเฟิงก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “คุณคิดว่าฉันจะ
“หือ? คิดไม่ถึงว่าพลังชี่แท้ของไอ้หมอนี่จะแข็งแกร่งขนาดนี้ !”เปลือกตาของโอวหยางหมิงกระตุกเขายังไม่ทันตอบโต้ ก็เห็นหลินเฟิงเคลื่อนไหวแล้วรูปร่างของหลินเฟิงเหมือนกับมังกรว่ายน้ำ ลากภูตผีที่ด้านหลังแล้วพุ่งเข้าใส่ท่ามกลางคนชุดดำ หลังจากเสียงกระทบกระแทกและเสียงกรีดร้อง มีอาวุธและแขนขาที่ขาดออกมากระเด็นไปรอบหลินเฟิงยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งมีความกล้าภายในเวลาไม่ถึงห้านาที คนชุดดำที่ล้อมรอบต่างก็ถูกกำจัดหมดหลินเฟิงยืนอยู่คนเดียวบนยอดกองคนชุดดำ ก่อนจะพุ่งเข้าไปต่อยใบหน้าของคนชุดดำคนสุดท้ายจนจนยุบเป็นหลุมเขาส่งเสียงร้อง ก่อนจะถูกโยนทิ้งออกไปแล้วกลิ้งไปแทบเท้าของโอวหยางหมิงในตอนนี้ นอกจากโอวหยางหมิงกับหลินเฟิงก็ไม่มีใครยืนอยู่ในที่เกิดเหตุอีกเลย“นี่คือกองกำลังของคุณเหรอ? พวกกำลังภายในไร้ประโยชน์?”หลินเฟิงมองไปทางโอวหยางหมิง สายตาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม“หึ ฉันก็ไม่ได้หวังว่าขยะพวกนี้จะสามารถคุกคามอะไรคุณได้หรอก และเมื่อคำนวณเวลาแล้ว ก็พอใช้ได้เลยนะ”โอวหยางหมิงแสยะยิ้มแล้วพูดว่า: “หลินเฟิง คุณต่อสู้ได้ดีกว่าที่ฉันคิดไว้ แต่แล้วมันยังไงล่ะ?”“วันนี้ผมจะให้บทเรียนกับคุณ ไม่ใช่
“อ่อ งั้นก็ดีแล้ว ใช่แล้ว คืนนี้เสวี่ยฮุ่ยกับเสี่ยวเยว่จะกลับมากินข้าวไหม?”“น้าจ้าว คืนนี้มีธุระนิดหน่อย พวกเราอาจจะไม่กลับได้กลับไปกินแล้ว พวกเราจะกลับไปคืนพรุ่งนี้”หลินเฟิงอดทนต่อความไม่สบายใจและพยายามที่จะสงบสติอารมณ์“ฮะ ได้ได้ได้ ฉันรู้แล้ว หลินเฟิง พวกคุณต้องระวังตัวด้วยนะ”“ครับ น้าจ้าว น้าวางใจเถอะครับ”กว่าจะปลอบใจจ้าวเฉียวอวิ๋นได้ โทรศัพท์จากทางหลิวหย่งก็โทรมาอีกครั้ง“คุณหลิน คนของตระกูลเซี่ยงเพิ่งจะมาหา เซี่ยงตงเซิงได้พาคนเข้ามาและลักพาตัวหลี่ฮุ่ยหรานกับคุณถังหว่านไป ผมกับพรรคพวกพยายามต้านทานแล้ว แต่พวกเขาก็ยังทำสำเร็จ”“คุณหลิน ขอโทษ ผม....”“ไม่เป็นไร นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ”จิตใจของหลินเฟิงจมดิ่ง แต่ก็ยังพยายามที่จะปลอบใจหลิวหย่งในที่สุด หลินเฟิงก็วางสายโทรศัพท์ด้วยสายตาอาฆาตที่แทบจะควบคุมไม่อยู่“ตระกูลเซี่ยง!”หลินเฟิงกัดฟันก่อนงจะคำรามออกมา “หน้าไม่อายจริง ๆ พวกคุณหาเรื่องตายด้วยตัวเอง งั้นก็ไม่ต้องมาโทษฉันแล้ว!”“ติ๊งริงริง...”ในช่วงเวลาสำคัญนี้ โทรศัพท์มือถือของหลินเฟิงก็ดังขึ้นอีกครั้ง“หลินเฟิง!”คราวนี้จางกุ้ยหลานที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์ เธอพ
“ตามเธอไป จะต้องสืบที่มาของอัญมณีทับทิมเม็ดนั้นให้ชัดเจน”ในหูฟัง มีคนออกคำสั่งต่อชายร่างผอมด้วยภาษาเวน่าเช่นเดียวกัน“ครับ”ผู้ชายลุกขึ้นยืน จากนั้นเดินตามจางซินที่ตื่นเต้นดีใจที่อยู่ตรงหน้าไปด้วยสีหน้านิ่งเฉยพลบค่ำสำนักไป๋เกาเมืองเจียงโจว จางเจียหนิงปิดไฟดวงสุดท้ายของสำนักจางเจียหนิงบอกลากับเพื่อนร่วมงานของสำนักไป๋เกา ในตอนที่กำลังจะสะพายกระเป๋ากลับบ้านจู่ ๆ เธอสังเกตเห็นว่าตรงข้างกำแพงที่มืดมิด เหมือนจะมีร่างกายที่ผอมโรยล้มอยู่ตรงนั้น “เอ๊ะ?”จางเจียหนิงขยับเข้าไปใกล้ เธอนึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นผู้หญิงที่มีบาดแผลเต็มตัวไปหมดบาดแผลบนตัวของเด็กสาวมีหลายจุดที่ตกสะเก็ด แผลใหม่แผลเก่าเต็มไปหมด อีกทั้งเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายก็ชำรุดจนดูไม่ได้“สวัสดีค่ะ? คุณ?”จางเจียหนิงขยับเข้าไปใกล้ และตบใบหน้าของเด็กสาวเบา ๆ“หลินเฟิง...หลิน...”“หลินเฟิง?”จางเจียหนิงตกตะลึงเล็กน้อย เธอขยับหูของตัวเองเข้าไปใกล้ ๆ และฟังอยู่หลายรอบ สุดท้ายก็ได้ยินเสียงที่เบาบางของเด็กสาวอย่างชัดเจนจางเจียหนิงไม่ได้ฟังผิด เธอกำลังเรียกชื่อของหลินเฟิงอยู่จริง ๆ“หรือว่าจะเป็นเพื่อนของหลินเฟิง?!”
เพราะว่านี่ไม่ใช่เสวี่ยฮุ่ย และก็ไม่ใช่หมิงอิ่งอิ่งเธอคือโอวหยางชิ่งหลินเฟิงที่รู้สึกโล่งอกเพียงชั่วครู่ก็ตกอยู่ในความสงสัยอีกครั้งเขาจำได้ว่าตอนนั้นที่เขาปล่อยโอวหยางชิ่งกับโอวหยางป๋อจากไปตามหลักแล้วถึงแม้โอวหยางชิ่งจะไม่มีกำลังภายในกับตันเถียนแล้ว แต่อย่างน้อยก็มีหมัดเท้ากังฟูอยู่บ้างทำไมถึงได้ตกอยู่ในสภาพกึ่งเป็นกึ่งตายแบบนี้?หรือว่าเป็นสำนักเสินฉือ?หลินเฟิงครุ่นคิดไม่หยุด แต่คาดเดาไปเรื่อยแบบนี้ไม่มีประโยชน์โดยสิ้นเชิงดังนั้นเขากวาดสายตามองดูกลุ่มแพทย์ที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ จากนั้นขมวดคิ้วและพูดเร่ง: “พวกคุณถอยออกหน่อย ให้ผมจัดการเถอะ”“หลินเฟิง คุณรู้จักเธอไหม?”จางเจียหนิงขยับเข้าไปถามใกล้ ๆ“รู้จัก”หลินเฟิงปล่อยกำลังภายในออกจากปลายนิ้ว และกดไปที่บนจุดฝังเข็มจุดต่าง ๆ บนตัวของโอวหยางชิ่งโดยไม่หยุดพัก จนเกิดเป็นลมพัดขึ้นผ่านไปครู่หนึ่ง โอวหยางชิ่งก็กระอักเลือดออกมาจากในปาก“เข็มเงิน!”หลินเฟิงยื่นมือออกไปทางจางเจียหนิง“อ่อ...ค่ะ!”จางเจียหนิงรีบวิ่งไปที่ข้าง ๆ และเปิดกล่องเข็มเงินที่ฆ่าเชื้อเอาไว้เรียบร้อยแล้วออกมา“ส่วบส่วบส่วบ”หลินเฟิงหยิบเข็มเงิน
“......”เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาที่ร้อนใจของโอวหยางชิ่ง หลินเฟิงเงียบขรึมอยู่ครู่หนึ่งสุดท้ายเขาก็ส่ายหน้า“เกรงว่าจะสายไปแล้ว”“ผมดูแล้วลูกชายเจ้าสำนักของพวกคุณดูไม่เหมือนคนที่มีเหตุมีผล ต่อให้คุณกลับไป เกรงว่าก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของสำนักเสินฉือได้”หลินเฟิงหยุดชะงัก และเหลือบมองโอวหยางชิ่งที่อ่อนแอไม่แข็งแรง: “ยิ่งกว่านั้นตอนนี้พ่อของคุณเสียชีวิตไปแล้ว คุณไม่มีประโยชน์ใด ๆ ต่อสำนักเสินฉืออีกแล้ว”“เทียบกับการฟังคุณ ที่จะไปแก้แค้นตระกูลเซี่ยง”“ไม่สู้ถือโอกาสกำจัดผม แบบนั้นมีผลประโยชน์มากที่สุดแล้ว”การวิเคราะห์ของหลินเฟิงทำให้สีหน้าของโอวหยางชิ่งเผยความซีดเซียวของความสิ้นหวังออกมาเพราะเธอรู้ว่า หลินเฟิงพูดถูกทั้งหมดก่อนหน้านี้หลังจากที่ตันเถียนของโอวหยางชิ่งถูกทำลาย สองพ่อลูกก็รู้แล้วว่าสำนักเสินฉือไม่มีที่สำหรับพวกเขาสองคนพ่อลูกอีกแล้วเขาเขากลับสำนักเสินฉือ ก็เพียงเพราะอยากจะรวบรวมพรรคพวกเก่า พึ่งพาอำนาจและเอาเงินในส่วนของตัวเองกลับมาจากนั้นก็หนีไปให้ไกลและตอนนี้ โอวหยางป๋อตายไปแล้ว กองกำลังภายในสำนักที่เป็นฝ่ายของเขาก็พังยับเยินเธอกลับไปตอนนี้ อาจจะไม่มีประ
“คุณไม่ต้องสนฉัน ถ้าหากพวกเขาจะฆ่า งั้นก็ให้พวกเขาฆ่าฉันซะเลย”เมื่อเห็นโอวหยางชิ่งดื้อรั้นขนาดนี้ หลินเฟิงก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ขึ้นรถเถอะ”หลินเฟิงเห็นโอวหยางชิ่งลากขาของตัวเอง เปิดประตูรถด้วยท่าทางโซเซ สุดท้ายก็คลานขึ้นรถด้วยท่าทางน่าไม่น่าดูนักเห็นได้ชัดว่าถึงแม้ฤทธิ์ยาอมตะเลือดราชันย์ของหลินเฟิงล้ำเลิศ แต่ระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งคืน ยังไม่สามารถฟื้นฟูบาดแผลของเธอได้ อย่างมากก็แค่บรรเทาอาการเท่านั้นเกรงว่าเมื่อถูกเธอขยับเขยื้อนแบบนี้ บาดแผลที่เดิมทียังไม่สมานก็ฉีกออกอีกแล้วโอวหยางชิ่งนั่งอยู่บนที่นั่งข้างคนขับทั้งแบบนี้ต่อให้เลือดไหลลงจากขาของเธอและหยดลงบนที่นั่งในรถ เธอเพียงแค่จ้องมองไปข้างหน้า และไม่พูดอะไร“ติ๊งกริ่งกริ่ง”โทรศัพท์มือถือของหลินเฟิงเสียงดังขึ้นเมื่อรับสายนั่นก็คือสายของจางเจียหนิง“หลินเฟิง คุณ...คุณเห็นเด็กสาวคนนั้นเมื่อคืนนี้ไหม? เมื่อคืนฉันนอนหลับไป ผลปรากฏว่าเมื่อตื่นมาเธอก็หายไปแล้ว!”“บาดแผลบนตัวของเธอรุนแรงมาก กระดูกก็ยังไม่เข้าที่ เธอก็หนีออกไปแบบนี้ ฉันกลัวว่า...”ฟลินเฟิงฟังคำพูดที่เป็นกังวลของจางเจียหนิงไปด้วย แ
“เพียงแค่วางยาคุณหลงซิ่ว เพื่อดูว่าคุณมีพละกำลังพอที่จะเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า”หลินเฟิงมองไปที่หลงซิ่วที่สวมสูทสีชมพู แต่งเนื้อแต่งตัวเกินความพอดี รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาจริงใจอย่างยิ่ง"แก......"“เอาล่ะ เอาล่ะ ผมรู้ว่าคุณทรมาน วางใจได้ ผมไม่มีทางไม่สนใจคุณ”ขณะพูดหลินเฟิงดีดนิ้วชายสองคนในชุดสูทก้าวออกมาจากด้านหลังของหลินเฟิง หามหลงซิ่วขึ้นและพาเขาไปที่ชั้นใต้ดินที่สองคนเหล่านี้คือคนของเผิงกวงฉี่ส่วนเผิงกวงฉี่ก่อนหน้านี้ เขาได้นำลูกน้องสี่หรือห้าคนของเขาไปที่ชั้นใต้ดินที่สอง ที่มีโซฟาสีชมพูขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ถ่ายภาพตั้งนานแล้วภายในห้องมีชายเปลือยกาย 2 คนล้มลงในแอ่งเลือดเมื่อถานหงเดินเข้ามาในห้องส่วนตัวด้วยรอยยิ้มอาฆาตบนใบหน้า เห็นชายที่นั่งอยู่บนโซฟารอยยิ้มบนใบหน้าของเธอแข็งทื่อ และกลายเป็นร่องรอยของความกลัวและความตื่นตระหนก“ถานหง ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน เธอก็ได้พบกับที่พึ่งใหม่แล้วเหรอ?”เผิงกวงฉี่นั่งสูบบุหรี่ซิการ์อยู่บนโซฟา และมองไปที่ถานหงอย่างไม่ใส่ใจ"ฉัน......"ถานหงรู้สึกสับสนในเวลานี้ เผิงกวงฉี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?หรือว่า...หัวใจของถานหงรู้ส
ชีพจรมังกร...จะเป็นจื่อเสวียนรึเปล่านะ? -อิ่นนั่วเจียตกใจอย่างมาก และไม่ทราบว่าจื่อเสวียนกลายมาเป็นชีพจรมังกรที่หลงซิ่วพูดถึงได้อย่างไรดูเหมือนว่าตระกูลหลงจะต้องการสิ่งที่เรียกว่าชีพจรมังกรอย่างมากและครั้งนี้หลงซิ่วช่วยเหลือถานหง ในที่สุดก็รู้เป้าหมายชัดเจนแล้วพวกเขามาที่นี่เพื่อสิ่งที่เรียกว่าชีพจรมังกรในมือของหลินเฟิง!หลังจากคิดเรื่องนี้ออก ใบหน้าของอิ่นนั่วเจียก็ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาเลย นอกจากความคิดอันลึกซึ้งในทางกลับกัน จวงฉุนกลับถามหลงซิ่วด้วยสีหน้าสับสน:“คุณหลงซิ่ว ชีพจรมังกรคืออะไร?”“ชีพจรมังกรนั้นคือ…”หลงซิ่วไม่ต้องการตอบคำถามของจวงฉุน แต่เห็นว่าอินนั่วเจียยังคงจมอยู่กับความคิดเขาอธิบายอย่างเรียบง่ายว่า:"มีการกล่าวกันว่าชีพจรมังกรเป็นที่มาของโชคลาภของประเทศมังกร"“หากรวบรวมชีพจรมังกรครบทั้งแปดเส้นได้ ก็จะกลายเป็นราชาแห่งมังกรตัวจริงได้ ตามประวัติศาสตร์แล้ว ชีพจรมังกรเหล่านี้เป็นของตระกูลหลงของเรามาโดยตลอด”“เพราะเหตุนี้สถานที่นี้จึงเรียกได้ว่าเป็นประเทศมังกร”“แล้วนามสกุลของเราคือหลง (หลง แปลว่า มังกร) เข้าใจแล้วยัง?”“เราแค่อยากนำสิ่งที่เดิมเป็น
ดังนั้นการร่วมมือกับถานหง เพื่อจัดการกับอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงจึงเป็นเพียงงานเสริมเท่านั้นจุดประสงค์ที่แท้จริงของหลงซิ่วคือเพื่อสำรวจหรือแม้กระทั่งเอาชีพจรมังกรที่อยู่รอบตัวหลินเฟิงออกไป!มีเพียงแค่เอาชีพจรมังกรมาอยู่ในมือ หลงหยวนก็สามารถใช้พละกำลังของเขา จัดการกับหลินเฟิงอย่างกล้าหาญได้และเรื่องของชีพจรมังกรมีเพียงหลงซิ่วและสวีโจวซึ่งเป็นนักบู๊ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดานักบู๊ของตระกูลหลงที่เขาส่งออกไปเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ส่วนที่เหลือก็ไม่ชัดเจนนักแต่ในเวลานี้หลงซิ่วไม่รู้ว่าสวีโจวและคนอื่น ๆ ได้กลายเป็นวิญญาณที่ตายแล้วในมือของหลินเฟิง ด้วยความพยายามผลักดันของจวงฉุน ไม่มีใครหนีไปได้สักคนเหลือเพียงจวงฉุนเท่านั้น และเพื่อความอยู่รอด เขาจึงได้กลายมาเป็นคนทรยศหากหลงซิ่วรู้เรื่องนี้เกรงว่าเขาจะตบจวงฉุนคนไร้ประโยชน์คนนี้จนตายไปซะเลยแทนที่จะชื่นชมเขาเพราะเขาพาอิ่นนั่วเจียมาอยู่เคียงข้างเขา"เอาล่ะ"หลงซิ่วยืนขึ้นและโบกมือให้อิ่นนั่วเจียอย่างด้วยสีหน้านิ่งเฉย“ผมได้เตรียมคนและอุปกรณ์ไว้แล้ว อยู่ในห้องส่วนตัวใต้ดินชั้นสอง ถานหง คุณไปเตรียมตัวก่อนเถอะ”“รอผมถามคำถามอิ่
“ฉันคือลูกน้องของเธอ? คุณหลงซิ่ว นี่มันเรื่องอะไรกัน? ฉันจำได้ว่าไม่มีข้อกำหนดนั้นในสัญญาของเราหรอกมั้ง?”อิ่นนั่วเจียขมวดคิ้วและมองไปที่หลงซิ่วหลงซิ่วสับสนเป็นอย่างมาก แต่ไม่ได้พูดอะไรยังคงเป็นถานหงที่ตอบคำถามของอิ่นนั่วเจียด้วยเสียงหัวเราะ“อิ่นนั่วเจีย เธอช่างไร้เดียงสาเกินไป เธอคิดจริงๆ เหรอว่าตระกูลหลงจะเต็มใจยอมรับเธอ เพราะพวกเขาเห็นคุณค่าในชื่อเสียงและความสามารถของเธอจริงๆ”ถานหงส่ายหน้าอย่างดูถูกและกล่าวว่า:“ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน ตระกูลหลงจะยอมรับเธอได้ยังไง?”“อ่อใช่ ไม่ว่าฉันหรือตระกูลหลง ก็ไม่ได้โกหกเธอ เพราะฉันคือผู้รับผิดชอบบริษัทบันเทิงของตระกูลหลงที่เธอเข้าร่วมมาโดยตลอด”“ดังนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อิ่นนั่วเจีย เธอต้องเชื่อฟังฉัน เข้าใจไหม?”“ฉันให้เธอถ่ายหนังอะไร เธอก็ต้องไปถ่าย”"เดี๋ยวนะ"อิ่นนั่วเจียยื่นมือออกไปและขมวดคิ้ว:“ถานหง เธอพูดรุนแรงเกินไปแล้ว ฉันจำได้ว่าฉันไม่เคยทำให้เธอขุ่นเคืองมาก่อน ทำไมเธอถึงตั้งใจจะจัดการกับฉันขนาดนั้น?”“ถึงขั้นยอมทุ่มเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเพื่อดึงตัวฉันมาจากหลี่ซื่อกรุ๊ปด้วย”“จุ๊จุ๊จุ๊”เมื่อได้ยินคำพูดของอิ่นนั
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ