Share

บทที่ 83

Author: ลูกพีชแสนสวย
ออกมาจากโรงพยาบาลก็เป็นเวลาบ่ายสามแล้ว

ทางทนายได้ถอนคดีแล้ว และหลังจากที่กู้จือโม่ไปรับเฉินเยวี่ย เขาก็ส่งรูปถ่ายมาให้ฉัน

ฉันเปิดโทรศัพท์ดูเพียงแค่แวบเดียว ก่อนจะล็อกหน้าจอ

ไม่ว่ากู้จือโม่กับเฉินเยวี่ยจะทำอะไรกัน มันก็ไม่เกี่ยวกับฉันอีกต่อไป ตอนนี้ฉันไม่สนใจเลยว่าเขาทำอะไรหรือจะทำอะไรต่อไป

สิ่งเดียวที่ฉันต้องการตอนนี้ คือการพาย่ามาอยู่กับฉัน เพื่อให้ท่านได้ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบสุขและมีสุขภาพแข็งแรง

ฉันเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า ห่อตัวในเสื้อโค้ตขนสัตว์ให้กระชับขึ้น แล้วยกมือเตรียมเรียกรถกลับไปที่โรงเรียน

ทันทีที่ฉันยกมือ รถเบนท์ลีย์สีดำก็จอดอยู่ตรงหน้าฉัน

กระจกสีดำลดลง เผยให้เห็นลั่วอี้ฝานที่ยิ้มแย้มทักทายฉัน "เฮ้ ซิงลั่ว เธอมาอยู่ที่นี่ได้ไง? มาหาฉันเป็นพิเศษหรือเปล่า?"

ฉันมองเขา แล้วใช้นิ้วปัดผมที่ปลิวจากลมพร้อมตอบเสียงเรียบ "นายมีธุระอะไรหรือเปล่า? ถ้าไม่มี ช่วยหลบไปหน่อย ฉันจะเรียกรถ"

เสียงของฉันฟังดูแหบแห้งเหมือนมีเม็ดทรายอยู่ในลำคอ คงเพราะอาการไข้และการไม่ได้พูดหรือกินอะไรนาน

ลั่วอี้ฝานขมวดคิ้วก่อนจะเปิดประตูลงมาจากรถ "เธอเป็นอะไรหรือเปล่า? ไม่สบายเหรอ?"

เขาพูดพร้อมกับย
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 84

    ดูเหมือนลั่วอี้ฝานจะหิวมาก เลยสั่งอาหารมาเสียเต็มโต๊ะเลยไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟฉันก้มหน้ากินโจ๊ก ขณะที่ลั่วอี้ฝานก้มหน้ากินข้าวไปด้วยแต่พอกินไปได้แค่ไม่กี่คำ ฉันก็รู้สึกกินไม่ลงแล้วฉันวางช้อนลงแล้วเงยหน้ามองลั่วอี้ฝานที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม พยายามหาเรื่องคุย “แม่ของนายดีขึ้นหรือยัง?”ลั่วอี้ฝานเงยหน้าขึ้น ก่อนจะหยิบกระดาษเช็ดปากมาเช็ดปากเล็กน้อย “อาการทางกายไม่มีปัญหาอะไรแล้ว แค่ไม่ทำอะไรที่เกินกำลัง ก็น่าจะอยู่ถึงอายุร้อยปีได้สบาย”เขายังสามารถพูดเล่นได้อีก แสดงว่าเขาน่าจะโอเคแล้ว ฉันเลยไม่ได้พูดอะไรต่อพอเขากินไปอีกสักพัก ฉันคิดว่าถึงฉันจะเป็นคนตบหน้าเขา ฉันก็ควรเป็นฝ่ายจ่ายค่าอาหารให้ ถือว่าเป็นการขอโทษฉันจึงหาข้ออ้างและพูดขึ้น “ฉันขอไปห้องน้ำหน่อย นายกินไปก่อนนะ”ลั่วอี้ฝานกำลังแทะน่องไก่อยู่ เขาเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินฉันพูด “เธอคงไม่ทิ้งฉันไว้คนเดียวแบบครั้งที่แล้วอีกใช่ไหม?”“...”ใครว่าใจผู้หญิงลึกซึ้งเหมือนมหาสมุทร ใจผู้ชายก็ใช่ย่อยเหมือนกัน“ฉันจะกลับมาในสิบนาที”“ตกลง” ลั่วอี้ฝานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดสองครั้ง หน้าจอของเขาสว่างขึ้น “ตอนนี้เวลาบ่ายสามโมงห้าสิบเอ็ดนา

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 85

    ฉันหันหลังเดินจากไป ปล่อยให้เฉินเยวี่ยยืนโกรธอยู่ที่เดิมจากที่ตกลงกับลั่วอี้ฝานไว้ว่าฉันจะกลับมาภายในสิบนาที แต่ฉันเกินเวลามาห้านาทีแล้วตอนที่ฉันกลับมา เขากำลังมองหาฉันอยู่ฉันเดินไปตรงหน้าเขา เขาหันกลับมาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่เคยขมวดคิ้วผ่อนคลายลงทันที “ฉันนึกว่าเธอหนีไปอีกแล้วซะอีก”ฉันกลับมานั่งที่โต๊ะ “บอกว่าไม่หนีก็คือไม่หนี ฉันรักษาคำพูดเสมอ”ลั่วอี้ฝานยกคิ้วขึ้น ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามฉัน “ฉันก็รักษาคำพูดเหมือนกัน สิ่งที่ฉันเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ลองคิดดูอีกที เรามาคบกันเถอะ”ถ้าเป็นแต่ก่อน พอลั่วอี้ฝานพูดอะไรแบบนี้ ฉันคงจะด่าเขาไปแล้วแต่วันนี้ฉันกลับไม่อยากจะด่าเขาฉันเงยหน้ามองเขา มือยังถือช้อนกวนโจ๊กในถ้วยไปมาเมื่อเห็นว่าฉันไม่พูดอะไร และก็ไม่ด่าเขา ลั่วอี้ฝานจึงจัดเสื้อของเขาและยกคิ้วขึ้น “ว่าไง? ตกลงจะยอมเป็นแฟนฉันแล้วใช่ไหม?”ก่อนที่ฉันจะตอบ สีหน้าขี้เล่นของลั่วอี้ฝานก็เปลี่ยนไป เขาวางตะเกียบลงอย่างแรงและขมวดคิ้วพร้อมพูดอย่างหัวเสีย “ซวยชะมัด!”ฉันเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปแบบนี้ พอหันตามสายตาของเขา ฉันก็เห็นกู้จือโม่กับเฉินเยวี่ยและกลุ่มคนเดินเข้าม

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 86

    ฉันไม่อยากขยับตัวเลยสักนิด แต่พอคิดถึงเงื่อนไขการจ้างงานที่บอกไว้ว่านอกจากให้บริการด้านงานแล้ว ฉันยังต้องช่วยเหลือในเรื่องส่วนตัวของอัลเลนบ้างเป็นครั้งคราว ฉันจึงตัดสินใจพิมพ์ตอบกลับไปแค่คำว่า "ได้"ไม่นานหลังจากนั้น อัลเลนก็ส่งข้อความมาอีกครั้งเขาบอกให้ฉันเพิ่มเขาเป็นเพื่อนในวีแชทและบันทึกเบอร์โทรของเขาไว้ เผื่อมีอะไรจะได้ติดต่อกันสะดวกฉันทำตามที่เขาบอก เพิ่มวีแชทของเขาและบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ไว้หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ ฉันก็ทำใจลุกขึ้น กินยาที่โรงพยาบาลให้มา แล้วเรียกรถไปที่บาร์ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ฉันก็มาถึงที่อยู่ที่อัลเลนบอกไว้ฉันให้พนักงานพาฉันไปที่ห้องส่วนตัว พอเปิดประตูเข้าไปก็พบกู้จือโม่ที่เมาจนหมดสภาพฉันหันหลังเตรียมจะเดินออกไป แต่โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นสายจากอัลเลนฉันกดรับสาย อัลเลนก็ถามขึ้นมาทันที “แอนนา เธอรับคนหรือยัง? รบกวนเธอหน่อยนะ เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันเอง เมื่อกี้ตอนฉันกำลังวาดแบบอยู่ที่บาร์โทรมาบอกให้ฉันไปรับเขา แต่ฉันออกไปไม่ได้”“ฉันไม่รู้จักใครในปักกิ่ง ก็เลยนึกถึงเธอ หวังว่าเขาจะไม่ทำให้เธอลำบากเกินไป”“สิ้นเดือนฉันจะจ่ายโบนัสให้ ขอบคุณม

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 87

    ดูเหมือนว่าเขาจะเจ็บจริง ๆ เพราะกู้จือโม่ปล่อยมือออกในที่สุดฉันดึงมือกลับมาโดยไม่สนใจที่จะมองเขาอีกแม้แต่นิดเดียวครึ่งชั่วโมงต่อมา รถก็จอดที่หน้าบ้านของกู้จือโม่ฉันพยายามดึงเขาลงมาจากรถ น้ำหนักตัวทั้งหมดของเขากดทับอยู่บนตัวฉันฉันเองเพิ่งฟื้นตัวจากการป่วยหนัก ทำให้แบกร่างใหญ่ขนาดนี้ไม่ไหว พยายามพยุงเขาเดินไปได้สองก้าว แต่ยังไม่ทันถึงหน้าประตู เท้าของฉันก็สะดุดและเราทั้งคู่ก็ล้มลงไปกับพื้นแต่ความเจ็บปวดที่คาดหวังไว้กลับไม่เกิดขึ้น เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตำแหน่งของเราสลับกัน คนที่ล้มลงไปก็คือกู้จือโม่ฉันได้ยินเสียงเขาครางออกมาเบา ๆ และเห็นเขาขมวดคิ้วเพราะความเจ็บปวด เขาลืมตาขึ้นฉันรีบลุกขึ้นจากตัวเขาและถามด้วยความเป็นห่วง "นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม?"กู้จือโม่ยกมือขึ้นกุมที่ท้ายทอย "เจ็บ"เสียง "ตุบ" ที่ได้ยินเมื่อกี้คือศีรษะเขากระแทกพื้นหรือเปล่านะ?ฉันรีบย่อตัวลงไปช่วยพยุงเขานั่งขึ้น "เจ็บตรงไหน? มีเลือดออกไหม?"พูดจบ ฉันก็เอื้อมมือไปตรวจดูบริเวณท้ายทอยของเขาไม่มีเลือดออก แต่มีรอยบวมปูดใหญ่มากฉันแตะเบา ๆ ที่รอยบวมนั้น ทำให้กู้จือโม่สูดลมหายใจเข้าอย่างเจ็บปวด "ซี้ด"

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 88

    "แล้วก็เรื่องย่าของเธอ เฉียวเจี้ยนกั๋วจะไม่กล้ามาใช้ย่าเธอข่มขู่เธออีกแล้ว""ลั่วลั่ว" กู้จือโม่พยายามยื่นมือมาจับมือฉัน "อย่าเกลียดฉันได้ไหม?""กู้จือโม่" ฉันดึงมือกลับไปไว้ด้านหลังแล้วจ้องเข้าไปในตาของเขา "นายชอบฉันใช่ไหม?"กู้จือโม่เป็นคนหยิ่งทะนงและไม่ถนัดในการแสดงออกทางคำพูด หลายครั้งที่คำพูดของเขามักไม่ตรงกับสิ่งที่เขาคิดในใจ เขาเติบโตมาในครอบครัวที่มีฐานะ ทำให้ตั้งแต่เกิดเขาก็ได้รับสิทธิพิเศษในการที่คนอื่นต้องมารุมล้อมชื่นชมเขา ซึ่งนั่นทำให้เขาไม่ค่อยรู้วิธีแสดงออกทางอารมณ์ฉันคุ้นชินกับความดื้อรั้นและปากแข็งของเขา แต่ท่าทีที่เขาตั้งใจลดลงในตอนนี้ ทำให้ฉันรู้สึกไม่คุ้นเคย และไม่อาจมองข้ามความเปลี่ยนแปลงของเขาที่มีต่อฉันได้แต่ทั้งหมดนี้มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่กู้จือโม่เริ่มมีความรู้สึกที่ต่างไปจากเดิมกับฉัน?ฉันจ้องมองกู้จือโม่ แต่ก็นึกถึงสัญญาณอะไรของเรื่องนี้ไม่ออกเลยฉันหวังให้กู้จือโม่ตอบว่า "ไม่ใช่" แต่หลังจากที่ฉันถามออกไป สีหน้าของเขากลับดูผ่อนคลายขึ้นอย่างเห็นได้ชัดกู้จือโม่มองฉันอย่างตรงไปตรงมา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความจริงใจ "ใช่

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 89

    ไม่รู้ว่าหนุ่มน้อยคนนั้นพูดอะไรกับเฉินเยวี่ย แต่เธอก็ซบอยู่ในอ้อมกอดของเขา หัวเราะอย่างมีความสุขท่ามกลางสายตาของคนรอบข้าง พวกเขากอดกันอย่างไม่อายใครหรือว่ากู้จือโม่ถูกเฉินเยวี่ยนอกใจแล้ว?ฉันมองอย่างเหม่อลอย จนกระทั่งพนักงานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ทักขึ้น "คุณผู้หญิงคะ จะเลือกหม้อไฟแบบไหนดีคะ?"ฉันจึงได้สติกลับมาและรีบหลบสายตา "ขอโทษทีค่ะ" ฉันยิ้มอย่างขอโทษและมองไปที่เมนู "เอาหม้อไฟแบบยวนยาง[footnoteRef:0]นะคะ ขอบคุณค่ะ" [0: หม้อไฟแบบที่แบ่งช่องใส่ได้สองน้ำซุป] หลังจากพนักงานเดินจากไป ฉันก็สั่งอาหารเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยมื้อนั้นเป็นมื้อที่สนุกมากอาจจะเป็นเพราะความเผ็ดทำให้ฉันเจริญอาหาร ฉันเลยกินได้เยอะกว่าปกติระหว่างที่ฉันไปเข้าห้องน้ำ พอออกมาฉันก็เห็นเฉินเยวี่ยยืนเติมเครื่องสำอางอยู่ที่อ่างล้างหน้าพอเธอเห็นฉัน ดวงตาของเธอก็มีแววหวั่นไหวเล็กน้อย แต่ไม่นานเธอก็กลับมาทำตัวเป็นปกติฉันเดินไปเปิดก๊อกน้ำล้างมือ พอเช็ดมือเสร็จ เฉินเยวี่ยก็พูดขึ้นมา "เฉียวซิงลั่ว ตอนนี้เธอคงรู้สึกภูมิใจมากสินะ?"ภูมิใจงั้นเหรอ?ฉันภูมิใจเรื่องอะไร?ฉันเอียงหัวมองเฉินเยวี่ย กำลังจะถามเธอว่าฉันภูมิใจ

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 90

    ฉันหัวเราะเบา ๆ “น่าเสียดายเหมือนกันนะ พวกเขาก็ดูเหมาะสมกันดีอยู่แท้ ๆ”ตอนที่เฉินเยวี่ยใส่ร้ายฉัน ฉันได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อน ๆ ฟังแล้วหลี่เสี่ยวอวี่และเจี่ยนซินสบตากัน เจี่ยนซินดูเหมือนจะอยากถามอะไรบางอย่าง แต่หลี่เสี่ยวอวี่รีบเอามือปิดปากเธอและลากตัวเธอออกไป “พอแล้ว ๆ เล่าข่าวซุบซิบจบแล้ว ทีนี้เรามาคิดกันดีกว่าว่าคืนนี้จะกินอะไรกัน”“จริงด้วย” หลี่เสี่ยวอวี่กดเจี่ยนซินให้นั่งลงบนเก้าอี้แล้วหันกลับมาถามฉัน “เธอจะกลับบ้านพรุ่งนี้ใช่ไหม? แล้วไฟลต์บินกี่โมง?”“บ่ายสามโมง”…… ที่อวิ๋นเฉิงพอฉันออกมาจากสนามบิน ก็สัมผัสได้ถึงลมร้อนที่พัดมาปะทะหน้าคงเพราะฉันชินกับฤดูหนาวของปักกิ่งแล้ว ฉันจึงต้องใช้เวลาสักพักเพื่อปรับตัว ก่อนจะถอดเสื้อโค้ตขนเป็ดออก“คุณหนู”ขณะที่ฉันเพิ่งถอดเสื้อโค้ตลง คนขับรถของบ้านก็มาถึงพอดีฉันพยักหน้าให้ ส่งกระเป๋าเดินทางให้เขา แล้วก้มตัวขึ้นรถในกรุ๊ปแชทหอพัก หลี่เสี่ยวอวี่กับเจี่ยนซินถามฉันว่าถึงหรือยังฉันตอบพวกเธอแล้วก็พูดคุยกันสักพัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วพบว่าทางที่เรากำลังไปนั้นไม่ใช่ทางกลับบ้านตระกูลเฉียวฉันขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถาม “ลุงหวัง เร

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 91

    หลังจากที่เฉิงเฉิงพูดจบ ฉันก็ขมวดคิ้วฉันไม่คุ้นเคยกับฟางฉิงหยางเลย ปกติก็ไม่ได้ติดต่อกัน ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะต้องขึ้นเรือไปกับพวกเขา เขาสามารถบอกกับเฉิงเฉิงล่วงหน้าได้ยังไง?มีคำตอบหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว แต่ฉันไม่อยากคิดไปในทางนั้นฉันหันกลับมามองเฉิงเฉิง "ฟางฉิงหยางบอกเธอเมื่อไหร่?"“วันพุธไง ตอนนั้นพวกเรากำลังกินข้าวกันอยู่ที่โรงอาหาร เขารับประกันกับฉันเลยว่าเธอจะกลับมา ฉันถึงได้แอบกลับมาอย่างลับ ๆ”“เดิมทีฉันจะส่งข้อความทางวีแชทไปหาเธอ” เฉิงเฉิงขมวดคิ้ว “แต่ฟางฉิงหยางไม่ยอม บอกว่าอยากให้เธอเซอร์ไพรส์ดีใจตอนเจอฉัน”วันที่หนึ่งมกราคมปีสองพันยี่สิบห้าเป็นวันเสาร์พอดี และก็เป็นวันที่เฉียวเจี้ยนกั๋วโทรหาฉันพอดีด้วยเฉียวเจี้ยนกั๋วและกู้จือโม่วางแผนกันมาก่อนแล้วหรือเปล่า?ฉันเบือนสายตาไปตกอยู่ที่ร่างของกู้จือโม่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเจอกู้จือโม่ในรอบกว่าครึ่งเดือน นับตั้งแต่เราจากกันไม่ดีที่อพาร์ตเมนต์ของเขาเมื่อครั้งที่แล้วเขาสวมแว่นกันแดด เผยให้เห็นเพียงครึ่งล่างของใบหน้าที่ริมฝีปากเม้มลงเท่านั้น ดูไปแล้วช่างเย็นชาและเข้าถึงยาก ชุดลำลองสีดำทั้งตัวที่สวมใส่อยู่ ทำให้เขาดู

Latest chapter

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 370

    “อย่าให้เธอหนีไปได้!”เสียงคำรามของหัวหน้าชายดังมาจากด้านหลัง น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยอำนาจที่ไม่อาจปฏิเสธได้ และแฝงความเร่งรีบอย่างชัดเจนแต่ฉันรู้ดีว่า นี่คือโอกาสสุดท้ายของฉันฉันพุ่งเข้าไปในห้องนอนโดยไม่ลังเล โถมตัวเข้าหาหน้าต่างทันที ใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักเปิดบานหน้าต่างที่หนักและเก่าไปสุดแรงสายลมเย็นพัดกระทบใบหน้า พร้อมกับกลิ่นอายของค่ำคืน ทำให้ฉันลืมความหวาดกลัวและความเหนื่อยล้าไปชั่วขณะฉันลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหันตัวเตรียมหนีไป แต่ทันใดนั้นเอง ปลายเสื้อของฉันก็ถูกกระชากเอาไว้!“ปล่อยฉันนะ!”ฉันอุทานออกมาด้วยความตกใจ พยายามดิ้นรนสุดแรง แต่แรงที่จับฉันไว้นั้นแข็งแกร่งอย่างน่ากลัว ราวกับจะดึงฉันกลับเข้าไปในห้องอย่างไม่ปรานีในช่วงเวลาที่คับขันที่สุด ฉันเหวี่ยงมีดปอกผลไม้ในมือออกไปอย่างสุดแรง แม้ว่าจะไม่ได้แทงเข้าเป้าตรง ๆ แต่คมมีดก็เฉือนเข้าที่แขนของเขา ทิ้งรอยแผลลึกไว้พร้อมกับเลือดที่ไหลซึมออกมา!ความเจ็บปวดทำให้เขาเผลอคลายมือโดยไม่รู้ตัว ฉันฉวยโอกาสนี้สะบัดตัวหลุดจากการควบคุม แล้วกระโจนออกไปทันที ร่างของฉันลอยอยู่กลางอากาศ แขวนตัวอยู่เหนือพื้นด้านล่าง!‘กระโดดเร็ว!’ฉันตะโกน

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 369

    ในตอนนั้นเอง ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวของฉันอย่างกะทันหันฉันต้องการหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์ตัวตนของพวกเขา หรืออย่างน้อยก็ถ่วงเวลาไว้ เพื่อรอโอกาสที่อาจเปลี่ยนสถานการณ์ได้แต่ฉันก็นึกถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง นั่นคือพวกเขากำลังทดสอบขีดจำกัดของฉันฉันเป็นผู้หญิงที่อาศัยอยู่ตามลำพัง ไร้ที่พึ่งพาเผชิญกับสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ ฉันรู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้ จำเป็นต้องรักษาความสงบและใช้สติปัญญาอย่างถึงที่สุดฉันกวาดตามองชายเหล่านั้นอย่างเงียบ ๆ โดยประมาณแล้วดูเหมือนว่าจะมีเพียงสามคนฉันคำนวณในใจเงียบ ๆ หากจำเป็นต้องลงมือ อย่างน้อยฉันต้องพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเขาเสียก่อนดังนั้น ฉันจึงจงใจเพิ่มระดับเสียง ทำท่าเหมือนกำลังหาโทรศัพท์ไปด้วย ขณะเดียวกันก็ใช้หางตาสังเกตปฏิกิริยาของพวกเขาอย่างระมัดระวัง“ขอโทษค่ะ ดูเหมือนว่าโทรศัพท์ของฉันจะอยู่ในห้องนั่งเล่น รอสักครู่ค่ะ เดี๋ยวฉันกลับมา”พูดจบ ฉันค่อย ๆ หมุนตัวทำท่าเหมือนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง แต่แท้จริงแล้ว ฉันใช้ปลายเท้าเกี่ยวเข้ากับกระถางต้นไม้ที่วางอยู่ตรงขอบประตู กระถางนั้นเป็นเพียงของตกแต่งในชีวิตประจ

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 368

    ชายคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่ยังคงแฝงไปด้วยความหนักแน่นฉันพยักหน้า พยายามทำให้เสียงของตัวเองฟังดูนิ่งสงบที่สุด“ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรเหรอคะ?”“พวกเราเป็นทีมปฏิบัติการพิเศษของตำรวจ เกี่ยวกับเหตุการณ์ปล้นในช่วงเช้าวันนี้ เรามีบางเรื่องที่ต้องสอบถามคุณเพิ่มเติม”ชายที่เป็นผู้นำยื่นบัตรประจำตัวให้ดู น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความจริงจังที่ไม่อาจมองข้ามได้ฉันชะงักไปเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าเหตุปล้นที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดา จะโยงมาถึงตัวฉันได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ฉันก็พยายามทำตัวให้สงบที่สุด ก่อนจะขยับตัวหลบไปด้านข้าง เตรียมให้พวกเขาเข้ามาในบ้านแต่ฉันฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ดึกขนาดนี้ ตำรวจจะมาหาฉันถึงบ้านได้อย่างไรกัน?ฉันหยุดเดินทันที ความระแวงพุ่งขึ้นสุดขีด สายตากวาดมองไปมาระหว่างชายเหล่านั้น พยายามจับพิรุธจากแววตาของพวกเขาในตอนนั้นเอง เบาะแสเล็กน้อยบางอย่างก็สะดุดตาฉันชายที่เป็นหัวหน้าถึงแม้จะแสดงบัตรออกมา แต่ในสายตาที่พร่ามัวของฉัน บัตรใบนั้นดูเหมือนจะมีแสงสะท้อนที่ผิดปกติ ไม่เหมือนกับวัสดุพลาสติกทั่วไปที่ควรจะเป็นเมื่ออยู่ใต้แสงไฟ

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 367

    สำหรับกู้จือโม่ ความรักของเขามีหรือไม่มี ก็ไม่สำคัญสำหรับฉันอีกต่อไปบางที สักวันหนึ่ง เขาอาจยอมทิ้งฉันเพื่อครอบครัวของเขาก็เป็นได้คิดมาถึงตรงนี้ ฉันเผลอแสดงรอยยิ้มขมขื่นออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่ในรอยยิ้มนั้นกลับแฝงไปด้วยความปล่อยวางเช้าวันรุ่งขึ้น ฉันเก็บข้าวของเสร็จล่วงหน้าแล้วและออกเดินไปตามทางแสงแดดลอดผ่านกลุ่มเมฆบางเบา โปรยเป็นลวดลายลงบนพื้น เติมความอบอุ่นให้กับเช้าวันนี้ที่เงียบเหงาขึ้นมาเล็กน้อยฉันสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปลึก ๆ พยายามปล่อยความหม่นหมองของเมื่อคืนออกไปทั้งหมด และเตรียมตัวต้อนรับวันใหม่บนท้องถนน ผู้คนเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนต่างก้าวเดินอย่างเร่งรีบและวุ่นวายกับชีวิตของตัวเองฉันเดินไปอย่างไร้จุดหมาย แต่ในใจกลับมีทิศทางที่ชัดเจน ฉันจะมุ่งมั่นกับชีวิตและหน้าที่ของตัวเองให้มากขึ้น และจะไม่ให้ความรู้สึกมาผูกมัดฉันอีกต่อไปขณะที่ฉันกำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบก็ดังขึ้น ทำลายความเงียบสงบรอบตัวฉันหันกลับไปมอง เห็นชายคนหนึ่งวิ่งตรงมาหาฉันด้วยท่าทางตื่นตระหนก ขณะที่ด้านหลังของเขามีกลุ่มชายฉกรรจ์สีหน้าดุดันไล่ตามมาอย่างกระชั้นชิด เห็นได้ชัดว

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 366

    เมื่อหลินเฉี่ยนได้ยินดังนั้น ดวงตาของเธอแดงก่ำ แต่เธอพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมาการอยู่ที่นี่ต่อไปจะยิ่งทำให้สถานการณ์น่าอึดอัดขึ้น ฉันหยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นมาแล้วเดินออกไปทันทีเดินอยู่บนถนนอันเงียบสงัด ฉันรู้สึกว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เด็กหนุ่มที่เคยอ่อนโยนและน่ารักในวันวาน กลับมาทะเลาะกันเพราะเรื่องของความรู้สึกในตอนนี้ดูเหมือนจะสามารถสืบทอดกิจการของครอบครัวได้ แต่กลับสูญเสียอิสรภาพในการเลือกความรักของตัวเองไม่รู้ว่าเดินมาได้นานแค่ไหน ฉันก็พบว่าตัวเองมาถึงริมแม่น้ำแล้ว ตอนนี้เป็นช่วงพลบค่ำพอดีสายลมยามค่ำคืนพัดผ่านเบา ๆ นำพาความเย็นเล็กน้อย แต่ก็ดูเหมือนจะช่วยพัดพาความหงุดหงิดในใจให้จางหายไปด้วยฉันเดินทอดน่องเพียงลำพังบนถนนที่มีแสงไฟสลัว ในหัวยังคงฉายภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในร้านกาแฟซ้ำแล้วซ้ำเล่าความรัก ความรับผิดชอบ ผลประโยชน์ของครอบครัว... คำเหล่านี้สานกันเป็นใยซับซ้อนในความคิดของฉัน ทำให้ยากที่จะหลุดพ้นบางเรื่องฉันเคยผ่านมันมาแล้ว แต่บางเรื่องกลับทำให้ฉันเจ็บปวดเหลือเกิน แม้ว่าจะมีโอกาสเริ่มต้นใหม่ ฉันก็ยังไม่ได้คำตอบที่ต้องการอยู่ดีฉันหยุดเดิน เ

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 365

    สีหน้าของลู่เฉินเต็มไปด้วยความสับสน เขามองฉันแวบหนึ่งก่อนจะรีบหลบสายตากลับไป ราวกับกำลังชั่งใจและตัดสินใจบางอย่างในใจฉันรับรู้ได้ถึงความสับสนและความเจ็บปวดในใจของเขา ไม่ใช่แค่เพราะหลินเฉี่ยนที่อยู่ตรงหน้า แต่ยังเป็นเพราะทางเลือกที่เขาเคยทำ รวมถึงความไม่แน่นอนต่ออนาคตของตัวเอง“หลินเฉี่ยน เธอใจเย็น ๆ ก่อนนะ”น้ำเสียงของลู่เฉินพยายามรักษาความสงบ แต่ความเหนื่อยล้าและความสิ้นหวังที่ซ่อนอยู่กลับไม่อาจปกปิดได้“ที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับคุยเรื่องนี้ เราหาเวลาคุยกันให้ดีอีกทีได้ไหม?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของหลินเฉี่ยนไม่ได้ดีขึ้นมากนัก แต่เธอดูเหมือนจะตระหนักได้ว่าสถานการณ์ตรงนี้ไม่เหมาะสมสำหรับการพูดคุยเรื่องนี้ เธอจึงสูดลมหายใจลึก พยายามระงับอารมณ์ของตัวเอง“ก็ได้ แต่ฉันต้องการคำตอบที่ชัดเจนจากคุณตอนนี้เลย เกี่ยวกับการหมั้นของเรา คุณคิดยังไงกันแน่?”ลู่เฉินนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยปากพูดอย่างช้า ๆ ในที่สุด“หลินเฉี่ยน ผมรู้ว่าฉันติดค้างคำอธิบายกับคุณ เกี่ยวกับการหมั้น ผมไม่เคยคิดจะหนี เพียงแต่... ผมต้องใช้เวลาเพื่อจัดการความคิดของตัวเอง ธุรกิจของครอบครัว อนาคตของเราสักหน่อย เร

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 364

    ในคำพูดของเขา มีทั้งความจำใจต่อสถานการณ์ปัจจุบัน ความคิดถึงอดีต และความสับสนต่ออนาคตที่ไม่แน่นอนฉันตระหนักได้ว่าหนทางชีวิตของแต่ละคนล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เราต่างก็ใช้วิธีของตัวเองในการประนีประนอมกับโลกใบนี้ และพูดคุยกับตัวเองภายในใจฉันแตะหลังมือของเขาเบา ๆ อย่างแผ่วเบา มอบกำลังใจให้เขาโดยไม่ต้องเอ่ยคำพูดใด ๆ“จริง ๆ แล้ว ทุกเส้นทางชีวิตล้วนมีคุณค่าและความหมายในแบบของตัวเอง การที่นายรับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัว นั่นก็เป็นความรับผิดชอบและความกล้าหาญในอีกรูปแบบหนึ่ง ส่วนเรื่องการแต่งงาน แม้ว่าตอนแรกอาจจะรู้สึกไม่คุ้นเคย แต่ชีวิตเต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง ใครจะรู้ได้ล่ะว่า คู่ชีวิตในอนาคตอาจกลายเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนายก็ได้?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น แววตาของเขาฉายแววคลายกังวลขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากค่อย ๆ ปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ อย่างไม่รู้ตัว“เธอพูดถูกนะ เฉียวเฉียว บางทีฉันอาจจะมองโลกในแง่ร้ายเกินไป”ท่ามกลางบทสนทนา กลิ่นหอมของกาแฟอบอวลไปทั่วอากาศ ราวกับพาเราย้อนกลับไปสู่ช่วงเวลามัธยมที่ไร้กังวลอีกครั้ง“จริง ๆ แล้ว นายอาจรู้สึกว่าชีวิตตอนนี้เหมือนกรงขัง แต่พวกเราที่ดิ้นรนต่อสู้อยู่

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 363

    ในตอนนั้น หัวใจของฉันเจ็บปวดราวกับถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ แต่ยังต้องฝืนยิ้มต่อหน้าผู้คน และเล่นตามบทบาทในพิธีศพอันแสนไร้สาระทุกครั้งที่ฉันมองแผ่นหลังของไอ้สารเลวนั่น ความโกรธและความเศร้าที่ไม่อาจบรรยายได้ก็เอ่อล้นขึ้นมาในใจคนที่ควรจะเป็นที่พึ่งพาที่มั่นคงที่สุดของฉัน กลับเลือกที่จะใช้การจากไปของคุณย่าเพื่อตอบสนองความต้องการเห็นแก่ตัวของตัวเอง ในช่วงเวลาที่ฉันต้องการความเข้าใจและการสนับสนุนมากที่สุดหลังจากพิธีศพจบลง ฉันเดินวนเวียนอยู่เพียงลำพังในสวนหลังบ้าน แสงจันทร์สาดส่องลงมา ทำให้บรรยากาศยิ่งเย็นเยียบและเงียบเหงาเป็นพิเศษฉันหวนคิดถึงทุกช่วงเวลาที่แสนอบอุ่นที่เคยใช้ร่วมกับคุณย่า รอยยิ้มของเธอ คำสอนของย่า ราวกับยังคงก้องอยู่ข้างหูน้ำตาไหลรินอย่างเงียบงันในช่วงเวลานี้ ความคับแค้น ความโกรธ และความไม่ยอมรับทุกอย่าง ถูกปลดปล่อยออกมาในที่สุดแต่ตอนนี้ คนที่เจ็บปวดจริง ๆ คือเฉิงเฉิง ฉันรู้สึกทรมานใจเหลือเกินเห็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันกลายเป็นคนหมดอาลัยตายอยากหลังจากการจากไปของคุณย่า ฉันเองก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกันฉันสูดลมหายใจลึก พยายามทำให้ตัวเองสงบลง แล้วหันไปมองเฉิงเฉิงด้วยความต

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 362

    “ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอ เฉียวเฉียว การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักเป็นความเจ็บปวดที่ยากจะลืมเลือน แต่เช่นเดียวกับที่เธอกล่าวไว้ เราทุกคนจำเป็นต้องหาหนทางที่จะก้าวออกจากความเศร้าและกลับมาใช้ชีวิตอีกครั้ง คุณทำได้ และฉันเชื่อว่าฉันก็ทำได้เช่นกัน”เสียงของเฉิงเฉิงเต็มไปด้วยความหนักแน่นมากขึ้น แม้ว่าดวงตาจะยังคงแดงก่ำ แต่ความปรารถนาที่จะใช้ชีวิตก็ได้ปรากฏขึ้นอย่างเงียบ ๆ“ฉันจำได้ว่า คุณย่าเคยบอกฉันว่า ชีวิตก็เหมือนการเดินทาง เราจะได้พบเจอผู้คนมากมาย และก็ต้องลาจากกับหลายคนเช่นกัน การจากไปของแต่ละคนมีไว้เพื่อให้เราซาบซึ้งกับคนที่ยังอยู่เคียงข้างเรามากขึ้น และให้เห็นคุณค่าของเส้นทางชีวิตข้างหน้าของตัวเอง ฉันคิดว่า ตอนนี้ย่าคงอยู่ที่ไหนสักแห่ง มองฉันด้วยความอ่อนโยน และหวังให้ฉันเข้มแข็งก้าวต่อไป”ฉันจับมือเธอเบา ๆ มอบกำลังใจให้เธอโดยไม่ต้องเอ่ยคำพูดใด ๆ“เฉิงเฉิง คำพูดของย่าเธอถูกต้องแล้ว เราต้องก้าวต่อไปโดยมีความรักของเธออยู่กับเรา พรุ่งนี้เราจะเผชิญกับพิธีศพด้วยกัน แม้ว่ามันจะยาก แต่ก็นับเป็นการอำลาย่าของเธอ และเป็นก้าวสำคัญของการเติบโตของเราเอง”คืนนั้น เราคุยกันมากมาย ตั้งแต่ความทรง

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status