เบียร์สองกระป๋องไม่ได้ช่วยให้เธอดีขึ้นสักนิด ตอนที่คนตัวใหญ่ทาบตัวตามลงที่นอนมา พราวฟ้าก็ได้แต่หลับตาแน่น สองมือจิกผ้าปูที่นอนเกร็งตัวสะท้าน แม้เรือนกายเปล่าเปลือยสวยขาวไปทั้งตัวไร้ไฝฝ้าจุดด่างดำอวดสายตาอยู่ตรงหน้าจะชวนให้แก่นกายแข็งตั้งเป็นลำก็ตาม แต่กระนั้นไอ้ท่าทางนอนเกร็งหลับตานิ่ง ราวกับกำลังรอรับแรงกระแทกหนักๆ ที่จะเกิดขึ้นมันดูไม่ใช่เรื่องน่าอภิรมย์แห่งกามาเพศสักนิด มันชวนให้คนที่กำลังจับแก่นกายอันใหญ่ที่สวมทับด้วยอุปกรณ์ป้องกันสีใสชะงักมือทันที "นี่ ทำหน้าทำตาให้มันดีๆ หน่อยไม่ได้หรือไง เห็นแบบนี้ใครจะมีอารมณ์ฮะ เดี๋ยวปะใส่ยาให้กินซะหรอก" น้ำเสียงบ่นอย่างไม่จริงจังนัก เขารู้ว่าเพราะเธอยังไม่ได้รับการเล้าโลม บวกกับประสบการณ์ที่เจอเมื่อครั้งแรก คงทำเธอขยาด แต่ที่เขายังไม่ช่วยให้เธอมีอารมณ์ร่วมเพียงเพราะต้องการอยากดูว่าคนตัวเล็กใต้ร่างมีประสบการณ์ฝังใจที่ไม่ดีขนาดไหน ในครั้งแรกยอมรับว่าเพราะต้องการสั่งสอนให้เธอได้อับอาย ไม่ได้คิดจะซ้ำครั้งสองครั้งสาม แต่พอเห็นใบหน้าหวานที่กัดปากกลั้นเสียงครางกับสะโพกที่แอ่นเร่าๆ ดิ้นพล่านวันนั้น ทำให้เขานึกอยากลองว่ารสชาติเธอจะเหมื
"อื้อ..." เสียงประท้วงหนักๆ หรือจะเป็นเสียงกระเส่าเขาเองก็เริ่มไม่แน่ใจนัก รับรู้เพียงนิ้วมือสองนิ้วในกายเธอมันถูกตอดรัดจนแน่น อาการเกร็งสะโพกแอ่นเข้าหารับรู้ว่าในอีกไม่กี่วินาทีต่อจากนี้เธอคงจะเสร็จสม อาการกระตุกถี่ของคนใต้ร่าง ทำให้เขาคลายจูบออกเธอก็กรีดเสียงร้องขึ้นมาอย่างไม่อาจห้าม พร้อมฝ่ามือเขาที่ชุ่มไปด้วยน้ำหวานหยาดเยิ้ม "ถ้ารู้ว่าจะเอ็กซ์กว่าไอ้ยาปลุกเซ็กซ์ ฉันคงไม่วางยาเธอหรอก" เสียงลมหายใจหอบเหนื่อยของคนใต้ร่าง ทั้งที่เมื่อครู่ตัวเองเพิ่งจะนอนเฉยๆ ทำให้ฟาริสถึงกับกดยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ ยิ่งเห็นใบหน้าเง้างอดก็ยิ่งชอบใจ ยิ่งเธอหายใจแรงเท่าไร อกอิ่มก็ยิ่งไหวตามแรงกระเพื่อม ไม่ปล่อยให้เธอได้หายใจจนทั่วท้องเมื่อเขาฝังปากลงที่อกอิ่มอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันออกจะร้อนแรงกว่าเมื่อครู่ เรียวขาข้างหนึ่งของเธอถูกอ้าออก พร้อมกับคนตัวใหญ่ที่แทรกกายเข้าหา แท่งเอ็นอันใหญ่ถูกสาวเบาๆ สองสามครั้งก่อนจะกดหัวใหญ่บานราวดอกเห็ดเข้าไปภายใน ออกแรงดันเพียงนิด มันก็เข้าไปจนสุดทาง พร้อมกับเสียงร้องของหญิงสาว พลางเขยิบสะโพกหนี ฟาริสคว้าเอวบางของเธอไว้แน่นออกแรงรั้งเพียงนิด จุดเชื่อมต่
พราวฟ้ากลับลงมาจากตึกใหญ่ในช่วงตีสาม หลังจากที่เธอผล็อยหลับไปอย่างไม่รู้ตัว สะดุ้งตื่นขึ้นมาก็รีบใส่เสื้อผ้าและแน่นอนเขาไม่ได้นอนที่ห้องนั้นกับเธอ คาดว่าหลังจากเสร็จภารกิจในครั้งสุดท้ายของเมื่อคืนก็คงกลับห้องนอนตัวเองไปทันที สภาพอาการที่เปลี่ยนแปลงกะทันหันเพราะเมื่อครู่ที่เธอยังนอนในห้องแอร์เย็นฉ่ำ พอกลับลงมาที่ห้องนอนคนใช้ แม้จะกลางดึกมันก็ยังร้อนอบอ้าวอยู่ดี ฝืนหลับต่อได้อีกนิดก็ต้องตื่นเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับหน้าที่ในเช้าวันใหม่ ทั้งที่ร่างกายยังรู้สึกเพลีย "พราวฟ้า เดี๋ยวตามแจ่มไปเตรียมของด้านในตึกเลย ต่อไปเธอไปประจำในตึก ไม่ต้องเข้ามาช่วยในครัว" ป้าตองเรียกประชุมพนักงานในตอนเช้าวันนี้ ส่วนของเธอคงเรื่องหน้าที่ ส่วนของคนอื่นก็มีบ้าง รวมถึงแจ้งเรื่องงานเลี้ยงที่กำลังจะมีขึ้นที่คฤหาสน์หลังใหญ่แห่งนี้ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า สายตาของคนชื่อฝนที่มองมาก็ทำเธอสัมผัสได้ถึงกระไอร้ายที่แผ่ซ่านออกมาราวกับปีศาจ แต่เธอก็มองผู้หญิงคนนี้เป็นเพียงธาตุอากาศ หลังจากจบประชุมทุกคนก็แยกย้ายกันปฏิบัติหน้าที่ เธอกำลังจะเดินไปหาเด็กแจ่ม ระหว่างที่ต้องผ่านสายตาอำมหิตของใครหลายๆ คน ก็พลันได้ย
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวและใช้เวลาเดินขึ้นไปที่ตึกใหญ่น่าจะใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาที แต่แค่เธอเปิดประตูห้องเข้าไป ก็ได้ยินเสียงต่อว่าอย่างไม่จริงจังนัก "ทำไมช้า" คนถามนั่งอยู่ที่โซฟาตัวใหญ่ ในมือถือแก้วเหล้าทรงเพชรเอาไว้ เธอจึงเดินไปนั่งที่โซฟาเดี่ยวอีกตัว "คุณฟาริสคะ ดิฉันเพิ่งเลิกงาน อาบน้ำสระผม ผมก็ยังไม่ทันแห้ง แถมยังต้องเดินมาอีกตั้งไกลนะคะ ไหนละคะ รีโมต" "ค่าจ้างคืนนี้เธอจะไม่ได้นะ" คนพูดเลิกคิ้วขึ้นสูงราวกับท้าทายคนตรงหน้า "ทำไมคะ" นอกจากหมั่นไส้ก็ทำอะไรไม่ได้ น้ำเสียงที่เอ่ยถามจึงออกจะไม่พอใจนิดๆ "แลกกับรีโมต" "คุณฟาริส ก็เมื่อคืนคุณขออีกรอบแล้วสัญญาว่าจะติดแอร์ให้ไง" "ก็ติดให้แล้ว แต่รีโมตไม่ได้บอกว่าให้เมื่อคืนสักหน่อย" "คุณฟาริส" "ทำไม ฉันพูดผิดตรงไหน" พราวฟ้าได้แต่เข่นเขี้ยวที่เสียรู้คนอย่างเขา "รีโมตกรุณาใส่ถ่านไว้ให้ด้วยนะคะ หวังว่าพรุ่งนี้ฉันคงไม่ต้องขึ้นมานอนกับคุณแลกกับถ่านใส่รีโมต" ฟาริสอดหัวเราะไม่ได้ กับคำค่อนขอดท่าทางเอาจริงของคนตัวเล็ก "อ้อ แต่พรุ่งนี้ไม่ต้องเรียกฉันนะ ฉันมีงานน่าจะกลับดึกมาก" "รู้แล้วอธิปจะจัดการให้เธอเอง งานของห้อง
รีโมตอันเล็กถูกจ่อไปที่เครื่องปรับอากาศ พราวฟ้าได้กดตัวเลขที่ต้องการสมใจ ก่อนจะโยนรีโมตไปแถวหัวเตียง ทิ้งตัวลงนอนอย่างคนหมดแรง วันนี้เธอลงจากตึกใหญ่มาเร็วกว่าเมื่อคืน เวลาที่จะได้นอนต่อจึงค่อนข้างเยอะกว่า ตื่นเช้ามาปฏิบัติหน้าที่อย่างขยันขันแข็งเช่นเดิม จวบจนถึงเวลาเที่ยงที่เธอจะต้องกลับไปเตรียมตัวสำหรับงานของห้องเสื้อที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสปอนเซอร์ให้เธอ และทุกวันนี้ก็ยังติดต่อกันอยู่ตลอด แม้เธอจะไม่ได้รับการซัปพอร์ตเหมือนเช่นเคย เพราะไม่ค่อยมีงานให้ออก แต่ทุกครั้งที่ทางห้องเสื้อจัดคอลเลกชันประจำฤดู เธอก็มักจะมีชื่อติดในลิสต์ที่ได้สวมชุดสวยเดินแบบบนเวทีทุกครั้ง "คุณพราวครับ เดี๋ยวผมจะรอที่หน้าตึกตอนบ่ายโมงตรงนะครับ" ตอนที่กำลังจะกลับลงมาจากตึกใหญ่ หลังทำความสะอาดในช่วงเช้าเสร็จ เพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวสำหรับงานในช่วงหัวค่ำ แต่ที่ต้องไปตั้งแต่บ่ายเพื่อเตรียมความพร้อม "ค่ะ ขอบคุณคุณอธิปนะคะ" ชุดสำหรับเตรียมตัวไปงาน จึงเป็นเพียงกางเกงยีนตัวโคร่งกับเสื้อยืดรัดรูปพอดีตัว รองเท้าแตะธรรมดา พร้อมด้วยกระเป๋าผ้าลดโลกร้อน แม้จะเคยใช้แบรนด์เนมหรูหรา แต่เมื่อถึงคราวตกอับมันก็เป็นสิ่งที่ช
"สบายดีนะ ไม่เจอกันเลย" สองแขนล่ำยังจับที่ไหล่เธอ พลางเอ่ยถาม "อือ เรื่อยๆ" "แกโอเคใช่ไหม ไอ้พราว ฉันจะโทรหาก็ยุ่งตลอด แกก็เงียบไปเลยนะ" แม่เมย์เอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นห่วงไม่น้อย "โอเคค่ะแม่ ขอโทษจริงๆ ค่ะ พราวมีงานนิดหน่อย ยุ่งจนไม่มีเวลาเลย" "อือๆ ไว้ค่อยคุยกัน" "วันนี้ไปต่อกันหรือเปล่า เห็นนัดกันที่ผับอ่ะ" อธิวัฒน์เอ่ยถาม เมื่อเห็นเธอคุยกับแม่เมย์เสร็จแล้ว "ไม่ได้ไปหรอก มีธุระต่อน่ะ" พอดีกับรถมินิแวนสีดำคันหรูมาจอดตรงหน้าเธอพอดี คนที่ลงมาจากรถจึงเป็นคุณอธิป สายตาสำรวจของแม่เมย์ และดวงตาที่เบิกกว้างของอธิวัฒน์ ทำให้เธอต้องเอ่ยแนะนำผู้ชายในชุดสูทสีดำตรงหน้า "เอ่อ..แม่เมย์คะ นี่คุณอธิป" น้ำเสียงที่เอ่ยแนะนำอย่างไม่ค่อยเต็มคำนัก แม่เมย์ขมวดคิ้วมุ่นความสงสัยร้อยแปดคำถามเกิดในหน้า แต่ก็ได้แค่ยิ้มกว้างให้ คุณอธิป คนที่เคยติดต่องานกินข้าวไอ้พราวอ่ะนะ รถคันหรูหลายล้าน อีกทั้งคุณอธิปเองก็ยังหนุ่มยังแน่น หน้าตาก็จัดว่าดี ดูอ่อนโยนไม่น้อย สีหน้ากังวลในคราแรกจึงเบาบางลง มีเพียงอธิวัฒน์ที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ "นี่แม่เมย์ ผู้จัดการของพราวค่ะ และก็อธิวัฒน์ลูกชายคนโ
ฝ่าเท้าชะงักเล็กน้อยตอนที่เห็นว่าฟาริสเดินเข้าไปที่โซฟาชุดใหญ่ด้านใน เธอชะลอฝีเท้าให้ช้าลง หลังจากที่เมื่อครู่ต้องก้าวเท้ายาวๆ ตามคนตัวสูงเข้ามาในบาร์หรูแห่งนี้ "อ้าว ริสคะ ไหนว่าจะกลับบ้าน" อลินาเอ่ยถามเสียงใสเมื่อเห็นว่าใครเดินเข้าไปหาที่โต๊ะ พร้อมรอยยิ้มหวานแต่พลันสายตาที่เหลือบมาเห็นคนด้านหลัง รอยยิ้มนั้นก็จางหายกลายเป็นสีหน้าบ่งบอกว่าไม่อยากรับแขกทันที "ตอนแรกว่าจะกลับนั่นแหละ แต่เบื่อๆ ก็เลยจะมาหาอะไรดื่มสักหน่อย" "เห็นไหม อลิน ชวนมาทีแรกไม่มาพร้อมกัน สุดท้ายก็ต้องตามอลินมา" เสียงหัวเราะน้อยๆ พลางขยับที่ให้คนตัวสูงนั่งลงข้างๆ "อ้าว คุณพราวก็มาด้วยหรือคะ รู้จักกันหรือ" เสียงคนในกลุ่มเหล่าบรรดาลูกท่านหลานเธอ เพื่อนอลินาเอ่ยถามขึ้นพลางทำหน้าสงสัย "อ๋อ เขาเป็นคนใช้บ้านฟาริสน่ะ" กลายเป็นอลินาที่เอ่ยตอบเพื่อน ตามด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน "ฟังไม่ผิดใช่ไหม คนใช้อ่ะนะ" "ไม่ผิดหรอกจ้ะ" พราวฟ้าได้แต่ยืนนิ่ง ไม่กล้านั่งลงที่โซฟาเดี่ยวอีกตัวที่ว่างอยู่ "นั่งลง" จนเมื่อฟาริสเอ่ยบอกเธอจึงได้ทิ้งตัวนั่ง ตามคำสั่ง "คงไม่ต้องแนะนำมั้งคะ คุณพราวน่าจะรู้จักทุกคนในนี้" อลิ
"ถือดีๆ นะ ใบนั้นตั้งหลายล้าน" คนเมาหันมาสั่งเธอเสียงแหว จนเมื่อรถคันหรูขออลินามาจอดรอรับที่หน้าบาร์ ส่งเธอขึ้นรถเสร็จแต่เหมือนคนเมาจะอยากให้เขาไปส่งที่บ้านด้วยอย่างนั้นแหละ "ริสไปส่งอลินที่บ้านหน่อยนะคะ" "อย่าเลยครับ เกรงใจอาธนา เดี๋ยวใครจะมองไม่ดี" "ริสน่ะ" "ครับ ไว้เจอกันนะ" ฟาริสปิดประตูรถให้อลินาเสร็จก็ได้แต่ถอนหายใจ พอดีกับที่รถมินิแวนมาจอดพอดี เธอก้าวขึ้นก่อน เพราะต้องนั่งตำแหน่งเดิมด้านใน "ทำไมทำหน้าอย่างนั้น" ฟาริสเอ่ยถามคนข้างๆ "หน้าฉันก็ปกติ" "โกรธเหรอที่ฉันมาที่นี่" "เปล่าค่ะ" "แต่หน้าเธอมันฟ้องเหมือน หึง ฉันอยู่" คนถูกกล่าวหาว่า หึง รีบหันหน้าไปมองเขาอีกครั้ง พลางแค่นหัวเราะออกมาจากลำคอเบาๆ "หึงคุณ ทำไมฉันต้องหึงคุณด้วยคะ" "เธอไม่หึงฉัน แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ" "ฉันก็บอกแล้วหน้าฉันปกติ" "ไม่ปกติ" "งั้นก็ถือว่าคุณทำสำเร็จ" "เรื่อง" ฟาริสเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ ว่าใช่เรื่องที่เขาคิดว่าเธอหึงหรือไม่ "ถ้าคุณอยากพาฉันมาให้คนอื่นดูถูก เหยียดหยามแล้วคิดว่าฉันจะต้องเสียใจไหม หรือคิดว่าฉันจะหน้าด้านขนาดไหน คุณทำสำเร็จแล้วค่ะ"
ตอนเด็กชายราฟฟา อายุได้เกือบสองขวบ วงการบันเทิงก็มีข่าวใหญ่อีกครั้ง เมื่อสาธรประกาศแต่งงานรอบสองกับภรรยาคนเดิมอย่างอลินา ไม่ได้สร้างความแปลกใจให้ทั้งเธอและฟาริส สื่อต่างๆ อวยพรกันอย่างคับคั่งในวันแถลงข่าว แต่ก็มีสื่อบางสำนักที่ยังจำเรื่องราวในอดีตได้เป็นอย่างดี เอ่ยถามถึงเรื่องราวในครั้งนั้นทำนองว่าที่เลิกกันเป็นเพราะดาราสาวอย่างพราวฟ้า "สำหรับน้องพราว เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันครับ จริงๆ เธอเป็นน้องสาวของผม ลูกพี่ลูกน้องกันครับ พ่อผมกับแม่เธอเป็นพี่น้องคนละแม่ แต่ที่ตอนนั้นเราต้องปิดข่าวเพราะย่าผมไม่สบาย ท่านไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน" คำตอบของสาธร สร้างเสียงฮือฮาให้สื่อทุกสำนัก จากนั้นก็ยังมีคำถามอีกมากมายที่ตามมา (ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่คุณพราวเป็นมือที่สามก็ไม่ใช่เรื่องจริง) "ครับ" (คุณอลินาไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนใช่ไหมคะ) "ใช่ครับ คุณอลินาไม่เคยทราบเรื่องนี้ เธอรู้เรื่องตอนงานศพย่าผมนั่นแหละครับ ได้เจอน้องพราวกันโดยบังเอิญในงาน" (คุณสาธรกับคุณอลินาเลยได้มีโอกาสกลับมาดีกันใช่ไหมคะ) "ครับ หลังจากนั้นผมกับอลินาก็ได้มีโอกาสกลับมาคุยกันอีกครั้ง จนถึงวันนี้ครับ
"คุณพ่อคะ คุณพ่อคะ ไหวใช่ไหมคะ" เสียงร้อนรนของพยาบาลที่เอ่ยถาม ชายหนุ่มรูปหล่อที่อยู่ในชุดปลอดเชื้อสีฟ้าเช่นเดียวกับคนท้องที่นอนอยู่บนเตียงผ่าตัด ฟาริสรับแอมโมเนียมาแล้วก็ขยับตัวมานั่งที่เก้าอี้สำหรับคุณพ่อ บริเวณหัวเตียงอย่างเดิม "ไหวไหมคะ ฟาริส" พราวฟ้าเอ่ยถามสามี ที่มีใบหน้าขาวซีดราวกับไก่ต้ม "วะ..ไหว พราวเจ็บหรือเปล่า" เอ่ยถามคุณแม่ที่นอนยิ้มหวานอยู่บนเตียง ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอ "ยังไม่เจ็บหรอกค่ะ" ตอนนี้ยังไม่เจ็บ แต่ไม่รู้ว่าหลังจากยาหมดฤทธิ์แล้วจะเป็นอย่างไร ตอนนี้รู้สึกเพียงเย็นๆ อยู่ที่หน้าท้อง เหมือนมีมือหลายมืออยู่ที่นั่น "ถ้ากลัวเลือดก็อย่าไปมองซิคะ" "ไม่ได้กลัวเลือด แต่กลัวพราวเจ็บ" เพราะภาพที่เขาเห็นเมื่อครู่หลังจากที่หมอกรีดมีดอันเล็กลงที่ผิวหนังหน้าท้องของภรรยา เลือดก็ค่อยๆ ซึมออกมาจากเล็กน้อยกลายเป็นแดงเถือก ความกลัวในชีวิตแทบไม่เคยเกิดขึ้นอยู่ๆ เขาก็แทบเข่าทรุดอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่กลัวเลือด แต่กลัวว่าคนที่นอนท้องโตให้หมอกรีดมีดลงไปจะเจ็บ เธอต้องอดทนขนาดไหน แพ้ท้องก็แสนทรมาน ยิ่งภาพเมื่อครู่ทำเขารู้สึกสงสารเธอขึ้นมาจับใ
เธอสวยกว่าทุกคนที่เขาเคยควง เธอน่ารักสดใสจนไม่อยากทำร้ายแต่ในขณะเดียวกันความเซ็กซี่ของเธอมันกลับเป็นตัวอันตรายที่ทำเขาอดใจไม่อยู่ไปพร้อมๆ กัน "อยากนอนกับฉันไหม" ใบหน้าหวานตื่นตกใจไม่น้อย แต่ตอนที่เขาจ้องมองเธอ ดวงตาคู่สวยกลับไม่ยอมหลบสายตา "เอ่อ..." เสียงครางในลำคออย่างคนที่ใช้ความคิด เธอคงกำลังตัดสินใจกับเรื่องตรงหน้า อย่างน้อยเขาก็ควรบอก "วันไนต์สแตนด์นะ" "เอ่อ..." เธอยังหาเสียงตัวเองไม่เจอ ไม่รู้ว่าตัดสินใจอย่างไร แต่ใบหน้านั้นหม่นลงเล็กน้อย "พอเดินได้ไหม เดี๋ยวฉันไปส่ง พักอยู่ที่ไหน" เห็นหน้าตื่นๆ ลังเลของเธอ เขาก็เลยยอมตัดใจ แต่พอคนตัวสูงลุกขึ้นยืน ข้อมือเขาก็กลับถูกรั้งเอาไว้ "ที่นี่หรือคะ" คำถามกล้าๆ กลัวของคนตัวเล็ก ทำความอดทนเขาขาดลงตรงนั้น ฟาริสนั่งลงที่โซฟาอย่างเดิม รั้งเอวบางของคนตรงหน้าให้ขยับตัวมาแนบชิด ฝ่ามืออีกข้างประคองท้ายทอยรั้งเข้าหา เขาจูบเธออยู่นาน จูบที่รู้ว่านั่นเป็นจูบแรกของเธอด้วยซ้ำ คนตัวเล็กที่จูบตอบกลับอย่างไม่ประสามันชวนให้อารมณ์แห่งความต้องการแสนดิบเถื่อนพลุกพล่าน ในคืนนั้นเขาจึงแทบจะไม่ได้อ่อนโยนกับเธอสักเท่าไร แต่กระนั้
"พราว แกไปไหนมาอ่ะ หายไปตั้งนาน" น้ำขิงเอ่ยทักเพื่อน แต่พอมองแก้วกาแฟในมือพราวฟ้าก็ได้แต่ร้องอ๋อ "ไปซื้อกาแฟที่ตึกบริหารอีกแล้วซิ" น้ำเสียงล้อเลียน พลางหลิ่วตาใส่เพื่อนอย่างรู้ทัน "ก็เราชอบกาแฟร้านนี้ มันอร่อยดี" "แล้วได้เจอไหมล่ะ" "อื้อ" คนตอบได้แต่ทำเสียงในลำคอ ใบหน้าหวานเห่อแดงขึ้นทันตา คนที่อยากเจอก็ได้เจอ เพียงแต่เขาไม่เคยเห็นเธอก็เท่านั้นเอง ในทุกวันจันทร์เธอจะสามารถเห็นฟาริสได้ที่โต๊ะหินอ่อนใต้อาคารบริหาร ซึ่งร้านกาแฟร้านโปรดของเธอก็อยู่ใกล้ๆ ตรงนั้น ในทุกวันอังคารช่วงเที่ยงเธอจะเจอเขาได้ที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย แอบรู้ทีหลังจากพี่สาวน้ำขิงว่า ฟาริสจะมีชั่วโมงว่างตอนเที่ยงซึ่งจะต้องเข้าคลาสอีกทีก็เกือบบ่ายสอง หลังจากกินข้าวเสร็จเธอก็จะเจอเขาได้ที่ห้องสมุดบ่อยๆ แต่เขาก็ไม่เห็นเธออีกเช่นเคย เพราะคนที่มาห้องสมุดก็แค่เพื่อพักสายตาเท่านั้น บนโต๊ะมุมด้านในไม่มีหนังสือสักเล่ม มีเพียงใบหน้าหล่อเหลาที่ฟุบลงบนแขนของตัวเอง หลับตาตากแอร์เย็นฉ่ำอยู่ด้านใน เธอมีโอกาสเจอเขาครั้งแรกที่นี่เมื่อเดือนก่อน เพราะต้องมายืมหนังสือเพื่อทำรายงาน ขณะกำลังเขย่งปลายเท้าเพื่อห
สาธรรีบเดินมาต้อนรับพราวฟ้าผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องที่หน้าศาลา อธิปยื่นพวงหรีดขนาดใหญ่ส่งให้ สาธรรับไปแล้วก็เดินไปส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ของวัดช่วยจัดการ เธอเข้าไปรดน้ำศพคุณย่าของพี่ธรเสร็จแล้ว ก็เดินเลยไปทางชายชราที่นั่งอยู่เก้าอี้ไม้ตัวใหญ่อีกฝั่ง โดยมีฟาริสตามประกบไม่ห่าง "สวัสดีค่ะคุณตา" "พราว...เป็นไงบ้างลูก" "สบายดีค่ะ" "นี่ใช่ไหม คุณฟาริสที่เป็นข่าวว่ากำลังจะแต่งงานกัน" "ครับ สวัสดีครับ" "สวัสดี ขอบคุณนะครับที่ช่วยดูแลยายพราวอย่างดี ผมผิดต่อแม่ยายพราวไว้เยอะทีเดียว" "เรื่องอดีตช่างมันเถอะครับ พราวเขาก็ไม่ได้ติดใจอะไร ดูแกยังรักพี่ธรเหมือนพี่แท้ๆ อีกต่างหาก" ขนาดยอมลงทุนให้ตัวเองถูกสังคมด่า แม้อยากจะพูดต่ออีกหลายคำ แต่ฟาริสก็เพียงละไว้เท่านั้น เพราะนึกเห็นใจคนที่เพิ่งกำลังสูญเสีย "ตาขอโทษนะ" "ไม่เป็นไรเลยค่ะ คุณตาทำใจให้สบายนะคะ แต่อีกเดี๋ยวสักพักพราวอาจจะต้องกลับก่อนนะคะ ไม่แน่ใจว่าจะมาได้อีกหรือเปล่าค่ะ เอ่อ..คือ พราวกำลังท้องน่ะค่ะ การเดินทางอาจไม่ค่อยสะดวก" "อ้าว..จริงหรือ ตาดีใจด้วย..แค่นี้ก็ดีแล้วลูก ลำบากแย่" "งั้นเดี๋ยวพราวขอตัวก
แต่งฟ้าแลบ พราวฟ้า ประกาศสละโสดกับนักธุรกิจหนุ่มโพรไฟล์หรู ข่าวพาดหัวในเช้าวันใหม่ที่สร้างความฮือฮาให้กับวงการบันเทิงไม่น้อย ชื่อของฟาริส กลายเป็นที่กล่าวถึงไปโดยปริยาย หลายเพจข่าวที่ตีแผ่ประวัติแม้จะไม่ละเอียด แต่ก็พอรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ที่สำคัญและดูผู้คนจะสนใจคงไม่พ้น ไอ้นามสกุลต่อท้ายที่ถูกสื่อตั้งขึ้นให้ ฟาริส นักธุรกิจแสนล้าน และดูคำนั้นจะไม่เกินจริงสักนิด เสียงโอ้กอ้าก ที่ดังมาจากห้องน้ำ หญิงสาวตัวเล็กยืนโกงคออยู่เหนือชักโครกโดยมีชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ยืนลูบหลัง "เป็นไงบ้าง โอเคไหม พราว" "ดีขึ้นแล้วค่ะ" ใบหน้าหวานขาวซีด ท่าทางอ่อนเพลีย เพราะตั้งแต่เช้านี่เป็นรอบที่สามที่เธอต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ อาการแพ้ท้องดูจะเล่นงานเธอไม่น้อย "ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวจะได้กินยา" "ข่าวออกแล้วหรือคะ" "อืม ออกแล้ว ทำไมครับ คุณแม่กลัวเรตติ้งตกหรือไงที่จะต้องแต่งงาน" "กลัวคุณสามีแห่งชาติจะถูกสาวๆ รุมต่างหาก" "อันนี้ก็อาจจะจริง" คนท้องได้แต่ส่งสายตาเขียวๆ "ไหนว่าไม่ชอบเป็นข่าวไงคะ" "ทำไงได้ล่ะ ก็ได้เมียเป็นดารานี่ ว่างๆ จะผันตัวเองไปเป็นอินฟลูเอนเซอร์แล้วเนี่ย" "ค
หดคอกลับพร้อมสายตาเขียวๆ อย่างไม่จริงจังนัก แต่เมื่อเขาบอกให้อยู่เฉยๆ เธอจึงได้นิ่งค้างอยู่แบบนั้น ฝ่ามือใหญ่ปัดข้างแก้มเบาๆ แล้วก็อ้อมไปด้านหลังศีรษะ พลันของบางอย่างก็ร่วงจากมือมาอยู่ข้างลำคอ "อุ๊ย! อะไรคะ" อุทานด้วยความตกใจ แต่พอก้มมองสายสร้อยที่อยู่ตรงลำคอ และมืออีกข้างของเขาก็หยิบชายสร้อยอีกข้างขึ้นเพื่อติดตะขอให้เธอ "คุณฟาริส!!" เธอร้องด้วยความตกใจมากกว่าตอนอุทานเมื่อครู่เสียอีก เมื่อจดจำมันได้ว่าไอ้สร้อยเส้นนี้ก่อนหน้านี้มันยังวางโชว์อยู่ในชอป และที่สำคัญราคากว่ายี่สิบล้าน เธอจำได้เพราะตอนที่เดินผ่านแอบแวะมองมันเห็นราคาแล้วก็แทบจะคำนวณเป็นเงินไทยไม่ถูกเลยทีเดียว "จะร้องตกใจอะไร" "มันแพงมากเลยนะคะ" "ก็เห็นเธอไปยืนมองมันอยู่" "พราวแค่มองว่ามันสวยดี เห็นดาราเกาหลีใส่กันหลายคน เลยไปแอบมองราคาเฉยๆ" "ก็อยากซื้อให้เมียไม่ได้หรือไง" "คุณจะซื้อทุกอย่างที่พราวมองไม่ได้หรอกน่ะ งั้นถ้าพราวมองดวงจันทร์คุณไม่ต้องขี่จรวดไปเอามาให้หรือไงคะ" "ฉันจะไปนาซ่าให้เขาผลิตยานอวกาศให้" "คุณไปคนเดียวนะ พราวกลัวตาย" ฟาริสหัวเราะร่วนแล้วก็ดีดหน้าผากเหม่งของเธอไปเสียอีก
จนมาถึงทางออกจึงได้เห็นเครื่องบินขนาดไม่ใหญ่เท่าเครื่องบินพาณิชย์ แต่ยี่ห้อที่ตัวเครื่องนกยักษ์ลำใหญ่แสดงบริษัทสายการบินระดับโลกอย่างผู้มีอันจะกินมักใช้บริการ เพราะมันคือเครื่องบินเช่าเหมาลำ นอกจากฟาริส คุณอธิป ก็ยังมีทีมบอดี้การ์ดอีกห้าคนที่ร่วมเดินทางในครั้งนี้ แม้เครื่องบินจะลำเล็กกว่าปกติมาก แต่เมื่อขึ้นลอยลำบนท้องฟ้าได้ ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ภายในห้องโดยสารหรูหราไม่ต่างจากชั้นเฟิสต์คลาสสักนิด ลูกเรือสาวสวยสองคนที่คอยบริการตลอดการเดินทาง ดูจะพิเศษกว่าสายการบินปกติ กว่าสิบสองชั่วโมงในการเดินทาง แม้จะเหนื่อยล้า แต่เมื่อมาถึงวิลล่าหลังใหญ่ใกล้ทะเลสาบก็ทำให้เธอหายเหนื่อยได้ทันที แสงสะท้อนของดวงอาทิตย์กระทบผิวน้ำระยิบในช่วงเที่ยงของวันกับอากาศเย็นสบายแม้จะเป็นในช่วงฤดูร้อน "อ้าว มาถึงกันแล้วหรือ" เสียงทักเป็นภาษาไทยจากด้านหลัง พอหันไปเธอก็เห็นชายสูงวัยคนเดียวกับเมื่องานวันเกิดที่บ้านหลังใหญ่ "สวัสดีครับพ่อ" ฟาริสเดินเข้าไปสวมกอดคนที่เรียกว่าพ่อ ส่วนเธอเดินเข้าไปหาท่านพลางยกมือขึ้นไหว้ "สวัสดีค่ะ" "หนูเองหรือที่ช่วยจัดงานวันเกิดให้ฉัน ขอบใจนะ วันนั้นติ
พราวฟ้าถูกอุ้มขึ้นในท่าที่เธอยังคร่อมเขาอยู่ แต่ดูท่าฟาริสคงจะไม่ได้จับเธออุ้มแตงอยู่ตรงนี้ เมื่อเขาเดินไปทางชั้นลอยของเพนต์เฮ้าส์ เธอจึงได้รู้ว่าห้องนอนเขาอยู่ด้านบน เธอถูกวางลงที่เตียงใหญ่ ฟาริสก็จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะจับชุดเดรสตัวสวยของเธอถอดออกทางศีรษะ บราเซียเกาะอกไร้สายก็ถูกถอดออกอย่างรวดเร็ว รวมถึงแพนตี้ตัวจิ๋ว ฟาริสประทับจูบมาอีกครั้ง ซุกไซ้ลำคอระหงหนักๆ คนตัวเล็กก็รีบเอ่ยห้ามอีกครั้งเช่นกัน "ไม่ทำคอเป็นรอยหรอก เดี๋ยวทำตรงอื่นแทน" ตรงอื่นที่ว่าคงเป็นหน้าอก เมื่อเนินอกอิ่มถูกเขาขบเม้มแรงๆ จนเกิดรอยแดง "ฟะ..ฟาริส" เสียงกระเส่าคล้ายเอ่ยห้าม แต่กระนั้นมันกลับยิ่งทำให้คนที่ยังดูดเม้มยอดอกยิ่งหื่นกระหาย ทุกตารางนิ้วที่ลิ้นร้ายตวัดเลียแผ่นหลังเนียนก็แอ่นลอยแทบไม่ติดพื้น หนวดเคราเขียวเป็นตอสั้นๆ ที่ครูดผิวอ่อนนุ่มยิ่งสร้างความเสียวซ่าน หน้าท้องแบนราบที่ถูกหนวดครูดผ่าน สะโพกมนก็แอ่นขึ้นเนินเนื้อโหนกนูนเสียดสีแผงอกล่ำสันอย่างไม่รู้ตัว "ขอทำรอยตรงนี้ด้วยนะ" "มะ...ไม่เอานะ อ๊า..." เนินเนื้อสามเหลี่ยมอวบอิ่มที่ถูกริมฝีปากหยักขบเม้มอย่างแรง มื