ดาราขาลงอย่างเธอ รับงานกินข้าวครั้งแรกก็ซวยต้องมาเจอกับอดีตที่เคยผิดพลาด แต่สำหรับเขาเธอเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของการแก้แค้น พราวฟ้า เขมิทัต หรือ พราว ดาราสาวที่น่าจับตาในฐานะนางเอกชื่อดังของช่อง แค่ระยะเวลาเพียงสองปี จากดาราสมทบก็ก้าวขึ้นสู่นางเอกเบอร์ต้นๆ ของประเทศ กลายเป็นดาวจรัสฟ้าเพียงไม่ถึงปีอยู่ๆ เธอก็กลายเป็นดาราขาลง เมื่อมีข่าวฉาวว่าเธอแย่งสามีลูกสาวเจ้าของช่อง และนั่นเท่ากับเป็นการปิดฉากดาราสาวแสนสวยที่กำลังรุ่งโรจน์ลงทันที และเพื่อความอยู่รอดทำให้เธอต้องรับงานกินข้าว ...และครั้งแรกที่รับงาน ก็ต้องเจอกับอดีตที่เคยผิดพลาดของตัวเองอย่าง ฟาริส โยธาทรัพย์สกุล มาเฟียหนุ่มลูกครึ่ง ภาพที่ทุกคนเคยเห็นและได้ยินคือนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง โปรไฟล์ดี ใจบุญชอบช่วยเหลือสังคม แต่น้อยคนนักที่จะรู้เบื้องหลังของเขา และที่เขาเข้าหาเธอ ก็เพียงเพราะรักแรกของเขาอย่าง อลินา ลูกสาวเจ้าของช่องที่เคยมีข่าวกับเธอ - มีการใช้เซ็กทอยส์ นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่ได้มีส่วนพาดพิงถึงบุคคล สถานที่ หรืออาชีพใด
View More"แม่ มีเงินให้ยืมอีกสักห้าหมื่นไหม เดือนนี้พราวไม่พอจริงๆ เดี๋ยวได้เงินอาทิตย์หน้าจะรีบคืนให้ ขอเอาไปจ่ายค่าบ้านกับค่ารถก่อน"
ผู้ที่ถูกเรียกว่าแม่ถอนหายใจหนักๆ ไม่ใช่เพราะความเบื่อหน่ายคนตรงหน้า แต่เป็นเสียงถอนหายใจที่บ่งบอกถึงความสงสารเห็นใจ เพียงแต่ไม่รู้จะช่วยเหลืออย่างไรได้ นอกจากจำนวนเงินที่เจ้าตัวเอ่ยปากออกมา พราวฟ้า ฟังเสียงถอนหายใจนั้นแล้วก็รู้สึกละอายใจไม่น้อย แต่นอกจากแม่เมย์แล้วเธอก็ไม่มีใครที่ไหนอีก ที่จะกล้าเอ่ยคำพูดน่าอายพวกนั้นออกมาได้ แม่เมย์ คือสาวประเภทสองอายุแก่กว่าเธอเกือบยี่สิบปี และเป็นผู้ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการบันเทิงมากว่าสามสิบปี เริ่มไต่เต้าตั้งแต่การเป็นช่างแต่งหน้าในกองถ่ายจับพลัดจับผลูจนมาเป็นผู้จัดการดารามือทองอย่างในทุกวันนี้ ไม่ว่าแม่เมย์จะจับใครคนไหนปั้น ทุกคนล้วนแต่กลายเป็นดาวจรัสฟ้า แต่ทุกอย่างมันคงมีข้อยกเว้น และเธอ…ก็คงเป็นหนึ่งในข้อยกเว้นนั้น เมื่อดาวจรัสฟ้าอย่างเธอ มีเวลาเฉิดฉายในท้องฟ้าราตรีสีนิลได้เพียงไม่ถึงหนึ่งปีด้วยซ้ำ ก็กลายเป็นดาวตกร่วงสวรรค์ ไร้งาน ไร้เงิน อย่างทุกวันนี้ เพียงเพราะข่าวฉาวที่ว่า...แย่งผัวชาวบ้าน "ไอ้พราว เรื่องเงินน่ะไม่ยากหรอก ฉันให้แกได้ แต่ถ้าแกจะเอาไปให้พ่อแกถลุงเล่นอีก คนที่จะไม่ไหวก็คือแกนะ" "อันนี้ไม่ได้ให้พ่อแล้ว พราวจะเอาไปจ่ายค่ารถกับค่าบ้านเย็นนี้ครบกำหนดแล้ว เดี๋ยวมันจะเข้าเดือนที่สามซะก่อน เงินที่ลูกค้านัดจะจ่ายก็เลื่อนเป็นอาทิตย์หน้า" "แกแน่ใจนะว่าไม่ได้เอาไปให้พ่อแกถลุงในบ่อนอีก" "แน่ใจแม่" เมย์มองหน้าเด็กสาวในสังกัด เห็นดวงตาใสซื่อของคนตรงหน้าแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ใบหน้าสวยหวานแต่ก็ดูเก๋ไก๋มีเสน่ห์ นอกจากจมูกโด่งที่สวยด้วยมีดหมอ อย่างอื่นก็ล้วนเป็นของจริง ดวงตากลมโตที่เคยสดใสบัดนี้กลับกลายเป็นดวงตาของคนที่มองอย่างไรก็เหมือนคนอมทุกข์ไว้ตลอดเวลา ริมฝีปากอิ่มที่เคยยิ้มกว้าง ตอนนี้แทบจะไม่เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าหวาน เมย์มองเธออยู่อึดใจก่อนจะตัดสินใจเอ่ยเรื่องที่ค้างคาใจมาตลอดทั้งสัปดาห์ "มีคนติดต่อมา ถามว่าแกรับงานกินข้าวไหม" "งานกินข้าว" พราวฟ้าเบิกตากว้างถามกลับคล้ายไม่อยากเชื่อเรื่องที่ได้ยิน "อืม แต่ฉันยังไม่ได้ตอบกลับเขา เลยลองถามแกดู ที่จริงฉันไม่อยากพูดให้แกรู้ด้วยซ้ำ" "เขาให้เท่าไรน่ะแม่" "สามแสน" "สามแสน" พราวฟ้าทวนราคาค่ากินข้าวตาโต "ยังมีคนสนใจอยากกินข้าวกับพราวอีกหรือเนี่ย ตลกดี" เธอได้แต่ยิ้มหยันให้ตัวเอง ก่อนจะเอ่ย "อ้อ หรือเพราะข่าว ว่าแต่ใครน่ะแม่" "คุณอธิป" คนฟังได้แต่ขมวดคิ้ว เพราะไม่เคยได้ยินชื่อ "เป็นนักธุรกิจน่ะ แต่เขาจะอยู่ต่างประเทศเสียส่วนใหญ่ นานๆ จะกลับมาไทยสักที" "รับเลยแม่" "อะไรนะ นังพราว แกเข้าใจไอ้งานกินข้าวใช่ไหมว่ามันจะไม่ได้จบที่โต๊ะอาหารแต่มันไปจบที่เตียง" "รู้" "แกแน่ใจ" "อื้อ" "ที่ฉันบอกไม่ได้หมายความว่าให้แกรับงานหรอกนะ..." "พราวเข้าใจแม่ แต่แม่ก็ต้องเข้าใจพราว ถ้าไม่รับงานนี้ เดือนหน้าก็ยังไม่รู้จะมีงานอะไรมาให้ทำบ้างเลย รับไลฟ์สดขายของไปเมื่อวานก็ขายไม่ค่อยดี มีแต่คนมาคอมเมนต์ด่า จนลูกค้าเลื่อนจ่ายค่าจ้างเนี่ยแหละ" "แกแน่ใจนะ" "อืม แน่ใจ" การตัดสินใจเพียงเสี้ยววินาที เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสแบบนี้อีกเมื่อไหร่ นอกจากงานในวงการบันเทิงจะหาไม่ได้ แม้แต่แม่เมย์ที่กว้างขวางอยู่ในวงการยังแทบจะหางานให้เธอไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะคู่กรณีของเธอที่เป็นลูกสาวเจ้าของช่องสถานีโทรทัศน์อย่าง...อลินา นางเอกสาวดาวรุ่งที่กำลังมีชื่อเสียงจากละครพีเรียดเรื่องล่าสุด ตกเป็นข่าวแย่งสามีลูกสาวเจ้าของช่อง ฝ่ายชายก็ยังเป็นผู้จัดละครชื่อดัง ข่าวฉาวสะเทือนวงการบันเทิงเมื่อหนึ่งปีก่อนทำให้ชื่อของ พราวฟ้า เขมิทัต หายไปจากวงการบันเทิงทันที จะมีเห็นหน้าคร่าตาตามสื่อบ้างเท่านั้น แต่ทุกครั้งที่เป็นข่าวก็ไม่ใช่เรื่องดีนักหรอก หรือถึงจะเป็นเรื่องดีก็มีแต่คนด่า จะมีก็เพียงรับงานรีวิว ไลฟ์สดขายของเท่านั้น และลูกค้าที่มาจ้าง ส่วนมากเพราะต้องการกระแสดรามาจากเธอเสียมากกว่า ไม่ได้ต้องการยอดขายหรอก แต่ต้องการให้คนมาด่าเพื่อคนจะได้รู้จักสินค้า ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ เพียงแต่ก็ต้องยอมทำเพื่อเงิน กลับออกมาจากบ้านแม่เมย์ยังไม่ได้ครึ่งทาง เสียงแจ้งเตือนข้อความที่ดังขึ้นทำให้เธอละมือจากพวงมาลัยรถมาหยิบโทรศัพท์ขึ้นไปดู เมื่อเห็นว่าเป็นข้อความจากแม่เมย์ ก็รีบตีไฟเลี้ยวจอดรถข้างทางทันที แม่เมย์ : คุณอธิปโอเคแล้วนะ แม่เมย์ : พรุ่งนี้ทุ่มตรงให้แกไปที่บ้านเขา เดี๋ยวฉันส่งโลเคชันให้ พราวฟ้า : ขอบคุณค่ะแม่ มือบางกำโทรศัพท์ในมือแน่น เมื่อตัดสินใจไปแล้ว เธอก็ถอยไม่ได้ "เรียบร้อยไหม อธิป" "เรียบร้อยครับ พรุ่งนี้ทุ่มตรงเธอจะมาที่นี่" "ดีมาก" บุรุษร่างสูงผู้มีใบหน้าหล่อคมคายอย่างคนเชื้อสายยุโรป แต่กระนั้นก็ยังมีเค้าโครงของความเป็นเอเชียปะปนอย่างเข้มข้นไม่น้อย ล้วนผสมผสานกันอย่างลงตัว ส่งให้คนที่ยืนหันหน้าทอดสายตามองทิวทัศน์ของกรุงเทพในยามค่ำคืนจากชั้นสูงสุดของตึกกลางมหานครดูหล่อเหล่าราวประติมากรรมชิ้นเอกของโลก ภายใต้ชุดคลุมอาบน้ำสีเข้มยิ่งส่งให้ร่างสูงใหญ่ดูน่าเกรงขาม ดวงตาคมเข้มเหลือบสายตามอง อธิป ลูกน้องคนสนิทที่กำลังถอยตัวออกห่างหลังจากรายงานเรื่องที่ได้รับมอบหมายและทำสำเร็จ ก่อนจะหันสายตามองผ่านกระจกบานใหญ่ไปยังท้องถนนด้านล่างที่เห็นเพียงแสงไฟระยิบเล็กๆ ไปตลอดทาง พลางยกแก้วเหล้าทรงเพชรที่มีน้ำสีเหลืองอำไพเข้มข้นในแก้วขึ้นกระดกรวดเดียวจนหมด ยกยิ้มมุมปากขึ้นน้อยๆ พราวฟ้า จอดรถสัญชาติยุโรปราคาหลายล้านที่ยังผ่อนไม่หมดตรงหน้าบ้านหลังใหญ่ราวกับคฤหาสน์แถวชานเมือง บรรยากาศยามโพล้เพล้ชวนให้จิตใจเธอสั่นไหวด้วยความกลัวไม่น้อย ยังไม่ทันดับเครื่องยนต์ บอดี้การ์ดหนึ่งในหลายคนที่ยืนอยู่หน้าบ้านก็ตรงมาเปิดประตูรถให้เธอ หญิงสาวก้าวลงมารถมาด้วยความงุนงง และชายชุดดำคนนั้นก็ขับรถเธอออกไป คิดเพียงว่าเขาคงจะนำไปจอดให้ที่โรงจอดรถหน้าบ้านที่เธอเพิ่งจะผ่านมาเมื่อครู่ รู้จากแม่เมย์ว่าคุณอธิปเป็นนักธุรกิจที่รวยมาก เธอพยายามหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตแต่ก็ไม่พบข้อมูลอะไรสักอย่าง ในครั้งแรกที่มายังแอบคิดว่าจะถูกหลอกหรือเปล่า เพราะเงินที่ตกลงก็ยังไม่ทันได้รับสักบาท อาศัยความเชื่อใจจากแม่เมย์เท่านั้นเองตอนเด็กชายราฟฟา อายุได้เกือบสองขวบ วงการบันเทิงก็มีข่าวใหญ่อีกครั้ง เมื่อสาธรประกาศแต่งงานรอบสองกับภรรยาคนเดิมอย่างอลินา ไม่ได้สร้างความแปลกใจให้ทั้งเธอและฟาริส สื่อต่างๆ อวยพรกันอย่างคับคั่งในวันแถลงข่าว แต่ก็มีสื่อบางสำนักที่ยังจำเรื่องราวในอดีตได้เป็นอย่างดี เอ่ยถามถึงเรื่องราวในครั้งนั้นทำนองว่าที่เลิกกันเป็นเพราะดาราสาวอย่างพราวฟ้า "สำหรับน้องพราว เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันครับ จริงๆ เธอเป็นน้องสาวของผม ลูกพี่ลูกน้องกันครับ พ่อผมกับแม่เธอเป็นพี่น้องคนละแม่ แต่ที่ตอนนั้นเราต้องปิดข่าวเพราะย่าผมไม่สบาย ท่านไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน" คำตอบของสาธร สร้างเสียงฮือฮาให้สื่อทุกสำนัก จากนั้นก็ยังมีคำถามอีกมากมายที่ตามมา (ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่คุณพราวเป็นมือที่สามก็ไม่ใช่เรื่องจริง) "ครับ" (คุณอลินาไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนใช่ไหมคะ) "ใช่ครับ คุณอลินาไม่เคยทราบเรื่องนี้ เธอรู้เรื่องตอนงานศพย่าผมนั่นแหละครับ ได้เจอน้องพราวกันโดยบังเอิญในงาน" (คุณสาธรกับคุณอลินาเลยได้มีโอกาสกลับมาดีกันใช่ไหมคะ) "ครับ หลังจากนั้นผมกับอลินาก็ได้มีโอกาสกลับมาคุยกันอีกครั้ง จนถึงวันนี้ครับ
"คุณพ่อคะ คุณพ่อคะ ไหวใช่ไหมคะ" เสียงร้อนรนของพยาบาลที่เอ่ยถาม ชายหนุ่มรูปหล่อที่อยู่ในชุดปลอดเชื้อสีฟ้าเช่นเดียวกับคนท้องที่นอนอยู่บนเตียงผ่าตัด ฟาริสรับแอมโมเนียมาแล้วก็ขยับตัวมานั่งที่เก้าอี้สำหรับคุณพ่อ บริเวณหัวเตียงอย่างเดิม "ไหวไหมคะ ฟาริส" พราวฟ้าเอ่ยถามสามี ที่มีใบหน้าขาวซีดราวกับไก่ต้ม "วะ..ไหว พราวเจ็บหรือเปล่า" เอ่ยถามคุณแม่ที่นอนยิ้มหวานอยู่บนเตียง ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอ "ยังไม่เจ็บหรอกค่ะ" ตอนนี้ยังไม่เจ็บ แต่ไม่รู้ว่าหลังจากยาหมดฤทธิ์แล้วจะเป็นอย่างไร ตอนนี้รู้สึกเพียงเย็นๆ อยู่ที่หน้าท้อง เหมือนมีมือหลายมืออยู่ที่นั่น "ถ้ากลัวเลือดก็อย่าไปมองซิคะ" "ไม่ได้กลัวเลือด แต่กลัวพราวเจ็บ" เพราะภาพที่เขาเห็นเมื่อครู่หลังจากที่หมอกรีดมีดอันเล็กลงที่ผิวหนังหน้าท้องของภรรยา เลือดก็ค่อยๆ ซึมออกมาจากเล็กน้อยกลายเป็นแดงเถือก ความกลัวในชีวิตแทบไม่เคยเกิดขึ้นอยู่ๆ เขาก็แทบเข่าทรุดอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่กลัวเลือด แต่กลัวว่าคนที่นอนท้องโตให้หมอกรีดมีดลงไปจะเจ็บ เธอต้องอดทนขนาดไหน แพ้ท้องก็แสนทรมาน ยิ่งภาพเมื่อครู่ทำเขารู้สึกสงสารเธอขึ้นมาจับใ
เธอสวยกว่าทุกคนที่เขาเคยควง เธอน่ารักสดใสจนไม่อยากทำร้ายแต่ในขณะเดียวกันความเซ็กซี่ของเธอมันกลับเป็นตัวอันตรายที่ทำเขาอดใจไม่อยู่ไปพร้อมๆ กัน "อยากนอนกับฉันไหม" ใบหน้าหวานตื่นตกใจไม่น้อย แต่ตอนที่เขาจ้องมองเธอ ดวงตาคู่สวยกลับไม่ยอมหลบสายตา "เอ่อ..." เสียงครางในลำคออย่างคนที่ใช้ความคิด เธอคงกำลังตัดสินใจกับเรื่องตรงหน้า อย่างน้อยเขาก็ควรบอก "วันไนต์สแตนด์นะ" "เอ่อ..." เธอยังหาเสียงตัวเองไม่เจอ ไม่รู้ว่าตัดสินใจอย่างไร แต่ใบหน้านั้นหม่นลงเล็กน้อย "พอเดินได้ไหม เดี๋ยวฉันไปส่ง พักอยู่ที่ไหน" เห็นหน้าตื่นๆ ลังเลของเธอ เขาก็เลยยอมตัดใจ แต่พอคนตัวสูงลุกขึ้นยืน ข้อมือเขาก็กลับถูกรั้งเอาไว้ "ที่นี่หรือคะ" คำถามกล้าๆ กลัวของคนตัวเล็ก ทำความอดทนเขาขาดลงตรงนั้น ฟาริสนั่งลงที่โซฟาอย่างเดิม รั้งเอวบางของคนตรงหน้าให้ขยับตัวมาแนบชิด ฝ่ามืออีกข้างประคองท้ายทอยรั้งเข้าหา เขาจูบเธออยู่นาน จูบที่รู้ว่านั่นเป็นจูบแรกของเธอด้วยซ้ำ คนตัวเล็กที่จูบตอบกลับอย่างไม่ประสามันชวนให้อารมณ์แห่งความต้องการแสนดิบเถื่อนพลุกพล่าน ในคืนนั้นเขาจึงแทบจะไม่ได้อ่อนโยนกับเธอสักเท่าไร แต่กระนั้
"พราว แกไปไหนมาอ่ะ หายไปตั้งนาน" น้ำขิงเอ่ยทักเพื่อน แต่พอมองแก้วกาแฟในมือพราวฟ้าก็ได้แต่ร้องอ๋อ "ไปซื้อกาแฟที่ตึกบริหารอีกแล้วซิ" น้ำเสียงล้อเลียน พลางหลิ่วตาใส่เพื่อนอย่างรู้ทัน "ก็เราชอบกาแฟร้านนี้ มันอร่อยดี" "แล้วได้เจอไหมล่ะ" "อื้อ" คนตอบได้แต่ทำเสียงในลำคอ ใบหน้าหวานเห่อแดงขึ้นทันตา คนที่อยากเจอก็ได้เจอ เพียงแต่เขาไม่เคยเห็นเธอก็เท่านั้นเอง ในทุกวันจันทร์เธอจะสามารถเห็นฟาริสได้ที่โต๊ะหินอ่อนใต้อาคารบริหาร ซึ่งร้านกาแฟร้านโปรดของเธอก็อยู่ใกล้ๆ ตรงนั้น ในทุกวันอังคารช่วงเที่ยงเธอจะเจอเขาได้ที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย แอบรู้ทีหลังจากพี่สาวน้ำขิงว่า ฟาริสจะมีชั่วโมงว่างตอนเที่ยงซึ่งจะต้องเข้าคลาสอีกทีก็เกือบบ่ายสอง หลังจากกินข้าวเสร็จเธอก็จะเจอเขาได้ที่ห้องสมุดบ่อยๆ แต่เขาก็ไม่เห็นเธออีกเช่นเคย เพราะคนที่มาห้องสมุดก็แค่เพื่อพักสายตาเท่านั้น บนโต๊ะมุมด้านในไม่มีหนังสือสักเล่ม มีเพียงใบหน้าหล่อเหลาที่ฟุบลงบนแขนของตัวเอง หลับตาตากแอร์เย็นฉ่ำอยู่ด้านใน เธอมีโอกาสเจอเขาครั้งแรกที่นี่เมื่อเดือนก่อน เพราะต้องมายืมหนังสือเพื่อทำรายงาน ขณะกำลังเขย่งปลายเท้าเพื่อห
สาธรรีบเดินมาต้อนรับพราวฟ้าผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องที่หน้าศาลา อธิปยื่นพวงหรีดขนาดใหญ่ส่งให้ สาธรรับไปแล้วก็เดินไปส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ของวัดช่วยจัดการ เธอเข้าไปรดน้ำศพคุณย่าของพี่ธรเสร็จแล้ว ก็เดินเลยไปทางชายชราที่นั่งอยู่เก้าอี้ไม้ตัวใหญ่อีกฝั่ง โดยมีฟาริสตามประกบไม่ห่าง "สวัสดีค่ะคุณตา" "พราว...เป็นไงบ้างลูก" "สบายดีค่ะ" "นี่ใช่ไหม คุณฟาริสที่เป็นข่าวว่ากำลังจะแต่งงานกัน" "ครับ สวัสดีครับ" "สวัสดี ขอบคุณนะครับที่ช่วยดูแลยายพราวอย่างดี ผมผิดต่อแม่ยายพราวไว้เยอะทีเดียว" "เรื่องอดีตช่างมันเถอะครับ พราวเขาก็ไม่ได้ติดใจอะไร ดูแกยังรักพี่ธรเหมือนพี่แท้ๆ อีกต่างหาก" ขนาดยอมลงทุนให้ตัวเองถูกสังคมด่า แม้อยากจะพูดต่ออีกหลายคำ แต่ฟาริสก็เพียงละไว้เท่านั้น เพราะนึกเห็นใจคนที่เพิ่งกำลังสูญเสีย "ตาขอโทษนะ" "ไม่เป็นไรเลยค่ะ คุณตาทำใจให้สบายนะคะ แต่อีกเดี๋ยวสักพักพราวอาจจะต้องกลับก่อนนะคะ ไม่แน่ใจว่าจะมาได้อีกหรือเปล่าค่ะ เอ่อ..คือ พราวกำลังท้องน่ะค่ะ การเดินทางอาจไม่ค่อยสะดวก" "อ้าว..จริงหรือ ตาดีใจด้วย..แค่นี้ก็ดีแล้วลูก ลำบากแย่" "งั้นเดี๋ยวพราวขอตัวก
แต่งฟ้าแลบ พราวฟ้า ประกาศสละโสดกับนักธุรกิจหนุ่มโพรไฟล์หรู ข่าวพาดหัวในเช้าวันใหม่ที่สร้างความฮือฮาให้กับวงการบันเทิงไม่น้อย ชื่อของฟาริส กลายเป็นที่กล่าวถึงไปโดยปริยาย หลายเพจข่าวที่ตีแผ่ประวัติแม้จะไม่ละเอียด แต่ก็พอรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ที่สำคัญและดูผู้คนจะสนใจคงไม่พ้น ไอ้นามสกุลต่อท้ายที่ถูกสื่อตั้งขึ้นให้ ฟาริส นักธุรกิจแสนล้าน และดูคำนั้นจะไม่เกินจริงสักนิด เสียงโอ้กอ้าก ที่ดังมาจากห้องน้ำ หญิงสาวตัวเล็กยืนโกงคออยู่เหนือชักโครกโดยมีชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ยืนลูบหลัง "เป็นไงบ้าง โอเคไหม พราว" "ดีขึ้นแล้วค่ะ" ใบหน้าหวานขาวซีด ท่าทางอ่อนเพลีย เพราะตั้งแต่เช้านี่เป็นรอบที่สามที่เธอต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ อาการแพ้ท้องดูจะเล่นงานเธอไม่น้อย "ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวจะได้กินยา" "ข่าวออกแล้วหรือคะ" "อืม ออกแล้ว ทำไมครับ คุณแม่กลัวเรตติ้งตกหรือไงที่จะต้องแต่งงาน" "กลัวคุณสามีแห่งชาติจะถูกสาวๆ รุมต่างหาก" "อันนี้ก็อาจจะจริง" คนท้องได้แต่ส่งสายตาเขียวๆ "ไหนว่าไม่ชอบเป็นข่าวไงคะ" "ทำไงได้ล่ะ ก็ได้เมียเป็นดารานี่ ว่างๆ จะผันตัวเองไปเป็นอินฟลูเอนเซอร์แล้วเนี่ย" "ค
หดคอกลับพร้อมสายตาเขียวๆ อย่างไม่จริงจังนัก แต่เมื่อเขาบอกให้อยู่เฉยๆ เธอจึงได้นิ่งค้างอยู่แบบนั้น ฝ่ามือใหญ่ปัดข้างแก้มเบาๆ แล้วก็อ้อมไปด้านหลังศีรษะ พลันของบางอย่างก็ร่วงจากมือมาอยู่ข้างลำคอ "อุ๊ย! อะไรคะ" อุทานด้วยความตกใจ แต่พอก้มมองสายสร้อยที่อยู่ตรงลำคอ และมืออีกข้างของเขาก็หยิบชายสร้อยอีกข้างขึ้นเพื่อติดตะขอให้เธอ "คุณฟาริส!!" เธอร้องด้วยความตกใจมากกว่าตอนอุทานเมื่อครู่เสียอีก เมื่อจดจำมันได้ว่าไอ้สร้อยเส้นนี้ก่อนหน้านี้มันยังวางโชว์อยู่ในชอป และที่สำคัญราคากว่ายี่สิบล้าน เธอจำได้เพราะตอนที่เดินผ่านแอบแวะมองมันเห็นราคาแล้วก็แทบจะคำนวณเป็นเงินไทยไม่ถูกเลยทีเดียว "จะร้องตกใจอะไร" "มันแพงมากเลยนะคะ" "ก็เห็นเธอไปยืนมองมันอยู่" "พราวแค่มองว่ามันสวยดี เห็นดาราเกาหลีใส่กันหลายคน เลยไปแอบมองราคาเฉยๆ" "ก็อยากซื้อให้เมียไม่ได้หรือไง" "คุณจะซื้อทุกอย่างที่พราวมองไม่ได้หรอกน่ะ งั้นถ้าพราวมองดวงจันทร์คุณไม่ต้องขี่จรวดไปเอามาให้หรือไงคะ" "ฉันจะไปนาซ่าให้เขาผลิตยานอวกาศให้" "คุณไปคนเดียวนะ พราวกลัวตาย" ฟาริสหัวเราะร่วนแล้วก็ดีดหน้าผากเหม่งของเธอไปเสียอีก
จนมาถึงทางออกจึงได้เห็นเครื่องบินขนาดไม่ใหญ่เท่าเครื่องบินพาณิชย์ แต่ยี่ห้อที่ตัวเครื่องนกยักษ์ลำใหญ่แสดงบริษัทสายการบินระดับโลกอย่างผู้มีอันจะกินมักใช้บริการ เพราะมันคือเครื่องบินเช่าเหมาลำ นอกจากฟาริส คุณอธิป ก็ยังมีทีมบอดี้การ์ดอีกห้าคนที่ร่วมเดินทางในครั้งนี้ แม้เครื่องบินจะลำเล็กกว่าปกติมาก แต่เมื่อขึ้นลอยลำบนท้องฟ้าได้ ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ภายในห้องโดยสารหรูหราไม่ต่างจากชั้นเฟิสต์คลาสสักนิด ลูกเรือสาวสวยสองคนที่คอยบริการตลอดการเดินทาง ดูจะพิเศษกว่าสายการบินปกติ กว่าสิบสองชั่วโมงในการเดินทาง แม้จะเหนื่อยล้า แต่เมื่อมาถึงวิลล่าหลังใหญ่ใกล้ทะเลสาบก็ทำให้เธอหายเหนื่อยได้ทันที แสงสะท้อนของดวงอาทิตย์กระทบผิวน้ำระยิบในช่วงเที่ยงของวันกับอากาศเย็นสบายแม้จะเป็นในช่วงฤดูร้อน "อ้าว มาถึงกันแล้วหรือ" เสียงทักเป็นภาษาไทยจากด้านหลัง พอหันไปเธอก็เห็นชายสูงวัยคนเดียวกับเมื่องานวันเกิดที่บ้านหลังใหญ่ "สวัสดีครับพ่อ" ฟาริสเดินเข้าไปสวมกอดคนที่เรียกว่าพ่อ ส่วนเธอเดินเข้าไปหาท่านพลางยกมือขึ้นไหว้ "สวัสดีค่ะ" "หนูเองหรือที่ช่วยจัดงานวันเกิดให้ฉัน ขอบใจนะ วันนั้นติ
พราวฟ้าถูกอุ้มขึ้นในท่าที่เธอยังคร่อมเขาอยู่ แต่ดูท่าฟาริสคงจะไม่ได้จับเธออุ้มแตงอยู่ตรงนี้ เมื่อเขาเดินไปทางชั้นลอยของเพนต์เฮ้าส์ เธอจึงได้รู้ว่าห้องนอนเขาอยู่ด้านบน เธอถูกวางลงที่เตียงใหญ่ ฟาริสก็จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะจับชุดเดรสตัวสวยของเธอถอดออกทางศีรษะ บราเซียเกาะอกไร้สายก็ถูกถอดออกอย่างรวดเร็ว รวมถึงแพนตี้ตัวจิ๋ว ฟาริสประทับจูบมาอีกครั้ง ซุกไซ้ลำคอระหงหนักๆ คนตัวเล็กก็รีบเอ่ยห้ามอีกครั้งเช่นกัน "ไม่ทำคอเป็นรอยหรอก เดี๋ยวทำตรงอื่นแทน" ตรงอื่นที่ว่าคงเป็นหน้าอก เมื่อเนินอกอิ่มถูกเขาขบเม้มแรงๆ จนเกิดรอยแดง "ฟะ..ฟาริส" เสียงกระเส่าคล้ายเอ่ยห้าม แต่กระนั้นมันกลับยิ่งทำให้คนที่ยังดูดเม้มยอดอกยิ่งหื่นกระหาย ทุกตารางนิ้วที่ลิ้นร้ายตวัดเลียแผ่นหลังเนียนก็แอ่นลอยแทบไม่ติดพื้น หนวดเคราเขียวเป็นตอสั้นๆ ที่ครูดผิวอ่อนนุ่มยิ่งสร้างความเสียวซ่าน หน้าท้องแบนราบที่ถูกหนวดครูดผ่าน สะโพกมนก็แอ่นขึ้นเนินเนื้อโหนกนูนเสียดสีแผงอกล่ำสันอย่างไม่รู้ตัว "ขอทำรอยตรงนี้ด้วยนะ" "มะ...ไม่เอานะ อ๊า..." เนินเนื้อสามเหลี่ยมอวบอิ่มที่ถูกริมฝีปากหยักขบเม้มอย่างแรง มื
Comments