“แล้วจะให้ผมทำอย่างไรเล่า แมวตัวนี้แม่ผมเอามาฝากไว้ ท่านไปทัวร์ยุโรป แต่มันคงไม่ชอบผมเลยหาทางหนีคงชอบผู้หญิงเลยหนีมานอนกับคุณ”
มิราเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าตึกแถวห้องข้างๆ ที่มีระเบียงติดกัน มีเจ้าของใหม่มาซื้อไว้แต่เธอไม่รู้ว่าเป็นใครคงจะเป็นเขานี่แหละ
“ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่คุณบุกรุก ออกไปเดี๋ยวนี้เลย”
เขาเดินไปนำเหมียวน้อยไปใส่ไว้ในตะกร้าแบบมีฝาที่เตรียมมาด้วย
“ไม่ได้บุกรุกผมแค่มาตามแมว”
มิราเริ่มหายกลัวในเมื่อคุยกันรู้เรื่อง คงไม่ใช้คนบ้า แต่ยังไม่วางใจนักกอดหมอนไว้แนบอกหวังใช้เป็นที่พึ่ง
“คุณมาตามแมวในบ้านของฉันซึ่งฉันไม่อนุญาตถือว่าบุกรุก”
“โธ่คุณบ้านใกล้เรือนเคียงกัน ผม..หัสนัย..ผมอยู่ข้างๆ คุณนี่เองยินดีที่รู้จัก”
แววตาไม่มีอะไรแอบแฝงแต่ทว่าออกจะยียวน
“คุณควรเข้ามาดีๆ เช่นมาเคาะประตูถามฉันขออนุญาตฉันก่อน ไม่ใช่แอบปีนเข้าบ้านคนอื่นแบบนี้”
“ผมไม่มีเวลาคิดผมกลัวมันหนี ขอโทษอีกทีสำหรับ...”
ดวงตามีแววประกายระยิบระยับจนมิราคิดไปถึงปากอุ่นที่ประกบปากของมิราเมื่อสักครู่
“นั่นมันจูบแรกของฉัน”
เขาเลิกคิ้วสูง อมยิ้มแสดงความแปลกใจและสีหน้าแสดงว่าไม่ได้เชื่อคำพูดของมิราแม้แต่น้อย
“คุณคิดว่ามันเป็นจูบด้วยหรือผมคิดว่ามันเป็น...อุบัติเหตุ”
น้ำเสียงยังยียวนเหมือนเดิม มิราหน้าแดงรู้สึกอาย
“อย่างนั้นผมให้คุณจูบคืนละกัน ว่าแต่ผู้หญิงสวยๆ อย่างคุณนี่ไม่น่าเชื่อว่าเป็นจูบแรก”
แววตาไหวระริกมองมิราอย่างมีความหมาย มิรารู้สึกโกรธจริงๆ
“คนบ้า”
ปาหมอนที่กอดอยู่ใส่เขาเต็มแรง แต่เขากลับรับได้ทันมิรายิ่งโมโห
“ออกไปได้แล้ว”
“ผมเดินลงบันไดไปแล้วกัน”
หิ้วตะกร้าใส่แมวทำท่าจะจากไป
“มาทางไหนไปทางนั้นคุณปีนเข้ามาก็ปีนออกไป”
“ไม่ไหว ผมมีเจ้าโยดาอยู่ด้วยปีนไม่ได้”
“นั่นมันเรื่องของคุณ” มิราฉุนจัด
“คุณเป็นแผลนี่”
ไวชะมัดกระโดดขึ้นมาบนเตียงคุกเข่าตรงหน้ามิรา จับไหล่มิราไว้แน่นชันเข่าขึ้นจ้องดูแผลที่หน้าผากของมิรา ที่มีเลือดซึมมิรารู้สึกว่าตัวเองหัวใจเต้นตุบตับ ก้มลงมองแผงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามก็ยิ่งทำให้ใจสาวสั่นไหว ใบหน้าที่บวมเริ่มยุบลงแล้วจนไม่เหลือเค้าลางว่าเคยมีอาการบวมมาก่อน แต่แผลที่ศีรษะยังมีเลือดซึมออกมา
“ปล่อย”
มิราพูดเบาๆ
“ไปโดนอะไรมา ผมล้างแผลให้ไหมเผอิญผมเป็นหมอแผลค่อนข้างแย่ ล้างแผลบ่อยๆ แผลหายเร็วและไม่เป็นแผลเป็น”
จริงหรือนั่น
“อุบัตินิดหน่อย”
มิราเสียงอ่อนลงเมื่ออีกคนมีท่าทีห่วงใยอย่างจริงจัง ลมหายใจอุ่นๆ รินรดใกล้ๆ
“อยู่นิ่งๆ ให้ผมดูที คุณมีพวก เบตาดีน แอลกอฮออล์กับสำลีไหม เดี๋ยวผมล้างแผลให้ถือเป็นการไถ่โทษ”
น้ำเสียงยังคงเหมือนออกคำสั่งมากว่าจะใส่ใจ
“อยู่ในตู้ยา”
ว่าพลางชี้มือไปที่ตู้ยาใบเล็ก หัสนัยเดินไปรื้อค้นหาของที่ต้องการแล้วหอบมาพะรุงพะรัง
“นอนลงเลย”
ออกคำสั่งตามเคย ไม่พูดเฉยๆ ยกมือขึ้นจะดันตัวมิราให้ล้มลงแต่มิรายกมือขึ้นปัดป้องเขาขมวดคิ้ว
“ห่วงตัวชะมัด ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกเชื่อใจผมสิ ผมเคยเจอคนที่สวยกว่าคุณเซ็กซี่กว่าคุณมาตั้งเยอะแยะ ยังไม่เคยไปทำอะไรเขาเลย ผมเป็นหมอนะคุณ หรือว่าวันนี้คุณจะดูสวยกว่าทุกวันนะ”
มิราขมวดคิ้วบ้างนี่มันเรื่องอะไรกัน วันสองวันมานี้ทำไมเจอแต่คนแปลกๆ
มิรานอนลงช้าๆ เขาคุกเข่าลงข้างเตียง มิราปล่อยให้เขาล้างแผลให้ว่าแต่มือเบาเหลือเกินต่างจากคำพูดที่ค่อนข้างไม่มีความอ่อนโยนเจือปนอยู่
“เจ็บไหม แต่คงไม่เจ็บหรอกดูท่าทางคุณเป็นคนหัวแข็งนี่”
มิราขมวดคิ้วคำพูดเขาไม่ค่อยจะเข้าหูมิรานัก จ้องมองแผลไม่วางตาเมื่อเสร็จภารกิจสายตาไล่เรื่อยลงมาที่ดวงตากลมของมิรา เขาเผลอจ้องตามิราจนมิราต้องเบือนหน้าหนีสายตาคม
“คุณชื่ออะไร”
“มิรา”
เขาเอ่ยชื่อมิราเบาๆ เหมือนกับจะพยายามจดจำชื่อมิราไว้
“เอาล่ะคุณมิรา ผมคงต้องขอตัว คราวนี้คุณคงไม่ปล่อยให้ผมปีนระเบียงกลับไปแล้วล่ะใช่ไหม สายตาคุณออกจะเป็นมิตรน่ารักซะขนาดนั้นถึงตอนนี้ผมเดินลงบันไดไปได้แล้วใช่ไหม”
“คุณ ...หยุดพูดจาแบบนี้ได้แล้ว ไปให้พ้น คุณจะไปทางไหนเรื่องของคุณ”
“ถ้าคิดถึงผมจนหักห้ามใจไม่ไหว ไปหาผมได้นะบ้านผมไม่ต้องเคาะประตู หรือคุณจะปีนระเบียงเหมือนที่ผมปีนเข้าไปหาผมก็ได้ผมไม่ถือ ผมอยู่ข้างๆ คุณแค่นี้เอง” สุดจะทนกับคำพูดแบบนั้นของเขา
“อย่าหวังว่าจะได้เจอฉันอีก”
มิราปาหมอนตามหลังเขาไป เขาหิ้วตะกร้าแมวแล้วหัวเราะเสียงใสอย่างมีความสุขออกจากห้องไป
ถอนหายใจยาว เฮ้อ ไม่เข้าใจเลยทำไมเจอแต่คนแปลกๆ พลิกตัวลุกจากที่นอนอาบน้ำแต่งตัวแผลไม่เจ็บเท่าที่ควรจะเป็นคงเป็นเพราะแผลสะอาดความหิวเริ่มรบกวนจิตใจ มิราเดินลงมาชั้นล่าง ต้องหาอะไรรองท้องเสียหน่อย เปิดตู้เย็นว่ามีของสดอะไรบ้าง ได้หมูบดและกุ้งสดมานิดหน่อยคงต้องกินข้าวต้ม สวมผ้ากันเปื้อนเตรียมลงมือ
เสียงเคาะประตูเบาๆ มิราเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนด้วยความเคยชิน ชักสงสัยหรือจะเป็นเฮงที่ที่บอกว่าจะมาอยู่ๆ ก็คิดถึงใบหน้าใสซื่อ แต่เมื่อไปถึงหน้าบ้าน ที่เป็นประตูกระจกใส คนที่มิราเห็นก็คือปัณภัทร เขามาอยู่นี่ได้อย่างไรทั้งๆ ที่เขาน่าจะอยู่ที่เรือนหอหรืออยู่เคียงข้างนิรมน เพราะมือคืนเพิ่งผ่านพ้นงานแต่งมาหยกๆ
แววตาเศร้าสร้อยของปัณภัทรเหมือนกับมีหลายสิ่งในนั้นเหมือนกับโลกทั้งใบโถมทับมาที่ตัวเขา มิราเดาไม่ออกว่าเขามีเรื่องอะไรหนักใจหนักหนา
เอื้อมมือเปิดประตูด้วยมือที่เย็นเฉียบ หัวใจไหววูบเมื่อครั้งสุดท้ายที่ปัณภัทรมาเยือนที่นี่ มันคือวันที่มิราสูญเสียเขาไปให้เพื่อนรัก
“พี่ปัณ มีธุระอะไรกับมิราหรือเปล่า”
เป็นคำทักทายที่ดีที่สุดในเวลานั้น น้ำเสียงแหบพร่าที่มิราพยายามสะกดกลั้นเอาไว้ศาลพระพรหม หน้าโรงพยาบาลพวงมาลัยดอกมะลิส่งกลิ่นหอมกรุ่น เฮงเดินผ่านเตรียมเรียกแท็กซี่ แต่อะไรบางอย่างที่ศาลพระพรหมสะดุดตาเหลือเกิน“เฮ้อเมื่อไหร่จะเจอ คนที่ถูกใจเสียที ไปลองอธิฐานขอพรดูดีกว่าเผื่ออะไรๆจะดีขึ้นมาบ้าง"บ่นเบาๆแม้จะรู้สึกเสียใจที่พลาดจากมิราแต่ก็ยังคงคิดว่าไม่ถึงเวลาของตัวเองมิราพบคนที่ดีดีอย่างหัสนัยเขา็้ดีใจด้วยที่สุดนั่งลงประนมมือตรงหน้าอธิฐานเบาๆก่อนจะยิ้ม"ขอแค่ใครสักคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างกันจนแก่เฒ่า"ยิ้มกับคำอธิฐานของตัวเองว่าทำไมขอน้อยจังไม่ขอคนสวยๆดีๆเหมือนคนอื่นเขา แสงสว่างวาบจากดอกบัวในมือพระพรหมที่สว่างขึ้นมาเมื่อคำขอจบลง คงมีบางอย่างที่รับรู้ในคำขอของเฮงแล้วล่ะ แต่เฮงไม่ทันเห็นโยดา กลายเป็นแมวสีส้ม ยืนคลอเคลียเฮงอยู่ ได้เวลาย้ายบ้านแล้วโยดา“เมี๊ยว” เฮงอุ้มโยดาขึ้นมามอง ดวงตากลมโตของเจ้าเมี้ยวจ้องตอบ“น่ารักจัง ไปอยู่ด้วยกันไหม ฉันกำลังเหงาๆพอดีเลย”“เมี๊ยวๆ ๆ” เจ้าแมวส้มท่าทีกวนประสาทแต่ดวงตาบ๋องแบ็วส่งเสียงร้องตอบรับคำเชิญของเฮง"นายชวนฉันเองนะ ความหฤหรรษ์กำลังจะเริ่มขึ้นฉันสัญญาเลยสำหรับนายคนคุ้นเคยกันมาก่อนฉันจะกัดเบาๆเอ๊ยไม่ใช่ฉันจะหาคนที่น่ารักที
“จรรยาบรรณแพทย์ไปไหนหมดค่ะ”“แพทย์ก็คนนะคุณ ผมก็มีอารมณ์เหมือนกันไม่ใช่พระอิฐพระปูน 555ไม่อย่างนั้นจะมีเมียได้เหรอ” มิราทุบอกเบาๆ หัสนัยจับมือบางสบตาส่งสายตากรุ้มกริ่ม“อีกไม่กี่วันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว จะเอาสินสอดเท่าไหร่ ผมรอไม่ไหวแล้ว” มิราก้มหน้ามองแผงอกกว้าง“ถือว่าเป็นคำขอแต่งงานหรือเปล่า” หัสนัย คุกเข่าลงกับพื้นยื่นส่งแหวนเพชรน้ำงาม ให้กับมิรา“แต่งงานกับผมนะครับมิรา ....ผมรักคุณ....” เสียงสะท้อนว่า...รักคุณ...ดังก้องเข้าไปในหัวใจของมิรา หรือว่าเธอคิดไปเองมิรายิ้มทั้งน้ำตา“ค่ะพี่หาด” หัสนัยยืนขึ้นจุมพิตที่หน้าผากเบาๆ เมื่อมิรารับแหวนมากำไว้“พรสุดาเปิดประตูเข้ามาพร้อมเฮง ที่ใบหน้าเศร้าสร้อย“เซอร์ไฟร์ส ดีใจด้วยนะมิรา” พรสุดา ถลาเข้าขอดูแหวน เฮงจับมือหัสนัยเขย่าเบาๆ เป็นการแสดงความดีใจ โยดาเข้ามาทีหลัง สวมกอดหัสนัยแทนคำดีใจ“นายมังกรคงดีใจที่นายทำสำเร็จหลังจากที่เขาพยายามอย่างหนัก” โยดาเผลอพูดขึ้นทำเอามิราและหัสนัยมองหน้ากัน โยดารู้ว่าตัวเองพูดผิด จึงแกล้งพูดกลบเกลื่อน“อ๋อ...อย่ามองหน้าผมอย่างนั้นสิ ผมหมายความว่า เขาพยายามจะจีบคุณมิราแต่ไม่สำเร็จ แต่คุณหัสนัย ก็ทำให้
ห้องผ่าตัดถูกเตรียมอย่างเร่งด่วน มิราชีพจรเต้นช้าลง ในฝันมิราเห็นมังกรยืนอยู่ด้วยชุดสีขาวสะอาดตา โบกมือลาเธอพร้อมรอยยิ้มยียวน เหมือนที่เคยเห็นเป็นประจำ มิราเผลออมยิ้มรู้สึกเป็นสุขเมื่อเห็นรอยยิ้มแบบนั้นของมังกรการผ่าตัดผ่านไปนานแสนนาน อาหารกลางวันที่หัสนัยไม่มีทางได้ออกจากห้องผ่าตัดมากินถูกนำมาส่งโดยเฮง และพรสุดาที่มาคอยอยู่เป็นเพื่อนคุยกับโยดาที่บัดนี้กลับเศร้าสร้อย พรสุดาพร่ำพูดขอบคุณมังกรและโยดาซ้ำๆ เกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะ ทีมแพทย์สามารถนำอวัยวะของมังกรช่วยเหลือผู้ป่วยได้อีกสองสามรายในเวลาเดียวกัน (กุศลอันยิ่งใหญ่คือการบริจาคอวัยวะอย่างน้อยก็ต่อชีวิตให้ผู้อื่นแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนแต่เชื่อเถอะเขาจะไม่มีวันลืมคุณ)หัสนัยออกมาจากห้องผ่าตัด ใบหน้าอิดโรยโยดานั่งนิ่ง พรสุดากับเฮงวิ่งเข้าถามถึงอาการของมิราหัสนัยยิ้มแห้งๆ“ต้องรอดูก่อนว่าการตอบสนองจะเป็นอย่างไร และมีการติดเชื้ออย่างอื่นร่วมด้วยไหม ตอนนี้เธออยู่ในห้องปลอดเชื้อ พวกคุณยังเข้าไปเยี่ยมไม่ได้จนกว่าจะออกมาอยู่ห้อง ซีซียู” หัสนัยเดินเข้าไปหาโยดายื่นส่งมือเขาให้โยดาจับ โยดายื่นมือมาจับมือของหัสนัย“ขอบคุณจริงๆ ครับขอบคุณทั้ง
สังเกตสีหน้าของโยดาด้วยความเห็นใจ“แล้ว เมื่อไหร่เขาจะฟื้น”ถามไปทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีทางแล้ว“ผมบอกไม่ได้อาจจะหนึ่งชั่วโมง หนึ่งวัน หนึ่งเดือนหรือหลายปีหรืออาจไม่ฟื้นขึ้นมาเลย จำเป็นต้องรอปาฏิหาริย์” โยดาขมวดคิ้ว“แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป”น้ำเสียงเลื่อนลอย“ทางการแพทย์เราถือว่าผู้ที่สมองตายคือ ก้านสมองถูกทำลาย คือผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว อวัยวะส่วนอื่นๆ จะลดการทำงานลงและจะเสื่อมสภาพตอนนี้เราใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ทำให้หัวใจยังเต้นได้ประมาณ1-2วันหากนานกว่านี้หัวใจก็จะหยุดเต้น และต้องรอให้ญาติตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป”“คุณรู้สึกอะไรไหมคุณหัสนัย” โยดาถามยิ้มหยัน จะอยากฟังคำตอบอะไรจากพวกมนุษย์“ผม...รู้สึกใจหาย ไม่น่าเชื่อว่าทุกอย่างจะเลวร้ายกว่าที่คิดไว้ ผมเข้าใจความรู้สึกคุณดี ผมเสียใจที่คุณมังกรต้องมารับเคราะห์แทนมิรา มิราเองตอนนี้หัวใจของเธอก็มีปัญหา อายุเธออาจจะไม่ยืนยาวไปกว่านี้หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที”“หมายความว่าอย่างไร”“มิราหัวใจเธอมีปัญหาตั้งแต่กำเนิด ต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ ดีที่ผมตรวจพบก่อนแต่น่าแปลกที่ไม่เคยเห็นเธอมีอาการอะไรมาก่อนเลย จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุครั้
หัสนัยประคองมิรานั่งกึ่งนอนอยู่ที่เบาะหลัง ส่วนมังกรเบาะหน้าถูกปรับเอนเลือดท่วมตัว โยดาขับรถเร็วปานจะเหาะแต่หัสนัยกับคิดว่ามันช้าเหลือเกินรถแล่นมายังดรงพยาบาลประจำจังหวัด จอดหน้าห้องฉุกเฉินบุรุษพยาบาลเข็นรถเข็นมาแต่ช้ากว่าหัสนัยที่อุ้มมิราเข้าไปข้างในห้องพร้อมกับ บอกพยาบาลเสียงดังลั่น“ผมเป็นหมอ” พยาบาลรีบเตรียมอุปกรณ์ให้กับหัสนัย มังกรถูกเข็นเข้ามาบ้างคราวนี้เองที่โยดาสีหน้าเป็นกังวล เผลอยกมือขึ้นไหว้“ท่านพ่อ อย่าทำให้เจ้ามังกรต้องจากไปอย่างนี้เลย ลูกยังไม่ได้บอกลาและเขาเองก็ยังไม่ได้บอกลาสาวน้อยในดวงใจ” โยดาลงทุนขอร้องต่อพระพรหมหันหน้าไปทางศาลพระพรหมในโรงพยาบาล ใบหน้าเป็นกังวลไม่สามารถปิดบังได้ก็มังกรไม่เคยเป้นแบบนี้สักทีกี่ปีที่เคยพบกันไม่เคยเจ็บไม่เคยตาย โยดาเพิ่งจะรู้ในตอนนี้เองว่าใจหายแค่ไหนหากมังกรจะจากไปจริงๆหมอวิ่งวุ่นเมื่อมังกรถูกเข็นเข้าไปในห้องโยดาเริ่มวิตก เพราะปกติเคยเห็นแต่ว่าหากมังกรมีแผล แผลของเขาจะหายเองในเวลาไม่กี่อึดใจ หรือว่าครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้งเขาโดนหนักไปหน่อยสักพัก หมอออกมาบอกกับโยดาว่ามังกรสมองกระทบกระเทือนอย่างแรง ทำให้สมองตาย ต้องใส่เครื่องช่วยหายใ
บัดนี้เด็กหญิงตัวน้อยอยู่ใกล้เกินกว่าใกล้ แต่มิราจะมีใจให้เขาเหมือนที่เขาเฝ้าฝันถึงเธอตลอดเวลา15ปีที่ผ่านมาไหมหัสนัยขับรถห่างตัวเมืองมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้าสู่เขตจังหวัดหนึ่ง ที่สองข้างทางเริ่มร่มรื่น มิรามองนู้นมองนี่“ชลบุรี คุณหัสนัยมาทำไมที่นี่ค่ะ”“บ้านเกิดผมเลย” รถเลี้ยวเข้าสู่ตัวบ้านหลังใหญ่ร่มรื่น ตัวบ้านแม้จะเก่าแต่ทว่าถูกดูแลอย่างดี มิรามองบ้านสองหลังที่ติดกันบ้านของมิราอยู่ทางซ้ายมือแต่หัสนัยเลี้ยวรถเข้าบ้านหลังทางขวามือ รั้วชาฮกเกี้ยนที่ทำเป็นรั้วรายรอบกั้นบ้านสองหลังถูกตัดแต่งจนเป็นระเบียบ มิราจำได้ดีด้วยอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่เล็ก ตั้งแต่พ่อแม่ตายไปมิราก็ย้ายออกจากที่นี่ไปอาศัยอยู่หอของมหาลัยอาศัยเงินจากการขายบ้านเก็บเป็นทุนรอนเปิดร้านขายดอกไม้และเรียนมหาลัย เมื่อเรียนจบและก็ไม่เคยกลับมาที่นี่อีกเลย บ้านถูกขายให้เพื่อนสนิทของคุณพ่อของมิรา ที่เอ่ยปากกับมิราในวัย18ว่าหากต้องการบ้านคืนก็แค่ให้นำเงินมาคืนเท่านั้น อย่าถือว่าเป็นการชื้อขายแต่บ้านยังคงเป็นของมิราอยู่เพราะไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ใดใดทั้งสิ้น“ถึงแล้ว ....บ้านของมิราอยู่ทางซ้าย” หัสนัยบอกมิรามิราหันมองหัสนัยอย่