“ผมไปส่งไหมครับคุณ....”
ชายหนุ่มหนึ่งที่พยายามรวบรวมความกล้าเมื่อเห็นมิราเดินออกจากงานแต่ง
ใครหลายคนทยอยกลับ มิราล่ำลาเพื่อนๆ เสร็จก็คิดว่าสมควรแก่เวลาแล้ว ไม่แม้แต่จะบอกลาปัณภัทรกับนิรมนสักคำ
ชายหนุ่มน่าตาดีขาวสูงกับแว่นสายตาหนาเตอะแต่ทว่าตาชั้นเดียวเหมือนกับหนุ่มเชื้อสายจีนทั่วไป
“เจ้าของเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาเองเลย”
พรสุดาเพื่อนสนิทของมิรากระซิบเบาๆ มิราเหลือบตามอง ใบหน้าหล่อเหลาตามแบบพระเอกซีรีย์จีน พรสุดาเขย่าแขนเขินแทนมิราเสียเอง
“มิราค่ะ ยินดีค่ะ”
มิราไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด
“ว้าวมาแล้วหนุ่มในฝัน เอหรือว่าเป็นรถไฟขบวนสุดท้ายกันแน่นะ”
พรสุดากระซิบกับมิรา
“แต่ผมไม่มีรถมา อาศัยรถคุณไปส่งคุณแล้วเดี่ยวผมนั่งแท็กซี่กลับมาเองได้ไหม” น้ำเสียงทุ้มอ่อนโยนมิราเห็นแววใสซื่อเหมือนเด็กที่ไร้เดียงสาในนั้น มิราถอนหายใจยาวเหยียด พรสุดาหัวเราะคิกคัก
“คือถ้าจะแบบนั้นเอาเป็นว่า มิราขับรถไปส่งคุณที่บ้านดีกว่าไหมคะ”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ”
แม้จะจับสังเกตเพียงใดแต่ก็พบกับความใสซื่อไม่เปลี่ยนแปลง
เปิดประตูรถเข้าไปนั่งข้างคนขับหน้าตาเฉย พรสุดาต้องเข้าไปนั่งเบาะหลังส่วนมิราเป็นคนขับ
“คือผมชื่อเฮงนะครับ ยินดีที่รู้จักคุณมิราคือ...เพื่อนคุณมิรา...คุณออมเป็นคนแนะนำบอกว่าคุณเป็นคนสวยและน่ารักนิสัยดีและยังไม่มีแฟน”
เปิดฉากพูดเมื่อรถแล่นออกมาจากบริเวณโรงแรมที่เป็นที่จัดงานแต่งงาน
“แล้วคุณเชื่อยัยออมหรือค่ะ”
มิราแกล้งถามกลับ อยากจะรู้คำตอบเหมือนกัน
“เชื่อครับ”
ตอบคำถามโดยไม่ต้องคิด พรสุดาปิดปากหัวเราะตามเคย
“น่ารักดีวะแก”
กระซิบข้างหูมิราไม่สนใจว่าคนชื่อเฮงจะได้ยินไหม มิรายกมือทำสัญญาณมือว่าโอเค
“คุณมิราอย่าหาว่าเฮงเชื่อคนง่ายเลยนะครับ แต่เฮง ยังให้คำตอบไม่ได้เลยว่าทำไมถึงเชื่อ แต่คุณมิราเชื่อไหมเฮงรู้สึกถูกชะตากับคุณอย่างประหลาดเลยทีเดียว”
มิราเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายคนนี้ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง หรือนี่เป็นการจีบหญิงแบบใหม่
“คุณเฮง ทำงานอะไรคะ”
พรสุดาถาม เขาใช้นิ้วชี้ดันแว่นตาขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตอบคำถาม
“เฮงเป็นโปรแกรมเมอร์ครับ” พรสุดาทำเสียงอู้หู
“แล้วทำไมคุณเฮงไม่ซื้อรถสักคันรายได้ขนาดนั้นไปไหนมาไหนจะได้สะดวก”
“คือเฮงคิดว่า เฮงต้องหัดขับรถให้เก่งกว่านี้ตามสิถิติแล้วคนที่มีใบขับขี่แต่ขับรถไม่เก่งเป็นคนที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุครับ”
พรสุดาเขย่าไหล่มิราอย่างแรงด้วยความถูกใจ
เมื่อสบพักตร์หวั่นจิตคิดไม่ถึง
ว่าหนุ่มหนึ่งน่าชิดพิสมัย
ทั้งหล่อเลิศเพริศพริ้งจริงๆ ชาย
แต่ทำไมถึงชื่อๆ ..ทื่อเกินทน
รถคันเล็กของมิราแล่นไปตามถนนที่ทอดยาวความมืดปกคลุมสองข้างทาง เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันธรรมดาไม่ใช่วันศุกร์หรือวันเสาร์แห่งชาติ รถราจึงมีน้อยอย่างเห็นได้ชัด
มิราจึงรักษาความเร็วรถคงที่ เมื่อถึงสี่แยก ไฟแดงตรงหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวมิราเหยียบคันเร่ง เพื่อจะพารถแล่นผ่านแยกไฟแดงไปแบบไม่ต้องชะลอรถ
แต่ทว่าอีกฝั่งรถหรูคันหนึ่งแล่นเข้ามาขว้างหน้าไว้ มิราเหยียบเบรกอย่างแรงทำเอารถของเธอ หมุนคว้างพรสุดากรีดร้องดังลั่น เฮงใช้มือยันคอนโซลรถไว้แน่น รถคันที่ฝ่าไฟแดง แล่นเลยไปเพียงนิดก็หยุดรถเลยแยกไป หลังจากที่เห็นว่าทำให้รถอีกคันเสียหลัก รถหยุดนิ่งเมื่อหมุนอยู่ข้างทางได้รอบครึ่งพอดิบพอดี มิราหัวกระแทกกับพวงมาลัยรถอย่างแรงทำให้รู้สึกเจ็บไม่น้อยคลำดูรู้สึกมีของเหลวไหลอยู่ตรงศีรษะของมิรา สติดับวูบลงทันทีพรสุดากับเฮงเรียกชื่อมิราพร้อมกัน
คนขับรถหรูคันนั้นเปิดประตูลงมาจากรถ ด้วยเสื้อผ้าที่สวมใส่ที่ดูหรูหราไม่ต่างจากรถที่ขับ เคาะกระจกเบาๆ มิรายังไม่ทันจะเลื่อนกระจกลงเขาก็กระชากประตูรถของมิราออกอย่างแรง ชะโงกใบหน้าหล่อเหลากลิ่นแอลกอฮอลล์คละคลุ้งเข้ามาในรถเกือบชนแก้มของมิรา พรสุดาเบิกตาโพลง ด้วยความหล่อเหลาที่หาใครเทียบได้ยาก หล่อเข้ม ตาคมหล่อไม่แบ่งใครทั้งเสื้อผ้าหน้าผมแม้กระทั่งท่าเดิน
“ไหนดูสิเจ็บไหม”
จับคางมนบิดไปบิดมาดูบาดแผลเมื่อเห็นว่ามีเลือดซึมออกมาจากศีรษะของมิราก็ขมวดคิ้ว
“ขับรถเร็วไปนะคุณ”
คำพูดตำหนิกลายๆ ช่างไม่เหมาะกับใบหน้าหล่อเหลานั้น
“คุณฝ่าไฟแดง”มิราอดที่จะเถียงไม่ได้
“ใครบอกว่าฝ่าไฟแดงผมตามน้ำ”
“เฮงว่าเราแจ้งตำรวจดีกว่าครับ”
เฮงออกความเห็นกล้าๆ กลัวๆ
“อย่ายุ่งไม่ใช่เรื่องของนาย ผู้ใหญ่เขากำลังตกลงกัน บอกน้องชายคุณด้วยเงียบหน่อย”
มิรารู้สึกไม่พอใจเขา และเขายังเข้าใจผิดเรื่องเฮงอีก
“เราเป็นเพื่อนกัน”
“เพื่อนอะไรอยู่ด้วยกันดึกดื่น หรือว่าแฟน...อย่างนั้นบอกเขาเงียบไปเลยคู่กรณีกำลังตกลงกัน ถ้าหากตกลงไม่ได้ผมก็จะไม่ตกลง และไปทันที”
“ฉันต้องไปโรงพยาบาล”
มิรานึกโมโหถ้าไม่มาดูก็คงถือว่าฟาดเคราะห์ แต่หากมาดูแล้วยังมาปากคอเราะร้ายอีกอภัยไม่ได้
“แผลไม่ลึกถึงกับต้องเย็บแค่นี้ไม่ทำให้คุณสวยน้อยลงหรอก ผมรีบ”
เขาพูดตัดบท
“ฉันคิดว่าต้องเย็บแผล” มิรายืนยัน สาวสวยใส่รองเท้าส้นสูงปี้ดเดินลงมาจากรถ
“เจ็บตัวนิดเดียวความจริงคุณมังกรไม่จำเป็นต้องมาดูเธอด้วยซ้ำ นี่ถือว่าเขาเมตตาขนาดไหนแล้ว”
“พวกคุณขับรถประมาท”
มิราไม่ยอมอ่อนข้อให้
“ผมรีบ นี่นามบัตรผม โทรไปเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลได้”
มังกรยัดนามบัตรใส่มือมิรากำมือมิราให้กำนามบัตรไว้ เดินกลับไปที่รถพร้อมกับสาวสวยนางนั้น ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
มิราเพ่งมองนามบัตร อ่านออกเสียงเบาๆ
มังกร อัจฉริยะเลิศไกร ชื่อและนามสกุลคุ้นๆ
มาดก็เท่รูปก็สม น่าชมนัก
เมื่อสบพักตร์ใจก็สั่นพลันเหลวไหล
ทำเอาใจดวงน้อยๆ เตลิดไกล
หรือเทวาจะมาแสร้งแฝงร่างมา
เฮงล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าขาวสะอาดในกระเป๋ากางเกงของเขา ซับเลือดให้อย่างแผ่วเบาก้มลงเป่าที่ศีรษะเหมือนกับผู้ใหญ่ที่เป่าแผลให้เด็กมิรารู้สึกประหลาด
ศาลพระพรหม หน้าโรงพยาบาลพวงมาลัยดอกมะลิส่งกลิ่นหอมกรุ่น เฮงเดินผ่านเตรียมเรียกแท็กซี่ แต่อะไรบางอย่างที่ศาลพระพรหมสะดุดตาเหลือเกิน“เฮ้อเมื่อไหร่จะเจอ คนที่ถูกใจเสียที ไปลองอธิฐานขอพรดูดีกว่าเผื่ออะไรๆจะดีขึ้นมาบ้าง"บ่นเบาๆแม้จะรู้สึกเสียใจที่พลาดจากมิราแต่ก็ยังคงคิดว่าไม่ถึงเวลาของตัวเองมิราพบคนที่ดีดีอย่างหัสนัยเขา็้ดีใจด้วยที่สุดนั่งลงประนมมือตรงหน้าอธิฐานเบาๆก่อนจะยิ้ม"ขอแค่ใครสักคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างกันจนแก่เฒ่า"ยิ้มกับคำอธิฐานของตัวเองว่าทำไมขอน้อยจังไม่ขอคนสวยๆดีๆเหมือนคนอื่นเขา แสงสว่างวาบจากดอกบัวในมือพระพรหมที่สว่างขึ้นมาเมื่อคำขอจบลง คงมีบางอย่างที่รับรู้ในคำขอของเฮงแล้วล่ะ แต่เฮงไม่ทันเห็นโยดา กลายเป็นแมวสีส้ม ยืนคลอเคลียเฮงอยู่ ได้เวลาย้ายบ้านแล้วโยดา“เมี๊ยว” เฮงอุ้มโยดาขึ้นมามอง ดวงตากลมโตของเจ้าเมี้ยวจ้องตอบ“น่ารักจัง ไปอยู่ด้วยกันไหม ฉันกำลังเหงาๆพอดีเลย”“เมี๊ยวๆ ๆ” เจ้าแมวส้มท่าทีกวนประสาทแต่ดวงตาบ๋องแบ็วส่งเสียงร้องตอบรับคำเชิญของเฮง"นายชวนฉันเองนะ ความหฤหรรษ์กำลังจะเริ่มขึ้นฉันสัญญาเลยสำหรับนายคนคุ้นเคยกันมาก่อนฉันจะกัดเบาๆเอ๊ยไม่ใช่ฉันจะหาคนที่น่ารักที
“จรรยาบรรณแพทย์ไปไหนหมดค่ะ”“แพทย์ก็คนนะคุณ ผมก็มีอารมณ์เหมือนกันไม่ใช่พระอิฐพระปูน 555ไม่อย่างนั้นจะมีเมียได้เหรอ” มิราทุบอกเบาๆ หัสนัยจับมือบางสบตาส่งสายตากรุ้มกริ่ม“อีกไม่กี่วันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว จะเอาสินสอดเท่าไหร่ ผมรอไม่ไหวแล้ว” มิราก้มหน้ามองแผงอกกว้าง“ถือว่าเป็นคำขอแต่งงานหรือเปล่า” หัสนัย คุกเข่าลงกับพื้นยื่นส่งแหวนเพชรน้ำงาม ให้กับมิรา“แต่งงานกับผมนะครับมิรา ....ผมรักคุณ....” เสียงสะท้อนว่า...รักคุณ...ดังก้องเข้าไปในหัวใจของมิรา หรือว่าเธอคิดไปเองมิรายิ้มทั้งน้ำตา“ค่ะพี่หาด” หัสนัยยืนขึ้นจุมพิตที่หน้าผากเบาๆ เมื่อมิรารับแหวนมากำไว้“พรสุดาเปิดประตูเข้ามาพร้อมเฮง ที่ใบหน้าเศร้าสร้อย“เซอร์ไฟร์ส ดีใจด้วยนะมิรา” พรสุดา ถลาเข้าขอดูแหวน เฮงจับมือหัสนัยเขย่าเบาๆ เป็นการแสดงความดีใจ โยดาเข้ามาทีหลัง สวมกอดหัสนัยแทนคำดีใจ“นายมังกรคงดีใจที่นายทำสำเร็จหลังจากที่เขาพยายามอย่างหนัก” โยดาเผลอพูดขึ้นทำเอามิราและหัสนัยมองหน้ากัน โยดารู้ว่าตัวเองพูดผิด จึงแกล้งพูดกลบเกลื่อน“อ๋อ...อย่ามองหน้าผมอย่างนั้นสิ ผมหมายความว่า เขาพยายามจะจีบคุณมิราแต่ไม่สำเร็จ แต่คุณหัสนัย ก็ทำให้
ห้องผ่าตัดถูกเตรียมอย่างเร่งด่วน มิราชีพจรเต้นช้าลง ในฝันมิราเห็นมังกรยืนอยู่ด้วยชุดสีขาวสะอาดตา โบกมือลาเธอพร้อมรอยยิ้มยียวน เหมือนที่เคยเห็นเป็นประจำ มิราเผลออมยิ้มรู้สึกเป็นสุขเมื่อเห็นรอยยิ้มแบบนั้นของมังกรการผ่าตัดผ่านไปนานแสนนาน อาหารกลางวันที่หัสนัยไม่มีทางได้ออกจากห้องผ่าตัดมากินถูกนำมาส่งโดยเฮง และพรสุดาที่มาคอยอยู่เป็นเพื่อนคุยกับโยดาที่บัดนี้กลับเศร้าสร้อย พรสุดาพร่ำพูดขอบคุณมังกรและโยดาซ้ำๆ เกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะ ทีมแพทย์สามารถนำอวัยวะของมังกรช่วยเหลือผู้ป่วยได้อีกสองสามรายในเวลาเดียวกัน (กุศลอันยิ่งใหญ่คือการบริจาคอวัยวะอย่างน้อยก็ต่อชีวิตให้ผู้อื่นแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนแต่เชื่อเถอะเขาจะไม่มีวันลืมคุณ)หัสนัยออกมาจากห้องผ่าตัด ใบหน้าอิดโรยโยดานั่งนิ่ง พรสุดากับเฮงวิ่งเข้าถามถึงอาการของมิราหัสนัยยิ้มแห้งๆ“ต้องรอดูก่อนว่าการตอบสนองจะเป็นอย่างไร และมีการติดเชื้ออย่างอื่นร่วมด้วยไหม ตอนนี้เธออยู่ในห้องปลอดเชื้อ พวกคุณยังเข้าไปเยี่ยมไม่ได้จนกว่าจะออกมาอยู่ห้อง ซีซียู” หัสนัยเดินเข้าไปหาโยดายื่นส่งมือเขาให้โยดาจับ โยดายื่นมือมาจับมือของหัสนัย“ขอบคุณจริงๆ ครับขอบคุณทั้ง
สังเกตสีหน้าของโยดาด้วยความเห็นใจ“แล้ว เมื่อไหร่เขาจะฟื้น”ถามไปทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีทางแล้ว“ผมบอกไม่ได้อาจจะหนึ่งชั่วโมง หนึ่งวัน หนึ่งเดือนหรือหลายปีหรืออาจไม่ฟื้นขึ้นมาเลย จำเป็นต้องรอปาฏิหาริย์” โยดาขมวดคิ้ว“แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป”น้ำเสียงเลื่อนลอย“ทางการแพทย์เราถือว่าผู้ที่สมองตายคือ ก้านสมองถูกทำลาย คือผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว อวัยวะส่วนอื่นๆ จะลดการทำงานลงและจะเสื่อมสภาพตอนนี้เราใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ทำให้หัวใจยังเต้นได้ประมาณ1-2วันหากนานกว่านี้หัวใจก็จะหยุดเต้น และต้องรอให้ญาติตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป”“คุณรู้สึกอะไรไหมคุณหัสนัย” โยดาถามยิ้มหยัน จะอยากฟังคำตอบอะไรจากพวกมนุษย์“ผม...รู้สึกใจหาย ไม่น่าเชื่อว่าทุกอย่างจะเลวร้ายกว่าที่คิดไว้ ผมเข้าใจความรู้สึกคุณดี ผมเสียใจที่คุณมังกรต้องมารับเคราะห์แทนมิรา มิราเองตอนนี้หัวใจของเธอก็มีปัญหา อายุเธออาจจะไม่ยืนยาวไปกว่านี้หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที”“หมายความว่าอย่างไร”“มิราหัวใจเธอมีปัญหาตั้งแต่กำเนิด ต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ ดีที่ผมตรวจพบก่อนแต่น่าแปลกที่ไม่เคยเห็นเธอมีอาการอะไรมาก่อนเลย จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุครั้
หัสนัยประคองมิรานั่งกึ่งนอนอยู่ที่เบาะหลัง ส่วนมังกรเบาะหน้าถูกปรับเอนเลือดท่วมตัว โยดาขับรถเร็วปานจะเหาะแต่หัสนัยกับคิดว่ามันช้าเหลือเกินรถแล่นมายังดรงพยาบาลประจำจังหวัด จอดหน้าห้องฉุกเฉินบุรุษพยาบาลเข็นรถเข็นมาแต่ช้ากว่าหัสนัยที่อุ้มมิราเข้าไปข้างในห้องพร้อมกับ บอกพยาบาลเสียงดังลั่น“ผมเป็นหมอ” พยาบาลรีบเตรียมอุปกรณ์ให้กับหัสนัย มังกรถูกเข็นเข้ามาบ้างคราวนี้เองที่โยดาสีหน้าเป็นกังวล เผลอยกมือขึ้นไหว้“ท่านพ่อ อย่าทำให้เจ้ามังกรต้องจากไปอย่างนี้เลย ลูกยังไม่ได้บอกลาและเขาเองก็ยังไม่ได้บอกลาสาวน้อยในดวงใจ” โยดาลงทุนขอร้องต่อพระพรหมหันหน้าไปทางศาลพระพรหมในโรงพยาบาล ใบหน้าเป็นกังวลไม่สามารถปิดบังได้ก็มังกรไม่เคยเป้นแบบนี้สักทีกี่ปีที่เคยพบกันไม่เคยเจ็บไม่เคยตาย โยดาเพิ่งจะรู้ในตอนนี้เองว่าใจหายแค่ไหนหากมังกรจะจากไปจริงๆหมอวิ่งวุ่นเมื่อมังกรถูกเข็นเข้าไปในห้องโยดาเริ่มวิตก เพราะปกติเคยเห็นแต่ว่าหากมังกรมีแผล แผลของเขาจะหายเองในเวลาไม่กี่อึดใจ หรือว่าครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้งเขาโดนหนักไปหน่อยสักพัก หมอออกมาบอกกับโยดาว่ามังกรสมองกระทบกระเทือนอย่างแรง ทำให้สมองตาย ต้องใส่เครื่องช่วยหายใ
บัดนี้เด็กหญิงตัวน้อยอยู่ใกล้เกินกว่าใกล้ แต่มิราจะมีใจให้เขาเหมือนที่เขาเฝ้าฝันถึงเธอตลอดเวลา15ปีที่ผ่านมาไหมหัสนัยขับรถห่างตัวเมืองมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้าสู่เขตจังหวัดหนึ่ง ที่สองข้างทางเริ่มร่มรื่น มิรามองนู้นมองนี่“ชลบุรี คุณหัสนัยมาทำไมที่นี่ค่ะ”“บ้านเกิดผมเลย” รถเลี้ยวเข้าสู่ตัวบ้านหลังใหญ่ร่มรื่น ตัวบ้านแม้จะเก่าแต่ทว่าถูกดูแลอย่างดี มิรามองบ้านสองหลังที่ติดกันบ้านของมิราอยู่ทางซ้ายมือแต่หัสนัยเลี้ยวรถเข้าบ้านหลังทางขวามือ รั้วชาฮกเกี้ยนที่ทำเป็นรั้วรายรอบกั้นบ้านสองหลังถูกตัดแต่งจนเป็นระเบียบ มิราจำได้ดีด้วยอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่เล็ก ตั้งแต่พ่อแม่ตายไปมิราก็ย้ายออกจากที่นี่ไปอาศัยอยู่หอของมหาลัยอาศัยเงินจากการขายบ้านเก็บเป็นทุนรอนเปิดร้านขายดอกไม้และเรียนมหาลัย เมื่อเรียนจบและก็ไม่เคยกลับมาที่นี่อีกเลย บ้านถูกขายให้เพื่อนสนิทของคุณพ่อของมิรา ที่เอ่ยปากกับมิราในวัย18ว่าหากต้องการบ้านคืนก็แค่ให้นำเงินมาคืนเท่านั้น อย่าถือว่าเป็นการชื้อขายแต่บ้านยังคงเป็นของมิราอยู่เพราะไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ใดใดทั้งสิ้น“ถึงแล้ว ....บ้านของมิราอยู่ทางซ้าย” หัสนัยบอกมิรามิราหันมองหัสนัยอย่