“เจ็บไหมครับทนเอาหน่อยไปโรงพยาบาลกันดีกว่า คุณพรสุดาขับรถเป็นไหมขับให้คุณมิราหน่อย”
“คุณเฮงขับไม่เป็นหรือคะ” พรสุดาถามกลับ
“เป็นครับแต่ไม่ค่อยถนัด” ยิ้มอายๆ
“ไม่เป็นไรค่ะฉันพอขับไหว”
มิราเหยียบคันเร่งพารถไปสู่จุดหมายโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เลือดหยุดไหลแล้ว ใจกลับคิดถึงคนที่เป็นต้นเหตุเขารีบไปไหนนะหรือว่ารีบพาสาวเจ้าไปอี้อ๋อกัน ว่าแต่เขาทำให้เจ็บตัวขนาดนี้ยังไปคิดถึงเขาอีก ไม่ไม่ไม่ไม่ใช่มิราสะบัดศีรษะไปมาไม่ได้คิดถึงเขาจะคิดถึงได้อย่างไรแค่คนหล่อดูดีภูมิฐานแล้วก็หน้าตาท่าทางถูกใจมิราแค่นั้นเอง เผลอหยิบนามบัตรขึ้นมาดู ใครจะกล้าโทรไปมิราคิดค่ายาค่าทำแผลคงไม่กี่บาทแน่นอน
เมื่อไปถึงโรงพยาบาลบุรุษพยาบาลนำรถเข็นมารอ เฮงกุลีกุจอมาเปิดประตูรถทันทีพยุงมิราออกมาจากรถ บุรุษพยาบาลมองมิราแบบงงๆ คงคิดว่าทำไมคนเจ็บขับรถมาเอง
“ไหวไหมแก”
พรสุดาเดินตามมาหน้าห้องฉุกเฉิน โดยมีเฮงถือกระเป๋าของมิราตามมาติดๆ ช่างเป็นภาพที่น่าเอ็นดูเมื่อเฮงสะพายกระเป๋าในแบบของผู้หญิง แต่รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาออกขนาดนั้น
“ไหว” มิราตอบสั้นๆ
“ค่อยๆ ครับคุณมิรา”
ก้มลงบอกข้างๆ หู
พยาบาลหลายคนนางมองเฮงด้วยสายตาชื่นชมกับใบหน้าที่หล่อเหลาและการเอาใจใส่มิราแทบจะอุ้มกันเลยทีเดียว
เมื่อเข้าไปในห้องฉุกเฉินแล้วมิราก็รู้ว่าตัวเองคาดไม่ผิด พยาบาลเย็บแผลไปถึงสี่เข็ม คนบ้า...ไหนว่าแผลไม่ลึกเท่าไหร่นึกถึงท่าทางยียวนของใครคนนั้น อาการเจ็บเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อาจเป็นเพราะแผลเริ่มระบม
“คนไข้ต้องนอนดูอาการที่นี่คืนนี้ค่ะ เพราะมีอาการบวมที่ใบหน้า”
พยาบาลส่งเสียงเจื้อยแจ้วมิรายิ้มบางๆ
“เฮงเฝ้าไข้คุณมิราได้นะครับ”
มิราถอนหายใจยาว
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นอะไรมากแค่อยู่ดูอาการ คุณพยาบาลก็อยู่มิราอยู่ใกล้หมอแล้วคุณเฮงไม่ต้องเป็นห่วง”
เฮงทำท่าทางลังเลสุดท้ายก็ยอมโดยดี
“พรุ่งนี้ฉันมาเยี่ยมแกแต่เช้านะมิรา”
พรสุดาบอกลาตาละห้อย
“เฮงสัญญาพรุ่งนี้เฮงก็จะมาแต่เช้าเหมือนกัน
“มิราฉันไปก่อนนะพักผ่อนมากๆ มีอะไรโทรหาฉันได้ตลอด ฉันรู้แกตัวคนเดียว ..ฝันดี..พรุ่งนี้เจอกัน”
“ผมขอตัวเหมือนกัน พรุ่งนี้ผมสัญญาจะแวะมาใหม่”
เฮงพูดพร้อมกับยกมือขึ้นสองนิ้วในแบบลูกเสือ มิราอดอมยิ้มไม่ได้เดินถอยหลังโบกมือให้มิราจนเกือบล้มโบกมือให้มิราเหมือนเด็กๆ มิราอดคิดไม่ได้ผู้ชายที่โลกสวยใส่ซื่อแบบนี้ยังมีอยู่อีกหรือ
แผลที่เริ่มเจ็บระบมสร้างความทรมานให้มิรา ความอ่อนเพลียทำให้เริ่มรู้สึกง่วงอย่างมาก ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงคนไข้ตัวสูง
สายน้ำเกลือที่ถูกเจาะที่แขนสร้างความรำคาญให้นิดหน่อย มิราพยายามคิดว่านอนเสียพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนมิราไม่อาจรู้ได้แต่รู้สึกว่าอากาศเริ่มเย็นดึงผ้าห่มสีขาวขึ้นมาคลุมจนเกือบมิด
“คนไข้ค่ะ ฉีดยาลดอาการบวมเข็มหนึ่งค่ะ”
มิราสะลึมสะลือครึ่งหลับครึ่งตื่นคงเป็นเวลาใกล้สว่างเต็มทีแล้ว
“ค่ะ”
ตอบรับไปทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่ พยาบาลฉีดยาเข้าที่สายน้ำเกลือมิราปรายตามองแต่ลืมตาไม่ขึ้นทั้งๆ ที่รู้สึกปวดเมื่อย ยาแล่นเข้าสู่เส้นเลือด
เสียงนกกระจอกจ้อกแจ้กจอแจที่ระเบียงห้องผู้ป่วยหญิงมิราลืมตาตื่นขึ้นมา คิดทบทวนเรื่องราวเมื่อคืนมิรารู้สึกกระปรี้กระเปร่าอย่างประหลาดไม่ปวดเมื่อยเหมือนเมื่อคืนที่ผ่านมา ยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่บวมบัดนี้เริ่มยุบลงบ้างแล้วแต่ยังไม่เข้ารูปเข้ารอย อยากจะดูกระจกแต่เพียงแค่ใช้มือลูบแก้มที่บวมเบาๆ ไม่รู้สึกปวดเหมือนเมื่อคืน
พรสุดามารับมิราตามสัญญาในตอนเช้าแต่ไร้วี่แววของเฮง ใบหน้าที่บวมเพราะแรงกระแทกเปลี่ยนเป็นสีแดงอมม่วง มีผ้าก็อตปิดอยู่ที่แผลที่ศีรษะแตก
“อาการบวมลดลงแล้วค่ะแต่ว่าแผลที่ศีรษะยังต้องล้างแผลบ่อยๆ นะคะคุณคนไข้” พยาบาลนำยามาให้ก่อนที่มิราจะออกจากโรงพยาบาล
“แกหน้าแกบวมนะมิราออกแดงๆ แล้วก็หน้าแกซีดไหวไหม”
พรสุดาถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรอีกสักประเดี๋ยวก็คงยุบ แล้วก็หายซ้ำ”
“ดีนะไม่เป็นอะไรมาก ฉันมีหัวไพลเดี๋ยวไว้เย็นๆ ฉันเอามาให้แกที่บ้านนะมันลดบวมได้”
“ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก หมอให้ยามาเสียเยอะเลยแก อีกไม่นานคงหาย”
พรสุดามองหน้าที่ปูดบวมและมีรอยซ้ำของมิราอย่างกังวลนิดๆ นึกสงสารเพื่อนเหลือกำลัง
มิรากลับถึงร้านดอกไม้เกือบเที่ยง รู้สึกเหมือนนอนไม่พอ บอกลาพรสุดาที่รีบไปทำธุระต่อพาตัวเองขึ้นไปที่ห้องนอนเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้น ทิ้งตัวลงบนที่นอนความรู้สึกอบอุ่นเพราะรู้สึกคิดถึงที่นอนเหมือนกะับจะบอกตัวเองว่าเมื่อคืนไปนอนที่ไหนมา
กอดผ้าห่มแน่นลืมไปเสียสนิท นึกขึ้นได้ว่าลืมปิดประตูที่ระเบียง ลมโชยพัดเข้ามาเย็นสบายทั้งๆ ที่เปิดเครื่องปรับอากาศเสียงกระดิ่งลมที่แขนไว้ดังแว่วเหมือนไกลแสนไกล ดังกรุ้งกริ่งหวานแว่วกล่อมให้มิราหลับใหล คิดว่าจะลุกไปปิดประตูแต่ไม่ช้าก็เผลอหลับไป
นานเท่าไหร่ไม่รู้หากแต่มิราได้ยินเสียงเหมือนวัตถุชนิดหนึ่งตกกระทบพื้นเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่นเผยอเปลือกตาขึ้นดู
ศาลพระพรหม หน้าโรงพยาบาลพวงมาลัยดอกมะลิส่งกลิ่นหอมกรุ่น เฮงเดินผ่านเตรียมเรียกแท็กซี่ แต่อะไรบางอย่างที่ศาลพระพรหมสะดุดตาเหลือเกิน“เฮ้อเมื่อไหร่จะเจอ คนที่ถูกใจเสียที ไปลองอธิฐานขอพรดูดีกว่าเผื่ออะไรๆจะดีขึ้นมาบ้าง"บ่นเบาๆแม้จะรู้สึกเสียใจที่พลาดจากมิราแต่ก็ยังคงคิดว่าไม่ถึงเวลาของตัวเองมิราพบคนที่ดีดีอย่างหัสนัยเขา็้ดีใจด้วยที่สุดนั่งลงประนมมือตรงหน้าอธิฐานเบาๆก่อนจะยิ้ม"ขอแค่ใครสักคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างกันจนแก่เฒ่า"ยิ้มกับคำอธิฐานของตัวเองว่าทำไมขอน้อยจังไม่ขอคนสวยๆดีๆเหมือนคนอื่นเขา แสงสว่างวาบจากดอกบัวในมือพระพรหมที่สว่างขึ้นมาเมื่อคำขอจบลง คงมีบางอย่างที่รับรู้ในคำขอของเฮงแล้วล่ะ แต่เฮงไม่ทันเห็นโยดา กลายเป็นแมวสีส้ม ยืนคลอเคลียเฮงอยู่ ได้เวลาย้ายบ้านแล้วโยดา“เมี๊ยว” เฮงอุ้มโยดาขึ้นมามอง ดวงตากลมโตของเจ้าเมี้ยวจ้องตอบ“น่ารักจัง ไปอยู่ด้วยกันไหม ฉันกำลังเหงาๆพอดีเลย”“เมี๊ยวๆ ๆ” เจ้าแมวส้มท่าทีกวนประสาทแต่ดวงตาบ๋องแบ็วส่งเสียงร้องตอบรับคำเชิญของเฮง"นายชวนฉันเองนะ ความหฤหรรษ์กำลังจะเริ่มขึ้นฉันสัญญาเลยสำหรับนายคนคุ้นเคยกันมาก่อนฉันจะกัดเบาๆเอ๊ยไม่ใช่ฉันจะหาคนที่น่ารักที
“จรรยาบรรณแพทย์ไปไหนหมดค่ะ”“แพทย์ก็คนนะคุณ ผมก็มีอารมณ์เหมือนกันไม่ใช่พระอิฐพระปูน 555ไม่อย่างนั้นจะมีเมียได้เหรอ” มิราทุบอกเบาๆ หัสนัยจับมือบางสบตาส่งสายตากรุ้มกริ่ม“อีกไม่กี่วันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว จะเอาสินสอดเท่าไหร่ ผมรอไม่ไหวแล้ว” มิราก้มหน้ามองแผงอกกว้าง“ถือว่าเป็นคำขอแต่งงานหรือเปล่า” หัสนัย คุกเข่าลงกับพื้นยื่นส่งแหวนเพชรน้ำงาม ให้กับมิรา“แต่งงานกับผมนะครับมิรา ....ผมรักคุณ....” เสียงสะท้อนว่า...รักคุณ...ดังก้องเข้าไปในหัวใจของมิรา หรือว่าเธอคิดไปเองมิรายิ้มทั้งน้ำตา“ค่ะพี่หาด” หัสนัยยืนขึ้นจุมพิตที่หน้าผากเบาๆ เมื่อมิรารับแหวนมากำไว้“พรสุดาเปิดประตูเข้ามาพร้อมเฮง ที่ใบหน้าเศร้าสร้อย“เซอร์ไฟร์ส ดีใจด้วยนะมิรา” พรสุดา ถลาเข้าขอดูแหวน เฮงจับมือหัสนัยเขย่าเบาๆ เป็นการแสดงความดีใจ โยดาเข้ามาทีหลัง สวมกอดหัสนัยแทนคำดีใจ“นายมังกรคงดีใจที่นายทำสำเร็จหลังจากที่เขาพยายามอย่างหนัก” โยดาเผลอพูดขึ้นทำเอามิราและหัสนัยมองหน้ากัน โยดารู้ว่าตัวเองพูดผิด จึงแกล้งพูดกลบเกลื่อน“อ๋อ...อย่ามองหน้าผมอย่างนั้นสิ ผมหมายความว่า เขาพยายามจะจีบคุณมิราแต่ไม่สำเร็จ แต่คุณหัสนัย ก็ทำให้
ห้องผ่าตัดถูกเตรียมอย่างเร่งด่วน มิราชีพจรเต้นช้าลง ในฝันมิราเห็นมังกรยืนอยู่ด้วยชุดสีขาวสะอาดตา โบกมือลาเธอพร้อมรอยยิ้มยียวน เหมือนที่เคยเห็นเป็นประจำ มิราเผลออมยิ้มรู้สึกเป็นสุขเมื่อเห็นรอยยิ้มแบบนั้นของมังกรการผ่าตัดผ่านไปนานแสนนาน อาหารกลางวันที่หัสนัยไม่มีทางได้ออกจากห้องผ่าตัดมากินถูกนำมาส่งโดยเฮง และพรสุดาที่มาคอยอยู่เป็นเพื่อนคุยกับโยดาที่บัดนี้กลับเศร้าสร้อย พรสุดาพร่ำพูดขอบคุณมังกรและโยดาซ้ำๆ เกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะ ทีมแพทย์สามารถนำอวัยวะของมังกรช่วยเหลือผู้ป่วยได้อีกสองสามรายในเวลาเดียวกัน (กุศลอันยิ่งใหญ่คือการบริจาคอวัยวะอย่างน้อยก็ต่อชีวิตให้ผู้อื่นแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนแต่เชื่อเถอะเขาจะไม่มีวันลืมคุณ)หัสนัยออกมาจากห้องผ่าตัด ใบหน้าอิดโรยโยดานั่งนิ่ง พรสุดากับเฮงวิ่งเข้าถามถึงอาการของมิราหัสนัยยิ้มแห้งๆ“ต้องรอดูก่อนว่าการตอบสนองจะเป็นอย่างไร และมีการติดเชื้ออย่างอื่นร่วมด้วยไหม ตอนนี้เธออยู่ในห้องปลอดเชื้อ พวกคุณยังเข้าไปเยี่ยมไม่ได้จนกว่าจะออกมาอยู่ห้อง ซีซียู” หัสนัยเดินเข้าไปหาโยดายื่นส่งมือเขาให้โยดาจับ โยดายื่นมือมาจับมือของหัสนัย“ขอบคุณจริงๆ ครับขอบคุณทั้ง
สังเกตสีหน้าของโยดาด้วยความเห็นใจ“แล้ว เมื่อไหร่เขาจะฟื้น”ถามไปทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีทางแล้ว“ผมบอกไม่ได้อาจจะหนึ่งชั่วโมง หนึ่งวัน หนึ่งเดือนหรือหลายปีหรืออาจไม่ฟื้นขึ้นมาเลย จำเป็นต้องรอปาฏิหาริย์” โยดาขมวดคิ้ว“แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป”น้ำเสียงเลื่อนลอย“ทางการแพทย์เราถือว่าผู้ที่สมองตายคือ ก้านสมองถูกทำลาย คือผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว อวัยวะส่วนอื่นๆ จะลดการทำงานลงและจะเสื่อมสภาพตอนนี้เราใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ทำให้หัวใจยังเต้นได้ประมาณ1-2วันหากนานกว่านี้หัวใจก็จะหยุดเต้น และต้องรอให้ญาติตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป”“คุณรู้สึกอะไรไหมคุณหัสนัย” โยดาถามยิ้มหยัน จะอยากฟังคำตอบอะไรจากพวกมนุษย์“ผม...รู้สึกใจหาย ไม่น่าเชื่อว่าทุกอย่างจะเลวร้ายกว่าที่คิดไว้ ผมเข้าใจความรู้สึกคุณดี ผมเสียใจที่คุณมังกรต้องมารับเคราะห์แทนมิรา มิราเองตอนนี้หัวใจของเธอก็มีปัญหา อายุเธออาจจะไม่ยืนยาวไปกว่านี้หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที”“หมายความว่าอย่างไร”“มิราหัวใจเธอมีปัญหาตั้งแต่กำเนิด ต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ ดีที่ผมตรวจพบก่อนแต่น่าแปลกที่ไม่เคยเห็นเธอมีอาการอะไรมาก่อนเลย จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุครั้
หัสนัยประคองมิรานั่งกึ่งนอนอยู่ที่เบาะหลัง ส่วนมังกรเบาะหน้าถูกปรับเอนเลือดท่วมตัว โยดาขับรถเร็วปานจะเหาะแต่หัสนัยกับคิดว่ามันช้าเหลือเกินรถแล่นมายังดรงพยาบาลประจำจังหวัด จอดหน้าห้องฉุกเฉินบุรุษพยาบาลเข็นรถเข็นมาแต่ช้ากว่าหัสนัยที่อุ้มมิราเข้าไปข้างในห้องพร้อมกับ บอกพยาบาลเสียงดังลั่น“ผมเป็นหมอ” พยาบาลรีบเตรียมอุปกรณ์ให้กับหัสนัย มังกรถูกเข็นเข้ามาบ้างคราวนี้เองที่โยดาสีหน้าเป็นกังวล เผลอยกมือขึ้นไหว้“ท่านพ่อ อย่าทำให้เจ้ามังกรต้องจากไปอย่างนี้เลย ลูกยังไม่ได้บอกลาและเขาเองก็ยังไม่ได้บอกลาสาวน้อยในดวงใจ” โยดาลงทุนขอร้องต่อพระพรหมหันหน้าไปทางศาลพระพรหมในโรงพยาบาล ใบหน้าเป็นกังวลไม่สามารถปิดบังได้ก็มังกรไม่เคยเป้นแบบนี้สักทีกี่ปีที่เคยพบกันไม่เคยเจ็บไม่เคยตาย โยดาเพิ่งจะรู้ในตอนนี้เองว่าใจหายแค่ไหนหากมังกรจะจากไปจริงๆหมอวิ่งวุ่นเมื่อมังกรถูกเข็นเข้าไปในห้องโยดาเริ่มวิตก เพราะปกติเคยเห็นแต่ว่าหากมังกรมีแผล แผลของเขาจะหายเองในเวลาไม่กี่อึดใจ หรือว่าครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้งเขาโดนหนักไปหน่อยสักพัก หมอออกมาบอกกับโยดาว่ามังกรสมองกระทบกระเทือนอย่างแรง ทำให้สมองตาย ต้องใส่เครื่องช่วยหายใ
บัดนี้เด็กหญิงตัวน้อยอยู่ใกล้เกินกว่าใกล้ แต่มิราจะมีใจให้เขาเหมือนที่เขาเฝ้าฝันถึงเธอตลอดเวลา15ปีที่ผ่านมาไหมหัสนัยขับรถห่างตัวเมืองมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้าสู่เขตจังหวัดหนึ่ง ที่สองข้างทางเริ่มร่มรื่น มิรามองนู้นมองนี่“ชลบุรี คุณหัสนัยมาทำไมที่นี่ค่ะ”“บ้านเกิดผมเลย” รถเลี้ยวเข้าสู่ตัวบ้านหลังใหญ่ร่มรื่น ตัวบ้านแม้จะเก่าแต่ทว่าถูกดูแลอย่างดี มิรามองบ้านสองหลังที่ติดกันบ้านของมิราอยู่ทางซ้ายมือแต่หัสนัยเลี้ยวรถเข้าบ้านหลังทางขวามือ รั้วชาฮกเกี้ยนที่ทำเป็นรั้วรายรอบกั้นบ้านสองหลังถูกตัดแต่งจนเป็นระเบียบ มิราจำได้ดีด้วยอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่เล็ก ตั้งแต่พ่อแม่ตายไปมิราก็ย้ายออกจากที่นี่ไปอาศัยอยู่หอของมหาลัยอาศัยเงินจากการขายบ้านเก็บเป็นทุนรอนเปิดร้านขายดอกไม้และเรียนมหาลัย เมื่อเรียนจบและก็ไม่เคยกลับมาที่นี่อีกเลย บ้านถูกขายให้เพื่อนสนิทของคุณพ่อของมิรา ที่เอ่ยปากกับมิราในวัย18ว่าหากต้องการบ้านคืนก็แค่ให้นำเงินมาคืนเท่านั้น อย่าถือว่าเป็นการชื้อขายแต่บ้านยังคงเป็นของมิราอยู่เพราะไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ใดใดทั้งสิ้น“ถึงแล้ว ....บ้านของมิราอยู่ทางซ้าย” หัสนัยบอกมิรามิราหันมองหัสนัยอย่