อาทิตย์มองร่างอวบอัดกลมกลึงในห่อผ้านวมที่ถอยไปซุกอยู่ตรงมุมห้องด้วยความสงสารและเกิดความรู้สึกหวงแหนขึ้นเต็มหัวใจ
“ฉันขอโทษที่ฉวยโอกาสกับเธอ”ชายหนุ่มบอก ‘ขอโทษ’ เป็นครั้งที่สอง และทั้งสองครั้งนั้นเมื่อจิณณาได้ฟัง หล่อนก็ยิ่งน้ำตาซึมไหล จนเขาพูดต่อไม่ออก“คุณออกไป”แล้วนี่เป็นคำขอของหล่อนที่เขาให้ไม่ได้เช่นกัน เขาไม่อาจทิ้งจิณณาไว้ในห้องนี้ตามลำพังหลังจากเอาเปรียบหล่อนถึงสามครั้งติดกัน “ฉันต้องดูแลเธอ”“ไม่ต้อง!”เสียงแผ่วเครือสวนกลับทันที อาทิตย์ยกมุมปากยิ้ม ให้หล่อนต่อว่าและโต้กลับเขายังดีกว่าเห็นหล่อนเอาแต่นั่งซึมเศร้า “เอาละ ฉันจะพาเธอไปห้องนอน เธอต้องอยู่ในห้องนอนของฉัน คืนนี้ฉันยังไม่ให้เธอกลับไปห้องพักข้างล่าง”จบถ้อยคำนั้นหญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมา แววตาของหล่อนดูตื่นพิกล จนชายหนุ่มต้องเม้มริมฝีปากไว้แน่น“ฉันจะไม่รังแกเธอ” อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในคืนนี้...อาทิตย์พูดต่อขึ้นในใจ “ฉันแค่อยากให้เธอพักผ่อนให้สบาย ห้องนอนของฉันนอนสบายกว่าห้อาทิตย์นอนเอนกายอ่านหนังสืออยู่บนโซฟายาวในห้องนอน หากก็เหลือบสายตามองคนที่นั่งกัดแซนด์วิชฝีมือเขาด้วยท่าทางเหม่อลอยอยู่บ่อยครั้ง ความห่วงใยในตัวหญิงสาวทำให้เขาไม่อาจปล่อยหล่อนให้ห่างสายตาในเวลานี้“กินได้ไหม หรือจะเปลี่ยนเป็นข้าวต้ม ฉันจะให้คนทำมาให้”“ไม่ต้องค่ะ จิณกินแซนด์วิชได้”“แน่ใจหรือว่ากิน ไม่ใช่ดมหรอกหรือ”จิณณาหน้าง้ำ วางแซนด์วิชลงในจาน แล้วประคองแก้วโกโก้ที่เกือบจะเย็นชืดมาจิบแทน“เธอคิดอะไรอยู่หรือ”พอเห็นท่าทางนิ่งเงียบของหล่อน อาทิตย์ก็อดที่จะซอกแซกถามไม่ได้หากจิณณาก็แค่ส่ายหน้า...ส่ายหน้าไม่ได้แปลว่าไม่คิด แต่หมายถึงไม่ยอมให้เขารับรู้ต่างหาก“ไม่บอกก็ตามใจ”“คุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอก”“วันนี้ไม่ให้ฉันรู้ก็ได้ ฉันยอม แต่วันหน้าฉันไม่ให้เธอปิดบังอะไรจากฉันแน่ๆ”จิณณาเหลือบมองคนตัวใหญ่ที่เปลี่ยนอิริยาบถเป็นนั่งไขว่ห้างบนโซฟา เขาทอดมองหล่อนมาตรงๆ ...ไม่ได้ลอบมองอย่างเมื่อครู่แล้วจิณณาจะพูดออกไปได้อย่างไรว่ากำลังหวั่นเ
จิณณาขยับตัวเมื่อรู้สึกว่ามีบางสิ่งขยุกขยิกอยู่บนกาย หล่อนพลิกหนีแล้วตั้งท่าจะนอนหลับต่อ แต่เจ้าสิ่งนั้นก็ยังตามติดมา“อืม...”หล่อนส่งเสียงในลำคอพลางสะบัดน้อยๆ หวังให้เจ้าสิ่งรบกวนนั้นหายไป แต่กลายเป็นว่ามันกลับโอบรัดแล้วกักกันหล่อนไว้ทั้งตัวจิณณาปรือเปลือกตา แล้วกะพริบตาปริบๆ เพื่อโฟกัสภาพ สิ่งแรกที่สายตาจับได้เป็นโคมไฟที่อยู่ใกล้หัวเตียงความคิดและสติของจิณณาแล่นปราดกลับคืนร่างอย่างรวดเร็ว หญิงสาวผุดลุกขึ้นนั่งโดยอัตโนมัติ หากสิ่งรบกวนนั้นกลับรัดหล่อน แล้วดึงจนล้มลงบนที่นอนตามเดิม“คุณอั๋น”“ตื่นแล้วหรือ ฉันรอตั้งนาน” ...จวนเจียนจะลักหลับอยู่ตั้งหลายครั้งอาทิตย์มองร่างกลมกลึงที่เขานอนกกกอดมาครึ่งค่อนคืนด้วยสายตาพราวระยับ มีความสุขเหลือเกินที่ได้กอดรัดแม่ร่างน้อย เขาสูดดมกลิ่นหอมของนวลเนื้อสาวอย่างแสนชื่นใจ“คุณ! คุณมานอนตรงนี้ได้ยังไง ก็ไหนว่า...”“ว่าอะไร...หืม”“เมื่อคืนคุณบอกว่าจะนอนบนโซฟา”“ใช่ ฉันนอนบนโซฟาไปแล้ว แต่นอนไม่หลับ มันปวดคอปวดหลังไ
หลังจากเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระร่างกายเสร็จแล้ว อาทิตย์ก็เข้าไปในห้องลอฟต์ในเวลาเกือบสิบนาฬิกา เขาทอดฝีเท้าตรงไปยังมุมด้านในของห้อง ซึ่งเป็นจุดที่เขาและจิณณาโรมรันกันเมื่อวานนอกจากเครื่องนอนจะถูกพับเก็บแล้ว เสื้อผ้าของจิณณาทั้งชั้นนอกและชั้นใจก็ถูกพับวางไว้ข้างๆ อย่างเรียบร้อย รวมถึงเสื้อเชิ้ตชื้นฝนที่เขาถอดทิ้งไว้ด้วยชายหนุ่มก้มหยิบเสื้อผ้าทั้งของเขาและหล่อนไว้ในมือ ก่อนจะกวาดสายตามองรอบห้อง“ใครเข้ามาเก็บห้อง...ป้าแววหรือเปล่า”อาทิตย์หรี่ตาครุ่นคิด อาจเป็นแม่บ้านใหญ่ที่เข้ามาทำความสะอาดห้องลอฟต์อย่างที่เคยทำ และแม่บ้านคนนี้ก็เคยทำงานอยู่กับพิจิกา เขารู้อยู่เต็มอกว่าทั้งสองคนยังคงติดต่อสม่ำเสมอ แถมค่อนข้างสนิทสนมกันด้วยและจากสภาพห้องนี้ที่เขาทิ้งร่องรอยไว้ แน่นอนว่าคนอย่างป้าแววมองปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น อาทิตย์คาดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปได้อย่างทะลุปรุโปร่งเขาเดินกลับเข้าไปในห้องนอนที่ทิ้งจิณณาไว้ตามลำพัง ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เขาเองก็ไม่คิดจะปิดบังคนในบ้าน ให้รู้เสียเลยก็เป็นการดี เขากับจิณณาจะได้ทำตัวได้สะด
เป็นเวลาเย็นมากแล้วที่อาทิตย์เฝ้าสังเกตจิณณาซึ่งนั่งอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ทางหน้าบ้าน เขาบอกผ่านป้าแววให้สั่งส้มโอคอยอยู่เป็นเพื่อนหญิงสาวอาทิตย์เชื่อว่าตนเลือกคนไม่ผิด เพราะเด็กคนนั้นพูดเป็นต่อยหอยอยู่ตลอดเวลา คงทำให้จิณณาเพลินไปได้ในจังหวะนี้จะหาว่าเขาไม่มีปัญญาทำให้หล่อนสบายใจ เขาก็ยอมรับ ดังนั้นใครก็ตามที่สามารถทำให้หล่อนร่าเริงขึ้นมาได้ เขาก็ไม่ขัดทั้งนั้นส่วนป้าแววนั้นไม่ผิดจากที่เขาคาด หญิงชรารู้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขาและจิณณา แถมยังพูดให้อาทิตย์ต้องหน้าม้านด้วยว่ารู้สึกพลาด ไม่น่าปล่อยให้ปลาย่างอย่างจิณณาให้อยู่ใกล้แมวตะกละอย่างเขา‘ป้าแววก็พูดเกินไป ผมไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อย’‘คุณอั๋นรู้ใช่ไหมว่าจะมาทำเล่นๆ กับคนในบ้านไม่ได้ ถ้ารู้ถึงหูคุณนายจะเป็นเรื่องใหญ่เลยนะคะ เพราะคุณนายถือเรื่องพวกนี้มาก มันทำให้คนในปกครองไม่เคารพเรา’‘ให้ผมพูดตอนนี้ก็คงไม่มีความหมายอะไร เพราะป้าแววก็ไม่เชื่อผมอยู่ดี รอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ดีกว่า’‘เวลาอะไรคะ แล้วนานแค่ไหน จะปล่อยให้คุณอั๋นเอาเปรียบ
ไม่ยากเกินความสามารถของอาทิตย์สำหรับการหลอกล่อให้จิณณาเข้ามาอยู่ในห้องนอนของเขาในทุกค่ำคืน แม้ใครจะมองว่าเห็นแก่ตัวและเอาเปรียบหญิงสาว แต่อาทิตย์ก็ไม่สนใจเขายอมรับว่าตัวเองเห็นแก่ตัว แต่ในจังหวะนี้ขอเลือกทำตามใจตัวเอง และคิดเข้าข้างตัวเองว่าทุกครั้งที่ร่วมรักกัน เขาก็ทำให้จิณณาได้พบกับความสุขล้นไปด้วยที่สำคัญกว่านั้น อาทิตย์มั่นใจว่าจิณณาไม่ได้รังเกียจเขา เขาไม่ได้คิดไปเอง แต่จากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาทำให้รู้ได้ไม่ยากว่าท่าทางของแม่สาวน้อยที่มีต่อเขานั้นมันคืออะไร บางเรื่องไม่ต้องมีคำอธิบาย แต่สัมผัสได้ด้วยหัวใจและความรู้สึก“แม่เคยเห็นเธอแล้ว”จู่ๆ อาทิตย์ก็พูดขึ้นในค่ำคืนที่ทั้งสองคนขลุกอยู่บนเตียงนอน จนคนที่ซุกอยู่ในอ้อมกอดของเขาตัวเกร็งขึ้นมา“ครั้งล่าสุดที่แม่มาที่นี่ เธอย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้แล้ว ตอนนั้นเธอนั่งทำอะไรสักอย่างอยู่กับคนงานในโถงใกล้กับห้องครัว แม่ทำท่าจะเดินไปหา คงอยากจะดูหน้าเธอให้ได้ แต่ฉันขวางเอาไว้ก่อน”จิณณาเริ่มร้อนรน หากอาทิตย์กลับเห็นเป็นเรื่องขัน เขายังมีแก่ใจหัวเราะ“แค
“แม่คุณสงสัยว่าคุณมีใครแอบไว้หรือเปล่า แล้วคุณก็ว่าสุดท้ายคุณก็ซุกจิณไว้จริงๆ อย่างนี้ถ้าไม่เรียกว่าเมียเก็บแล้วจะให้เรียกอะไร”อาทิตย์ถึงกับกุมขมับกับการก้าวพลาดของตัวเอง...แต่ก็ยังดีที่แม่คุณยอมเปิดปากบอกสิ่งที่อยู่ในใจ แม้แลกด้วยการถูกเรียกว่าเป็นผัวเก็บของเจ้าหล่อนก็เถอะ!“ฉันไม่เคยคิดจะให้เธอเป็นเมียเก็บหรือเมียซุก แต่ฉันจะเอาเธอมาเป็นเมียจริงๆ”คำยืนยันที่แสนโอหังของเขาทำให้จิณณาตีสีหน้าไม่ถูก แน่นอนว่าความเสียใจและน้อยเนื้อต่ำใจเมื่อครู่บินหายไปแล้ว แต่ความหมั่นไส้ที่มีต่อเขานั้นกลับเพิ่มเป็นทวีหญิงสาวจ้องมองเขานิ่ง มือก็ดึงผ้าห่มมาคลุมกายไว้ด้วย จนเมื่อเห็นว่ามิดชิดพอก็พูดกับเขา“จิณโกรธคุณ”“โกรธเรื่อง…?”“คุณบังคับจิณ ทำให้จิณเจ็บ ดูสิ เป็นจ้ำๆ หมดแล้ว”“ไหนดูสิ” เขาดึงแขนหล่อนมาดู พอเห็นว่าเป็นจริงตามที่บอกก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเหมือนกัน “ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้อยากให้เธอเจ็บ...แต่เธอผิวบาง”“คุณทำผิดแล้วมาใส่ร้ายจิณ”
“สองทุ่มนี่นะ นายนอนแต่หัวค่ำตั้งแต่เมื่อไร”น้องชายจอมจุ้นยังไม่เลิกเซ้าซี้ถาม อาทิตย์จึงตัดบทโดยการตัดสายแล้วปิดโทรศัพท์มือถือเพื่อป้องกันการถูกรบกวนเสียเลย ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะทำงาน แล้วเดินมาผลักบานประตูที่เชื่อมกันเพื่อเข้ามาในห้องนอนแม่เนื้อนวลของเขายังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในส่วนพักผ่อนของห้องนอน เห็นหล่อนนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับนักร้องไทยที่มีลุคคล้ายเกาหลีอยู่ในจอขวางหูขวางตาชะมัด!อาทิตย์ก้าวอาดๆ ไปหาอย่างไม่รอช้า“อย่านะ! อย่าปิดทีวี จิณยังดูไม่จบ”“ดูนักร้องคนนี้หรือ แล้วทำไมต้องยิ้มให้เขาด้วย”ชายหนุ่มชี้ไปทางหน้าจอโทรทัศน์อย่างสุดที่ทนได้ไหว“ใช่ ขอดูพี่เป๊กให้จบก่อนนะ คนดี๊คนดีของหนูจิณ คุณอั๋นไปนอนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจิณตามไป”น้องก็กวนโมโห เมียก็ไม่ยอมเอาใจคนหัวร้อนออกอาการฮึดฮัดจำต้องเดินไปยังที่นอนคนเดียว แล้วก็ได้แต่เดินไปเดินมาสะกดอารมณ์อยู่สองสามรอบ แต่ใจก็ไม่ยอมสงบ จนเมื่อคิดว่าจะลงไปข้างล่างก็เห็นคนร่างกลมกลึงปรี่มาหาเสียก่อน“รายการทีวีจบแล้วห
คำว่าคิดถึงของเขามาพร้อมกับดวงตาพราวระยับ จิณณามองปราดเดียวก็รู้ทันคนคิดไม่ซื่อ และแววตาของหญิงสาวก็ทำให้ชายหนุ่มต้องลอบยิ้ม เขาโน้มตัวลงไปโอบกอดหล่อนไว้ แล้วกดจุมพิตหนักๆ ตรงต้นคอ หากเพียงแค่นี้ก็ทำให้จิณณาวูบไหวไปทั้งกาย “จิณกำลังแกะเมล็ดสตรอว์เบอร์รีเอาไว้ปลูกค่ะ เมื่อวานลุงชื่นเอาลูกใหญ่ๆ มาให้จิณสี่ลูก จิณเห็นแล้วอยากแกะเมล็ดมาปลูกใส่กระถางไว้ในห้องนี้” จิณณาเบือนหนีสัมผัสของเขา แล้วบอกถึงความตั้งใจในสิ่งที่จะทำต่อไป อาทิตย์มองตามก็เห็นเปลือกสตรอว์เบอร์รีที่มีเมล็ดเกาะอยู่บนกระดาษทิชชู สภาพแห้งเหมือนถูกตากแดดไว้ระยะหนึ่งแล้ว “แกะเมล็ดแล้วยังไงต่อ” “เอาไปแช่น้ำหนึ่งสัปดาห์ แล้วเอาไปปลูกในกระเปาะเล็กๆ ระหว่างนั้นก็ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นไปด้วยค่ะ” “ยุ่งยาก มันดีกว่าใช้ไหลสตรอว์เบอร์รีปลูกยังไง” “ดีกว่าตรงที่เราได้ฟูมฟักมันขึ้นมาจากเมล็ด เฝ้ารอและประคับประคองให้ต้นเติบใหญ่จนออกลูกออกผลให้เราชื่นชมสิคะ” “ปลูกไว้ชื่นชมหรอกหรือ” “คุณจะกินก็ได้ค่ะ” “ให้ถึงตอนนั้นก่อน แล้วฉันค่อยตัดสินใจว่าจะเก็บไว้ชื่นชมหรือเอามากิน”
ในวันหยุดที่อากาศร้อนอบอ้าว อุณหภูมิทะลุไปถึงสี่สิบองศาเซลเซียส จิณณาซึ่งเป็นคุณแม่ลูกสี่ยังคอยดูแลลูกๆ ให้นั่งวาดภาพอยู่ในห้องโถงซึ่งอากาศเย็นกำลังดีด้วยเครื่องปรับอากาศหล่อนยังไม่ปล่อยให้ลูกทุกคนออกไปเล่นนอกบ้าน เพราะสองวันก่อนด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้ลูกสาวคนสุดท้องวัยสองขวบต้องล้มป่วยลง และวันนี้หนูน้อยก็เพิ่งทุเลาจากอาการไข้ เจ้าตัวยังไม่แข็งแรงพอที่จะออกไปวิ่งเล่นข้างนอก จิณณาจึงต้องต้อนพี่ๆ ทั้งสามคนให้อยู่ภายในบ้านคอยเป็นเพื่อนหนูน้อย“คุณแม่ครับ เมื่อไรเราจะไปที่สวนป่ากันอีก พี่ขุนอยากเล่นน้ำในลำธาร”ลูกชายคนโตวัยหกขวบถามขึ้น เขาคงเบื่อที่ต้องมานั่งวาดภาพและร่วมทำกิจกรรมกับน้องๆ แล้วลูกสาวคนรองก็สนับสนุนตาม“ใช่ค่ะ เราพาน้องพลับพลึงไปว่ายน้ำ น้องจะได้หายไข้ไวๆ”ทฤษฎีรักษาไข้ของแม่หนูมะลิทำให้คุณพ่อที่ยังหล่อเหลาเดินมาแล้วได้ยินเข้าพอดีถึงกับหัวเราะขำ“ไม่ใช่ว่าเราอยากเล่นน้ำเองหรือมะลิ”เมื่อคุณพ่อดักคออย่างรู้ทัน มะลิน้อยก็ปิดปากหัวเราะคิก แต่ยังตอบกลับอย่างไร้เดียงสา“
หลังแต่งงาน จิณณาใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังใหญ่กลางไร่กว้างของอาทิตย์อย่างมีความสุข หลายสิ่งรอบตัวไม่ได้เปลี่ยนไป และหล่อนก็พอใจที่จะให้เป็นอย่างนั้นจิณณาเริ่มช่วยงานของแม่สามีอย่างจริงจังด้วยค่าจ้างเดือนละห้าหมื่นบาท ทุกเดือนหล่อนจะโอนให้แม่ลัดดาสามหมื่น ส่วนที่เหลืออีกสองหมื่นก็ติดกระเป๋าไว้หญิงสาวเรียนรู้งานอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนได้พบว่าหล่อนสนุกกับงานวางกลยุทธ์ในธุรกิจห้างสรรพสินค้าและค้าปลีกเสียแล้ว“เป็นเมียเศรษฐีก็ยังต้องทำงานอีกหรือพี่จิณ”ส้มโอนั่งเท้าคางมองสาวรุ่นพี่ที่วันนี้กลายเป็นเจ้านายสาวอีกตำแหน่งแล้ว“ต้องทำสิ แล้วงานของพี่ก็สนุกนะ”“คนที่ห้างฯ เขาพูดกันว่าคุณนายรักพี่จิณเหมือนลูกสาว ไม่ใช่ลูกสะใภ้ หนูว่าคุณอั๋นใกล้จะตกกระป๋องแล้วแหละ แถมพี่จิณได้เจอคุณนายบ่อยกว่าคุณอั๋นอีกด้วย”“พูดอะไรส้มโอ”เสียงที่แทรกเข้ามานั้นทำให้คนช่างพูดสะดุ้งสุดตัว ทุกวันนี้ส้มโอขยับมาเป็นคนสนิทของจิณณาแล้ว เพราะอาทิตย์ได้มอบหมายหน้าที่ใหม่ โดยให้คอยตามดูแลและอยู่เป็นเพื่อนจิณณา ไม่ว่าภร
ห้องแถวชั้นเดียวในชุมชนริมคลองของตัวอำเภอยังตั้งอยู่เช่นเดิม หากความรู้สึกของจิณณาในวันนี้ต่างกับวันก่อนที่มาหาแม่ลิบลับ“เข้ามาในบ้านก่อนสิคุณ หนูจิณพาพี่เขาเข้ามา ข้างนอกอากาศมันร้อน”ลัดดามีสีหน้ายิ้มแย้มขณะเชิญชวนลูกเขยให้เข้าบ้าน โดยไม่ลืมกำชับลูกสาวไว้ด้วย ส่วนตัวเองก็ปราดเดินนำเข้าไปก่อนจิณณายิ้มตาม หัวใจเหมือนจะโบยบินเสียให้ได้ หล่อนรักที่จะเห็นความยินดีและรอยยิ้มบนใบหน้าของแม่เหลือเกิน“ผมมาฝากเนื้อฝากตัวกับคุณอาไว้ก่อนครับ ส่วนแม่จะมาในสัปดาห์หน้าพร้อมกับผู้ใหญ่เพื่อสู่ขอหนูจิณกับคุณอา”อาทิตย์พูดขึ้นหลังจากทั้งสามคนเข้ามานั่งบนโซฟาในบ้านเรียบร้อยแล้วจิณณามองรอบตัวปราดเดียวก็รู้ว่าแม่ตั้งใจจัดเก็บบ้านอย่างดีที่สุด จนเห็นความเป็นระเบียบแปลกตาไปจากทุกวัน ข้าวของที่มักมีเก็บไว้มากมายตามประสาคนค้าขาย ในวันนี้ข้าวของพวกนั้นได้หายไปหมดแล้ว พื้นที่รับแขกกลายเป็นพื้นที่โล่ง มีเพียงเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นสำหรับใช้งานจริงๆลัดดาวางตัวได้เหมาะสม แม้สีหน้าจะยิ้มแย้มเบิกบานโดยที่ใครเห็นก็เข้าใจได้ทันทีว่าเธอดี
จิณณาเดินเข้าไปด้านในห้องนอนตามทิศทางของแสงไฟที่เห็นส่องสว่าง และเมื่อไปถึง ร่างกายของหญิงสาวก็หยุดอยู่กับที่ มองภาพเบื้องหน้านิ่งงันอยู่อย่างนั้น“ห่างแค่วันเดียวจำผัวไม่ได้แล้วหรือหนูจิณ”“พี่อั๋น!”“ครับ พี่เอง ดีใจจังที่เมียยังจำได้”ชายหนุ่มเย้า สีหน้าของเขาเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม ดวงตาคมหลุบมองส่วนกลางของร่างกายหญิงสาว แล้วตรงเข้ามาโอบกอดแม้เจ้าหล่อนยังยืนตัวแข็งเช่นเดิม แต่เขาก็ไม่สนใจ ความยินดีเกิดขึ้นเต็มหัวใจจนไม่อยากเก็บมันไว้อีกแล้วดวงหน้าคมโน้มลงพรมจูบตรงเรือนผมนุ่มสลวย แล้วเลื่อนมากดจูบบริเวณหน้าผาก ไล่มาถึงพวงแก้มนวล แล้วกดจูบที่ริมฝีปากอิ่มหนักๆ“ใจร้ายกับพี่ทุกคนเลย หนูจิณก็เป็นไปกับเขาด้วย”“แล้วพี่อั๋นมาได้ยังไงคะ”“ขับรถมาสิ แล้วนี่บ้านของพี่นะ ห้องนี้ก็เป็นห้องของพี่ พี่อยู่มาตั้งแต่เด็กๆ”“เอ่อ...จิณขอโทษค่ะ ไม่น่าถามอย่างนี้เลย”“ไม่ได้กอดแค่คืนเดียว รู้ไหมคิดถึงมาก เมื่อคืนนอนไม่หลับ ห่วงไปสารพัด ทั้งที่รู้ว่าอยู่
พิจิกาเร่งสาวเท้าเข้ามาในโรงพยาบาล หลังจากได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนอาจารย์ที่มาฝากครรภ์แล้วบอกว่าได้เจอกับคนรู้จักของเธอที่แผนกเดียวกันเข้าเพียงแค่นั้น อาจารย์สาวที่ว่างจากชั่วโมงสอนก็ปรี่มายังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยในทันทีเมื่อถามจนรู้พิกัดของ ‘คนรู้จัก’ เธอก็รีบจอดรถแล้วขึ้นลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นเป้าหมาย พลันก็เจอกับผู้หญิงสองคนที่เธอคาดไว้จริงๆพิจิกาเดินหลบไปยังมุมหนึ่ง แล้วโทร.ติดต่อหาเพื่อนสนิทโดยไว“นายอั๋น ทำอะไรอยู่ที่ไหนเนี่ย”“อยู่ที่ไร่ พริกมีอะไรหรือเปล่า”“แล้วเจอเมียนายหรือยัง”พิจิกายิงคำถามไปตรงๆ เพราะไม่ต้องการให้เรื่องยืดเยื้ออีก“เมียของนายหายไปไม่ใช่หรือ แล้วทำไมนายไม่ตามหา หรือว่านายแค่เล่นๆ กับยายขนุน”“หนูจิณออกจากบ้านของฉัน แต่ฉันรู้ว่าเธออยู่กับแม่ของฉันแล้ว”“อ้าว! นายก็รู้ด้วยนี่ ฉันเห็นที่บ้านของนายพร้อมใจกันปิดข่าวนายไม่ใช่หรือ”“ฉันรู้จากสัญญาณมือถือของหนูจิณ แล้วถามจากคนขับรถตู้
หลังจากพิจิกากลับไปแล้ว ขวัญจึงเอาเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว ไม่เว้นแม้แต่เครื่องสำอางแบรนด์ดังมาให้จิณณา หญิงสาวพลิกมองอย่างพิจารณา คิดในใจว่ามันดีเกินไป ไม่จำเป็นเลยที่คุณนายอรอรจะนำของพวกนี้มาให้หล่อนใช้ หากก็ไม่ทันได้พูด ขวัญก็รายงานต่อด้วยเสียงดังแจ้วๆ ขึ้นมาเสียก่อน“คุณนายบอกว่าให้คุณจิณรับไว้แล้วใช้ของพวกนี้ด้วยค่ะ”จิณณาเหลือบมองแล้วยิ้ม แน่นอนว่าหล่อนไม่มีทางปฏิเสธได้ ถ้าคุณนายฝากถ้อยคำมาแบบนี้แล้ว“คุณนายใจดีค่ะ ถึงท่าทางจะดุไปสักนิดก็ตาม หนูชอบอยู่บ้านนี้ที่สุดแล้ว”จิณณาปล่อยให้เด็กรับใช้พูดต่อไป แม้หล่อนจะเห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้ผสมโรง เพราะยังติดความรู้สึกที่ว่าตนยังไม่ใช่คนในบ้านนี้ หล่อนจึงเพียงรับฟังไปเงียบๆ“คุณหายปวดหัวหรือยังคะ ตอนนี้ก็บ่ายแล้ว”“อะไรนะ นี่บ่ายแล้วหรือ”“บ่ายสองแล้วค่ะ คุณหลับไปหลายรอบเลย หนูก็ไม่อยากปลุก”“นั่นสิ วันนี้ง่วงนอนทั้งวัน เมื่อก่อนไม่เป็นอย่างนี้นะ ฉันยังไปทำงานในไร่ด้วยเลย”จิณณาเผลอพูดออกไป แต่เมื่อรู้ตัวก็ปิดปากฉับทันที
เสียงพูดคุยดังแว่วเข้ามาในหู จิณณาคิดว่าเป็นเพียงความฝัน เพราะหล่อนพยายามปรือตาเปิด แต่รู้สึกว่าเปลือกตาหนักอึ้งเหลือเกิน ครั้นจะปล่อยตัวเองให้หลับต่อ จิตใต้สำนึกก็บอกว่าหล่อนนอนหลับมากเกินไปแล้ว ควรจะตื่นขึ้นได้สักทีหญิงสาวพยายามฝืนตัวเอง ค่อยๆ ปรือเปิดดวงตาขึ้นอีกรอบ กระทั่งทำได้สำเร็จ เพดานห้องสีขาวที่มีดวงไฟงดงามหรูหราปรากฏขึ้นในสายตา แล้วก็จดจำได้ต่อมาว่าหล่อนอยู่ที่ไหน“ตื่นแล้วหรือหนูจิณ ดูสิ ตัวก็ไม่ร้อน แต่นอนหลับนิ่งไปเลย”เสียงคุ้นหูพร้อมกับสัมผัสนุ่มนวลและอ่อนโยนตรงหน้าผากทำให้จิณณาเบือนหน้าไปมอง แล้วเมื่อเห็นว่าเป็นใคร หล่อนก็ชันกายขึ้นนั่งด้วยความรู้สึกว่าไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลย“อาจารย์พริก!”หล่อนตกใจ ไม่นึกว่าจะเห็นพิจิกาในห้องนี้ ซึ่งเป็นห้องนอนส่วนตัวของอาทิตย์ เพราะจิณณายังไม่มั่นใจในสิทธิ์ของตัวเองนัก“ทำไมทำหน้าตกใจ หนูจิณไม่ดีใจหรือที่เห็นฉัน ชักจะน้อยใจแล้วนะ”“ไม่ค่ะ หนูจิณ เอ่อ...นึกไม่ถึงว่าจะได้เจออาจารย์”“โกหกไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่นะหนูน้อย”พิจิ
หลังจากเรียกเด็กในบ้านให้พาจิณณาไปพักผ่อนแล้ว พอคล้อยหลังจิณณาไป คุณนายอรอรก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม ท่าทางเหมือนจมอยู่กับความคิด ในขณะที่ลูกชายคนรองก็ยังนั่งปักหลักอยู่ข้างๆ ไม่ยอมลุกไปไหนเช่นกัน“แม่คิดว่าซ้ออายุสิบเจ็ดสิบแปดได้ยังไง เขาเรียนจบมหาวิทยาลัยและเคยทำงานที่กรุงเทพฯ มาแล้ว”ข้อมูลที่ได้ยินนั้นทำให้เศรษฐีนีใหญ่เบิกตาโต แล้วหันขวับไปทางคนพูด“อ้าว! แล้วทำไมแกเพิ่งบอกฉัน ฉันอุตส่าห์ทำใจให้ยอมรับอยู่ตั้งนานว่าพี่แกไปฉวยเด็กมาทำเมีย เห็นหน้าตายังกับเพิ่งจบมัธยม แต่กิริยาท่าทางก็น่าเอ็นดู ผิดจากที่ฉันนึกภาพเอาไว้มาก แต่ก็นั่นแหละนะ ถ้าเป็นเด็กของหนูพิจิกาก็ต้องน่ารักไม่ต่างกัน ไม่งั้นจะให้ตามหลังกันได้ยังไง”“แม่ก็ยังเอ็นดูหนูพิจิกาของแม่ไม่เลิกนะ อย่าเผลอเอาเขาใส่พานให้นายอั๋นเข้าก็แล้วกัน จำไว้ว่าตอนนี้นายอั๋นมีเมียเรียบร้อยแล้ว”“เอาน่า ฉันไม่ทำอย่างนั้นหรอก แกก็บอกเองนี่ว่าพี่แกย้ำนักย้ำหนาว่าพวกเขาเป็นแค่เพื่อนกัน ไม่เคยคบหากัน”“นายอั๋นยืนยันตามนั้น ส่วนอีกคนผมไม่รู้ความรู้สึกเขาหรอก สนิทกันม
“หนูจิณไม่อยู่ ไม่มีใครเห็นว่าออกไปไหน มันเป็นไปได้ยังไง ทั้งในบ้านและไร่ของเราก็มีคนอยู่ตั้งมาก”อาทิตย์ออกอาการตกใจ เมื่อเรียกคนงานมาพร้อมหน้าเพื่อสอบถามว่าเห็นจิณณากันบ้างไหม และคำตอบก็ไปในทางเดียวกัน...ไม่มีใครรู้และไม่มีใครเห็นหล่อน“หนูจิณเอาโทรศัพท์ไปด้วยไหม แล้วคุณอั๋นโทร.หาเธอหรือยัง”ป้าแววที่ถูกตามมาจากบ้านพักกลางไร่ออกอาการร้อนรน นางเป็นห่วงจิณณาไม่น้อยกว่าใคร ทั้งที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนก็ยังโกรธอาทิตย์อยู่ เพิ่งบอกกับตัวเองว่าจะไม่พูดและไม่ยุ่งแล้วด้วยซ้ำ แต่พอไม่ทันข้ามวันก็กลับต้องมาช่วยกันเหมือนเดิม“ผมไม่มีเบอร์หนูจิณ”“แล้วเป็นผัวเมียประสาอะไร ไม่รู้เรื่องของเขาเลย”ป้าแววอดไม่ได้ที่จะบ่น ถ้าอาทิตย์จะโกรธนางอีกก็ตามใจ เพราะเหลืออดเต็มทนแล้วเหมือนกัน หากคราวนี้เจ้าของบ้านหนุ่มกลับก้มหน้ายอมรับผิดเสียง่ายๆ“ผมรู้ตัวแล้วว่าไม่ได้ใส่ใจหนูจิณอย่างที่ป้าพูดจริงๆ” อาทิตย์บอกเสียงอ่อนน้อม เพราะรู้สึกสำนึกผิด “เมื่อตอนเย็นผมก็ก้าวร้าวกับป้า ผมขอโทษด้วย&rd