ในฐานะลูกชายคนโตของแม่ที่เป็นนักธุรกิจใหญ่ หน้าที่ของเขาไม่ใช่สานต่อกิจการ แต่เป็นการหาเมียทำลูกสักครึ่งโหลต่างหากเล่า ----------------------- ความสันโดษของ อาทิตย์ โปรแกรมเมอร์หนุ่มฝีมือดีต้องสั่นคลอน เมื่อ จิณณา หรือแม่ขนุนอวบเข้ามาอาศัยอยู่ภายใต้ชายคาบ้าน หล่อนบอกว่าไม่มีที่ไป แถมยืนยันว่าร่างกายแข็งแรง พร้อมสู้ทุกงานอีกด้วย เขาไม่ได้เต็มใจรับ แต่ก็นะ...คุณสมบัติน่าสนใจขนาดนี้ ปล่อยไปก็คงเสียดาย สู้เก็บไว้ให้อยู่ใกล้ตัว เผื่อจะได้ใช้งานเองดีกว่า ---------------------- “อ้าว! จะทุบผัวให้ตายคาอกหรือไง” “ไม่ต้องเรียกตัวเองว่าอย่างนี้เลย” “เรียกว่าผัวนี่หรือ จนขนาดนี้แล้วถ้าฉันไม่เป็นผัวเธอ แล้วจะให้เป็นอะไร” “เป็นผัวเก็บ” “อะไรนะ!” อาทิตย์อุทานถามเสียงดัง เพราะไม่อยากเชื่อหูว่าหล่อนจะเรียกเขาด้วยถ้อยคำนี้ “คุณอั๋นว่าจิณเป็นเมียเก็บ เมียซุกในไร่ ถ้าอย่างนั้นคุณก็เป็นผัวเก็บของจิณ จิณจะซุกคุณไว้ในไร่นี้เหมือนกัน”
view moreไม่มีอะไรน่าง่วงนอนไปกว่าการนั่งฟังคุณนายอรอรพูดโน้มน้าวให้เขาหาผู้หญิงมาทำลูกสักครอกอีกแล้ว
แค่นึกว่าในแต่ละวันที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอสิ่งมีชีวิตตัวจิ๋วที่ควบคุมได้ยากนั้นมาวิ่งเล่นส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวในบ้านที่เขาหนีมาสร้างอยู่กลางไร่กว้าง อาทิตย์ก็คิดว่าหายนะเกิดกับเขาแน่นอนแล้ว ชายหนุ่มลอบถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ แต่ดูว่าคุณนายยังไม่มีวี่แววว่าจะยอมถอยเหมือนกัน ตราบใดที่ยังไม่ได้สิ่งที่ต้องการ “ถ้าแกนึกถึงข้อดีของการมีครอบครัวไม่ออก ก็ลองจินตนาการว่า ถ้าปุบปับแกเป็นอะไรไป สมบัติที่แกหามาได้อย่างฟลุกๆ ตั้งมากมายจะตกเป็นของการกุศล แกจะทนได้เหรอ” นี่เอาทุกทางเลยใช่ไหม กล่อมไม่สำเร็จก็แช่งให้ตายซะดื้อๆ เอากับคุณนายเขาสิ! “แกว่าไง ฉันพูดจนปากเปียกปากแฉะมาเป็นชั่วโมง แกจะไม่หือไม่อือสักคำเลยหรือ” “หิวน้ำไหมแม่” อาทิตย์โพล่งถาม จ้องหน้าแม่นิ่งๆ แววตาบอกว่าจริงจัง ทำเอาคุณนายอรอรถึงกับชะงัก ความจังงังกระแทกเข้าอย่างจัง “เมื่อกี้แกว่าอะไรนะ” “ผมถามว่าหิวน้ำไหม หรือว่าอยากกินอะไรหรือเปล่า จะได้บอกเด็กให้ทำมาให้ แม่ก็รู้ตัวว่าพูดมาเป็นชั่วโมงแล้ว ถ้าไม่เหนื่อยก็ต้องหิวบ้างละ” ได้ฟังคำพูดของลูกชายคนโต คุณนายเจ้าของห้างสรรพสินค้าประจำจังหวัดก็ถึงกับค้อนขวับ “แกนี่จริงๆ เลย ที่บอกว่าให้แกพูด ฉันหมายถึงบอกให้ฉันรู้สักหน่อยว่าเมื่อไรแกจะเอาเมีย ฉันเตรียมไว้ให้เลือกตั้งหลายคน ดีๆ ทั้งนั้น ลูกผู้ว่าฯ ก็มี หรือหลานสาวของนายกสโมสรการค้าจังหวัดเราก็ได้ แกก็รู้จักดีอยู่แล้ว เลือกมาสักคนแล้วฉันจะจัดการให้ คัดมาแต่แม่พันธุ์ดีๆ หลานฉันจะได้ออกมาน่ารักและฉลาด” จบถ้อยคำที่แม่กรอกหูเขามาหลายครั้งแล้ว อาทิตย์ก็เอนกายอิงพนักโซฟาอย่างหมดเรี่ยวแรง สองสาวที่แม่พูดถึงนั้นก็ดีอยู่หรอก...แต่พวกเธอไม่เหมาะจะเป็นเมียเขาแน่นอน “หลานของนายกสโมสรการค้า ดร.พิจิกา นั่นเหรอ แค่นึกถึง ผมก็เหี่ยวจนปลุกไม่ตื่นแล้ว ไม่เอาหรอก จนตอนนี้ยายพริกก็ยังข่มผมเรื่องให้ลอกข้อสอบตอนประถมอยู่เลย เรื่องมันผ่านมาไม่รู้กี่สิบปี ยังจำอยู่ได้ ผมไม่ชอบเมียความจำดี เธอฉลาดเกินไป คนนี้ไม่ผ่าน” ไม่ผ่านแน่นอน! ก็นั่นเพื่อนของเขา คลุกคลีกันมาตั้งแต่เรียนประถมจนถึงมัธยม มาแยกกันก็ตอนเรียนปริญญาตรี แต่พอไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ ทั้งสองคนก็ดันเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกันอีก มันช่างบังเอิญสิ้นดี แล้วที่สำคัญหล่อนก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วด้วย แถมไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเพื่อนของเขาที่รู้จักกันตอนเรียนเมืองนอกนั่นเอง อาทิตย์พูดใส่หน้าคนทั้งคู่อยู่บ่อยๆ ว่า แก่จนปูนนี้แล้วก็ไม่รู้จะปิดครอบครัวไปทำไม เปิดตัวไปเสีย ผู้ใหญ่จะได้เลิกจับคู่ให้หล่อนและเขาเสียที “ถ้าไม่เอาคนนี้ แล้วลูกสาวท่านผู้ว่าฯ ล่ะ นี่ฉันก็เพิ่งเจอในงานเลี้ยงรับรองผู้ใหญ่เมื่อสัปดาห์ก่อน กิริยามารยาทเรียบร้อย พูดจานุ่มนวล มองมุมไหนก็น่ารักไปหมด ฉันมองๆ ก็นึกไปว่าถ้ามีลูกสาวสักคนก็อยากให้ออกมาแบบนี้แหละ แต่พอมันไม่มี ให้มาเป็นลูกสะใภ้แทนก็ได้” คุณนายอรอรทำท่าเคลิ้มฝัน สำหรับคนนี้อาทิตย์ถึงกับกลั้นลมหายใจ เพราะเท่าที่เขารู้มา ลูกสาวของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดคนปัจจุบันนั้นห่างไกลจากคำที่แม่สาธยายนัก กระนั้นเขาก็ไม่ขัด เพราะไม่อยากพูดถึงผู้หญิงลับหลัง…ยกเว้นก็แต่เพื่อนสาวอย่างพิจิกาที่จิกกัดกันมาตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้มันติดจนเลิกไม่ได้เสียแล้ว “ผมว่าแม่วางมือและตัดใจเรื่องของผมดีกว่า ยังมีนายโอ๊ตกับนายอู๋อีกตั้งสองคน แม่ไปดันพวกนั้นดีกว่านะ พอจะเห็นทางสำเร็จเห็นแววมากกว่าผม ส่วนผมสงสัยจะขึ้นคานแล้วแหละ” “แกเป็นพี่คนโต ยังไงแกก็ต้องแต่งงานก่อนน้อง” “นี่มันยุคไหนแล้ว แม่ยังเอาธรรมเนียมสมัยอากงอาม่ามาใช้กับพวกเราอีกหรือไง สำหรับผมนะ ไม่ต้องรอ เพราะผมรู้สึกตงิดๆ ว่าตัวเองจะขึ้นคาน อย่างนี้แม่จะปล่อยให้ลูกชายของแม่อีกสองคนขึ้นคานตามผมไปด้วยหรือไง ไม่เหลือทายาทสืบสกุลสักคนเดียว มันน่าเศร้านะแม่ คิดดูดีๆ นะ ไปบอกสองคนนั้นให้หาเมียแทนผมเถอะ นายอู๋ก็อายุยี่สิบเก้าปีแล้ว ส่วนนายโอ๊ตก็ตั้งสามสิบเอ็ดปี เกิดหลังผมแค่สิบเอ็ดเดือน พวกนี้หาเมียมาทำลูกให้แม่ได้แล้วเหมือนกัน” “โอ๊ย! ไม่ต้องเอาน้องมาอ้าง สองคนนั้นก็นิสัยเหมือนแกนั่นแหละ ฉันเหนื่อยกับพวกแกจริงๆ มีลูกชายสามคน ไม่ได้ดังใจฉันเลยสักคน” “นี่แสดงว่าไปเคี่ยวเข็ญเอาจากพวกนั้นมาแล้วใช่ไหม” ลูกชายคนโตดักคออย่างรู้ทัน คุณนายอรอรหุบปากฉับแล้วสะบัดหน้า ก่อนจะกวาดสายตามองรอบโถงของบ้านหลังใหญ่โตของลูกชาย เธอภูมิใจอยู่หรอกที่ลูกทำงานแล้วสร้างทุกอย่างมาด้วยตัวเอง แต่ด้วยความเป็นแม่ก็อดที่จะรู้สึกห่วงไม่ได้ เธอมีลูกชายอยู่ตั้งสามคน แต่ไม่มีวี่แววว่าจะปักหลักแต่งงานเลยสักคน ทั้งที่ลูกๆ ของเพื่อนที่อยู่ในวัยเดียวกันก็ทยอยออกเรือนกันไปหลายคนแล้ว แล้วหางตาก็เห็นกลุ่มคนนั่งทำงานกันอยู่เงียบๆ ตรงมุมใกล้กับห้องครัว จำได้ว่าที่ตรงนั้นมักถูกใช้เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ของคนทำงานบ้าน ดวงตาของคุณนายอรอรหรี่ลง...นอกจากแม่บ้าน เด็กในบ้านที่คุ้นตา แล้วยังมีใครอีกคนที่นั่งหันหลังให้ เธอมองไม่เห็นหน้าค่าตาของผู้หญิงคนนั้น แต่ประเมินจากรูปร่างและเรือนผมดำขลับเป็นพวงยาวที่ผูกเป็นหางม้ากับต้นคอระหงนั้น ฟันธงได้ว่าไม่ใช่คนงานในบ้านอย่างแน่นอน คุณนายอรอรลุกขึ้นทันทีอย่างไม่ให้ความสงสัยค้างคาอยู่ ก่อนที่จะย่างเท้าตรงไปหาก็ยังทิ้งหางตาครุ่นคิดระคนไม่วางใจไปทางลูกชายที่นั่งก้มหน้านิ่งเหมือนคนปลงตกกับชีวิต อาทิตย์ถอนหายใจยาว แล้วเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของแม่เดินห่างออกไป แต่เมื่อปรายตามองก็เห็นทิศทางของแม่ที่จ้ำไปหา ทำให้เขาต้องผุดลุกขึ้นอย่างไว “แม่! หยุดก่อน” แค่ไม่กี่วินาที อาทิตย์ก็ตามไปคว้าข้อมืออวบของผู้ให้กำเนิดไว้ได้ อีกฝ่ายหันมองเขาอย่างสงสัยในท่าที ดวงตาคมรีที่หรี่ลงนั้นบ่งบอกชัดว่าไม่ไว้ใจ...แต่จะเป็นเรื่องอะไรนั้น อาทิตย์ไม่คิดจะอยากรู้ “แม่จะกลับบ้านแล้วใช่ไหม เดี๋ยวผมไปส่ง ผมจะออกไปข้างนอกเหมือนกัน” “ฉันกลับเองได้ นัดเวลากับนายนวยไว้แล้ว เดี๋ยวเขาก็มา” “ไม่เป็นไร ผมจะบอกนายนวยว่าไม่ต้องมาแล้ว เพราะผมจะไปส่งแม่ที่บ้านเอง ไปกันเถอะ...ผมไม่ได้เข้าบ้านเรานานแล้ว” คุณนายอรอรเอียงคอมองลูกชายอย่างพินิจ ท่าทางอ้ำอึ้ง มือข้างที่ว่างนั้นดูเกะกะเหมือนไม่รู้ว่าจะวางไว้ตรงไหนดี นี่ไม่ใช่พฤติกรรมคุ้นตาของลูกชายคนโตของเธอแล้วนะ หากก็ยอมเดินตามเขากลับไป ก็พ่อเจ้าประคุณเกิดนึกอยากรักแม่กะทันหัน โดยจับมือเธอไว้แน่นอย่างไม่ยอมปล่อย หากก่อนจะพ้นจากโถงบ้าน หญิงวัยกลางคนยังหันไปมองยังทิศทางเดิมอย่างติดใจ คนเป้าหมายที่เธอตั้งใจจะเดินไปดูเมื่อสักครู่นั้นยังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่เช่นเดิม ทรวดทรงเรือนร่างที่เห็นจากด้านหลังนั้นได้สัดส่วนเหมาะเจาะ แถมท่านั่งที่มองปราดเดียวก็เห็นว่าแตกต่างจากคนที่นั่งรายล้อม คุณนายอรอรเก็บข้อมูลมาจนครบภายในไม่กี่วินาที มาดหมายไว้ในใจว่า ต่อให้ลูกชายอมโบสถ์มาบอกว่าเป็นแค่คนงานในบ้าน เธอก็ไม่มีวันเชื่อในวันหยุดที่อากาศร้อนอบอ้าว อุณหภูมิทะลุไปถึงสี่สิบองศาเซลเซียส จิณณาซึ่งเป็นคุณแม่ลูกสี่ยังคอยดูแลลูกๆ ให้นั่งวาดภาพอยู่ในห้องโถงซึ่งอากาศเย็นกำลังดีด้วยเครื่องปรับอากาศหล่อนยังไม่ปล่อยให้ลูกทุกคนออกไปเล่นนอกบ้าน เพราะสองวันก่อนด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้ลูกสาวคนสุดท้องวัยสองขวบต้องล้มป่วยลง และวันนี้หนูน้อยก็เพิ่งทุเลาจากอาการไข้ เจ้าตัวยังไม่แข็งแรงพอที่จะออกไปวิ่งเล่นข้างนอก จิณณาจึงต้องต้อนพี่ๆ ทั้งสามคนให้อยู่ภายในบ้านคอยเป็นเพื่อนหนูน้อย“คุณแม่ครับ เมื่อไรเราจะไปที่สวนป่ากันอีก พี่ขุนอยากเล่นน้ำในลำธาร”ลูกชายคนโตวัยหกขวบถามขึ้น เขาคงเบื่อที่ต้องมานั่งวาดภาพและร่วมทำกิจกรรมกับน้องๆ แล้วลูกสาวคนรองก็สนับสนุนตาม“ใช่ค่ะ เราพาน้องพลับพลึงไปว่ายน้ำ น้องจะได้หายไข้ไวๆ”ทฤษฎีรักษาไข้ของแม่หนูมะลิทำให้คุณพ่อที่ยังหล่อเหลาเดินมาแล้วได้ยินเข้าพอดีถึงกับหัวเราะขำ“ไม่ใช่ว่าเราอยากเล่นน้ำเองหรือมะลิ”เมื่อคุณพ่อดักคออย่างรู้ทัน มะลิน้อยก็ปิดปากหัวเราะคิก แต่ยังตอบกลับอย่างไร้เดียงสา“
หลังแต่งงาน จิณณาใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังใหญ่กลางไร่กว้างของอาทิตย์อย่างมีความสุข หลายสิ่งรอบตัวไม่ได้เปลี่ยนไป และหล่อนก็พอใจที่จะให้เป็นอย่างนั้นจิณณาเริ่มช่วยงานของแม่สามีอย่างจริงจังด้วยค่าจ้างเดือนละห้าหมื่นบาท ทุกเดือนหล่อนจะโอนให้แม่ลัดดาสามหมื่น ส่วนที่เหลืออีกสองหมื่นก็ติดกระเป๋าไว้หญิงสาวเรียนรู้งานอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนได้พบว่าหล่อนสนุกกับงานวางกลยุทธ์ในธุรกิจห้างสรรพสินค้าและค้าปลีกเสียแล้ว“เป็นเมียเศรษฐีก็ยังต้องทำงานอีกหรือพี่จิณ”ส้มโอนั่งเท้าคางมองสาวรุ่นพี่ที่วันนี้กลายเป็นเจ้านายสาวอีกตำแหน่งแล้ว“ต้องทำสิ แล้วงานของพี่ก็สนุกนะ”“คนที่ห้างฯ เขาพูดกันว่าคุณนายรักพี่จิณเหมือนลูกสาว ไม่ใช่ลูกสะใภ้ หนูว่าคุณอั๋นใกล้จะตกกระป๋องแล้วแหละ แถมพี่จิณได้เจอคุณนายบ่อยกว่าคุณอั๋นอีกด้วย”“พูดอะไรส้มโอ”เสียงที่แทรกเข้ามานั้นทำให้คนช่างพูดสะดุ้งสุดตัว ทุกวันนี้ส้มโอขยับมาเป็นคนสนิทของจิณณาแล้ว เพราะอาทิตย์ได้มอบหมายหน้าที่ใหม่ โดยให้คอยตามดูแลและอยู่เป็นเพื่อนจิณณา ไม่ว่าภร
ห้องแถวชั้นเดียวในชุมชนริมคลองของตัวอำเภอยังตั้งอยู่เช่นเดิม หากความรู้สึกของจิณณาในวันนี้ต่างกับวันก่อนที่มาหาแม่ลิบลับ“เข้ามาในบ้านก่อนสิคุณ หนูจิณพาพี่เขาเข้ามา ข้างนอกอากาศมันร้อน”ลัดดามีสีหน้ายิ้มแย้มขณะเชิญชวนลูกเขยให้เข้าบ้าน โดยไม่ลืมกำชับลูกสาวไว้ด้วย ส่วนตัวเองก็ปราดเดินนำเข้าไปก่อนจิณณายิ้มตาม หัวใจเหมือนจะโบยบินเสียให้ได้ หล่อนรักที่จะเห็นความยินดีและรอยยิ้มบนใบหน้าของแม่เหลือเกิน“ผมมาฝากเนื้อฝากตัวกับคุณอาไว้ก่อนครับ ส่วนแม่จะมาในสัปดาห์หน้าพร้อมกับผู้ใหญ่เพื่อสู่ขอหนูจิณกับคุณอา”อาทิตย์พูดขึ้นหลังจากทั้งสามคนเข้ามานั่งบนโซฟาในบ้านเรียบร้อยแล้วจิณณามองรอบตัวปราดเดียวก็รู้ว่าแม่ตั้งใจจัดเก็บบ้านอย่างดีที่สุด จนเห็นความเป็นระเบียบแปลกตาไปจากทุกวัน ข้าวของที่มักมีเก็บไว้มากมายตามประสาคนค้าขาย ในวันนี้ข้าวของพวกนั้นได้หายไปหมดแล้ว พื้นที่รับแขกกลายเป็นพื้นที่โล่ง มีเพียงเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นสำหรับใช้งานจริงๆลัดดาวางตัวได้เหมาะสม แม้สีหน้าจะยิ้มแย้มเบิกบานโดยที่ใครเห็นก็เข้าใจได้ทันทีว่าเธอดี
จิณณาเดินเข้าไปด้านในห้องนอนตามทิศทางของแสงไฟที่เห็นส่องสว่าง และเมื่อไปถึง ร่างกายของหญิงสาวก็หยุดอยู่กับที่ มองภาพเบื้องหน้านิ่งงันอยู่อย่างนั้น“ห่างแค่วันเดียวจำผัวไม่ได้แล้วหรือหนูจิณ”“พี่อั๋น!”“ครับ พี่เอง ดีใจจังที่เมียยังจำได้”ชายหนุ่มเย้า สีหน้าของเขาเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม ดวงตาคมหลุบมองส่วนกลางของร่างกายหญิงสาว แล้วตรงเข้ามาโอบกอดแม้เจ้าหล่อนยังยืนตัวแข็งเช่นเดิม แต่เขาก็ไม่สนใจ ความยินดีเกิดขึ้นเต็มหัวใจจนไม่อยากเก็บมันไว้อีกแล้วดวงหน้าคมโน้มลงพรมจูบตรงเรือนผมนุ่มสลวย แล้วเลื่อนมากดจูบบริเวณหน้าผาก ไล่มาถึงพวงแก้มนวล แล้วกดจูบที่ริมฝีปากอิ่มหนักๆ“ใจร้ายกับพี่ทุกคนเลย หนูจิณก็เป็นไปกับเขาด้วย”“แล้วพี่อั๋นมาได้ยังไงคะ”“ขับรถมาสิ แล้วนี่บ้านของพี่นะ ห้องนี้ก็เป็นห้องของพี่ พี่อยู่มาตั้งแต่เด็กๆ”“เอ่อ...จิณขอโทษค่ะ ไม่น่าถามอย่างนี้เลย”“ไม่ได้กอดแค่คืนเดียว รู้ไหมคิดถึงมาก เมื่อคืนนอนไม่หลับ ห่วงไปสารพัด ทั้งที่รู้ว่าอยู่
พิจิกาเร่งสาวเท้าเข้ามาในโรงพยาบาล หลังจากได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนอาจารย์ที่มาฝากครรภ์แล้วบอกว่าได้เจอกับคนรู้จักของเธอที่แผนกเดียวกันเข้าเพียงแค่นั้น อาจารย์สาวที่ว่างจากชั่วโมงสอนก็ปรี่มายังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยในทันทีเมื่อถามจนรู้พิกัดของ ‘คนรู้จัก’ เธอก็รีบจอดรถแล้วขึ้นลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นเป้าหมาย พลันก็เจอกับผู้หญิงสองคนที่เธอคาดไว้จริงๆพิจิกาเดินหลบไปยังมุมหนึ่ง แล้วโทร.ติดต่อหาเพื่อนสนิทโดยไว“นายอั๋น ทำอะไรอยู่ที่ไหนเนี่ย”“อยู่ที่ไร่ พริกมีอะไรหรือเปล่า”“แล้วเจอเมียนายหรือยัง”พิจิกายิงคำถามไปตรงๆ เพราะไม่ต้องการให้เรื่องยืดเยื้ออีก“เมียของนายหายไปไม่ใช่หรือ แล้วทำไมนายไม่ตามหา หรือว่านายแค่เล่นๆ กับยายขนุน”“หนูจิณออกจากบ้านของฉัน แต่ฉันรู้ว่าเธออยู่กับแม่ของฉันแล้ว”“อ้าว! นายก็รู้ด้วยนี่ ฉันเห็นที่บ้านของนายพร้อมใจกันปิดข่าวนายไม่ใช่หรือ”“ฉันรู้จากสัญญาณมือถือของหนูจิณ แล้วถามจากคนขับรถตู้
หลังจากพิจิกากลับไปแล้ว ขวัญจึงเอาเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว ไม่เว้นแม้แต่เครื่องสำอางแบรนด์ดังมาให้จิณณา หญิงสาวพลิกมองอย่างพิจารณา คิดในใจว่ามันดีเกินไป ไม่จำเป็นเลยที่คุณนายอรอรจะนำของพวกนี้มาให้หล่อนใช้ หากก็ไม่ทันได้พูด ขวัญก็รายงานต่อด้วยเสียงดังแจ้วๆ ขึ้นมาเสียก่อน“คุณนายบอกว่าให้คุณจิณรับไว้แล้วใช้ของพวกนี้ด้วยค่ะ”จิณณาเหลือบมองแล้วยิ้ม แน่นอนว่าหล่อนไม่มีทางปฏิเสธได้ ถ้าคุณนายฝากถ้อยคำมาแบบนี้แล้ว“คุณนายใจดีค่ะ ถึงท่าทางจะดุไปสักนิดก็ตาม หนูชอบอยู่บ้านนี้ที่สุดแล้ว”จิณณาปล่อยให้เด็กรับใช้พูดต่อไป แม้หล่อนจะเห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้ผสมโรง เพราะยังติดความรู้สึกที่ว่าตนยังไม่ใช่คนในบ้านนี้ หล่อนจึงเพียงรับฟังไปเงียบๆ“คุณหายปวดหัวหรือยังคะ ตอนนี้ก็บ่ายแล้ว”“อะไรนะ นี่บ่ายแล้วหรือ”“บ่ายสองแล้วค่ะ คุณหลับไปหลายรอบเลย หนูก็ไม่อยากปลุก”“นั่นสิ วันนี้ง่วงนอนทั้งวัน เมื่อก่อนไม่เป็นอย่างนี้นะ ฉันยังไปทำงานในไร่ด้วยเลย”จิณณาเผลอพูดออกไป แต่เมื่อรู้ตัวก็ปิดปากฉับทันที
Mga Comments