ยิ่งคิดก็หวนให้นึกถึงภาพวันนั้น วันแรกที่ได้พบกับเธอวันนั้นเธอก็ช่วยเขาจนหมดแรงแบบนี้เช่นกัน มันคงเป็นนิสัยของเธอสินะ อันที่จริงจะโทษเธอฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เป็นเขาเองที่ละเลยเธอสนใจแต่งานตรงหน้าจนลืมใส่ใจเธอ
“ผมขอโทษ ต่อไปถ้าถึงเวลาก็ต้องกินผมสั่งให้ทำอะไรก็ต้องให้ผมรอ ถ้าคุณเป็นอะไรไปผมจะทำยังไง”
“ก็หาผู้ช่วยคนใหม่ไงคะ”
“ไม่ได้เหรอหาคนที่ถูกใจมันยากนะ”
“ไม่บ่นได้มั้ยคะ ฉันไม่มีแรงจะเถียงด้วย” ชายหนุ่มเผลอยิ้มให้กับคำพูดของเธออย่างสุขใจ เด็กอะไรช่างพูดช่างเจรจา
“งั้นก็พักเถอะถึงร้านอาหารแล้วผมจะบอก”
“ว่าแต่คุณอยากกินอะไร”
“.…..” ไม่มีสัญญาณตอบกลับ จากคนด้านหลัง มีเพียงเสียงลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอออกมาให้ได้ยิน
“ให้ตายสิ หลับไปแล้วหรือเนี่ย เหนื่อยทีไรเป็นต้องหลับได้ตลอดเลยสินะ”
“อืม หอมจัง”
เมื่อได้กลิ่นหอมของอาหารโชยมา ทำให้หญิงสาวที่หลับไปนานเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา ทันทีที่เธอลืมตาตื่นขึ้น ก็พบข้าวมันไก่จา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก“เข้ามาได้”น้ำเสียงอ่อนเพลียของคนป่วย ที่นอนอยู่บนเตียงเอ่ยอนุญาต คนตัวเล็กจึงเดินเข้าไปโดยไม่ปิดประตู ภาพที่เห็นคือเขานอนในห้องที่มืดสนิทผ้าม่านปิดทึบ หน้าต่างปิดสนิท ดูแล้วอึดอัดอากาศไม่ถ่ายเท จึงถือวิสาสะเดินไปเปิดหน้าต่างให้ด้วยความหวังดีและต้องตกใจอีกครั้งที่ภายในห้องนอนมีแต่เอกสารวางกองเต็มโต๊ะข้างเตียงเต็มไปหมด ราวกับเขาหอบเอางานขึ้นมาทำบนนี้ด้วยอย่างนั้น“ไม่ต้องเปิดแจ๋ว”เสียงเข้มอ่อนเพลียร้องห้าม เมื่อปรับแสงไม่ได้ คิดว่าเป็นแม่บ้านที่เปิดผ้าม่าน แพรไหมมองไปตามเสียงนั้น เห็นคนป่วยหนุ่มนอนคลุมโปงอยู่บนเตียง จึงตัดสินใจเปิดผ้าม่านพร้อมเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทเข้ามาภายในห้อง“ขออนุญาตนะคะ แพรเองค่ะ มีเอกสารด่วนที่ต้องรบกวนให้คุณเซ็น”ทันทีที่ได้ยินเสียงหวานของแพรไหม นคินทร์รีบเปิดผ้าห่มขึ้นมามองหน้าคนพูดทันทีเพื่อให้แน่ใจว่า ไม่ได้ฝันไปเป็นเธอจริง ๆ“แพร”“ค่ะแพรเอง”ชายหนุ่มค่อย ๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ด้วยความปวดของร่างกายที่เริ่มอักเสบหนัก จึงทำให้เผลอร้องออกมายามขยับตัวลุกขึ้น“อืม..โอ๊ย”“มาค่ะ แพรช่วยค่ะ”บอกพร้อมกับเข้าไปช่วยพยุงตัวเขาให้ลุกนั่งพิงที่ผ
ทั้งสองขึ้นนั่งประจำตำแหน่งเดิม ขณะขยับตัวตอนขึ้นรถด้วยความรู้สึกเจ็บ ทำให้ชายหนุ่มส่งเสียงร้องออกมา“โอ๊ย!”“เป็นอะไรไปคะ เจ็บตรงไหน”“เจ็บหลัง”“แพรขอดูหน่อยได้มั้ย”“ไม่เป็นไรมากหรอก หน้าจะแค่ช้ำนิดหน่อยเท่านั้น”“ให้แพรดูค่ะ ไม่อย่างนั้นก็ไปหาหมอกัน”แพรไหมขึ้นเสียงดุใส่ เมื่อเห็นคนตัวโตยังดื้อดึง เห็นสีหน้าจริงจังของเธอแล้ว จึงปลดกระดุมถอดเสื้อออกให้หญิงสาวดู ทันทีที่เห็นรอยช้ำเลือดมือน้อยถึงกับต้องยกขึ้นปิดปากตัวเองไว้ด้วยความตกใจ ถึงจะไม่มีเลือดออกแต่มันเป็นรอยแดงช้ำขนาดใหญ่“เจ็บมากมั้ยคะ”“นิดหน่อยครับ”“แพรว่าควรไปให้หมอตรวจดูสักหน่อย”“พี่ไม่ได้เป็นอะไรมากกลับไปทายานอนพัก ก็ดีขึ้นแล้ว”“ทำไมถึงดื้อนักนะคะ” เธอบ่น“ช่วยขับรถกลับแทนหน่อยได้มั้ย”“คือว่าแพรขับรถไม่เป็นค่ะ แพรไปตามคนมาช่วยดีมั้ยคะ”“ไม่ต้อง ผมขับเอง”“เป็นแบบนี้จะขับไหวหรือคะ”“ไหวครับ”ด้วยความปวด หลังขับออกไปได้เพียงไม่นาน นคินทร์เริ่มปวดมากจนทนไม่ไหว จึงแวะจอดรถพักที่ปั๊มน้ำมัน“ปวดมากหรือคะ”“อืม”“รออยู่ในรถก่อนนะคะ แพรจะลงไปซื้อยาแก้ปวดมาให้”“ครับ”ใบหน้าหล่อตอนนี้คิ้วหนาขมวดผูกกันเป็นโบพยักหน้ารับพร้อมก
23.02น.Din : ผมถึงบ้านแล้วนะครับPrae Mai : ค่ะDin : ไม่ต้องเป็นห่วงผมปลอดภัยดี แต่รถติดมากPrae Mai : ใครเป็นห่วงคะDin : ก็เผื่อคนแถวนี้จะเป็นห่วงผมPrae Mai : หลงตัวเองDin : เปล่าหลงตัวเองแต่กำลังหลงคุณPrae Mai : คุณดินDin : ครับPrae Mai : ถ้าไม่มีอะไรฉันขอตัวไปนอนแล้วนะคะDin : ครับฝันดีครับPrae Mai :ฝันดีคะนี่เป็นการส่งข้อความจีบเธออย่างเป็นทางการแต่ละข้อความที่ส่งมา ทำเอาหัวใจของเธอพองโตอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นานเท่าไหร่แล้วที่เธอไม่ได้มีความรู้สึกเช่นนี้ ก็คงตั้งแต่ป๊อปปี้เลิฟสมัยมัธยมต้นซึ่งเป็นรักใส ๆ ในวัยเรียนเท่านั้นและต้องเลิกรากันไปเพราะเธอต้องย้ายโรงเรียนเช้านี้เป็นอีกวันที่นคินทร์เข้ามาทำงานตามปกติ แต่วันนี้เขามีเรื่องด่วนที่ต้องเข้าไปจัดการ เขาได้รับโทรศัพท์เกี่ยวกับงานที่น่าจะเจอปัญหาใหญ่อีกหนึ่งงาน ทำให้วันนี้เขาต้องเข้าตรวจพื้นที่หน้างานที่มีปัญหาและต้องเข้าไปจัดการด้วยตัวเอง“แพรเตรียมข้อมูลโครงการที่นครปฐมให้พร้อมอีกครึ่งชั่วโมงเราจะไปที่นั่นกัน”“เราเหรอคะ”“ใช่ครับผมกับคุณ ถ้าพร้อมแล้วบอกผมได้เลย”“ค่ะ”เมื่อเห็นท่าทางรีบร้อนของชายหนุ่ม ก็รู้ในทันทีว
ยิ่งคิดก็หวนให้นึกถึงภาพวันนั้น วันแรกที่ได้พบกับเธอวันนั้นเธอก็ช่วยเขาจนหมดแรงแบบนี้เช่นกัน มันคงเป็นนิสัยของเธอสินะ อันที่จริงจะโทษเธอฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เป็นเขาเองที่ละเลยเธอสนใจแต่งานตรงหน้าจนลืมใส่ใจเธอ“ผมขอโทษ ต่อไปถ้าถึงเวลาก็ต้องกินผมสั่งให้ทำอะไรก็ต้องให้ผมรอ ถ้าคุณเป็นอะไรไปผมจะทำยังไง”“ก็หาผู้ช่วยคนใหม่ไงคะ”“ไม่ได้เหรอหาคนที่ถูกใจมันยากนะ”“ไม่บ่นได้มั้ยคะ ฉันไม่มีแรงจะเถียงด้วย” ชายหนุ่มเผลอยิ้มให้กับคำพูดของเธออย่างสุขใจ เด็กอะไรช่างพูดช่างเจรจา“งั้นก็พักเถอะถึงร้านอาหารแล้วผมจะบอก”“ว่าแต่คุณอยากกินอะไร”“.…..” ไม่มีสัญญาณตอบกลับ จากคนด้านหลัง มีเพียงเสียงลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอออกมาให้ได้ยิน“ให้ตายสิ หลับไปแล้วหรือเนี่ย เหนื่อยทีไรเป็นต้องหลับได้ตลอดเลยสินะ”“อืม หอมจัง”เมื่อได้กลิ่นหอมของอาหารโชยมา ทำให้หญิงสาวที่หลับไปนานเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา ทันทีที่เธอลืมตาตื่นขึ้น ก็พบข้าวมันไก่จา
หลังประชุมเสร็จต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปทำงาน นคินทร์เองก็กลับมาทำงานต่อที่ห้อง ก่อนจะคิดขึ้นได้ว่า ต้องรีบหาโรงงานไม้เพื่อขึ้นแบบ“คุณแพร วันนี้ผมมีนัดอีกมั้ย”“ไม่มีแล้วค่ะ”“งั้นดีเลย คุณไปเอาแผนที่โรงงานไม้ ที่ผมให้คุณหาไว้มา”“ทั้งหมดเลยเหรอคะ”“ครับ ทั้งหมด ตอนนี้เลย แล้วมาเลือกวันนี้เราจะไปกัน”“เรา..” เธอย้ำพร้อมกับชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง“ครับเรา”“แล้วคุณจะไปวันไหนคะ”“วันนี้”“ วันนี้..” เธอทวนคำเสียงดังอย่างตกใจ“ครับ คุณติดปัญหาอะไรหรือเปล่า”“ เปล่าค่ะ รอสักครู่นะคะ”แพรไหมรับคำเสียงอ่อนแรงอย่างปฏิเสธไม่ได้ ผู้ชายคนนี้จะใช้งานเธอโหดเกินไปแล้ว ทำงานเก่งก็จริงแต่เธอไม่ใช่เครื่องจักรนะ ต้องกินข้าวนี่บ่ายสองแล้วยังไม่ได้กินมื้อเที่ยงเลย หิวจนตาลายไปหมดแล้วแต่ด้วยหน้าที่ ต้องทำตามที่เจ้านายสั่ง ไม่เอ่ยปากบ่นสักคำ เธอเป็นอย่างนี้เสมอ อดทนได้กับทุกเรื่องจะไม่ร้องขอความเห็นใจจากใคร แม้ว่าตัวเองจะไม่ไหวก็จะฝืนทำจนถึงที่สุด40 นาทีต่อมา.....“นี่คุณพาผมมาถูกทางรึเปล่า”“ถูกแล้วนะคะ เนี่ยก็จีพีเอสบอกให้เดินตรงมาทางนี้ห้าสิบเมตรแล้วจะมีซอยให้เลี้ยวขวา”พูดไปพลาง ตาก็มองแผนที่ในมือถือสลั
ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมา แพรไหมมักจะสังเกตใส่ใจกับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้เสมอ หญิงสาวไม่ได้ทำบ่อยจนน่าโมโห เธอรู้กาลเทศะว่าเวลาไหนควรทำหรือไม่ควรทำ มักเลือกเวลาที่เหมาะสมในการแสดงความห่วงใยส่วนใหญ่จะเป็นเวลาที่เขาไม่ได้ขยับร่างกายจากกองเอกสารนาน ๆ แล้วต้องพบแขกทั้งภายในและภายนอก เธอจะทำเช่นนี้เพื่อให้เขาได้ใช้เวลาสามถึงห้านาทีในการปรับอารมณ์ ให้สดชื่นขึ้น ไม่เช่นนั้นเขาจะเครียดใส่คนอื่นมากเกินไป“ขอบคุณครับ ปกติดูแลทุกคนแบบนี้ตลอดเลยหรือเปล่า”“เปล่าค่ะ ทำแค่ตอนที่คุณพ่อมีเรื่องเครียด ๆ จากงานมาท่านบอกว่าแบบนี้จะพอช่วยได้”“เหงามั้ย”“ไม่ค่ะ ฉันเริ่มชิ้นแล้ว พร้อมมั้ยคะใกล้ได้เวลาประชุมแล้ว”“ครับ”เขาพยักหน้าพร้อมกับลุกจากเก้าอี้ เดินตรงไปยังห้องประชุม ก็เห็นทุกคนมารอกันอยู่พร้อมหน้าก่อนแล้ว“ที่ผมเรียกทุกคนมาประชุมในวันนี้ ก็เรื่องปัญหาที่พวกคุณสรุปมาให้ ผมได้ทำแผนงานคร่าว ๆ มาให้ เอกสารอยู่ด้านหน้าของทุกคนแล้ว ผมอยากให้ทุกคนช่วยดูแล้ววิเคราะห์แผนงานที่ผมทำ หากใครมีข้อเสนอหรืออยากแนะนำเปลี่ยนแปลงตรงไหนแจ้งมาได้เลยครับ"เวลาผ่านไปชั่วครู่หลังที่ทุกคนได้อ่านเอกสารที่นคินทร์เตรียม