ตอนที่ห้า
แขกแปลกหน้า
“เฟยเฟย คืนนี้มีแขกแปลกหน้ามาเยือน เขาระบุอยากพูดคุยกับเจ้า แม่เล้าใหญ่ให้ข้าเข้ามาสอบถามความเต็มใจ” อันอันส่งเสียงเข้ามาก่อนจะเดินมาช่วยจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
“น่าจะเป็นชายหนุ่มซึ่งนั่งอยู่ชั้นบนด้านขวาใช่หรือไม่”
“ใช่ เจ้าเองก็สังเกตเห็นหรือ”
“อืม...เขามีท่วงท่างามสง่า นัยน์ตาระยิบระยับ ยกจอกสุราส่งยิ้มพร้อมปรบมือให้ทุกเพลง” สาวงามทบทวนท่าทีของชายซึ่งไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
ปกติแขกเหรื่อส่วนใหญ่มักเป็นขาประจำหรือคนคุ้นเคย หากไม่เคยแวะเวียนมาก็จะมีผู้ชักนำหรือติดตามผู้อื่นมา จึงมักรู้จักมักจี่ว่าคือบุตรหลานตระกูลใด นั่นย่อมทำให้การตัดสินใจว่าจะรับรองเขาหรือไม่ง่ายขึ้น
แต่บุรุษแปลกหน้าผู้นี้ไม่ธรรมดาแน่ ลำพังแค่ผู้ติดตามที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เห็นได้ว่าทั้งมีฝีมือและองอาจห้าวหาญ
หรือจะเป็นผู้สูงศักดิ์แอบหนีออกมาเที่ยวเล่น
ยังไม่ทันตัดสินใจให้ดี แม่เล้าใหญ่ก็ผลักประตูเข้ามาเอ่ยสำทับ
“เฟยเฟย ชายผู้นี้ไม่อาจล่วงเกิน เจ้าลองเข้าไปนั่งคุยกับเขาสักครู่เถิด”
แม่เล้าใหญ่ผู้เห็นบุรุษผ่านสายตามาอย่างโชกโชนย่อมมองออกว่าผู้ใดมีศักดิ์ฐานะเช่นไร เมื่อนางอุตส่าห์ลงทุนมาเอ่ยขอ ฮัวเฟยฮวาจึงจัดแจงชุดเสื้อผ้าให้ดีแล้วเดินตามไป
“เฟยเฟยน้อยของเรามาแล้ว ฝากคุณชายเอ็นดูนางด้วยนะเจ้าคะ” แม่เล้าใหญ่เอ่ยคำรื่นหูแล้วงับประตูปิดอย่างเงียบเชียบสมเป็นมืออาชีพ
ฮัวเฟยฮวาเยื้องย่างมานั่งลงพลางชำเลืองมองชายหนุ่มผู้ติดตามทั้งสองซึ่งยืนขนาบข้างด้วยท่าทางเคร่งครัดอย่างหวาดระแวง
“พวกเจ้าออกไปก่อน ดูสิ แม่นางเฟยเฟยหวาดกลัวจนไม่กล้าเงยหน้าแล้ว” เสียงสั่งการของชายแปลกหน้าส่งให้ชายหน้าตาดุดันก้าวเท้าออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่ทั้งห้องเหลือเพียงสองคน ท่าทีของชายซึ่งไม่คุ้นเคยก็เปลี่ยนไปเป็นกรุ้มกริ่มหยอกล้อ
“แม่นางเฟยเฟย พวกเรามานั่งใกล้กันหน่อยดีหรือไม่ เมื่อครู่เสียงเพลงผีผาของเจ้าช่างไพเราะสดับใจ การบรรเลงของเจ้าช่างมีมนต์สะกดยิ่งนัก”
“คุณชายกล่าวเกินไปแล้ว ฝีมือของข้ายังอ่อนด้อยนัก”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า หากฝีมือของแม่นางเฟยเฟยอ่อนด้อย ก็คงไม่ต้องหาผู้อื่นมาดีดผีผาให้ฟังอีกแล้ว” ชายตรงหน้าหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี
“ข้ามาที่นี่ด้วยได้ยินมาว่าเสียงพิณผีผาของแม่นางเฟยเฟยแห่งหอเหลียงฮัวกระตุ้นให้เหล่าชายหนุ่มเร่าร้อนจนแทบคลั่งตาย นับว่าสมคำเล่าลือนัก” สายตาร้อนแรงสาดส่งมาบ่งบอกความคิดในใจ
ฮัวเฟยฮวารีบรินสุราใส่จอกยกขึ้นส่งให้เพื่อแก้เขิน แต่ชายหนุ่มกลับกุมมือนุ่มเอาไว้พลางยกขึ้นสูดดมอย่างลื่นไหล
“หอมยิ่งนัก มองไกลๆก็ว่างามมากแล้ว ยิ่งมองใกล้ๆยิ่งงามจนข้าไม่อยากเชื่อว่าจะมีนางฟ้าอยู่ในสถานที่แห่งนี้” คำป้อยอถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องโดยไร้ความละอาย
เซียนพิณน้อยย่อมคุ้นเคยกับการถูกเกี้ยวพาและหยอกเอิน แต่ไม่เคยมีชายใดรุกไล่นางจนเคลิบเคลิ้มได้
อาจด้วยในร่างของสาวงามคือสาวใหญ่ผู้ไม่เคยต้องมือชาย ดังนั้นกิริยาท่าทางของนางในวันนี้จึงเขินอายได้อย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังเคลิ้มไหวไปกับคำเย้าหยอก
ชายแปลกหน้าเห็นใบหน้าแดงก่ำและกิริยาขวยเขินจึงยิ่งรุกคืบ ทั้งขยับเข้ามาใกล้ทั้งจับกุมมือไม่ยอมปล่อย มือหนึ่งคีบอาหารป้อนใส่ปาก อีกมือโอบเอวแน่น สุดท้ายถึงกับอุ้มนางนั่งตักแล้วยกจอกสุราป้อนให้ถึงริมฝีปาก
“คุณชาย ข้าดื่มไม่ได้มาก ขอคุณชายเมตตาด้วย”
“เช่นนั้นข้าช่วยเจ้าดื่มเองก็แล้วกัน”
สุราสีเข้มถูกสาดเข้าสู่ลำคอหนาพร้อมมือทั้งสองข้างที่โอบกอดร่างบางเอาไว้แน่นพลางชวนพูดคุยสนุกสนานอย่างเป็นกันเอง
“น้องเฟยเฟยช่างเจรจายิ่งนัก กลิ่นกายหรือก็หอมหวาน ข้าคงต้องมาที่นี่ทุกคืนเสียแล้ว”
จมูกโด่งหอมฟอดเข้าที่แก้มนวลก่อนจะวกมาซุกซบซอกคอขาวผ่อง
“คุณชายอย่าได้ซุกซนนักสิเจ้าคะ” หญิงสาวขยับใบหน้าหนีพร้อมทุบมือลงกับไหล่หนาเบาๆเป็นเชิงหยอกเย้า
ค่ำคืนแรกของสองหนุ่มสาวจบลงด้วยความสนิทสนมคุ้นเคยซึ่งมากขึ้น สังเกตได้จากคำเรียกขานซึ่งเปลี่ยนไปเป็น’น้องเฟยเฟย’แล้ว
คืนถัดมา ชายแปลกหน้าซึ่งแนะนำตนเองว่าชื่อ’หวงหนิงหลง’หรือคุณชายหวงมาถึงหอเหลียงฮัวตั้งแต่ประตูเพิ่งเปิด เขาจับจองเวลาทั้งหมดของฮัวเฟยฮวาเอาไว้ไม่ยอมให้ชายอื่นได้พบหน้านางสักนิด
เซียนพิณน้อยบรรเลงผีผาให้เขาได้ฟังอย่างเป็นกันเองอีกทั้งยังกินอาหารเลิศรสและร่วมร่ำสุราจนหน้าแดงก่ำ
“เสียงเพลงของเจ้าช่างประทับใจข้ายิ่งนัก สมควรให้รางวัลมากๆ”
คุณชายหวงแสดงความหน้าใหญ่ใจโตใช้จ่ายไม่ยั้งมือให้รางวัลแก่ผู้คนทั่วทั้งหอเหลียงฮัวไล่ตั้งแต่แม่เล้าใหญ่ จนกระทั่งไปถึงเด็กเฝ้าประตู
โดยเฉพาะกับสาวงามซึ่งพึงใจ ชายหนุ่มควักทั้งก้อนทอง เครื่องประดับออกมาประโคมใส่ให้หญิงสาวจนเต็มตัว
แน่นอนว่าชายเจ้าบุญทุ่มเช่นนี้ย่อมเป็นที่ชื่นชอบแก่ผู้คน หลายคืนถัดมา ฮัวเฟยฮวาจึงต้อนรับเพียงคุณชายหวงหนิงหลงโดยไม่ได้เผยโฉมหน้าออกไปพบชายใดอีก
“น้องเฟยเฟย วันนี้เจ้าต้องดื่มให้มากหน่อย สุรานี้ข้านำมาจากชายแดนทีเดียว ใช้เวลาหมักกว่าสามปี รับรองว่าทั้งหอมหวานไม่ขมแน่”
จอกสุราถูกจ่อเข้ากับริมฝีปากแดงซึ่งจำต้องอ้ารับทั้งๆที่รู้ว่าเขากำลังมอมเมาตนเอง
เขาทั้งขาวสะอาดหล่อเหลาชวนมอง ท่วงท่าสง่างาม คิ้วตาเปี่ยมราศี ดูดีกว่าชายหนุ่มทุกคนที่มาติดพันนาง ดวงตาพราวระยิบมีชีวิตชีวาเปี่ยมเสน่ห์คู่นั้น ยามจับจ้องมองมาทีไร ใจนางแทบหลอมละลายอยากทอดร่างลงไปเสียเดี๋ยวนั้น
สาวงามเอนร่างซบไหล่ออดอ้อนอย่างยินยอมพร้อมใจด้วยถูกเอาอกเอาใจติดต่อกันมาหลายวัน
จนใกล้เวลา ทั้งสี่สาวต่างหันไปมองประตูที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงให้เห็น“เด็กฝึกงานคงไม่มาแล้วมั่ง” นักบัญชีพึมพำขึ้นมา“เขายังเด็ก ชีวิตที่นี่อาจยังมีเรื่องให้ทำอีกมาก” หัวหน้างานสาวพูดอย่างเข้าใจ“เตรียมไปกันเถอะ” ซีอีโอสาวหันหน้าเตรียมเปิดประตู“เดี๋ยว รอด้วย” เสียงตะโกนดังมาแต่ไกลพร้อมร่างของเด็กฝึกงานสาวน้อยซึ่งวิ่งมาอย่างเร็วจนแทบชนกับคนอื่นเธอยังมีพ่อแม่ให้ต้องร่ำลา อีกทั้งยังต้องเก็บข้าวของส่งกลับบ้านให้เรียบร้อยจึงใช้เวลาไปหลายวันหากจะบอกว่าเด็กสาวลังเลใจหรือไม่ แน่นอนว่าด้วยความอายุน้อยเธอย่อมต้องสับสนไม่แน่ใจแต่เมื่อนึกถึงความสุขที่ได้รับตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในร่างของฮัวซูฮวา สาวน้อยรู้สึกเสียดายอย่างมากแม้จะเป็นเพียงคณิกาคนหนึ่ง แต่ใช้ชีวิตสุขสบายมากกว่าเธอซึ่งเป็นเด็กฝึกงานที่นี่เสียอีกสำคัญที่สุดคือสามีมู่กังเปา หัวหน้าพรรคมารคนนั้น เขาทั้งรักทั้งเชื่อฟัง ไม่ว่านางอยากได้สิ่งใดเขาล้วนจัดหามาให้อย่างเอาอกเอาใจโดยไม่มีปริปากบ่นนางได้อยู่เรือนหลังใหญ่ มี
ตอนพิเศษเจ็ดทั้งห้าสาวต่างมองกันไปมองกันมาเมื่อค้นพบว่าตัวตนอีกร่างหลังประตูคืออี้จี้สาวดาวเด่นคนใด“เอาเถอะ ที่ผ่านมาพวกเราต่างชอบใจที่จะได้อยู่ที่นั่น ในเมื่อตอนนี้ได้กลับมาแล้ว ใครอยากจะกลับไปก็รีบสะสางเรื่องส่วนตัวให้เสร็จแล้วรีบกลับมาให้ทันแต่ถ้าใครอยากจะอยู่ที่นี่เหมือนเดิม ก็คิดว่าที่ผ่านมาเป็นแค่ความฝันตื่นหนึ่ง เมื่อกลับมาแล้วก็ใช้ชีวิตต่อไปให้ดีส่วนเรื่องที่พวกเราคือใคร คงไม่สำคัญอีกต่อไป”ซีอีโอสาวใหญ่สรุปตามประสาผู้นำ เธอก้าวเดินออกไปก่อนเป็นคนแรกก่อนที่อีกสี่สาวจะแยกย้ายกันกลับไปนั่งสงบสติอารมณ์ที่โต๊ะของตัวเองเสียงแป้นพิมพ์ยังคงรัวดังไม่หยุดสลับกับเสียงถอนหายใจของพนักงานทั้งสาวและไม่สาวซึ่งยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานโดยแทบไม่ได้เงยหน้าเงยตาเสียงน้ำดังอยู่ในห้องสุขาบ่งบอกว่าใครบางคนอยู่ด้านในสลับกับเสียงถอนหายใจเฮือกๆซึ่งดังออกมาเป็นระยะคล้ายกับช่วงเวลาที่พวกเธอเปิดประตูข้ามไปอีกโลกหนึ่งซีอีโอสาวมองภาพความเคร่งเครียดตรงหน้าก่อนจะรวบรวมเอกสารทั้งหมดเพื่อจัดการเขียนสั่งงานทุกอย่างให้เรียบร้
ตอนพิเศษหกฮัวซีฮวาซึ่งจู่ๆก็ก้าวเข้ามาถามเสียงสั่นอีกคน“ประตู ประตู ประตู” ฮัวซูฮวาเดินพูดคำเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาก่อนจะเดินมายืนด้านข้างของสาวงามทั้งสาม“พวกเจ้ากำลังทำสิ่งใดกัน” หญิงสาวผู้ก้าวเข้ามาเป็นคนที่ห้าหันมาเห็นประตูปริศนาแล้วอ้าปากค้างทันที“พวกเจ้าเคยเห็นประตูนี่กันหรือ” ฮัวซือฮวาหรือนักกฎหมายสาวเอ่ยถามทันทีเมื่อเห็นสีหน้าของอีกสี่สาวงามพวกนางต่างพยักหน้าสีหน้าตื่นตระหนกก่อนจะสะดุ้งตกใจก้าวถอยหลังไปรวมตัวกันเมื่อมีเสียงปริศนาออกมาจากอีกฝั่งของประตู“พวกเจ้าย่อมต้องเคยเห็นกันทุกคน” เสียงทรงพลังเปล่งออกมาโดยไร้ที่มา“เจ้า...เจ้าคือผู้ใด” ซีอีโอสาวในฐานะอดีตผู้ที่มีตำแหน่งสูงที่สุดตัดสินใจเชิดหน้าเอ่ยถาม“ฮ่า ฮ่า ฮ่า พวกเจ้าไม่ต้องรับรู้ในเรื่องนั้น ยามนี้สิ่งสำคัญคือเรื่องที่พวกเจ้าต้องกระทำ ข้ามีเวลาให้เพียงสามวัน พวกเจ้าต้องกลับไปสะสางเรื่องราวยังอีกด้านให้เสร็จสิ้นไม่ว่าจะจัดการอย่างไรก็แล้วแต่ เมื่อใกล้หมดเวลา พวกเจ้าต้องมายืนรอ
ตอนพิเศษห้ายิ่งได้รับความรุนแรง สาวงามยิ่งเร่าร้อนโยกร่างเด้งสะโพกตอบรับอย่างรัญจวนใจ เสียงครางหวานกระเส่าเปล่งออกมาไม่หยุดด้วยความเสียวซ่านเกินกว่าที่เคยได้รับ“อ๊ายยยย เสียว ข้าเสียว พี่เฉิง อ้า...”“แรงอีกดีหรือไม่”“ดี เอาแรงแรง”สาวงามเรียกร้องพร้อมกรีดเสียงดังทั้งร่างกระตุกค้าง จิกขา กำมือ ภายในตอดรัดถี่รัวเป็นสัญญาณของการถึงฝั่งฝันในรอบแรกเสียงจากทั้งสี่ห้องย่อมปลุกความพลุ่งพล่านของอ๋องหนุ่มและชายาสาวในห้องที่ห้าให้คึกคักเร่าร้อน“น้องเฟยเฟย พวกเรายอมแพ้พวกเขาไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นพวกเขาจะหาว่าพวกเราอายุมาก เรี่ยวแรงถดถอย”ชายหนุ่มพูดไปมือจับสะโพกเล็กเอาไว้แน่นแล้วแทงสวนท่อนเอ็นขึ้นมากระแทกร่องจนเต็มแรงก่อนจะแทงตอกทิ่มงัดขึ้นกระแทกลงอย่างสาแก่ใจ“ซี้ดดดด ท่านอ๋อง เบาหน่อย”“เบาหรือ อีกเดี๋ยวเจ้าก็เรียกร้องให้แรงอยู่ดี”อ๋องหนุ่มบดคว้านสะโพก โยกซ้ายทีขวาทีลาดครูดท่อนลำเพื่อให้กระทบถูกส่วนอ่อนไหวด้านใน เขาร่วมร
ตอนพิเศษสี่“เหตุใดใจร้อนเพียงนี้” หญิงสาวบ่นได้ไม่กี่คำก็ต้องเปล่งเสียงอืออาออกมาด้วยถูกกระตุ้นจนรัญจวนวาบหวามยามปลายหัวบานถูเขี่ยวนคลึงกับติ่งแน่นจนเสียดเสียว หญิงสาวย่อมลืมสิ้นเกร็งค้างส่งเสียงครางเร่าร้อน แท่งทวนแกร่งจ่อเข้ากับร่องน้ำฉ่ำเยิ้มก่อนจะแหวกเนินเนื้อนุ่มมุดเข้าไปจนสุดปลายทางเนินอวบอูมแย้มร่องกลีบแดงยามเมื่อดุ้นลำใหญ่ถอนออกและดันเข้าจนมิดลำ“อื้อ...”ชายหนุ่มทั้งถอนทั้งกระแทกโยกเข้าย้ายออกถี่รัว เพื่อให้ภรรยาสาวได้ส่งเสียงครวญครางเป็นสัญญาณเริ่มการแข่งขันห้องที่เริ่มต้นติดตามมาคือห้องของขุนนางหนุ่มจางหมิ่นและภรรยาสาวฮัวซีฮวาชายหนุ่มจับร่างบางหงายหน้าด้วยท่วงท่าสามัญโดยไม่รอช้า“ชอบหรือไม่” ชายหนุ่มถามก่อนจะรัวละเลงลิ้นโดยไม่พักเพื่อให้น้ำหวานสีใสได้รินหลั่งล้นนอง“ท่านพี่...” หญิงสาวเพียงครางตอบเท่านั้น“น้องซีซีอยากให้พี่สอดใส่เข้าไปแล้วหรือไม่”“ใส่..ใส่เลย” เสียงสั่นด้วยอ
ตอนพิเศษสามเฮ้อ...ข้าล่ะอิจฉาพวกเจ้าจริงๆ ได้แต่งงานออกไปมีสามีแสนดีแสนรักใคร่ ดูสิ แม้จะผ่านไปแรมปีแต่สายตาที่พวกเขามองพวกเจ้าราวจะจับกลืนลงท้องไม่ให้ผู้ใดได้พบเห็นที่สำคัญพวกเขาทุกคนต่างยกย่องพวกเจ้าเป็นภรรยาเดียว อ้อ...ลืมไป มีเฟยเฟยซึ่งท่านอ๋องยังมีหลายภรรยา แต่เขาก็ยกย่องและอยู่กับเจ้ามากที่สุด”“แม่เล้าใหญ่ ท่านหาให้ข้าสักคนสิ ข้าอยากได้บ้าง” เสียงงอแงของคณิกาคนอื่นเรียกรอยยิ้มขบขันจากบรรดาสาวงามด้วยรู้ดีว่าพวกนางเพียงหยอกล้อไม่คิดเป็นจริงเป็นจังพวกนางคงไม่รู้ตัวว่า ถ้อยคำซักถามกึ่งดูแคลนหรือท้าทายแกมหยอกล้อ สร้างความกระเหี้ยนกระหือรือให้บรรดาสามีทั้งหลายซึ่งลอบฟังอยู่ต่างอยากแสดงพละกำลังของตนเองให้ผู้อื่นได้เห็นเพื่อลบคำสบประมาท“มาหาว่าข้าบอบบางไร้เรี่ยวแรงหรือ คืนนี้ข้าจะจัดหนักให้น้องซีซีร้องทั้งคืนจนพวกเจ้าไม่ได้หลับได้นอนเลยทีเดียว” จางหมิ่นกำมือแน่นด้วยโดยดูหมิ่นว่าเป็นเพียงขุนนางรูปร่างบาง เขามองไปทางรูปร่างสูงใหญ่ของสามีหญิงสาวคนอื่นพลางคิดในใจสูงใหญ่แล้วอย่า