คำพูดของลั่วอวี้จู๋ ฟังดูแล้วน่าสนใจแต่ใช้งานจริงไม่ได้หากเป็นสถานการณ์ปกติ เหล่าพ่อค้าต้องมิอาจข่มตนเองได้ แย่งกันซื้อแล้วเป็นแน่ทว่าวันนี้ไม่เหมือนวันวานแล้วเหล่าพ่อค้ากลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ชนิดที่ว่ามีคนไม่น้อยอ้าปากหาวแล้วลั่วอวี้จู๋พูดอยู่นาน ปากสีกันจนจะแตกแล้ว คอเองก็เริ่มแสบร้อน แต่ก็ยังไม่สามารถขายได้พ่อค้าคนหนึ่งลุกขึ้น พูดเสียงดัง “เจ้าของร้านลั่ว ท่านเองก็คือคนทำการค้า! มิใช่พวกเราไม่ชื่นชมองค์ชายเก้า! แต่พวกเจ้าขายร้านราคาสูงเกินไปแล้ว!”พ่อค้าคนอื่นต่างพากันร้องรับ “ใช่แล้ว ตอนนี้เป็นเวลาใด? เผ่าหมานใกล้ตีถึงเมืองหลวงแล้ว เมื่อนั้นร้านเหล่านี้ก็ราคาไม่ถึงหนึ่งอีแปะแล้ว!”“หากถูกลงกว่านี้อีกหน่อย พวกเราอาจยังพิจารณาดู!”“แพงเพียงนี้ คนโง่ต่างหากจะซื้อ!”แม้ฐานะของพวกพ่อค้าในสังคมต่ำมาก แต่พวกเขาล้วนมีไหวพริบ ไม่มีวันติดกับอย่างง่ายดายลั่วอวี้จู๋เอือมระอา ทอดสายตาขอความช่วยเหลือไปทางหลี่หลงหลินตอนนี้ หลี่หลงหลินกำลังนั่งอยู่ที่ฝั่งหนึ่ง ขาทั้งสองข้างไขว้กัน จิบชาช้าๆซูเฟิ่งหลิงถือกระบี่อาญาสิทธิ์ ยืนข้างกายเขา ทำหน้าที่เป็นผู้คุมกัน“องค์ชายเก้า พวกพ
ยิ่งไปกว่านั้น ตู้เหวินหยวนและพวกขุนนางฝ่ายบุ๋น ยังถูกราษฎร์โยนอึใส่เต็มตัวอีกด้วยได้ยินมาว่าหลังตู้เหวินหยวนกลับไปแล้ว อาบน้ำนานถึงสองชั่วยาม แต่ยังไม่สามารถชำระล้างกลิ่นเหม็นบนตัวได้ หลายวันนี้ข้าวก็กินไม่ลง!สำหรับตู้เหวินหยวนแล้ว นี่คือความอัปยศอดสู!เพราะเหตุนี้ ตู้เหวินหยวนร่วมมือกับขุนนางฝ่ายบุ๋นอย่างอดรนทนแทบไม่ไหว ต้องการทวงตำแหน่งกลับคืนมา!ครั้งนี้ พวกเขาต้องการลงมือกับจางไป่เจิง!“ทำเช่นไรดี?”ฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรขุนนางกลุ่มนั้น ตกอยู่ในสถานการณ์เดินหน้าถอยหลังล้วนยากทั้งสองทางแม้เจ้าเก้าพูดอย่างมั่นใจ ส่งเสื้อบุนวมหนึ่งหมื่นตัวไปที่เมืองซั่วเป่ย ก็สามารถพลิกสถานการณ์ได้ ทำให้กองทัพทหารรักษาพระองค์ได้รับชัยชนะแต่เสื้อบุนวมหนึ่งหมื่นตัว พูดง่ายที่ใดกัน?ผ่านไปหลายวันเพียงนี้แล้ว เจ้าเก้าเตรียมเสื้อบุนวมเพียงสามพันตัว ส่งไปที่ซั่วเป่ยแล้วเสื้อบุนวมเพียงเล็กน้อยนี้ก็คือกำลังใช้น้ำหนึ่งแก้วดับกองเพลิงโดยแท้...“ดูท่าแล้ว...”“สถานการณ์โดยรวมยากจะนำคืนกลับมา!”ฮ่องเต้หวู่ถอนหายใจเฮือกหนึ่งเพื่อแผนในวันนี้ ทำได้เพียงเรียกตัวจางไป่เจิงกลับมา ทำให้ราชสำนักสงบลงก
รายงานชัยชนะมีลับลมคมใน?เพียงตู้เหวินหยวนพูดออกมา เสียงภายในราชสำนักก็เงียบกริบเหล่าขุนนางล้วนมีสีหน้าตกตะลึง รู้สึกเหลือจะเชื่อนี่เขาหมายความว่ากระไร?หรือว่าจางไป่เจิงยังขวัญกล้าโกหกในรายงานทางทหารอีกกระนั้น?ทว่า เพียงเหล่าขุนนางคิดดูแล้ว นี่ก็ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ในสถานการณ์ปกติทั่วไป จางไป่เจิงไม่มีวันกล้ารายงานเท็จนี่คือความผิดร้ายแรงต้องลงโทษตัดหัวประหารชีวิต!ต่อให้เป็นฝ่าบาท ก็ปกป้องเขาไม่ได้!อย่างไรก็ตาม จางไป่เจิงถูกเหล่าขุนนางกล่าวโทษ สถานการณ์เลวร้ายเป็นพิเศษ ต้องใช้ข่าวชนะศึกเร่งด่วน มาพิสูจน์ตนเองภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่แน่ว่าจางไป่เจิงอาจเป็นสุนัขจนตรอก!อย่างไรเสียช่วงเวลาที่ซั่วเป่ยได้รับชัยชนะ ก็บังเอิญเกินไปแล้ว!จางไป่เจิงหลบเลี่ยงออกรบอยู่ตลอด ติดอยู่ที่เมืองซั่วเป่ยเช่นนั้นจะมีเหตุผลอะไร ทำให้เขาออกรบอย่างกะทันหัน ได้รับชัยชนะกลับมา?ชัยชนะครั้งนี้ ไม่ปกติ!ฮ่องเต้หวู่สวมชุดมังกรนั่งบนบัลลังก์มังกร สีพระพักตร์แข็งทื่อดุจเหล็ก สบมองตู้เหวินหยวนสายพระเนตรเยียบเย็น “ขุนนางผู้ซื่อสัตย์ เจ้าคิดว่าชัยชนะนี้เป็นเรื่องเท็จกระนั้น?”ตู้เหวินหยวนเป
เหล่าขุนนางต่างตกตะลึงเหตุใดยังมีรายงานทางทหารอีกเล่า?ใช่รายงานชัยชนะ หรือข่าวร้าย?“ประกาศ!”ฮ่องเต้หวู่โบกพระหัตถ์ผู้ส่งสาส์นคุกเข่าหน้าประตู ตะโกนรายงาน “ผู้ตรวจการเมืองซั่วเป่ย แจ้งข่าวชัยชนะ! กองทัพทหารรักษาพระองค์ได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่! แม่ทัพเผ่าหมานสวี่เลี่ยตายในสนามรบ กองทัพแตกพ่าย!”รายงานชัยชนะอีกแล้ว!ยิ่งไปกว่านั้น มิใช่จางไป่เจิงส่งรายงานชัยชนะมา แต่เป็นผู้ตรวจการส่งมาข่าวด่วนแปดร้อยลี้เฉกเดียวกัน รายงานชัยชนะของผู้ตรวจการ ย่อมช้ากว่าจางไป่เจิงเล็กน้อยทว่า น่าเชื่อถือกว่ามากจางไป่เจิงรายงานการรบด้วยตนเอง เรื่องรายงานทางทหารอาจเป็นเท็จ ตนเองโอ้อวดอย่างไรก็ย่อมได้ทว่า ผู้ตรวจการเป็นคนของราชสำนัก มิหนำซ้ำคนส่วนใหญ่ล้วนเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ บ้างก็เป็นขันทีภายในวังความเป็นไปได้ที่จางไป่เจิงซื้อผู้ตรวจการต่ำมากนัก!นั่นก็หมายความว่าชัยชนะเมืองซั่วเป่ยเป็นความจริง!จางไป่เจิงได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่จริง!“ฮ่าๆ...”ฮ่องเต้หวู่ดีพระทัยมาก เงยพระพักตร์ทรงพระสรวลเสียงดังอย่างสุดระงับ สายพระเนตรตกลงบนตัวตู้เหวินหยวน “ขุนนางผู้ซื่อสัตย์ เจ้าไม่เชื่อรายงานการรบของจาง
จางไป่เจิงเป็นคนรู้บุญคุณคนหนึ่งเพื่อตอบแทนผู้มีพระคุณ จึงมอบความดีความชอบให้หลี่หลงหลิน!ยิ่งไปกว่านั้นชัยชนะเมืองซั่วเป่ย ฆ่าเผ่าหมานจนหวาดกลัวหมดความกล้า พลิกสถานการณ์แล้วภายภาคหน้าต้องการความดีความชอบมากน้อยเพียงใด ก็ได้รับความดีความชอบมากน้อยเพียงนั้นแล้วมิใช่หรือ?“เจ้าเก้า...”“ที่แท้ก็เป็นความดีความชอบของเจ้าเก้า!”“ฮ่าๆ เรามีหลินเอ๋อร์ ก็มีวาสนาของบ้านเมือง!”ฮ่องเต้หวู่ยืนขึ้นอย่างอดไม่ได้ ทรงพระสรวลฮาฮาเสียงดังเปล่งคำนี้ออกมา ทุกคนล้วนอึ้งงันเหล่าขุนนางหันมองกันชัยชนะเมืองซั่วเป่ย มิใช่ความดีความชอบของจางไป่เจิงหรือ?เกี่ยวอันใดกับองค์ชายเก้าเล่า?ตู้เหวินหยวนขมวดคิ้วแน่น “ฝ่าบาท กระหม่อมไม่เข้าใจ...”ฮ่องเต้หวู่ส่งจดหมายในมือให้เว่ยซวิน ออกคำสั่ง “นำลงไป ให้เหล่าขุนนางผ่านตา!”เว่ยซวินรับจดหมาย มอบให้ตู้เหวินหยวนเป็นคนแรกตู้เหวินหยวนรับไปอย่างอดรนทนไม่ไหว ก้มหน้าอ่าน สีหน้ายิ่งไม่สบอารมณ์ขึ้นเรื่อย ๆเป็นไปได้เยี่ยงไร!ชัยชนะเมืองซั่วเป่ย ถึงขั้นเป็นความดีความชอบขององค์ชายเก้า?ตู้หวินหยวนคล้ายกินแมลงวันเข้าไป ทุกข์ทรมานอย่างร้ายกาจจางไป่เจิงเป็น
ขุนนางระดับธรรมดาต้องทำงานหนักมาตลอดชีวิต ได้เลื่อนขั้นเป็นบรรดาศักดิ์ป๋อเจวี๋ย ก็โชคดีที่ได้ตำแหน่งใหญ่แต่ในฐานะองค์ชาย หลี่หลงหลินเกิดมาพร้อมกับคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดตามกฎของต้าเซี่ย องค์ชายจะถูกเรียกว่าป๋อเจวี๋ยเมื่อย่างเข้าสู่อายุยี่สิบปีส่วนเฟิงโหว จะต้องเข้าร่วมสนามรบด้วยตนเอง และสะสมคุณงามความดี ถึงจะสามารถทำได้!ในบรรดาองค์ชายทั้งเก้า มีเพียงองค์ชายสามคนแรกเท่านั้นที่อายุมากที่สุด และมีอำนาจในราชสำนักมากที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับการยกย่องให้เป็นโหวเจวี๋ยแม้แต่องค์ชายสี่หลี่จื้อก็ยังได้เป็นแค่ป๋อเจวี๋ย ไม่สามารถเติบโตไปกว่านี้ได้ฮ่องเต้หวู่ไม่เพียงแต่ต้องการคืนตำแหน่งป๋อเจวี๋ยให้เป็นเจ้าเก้าหลี่หลงหลินเท่านั้น แต่ยังต้องการแต่งตั้งให้เขาเป็นเฟิงโหวอีกด้วยรางวัลเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณของฮ่องเต้!สีหน้าของตู้เหวินหยวนเปลี่ยนไปมาก “ฝ่าบาท สิ่งนี้ขัดต่อกฎ ... “ฮ่องเต้หวู่ตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นชา “กฎ? กฎอะไร กฎของบรรพบุรุษหรือ? เมื่อก่อนพวกเจ้าก็เอาแต่พูดว่าเจ้าเก้าไม่อาจถูกแต่งตั้งได้หากไม่มีคุณงามความดี! ตอนนี้ เจ้าเก้ามีคุณงามความดีอย่างมาก พวกเจ้
ข่าวที่เมืองซั่วเป่ยได้รับชัยชนะนั้นได้แพร่กระจายจากราชสำนักไปสู่หมู่ราษฎรทั่วทั้งเมืองหลวง ชาวบ้านต่างพากันฮือฮาผู้คนนับไม่ถ้วนปิดหน้าร้องไห้ด้วยความดีใจในช่วงเวลานี้ พวกเขาใช้ชีวิตด้วยหวาดกลัวตอนนี้ดีมากแล้วจางไป่เจิงเอาชนะพวกเผ่าหมาน ปกป้องเมืองหลวงเอาไว้ได้หมอกควันแห่งความสิ้นหวังที่คอยปกคลุมเหนือหัวของชาวบ้านก็ถูกกวาดหายไปในทันที!ด้วยความดีใจ ชาวบ้านจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็คุกเข่าลงบนพื้นและโน้มตัวไปทางทิศเหนือ “เทพเจ้าไม่ทอดทิ้งต้าเซี่ยของข้า! ขอบคุณแม่ทัพจาง!”“แม่ทัพจางเป็นวีรบุรุษของต้าเซี่ย!”“ถูกต้อง เขาเป็นวีรบุรุษ! หวังว่าเขาจะมีอายุยืนยาว ขับไล่พวกชนกลุ่มน้อยออกไป และฟื้นฟูแคว้นของเรา!”สำหรับวีรบุรุษ พวกชาวบ้านไม่เคยลังเลที่จะสรรเสริญชั่วครู่นั้น คำสรรเสริญจำนวนนับไม่ถ้วนก็รวมอยู่ที่ตัวของจางไป่เจิงบางคนถึงกับเสนอให้สร้างศาลเชิดชูให้กับจางไป่เจิง เพื่อจะได้จุดธูปสักการะแต่บางคนก็ยังตั้งคำถามว่า “ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่นี้ มันมาอย่างกะทันหันเช่นนี้ จะมีปัญหาอะไรใช่หรือไม่? ตอนนั้นองค์ชายเก้าโกหกเรื่องสถานการณ์ทางทหารจนทำให้เกิดหายนะครั้งใหญ่!”และมีคนโต้ก
ในเวลานี้ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ราชโองการ! องค์ชายเก้าหลี่หลงหลินรับราชโองการ!”ทุกคนต่างก็หลีกทางให้ เห็นขันทีสวมชุดงูเหลือมเดินมา รอบๆ ก็มีทหารองครักษ์กลุ่มหนึ่งเว่ยซวินพระเก้าพันปี!บรรดาพ่อค้าต่างตกตะลึงเมื่อนึกฐานะของขันทีขึ้นมาได้พระเก้าพันปีผู้นี้เป็นคนสำคัญที่พวกเขาไม่อาจล่วงเกินได้!พระเก้าพันปีมาถ่ายทอดราชโองการด้วยตนเองเช่นนี้ ต้องเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน!ลั่วอวี้จู๋ ซูเฟิ่งหลิงและคนอื่นๆ ในตระกูลซูต่างก็รู้สึกเวียนหัวและตกตะลึงเช่นกันเมื่อเห็นเว่ยซวินมาถ่ายทอดราชโองการแม้ว่าตระกูลซูจะเป็นตระกูลที่ได้รับการสืบทอดในต้าเซี่ยมาหลายร้อยปีต่อให้ตอนที่แม่ทัพอาวุโสซูยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังไม่เคยเห็นราชโองการสักฉบับเดียวสำหรับเว่ยซวินพระเก้าพันปี เขาคือคนสำคัญที่ไกลเกินคว้าแต่หลังจากที่หลี่หลงหลินกลายเป็นลูกเขยของตระกูลซูแล้ว เว่ยซวินก็มาที่นี่หลายครั้ง ราชโองการมาฉบับแล้วฉบับเล่า ราวกับว่าไม่ต้องการเงินนี่คือองค์ชาย!นี่คือราชวงศ์ใช่หรือไม่?หลี่หลงหลินก้าวไปข้างหน้าทันที “หลี่หลงหลินลูกขอน้อมรับราชโองการ!”เว่ยซวินเปิดราชโองการของฮ่องเต้และอ่านเสียงดัง “ด้วยโองก
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค